Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»[Review] Samsung Galaxy A8+ (2018) มือถือจอใหญ่ ดีไซน์เด่น สเปคแรง พร้อมกล้องหน้าคู่
    Android Platform

    [Review] Samsung Galaxy A8+ (2018) มือถือจอใหญ่ ดีไซน์เด่น สเปคแรง พร้อมกล้องหน้าคู่

    ZeroSystemBy ZeroSystem25 กุมภาพันธ์ 2018Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-2

    ในปี 2018 นี้ เทรนด์ของมือถือจอยาวด้วยอัตราส่วนนอกเหนือจาก 16:9 ที่ใช้กันมานานกลายเป็นที่นิยม ดังจะเห็นได้จากในตลาดตอนนี้ที่หลายแบรนด์เริ่มส่งมือถือที่มาพร้อมอัตราส่วนจอใหม่ๆ เข้ามาในตลาดกันในหลากหลายช่วงราคาให้เลือกกัน ซึ่งหนึ่งในผู้ผลิตที่ปรับตัวเข้ากับตลาดนี้เป็นรายแรกๆ อย่าง Samsung ก็ไม่นอนใจ ส่งมือถือเข้ามาเติมในกลุ่มนี้ต่อเนื่องจากซีรีส์ท็อปอย่าง Samsung Galaxy S8, S8+ และ Note 8 ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มตัวจุดกระแส โดยในคราวนี้ก็เป็นช่วงเวลาของกลุ่มรองท็อปอย่างซีรีส์ A กันบ้าง ซึ่งที่ทางเว็บ SpecPhone เรารีวิวในครั้งนี้ก็จะเป็น Samsung Galaxy A8+ (2018) ที่หน้าตาแทบจะถอดแบบมาจาก S8+ กันเลยทีเดียว และนับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนกำลังมองหามือถือจอใหญ่เต็มตา แต่ตัวเครื่องไม่ใหญ่มากนัก พร้อมๆ กับราคาไม่ถึง 20,000 บาทครับ

    สำหรับ Samsung Galaxy A8+ (2018) นับเป็นรุ่นท็อปสำหรับซีรีส์ Galaxy A ของ Samsung ซึ่งถ้าให้ไล่กันจริงๆ ก็นับว่าเป็นรุ่นที่ถัดลงมาจาก S8/S8+ แค่ครึ่งสเต็ปก็ว่าได้ ที่เห็นได้ชัดสุดก็เรื่องดีไซน์ที่ยกมาแทบจะทุกส่วน

    สเปค Samsung Galaxy A8+ (2018) ก็ตามนี้เลยครับ

    • ชิปประมวลผล Exynos 7885 มี 8 คอร์ (2x 2.2 GHz และ 6x 1.6 GHz) พร้อมชิปกราฟิก Mali-G71
    • หน้าจอ Full Display ขนาด 6 นิ้ว Super AMOLED ความละเอียดระดับ FHD+ (2220 x 1080) อัตราส่วนจอ 18.5:9
    • แรม 6 GB
    • รอม 64 GB ใช้งานได้จริงราวๆ 51 GB รองรับ MicroSD ได้สูงสุด 256 GB
    • กล้องหลัง 16 MP เลนส์ f/1.7
    • กล้องหน้าคู่ 16 MP (มุมปกติ 76 องศา) และ 8 MP (มุมกว้าง 85 องศา) เลนส์ f/1.9
    • รองรับการใช้งาน 2 นาโนซิม พร้อมใส่ MicroSD ได้ด้วย
    • ใช้งาน 4G LTE ได้ทุกเครือข่าย รองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 3CA / 2×2 MIMO / 256/64QAM
    • ช่องเชื่อมต่อ USB-C / ช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
    • NFC / Bluetooth 5.0 / รองรับ Samsung Pay
    • มาพร้อม Android 7.1.1
    • แบตเตอรี่ความจุ 3500 mAh รองรับ Fast Charge
    • กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
    • ราคา Samsung Galaxy A8+ (2018) ในไทยอยู่ที่ 18,990 บาท
    • สเปค Samsung Galaxy A8+ (2018) เต็มๆ

    แง่ของสเปค Samsung Galaxy A8+ (2018) ก็นับว่าจัดเต็มสำหรับรุ่นกลางๆ แบบขึ้นไปชนกับซีรีส์ที่สูงกว่าอย่าง S8/S8+ ได้อยู่เหมือนกัน แม้ CPU กับ GPU จะรองลงมาจากรุ่นท็อปเล็กน้อย แต่แรม ปริมาณรอม ความจุแบตเตอรี่ รวมถึงหน้าจอก็แทบจะไม่น้อยหน้ากันเลยทีเดียว ฟีเจอร์ย่อยๆ ก็ใส่มาให้ค่อนข้างครบจนแทบจะเรียกว่าเป็นตัวแทนของ S8/S8+ ก็ยังได้ ซึ่งตรงจุดนี้ก็อาจจะทำให้คนที่กำลังเล็งสองรุ่นดังกล่าวอยู่มีไขว้เขวได้เหมือนกัน เพราะด้วยราคา A8+ (2018) ที่ไม่ถึง 20,000 บาท (แถมบางร้าน บางเครือข่ายก็มีโปรลดราคาลงไปอีก) ก็สามารถหามือถือจอใหญ่ ที่ได้ความรู้สึก ได้ฟีเจอร์ในระดับใกล้ๆ กับ S8 แล้ว แถมยังได้เป็นเครื่องมือหนึ่งแบบไม่ผูกสัญญาก็ยังได้อีกด้วย

    Design / การออกแบบ

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-3

    รูปร่าง รูปทรงของ Samsung Galaxy A8+ (2018) ออกมาทำให้ชวนนึกถึง S8+ จนแทบจะแยกความแตกต่างไม่ออกเลยทีเดียว ด้วยการใช้จอ Full Display อัตราส่วน 18.5:9 เหมือนกันเป๊ะ มีขอบบนขอบล่างเท่าๆ กัน แต่จุดที่จะทำให้แยกความแตกต่างระหว่าง A8+ (2018) กับ S8+ ได้ดีสุดก็คือขอบจอด้านข้าง เพราะ S8+ จะเป็นจอโค้งจนทำให้เสมือนว่าไร้ขอบจอด้านข้างไปเลย แต่ของ A8+ จะเห็นขอบจอด้านข้างที่เป็นสีดำได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาจจะถูกใจบางคนที่ไม่ถนัดกับการใช้มือถือขอบจอโค้งอยู่เหมือนกัน

    สีสัน การแสดงผลของจอ Samsung Galaxy A8+ (2018) ก็ทำออกมาได้ตามสไตล์จอ Super AMOLED ของ Samsung เองครับ ความสว่างอยู่ในเกณฑ์ดีไม่ว่าจะใช้กลางแจ้งหรือในที่ร่ม สีสันสวยงาม สดใส ไม่จัดจ้านเกินไป ส่วนที่เป็นสีดำก็ดำสนิท ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยแยกความแตกต่างระหว่างจอ AMOLED กับจอ LCD ทั่วไปได้ดี อีกทั้งเมื่อจอมีส่วนยาวเพิ่มขึ้นจนเกือบเต็มเครื่อง ทำให้ความรู้สึกของตอนที่ใช้งานมันเต็มตา เต็มอารมณ์กว่ามือถือจอ 16:9 มากจริงๆ

    ส่วนถ้าดูจากสเปคแล้ว A8+ (2018) มาพร้อมกับจอที่วัดขนาดตามแนวทะแยงแล้วอยู่ที่ 6 นิ้ว แต่พอใช้งานเครื่องจริงๆ พบว่ามันไม่ได้ใหญ่เทอะทะอย่างที่คิดเลย ตัวเครื่องในด้านกว้างก็มีขนาดที่ไม่ต่างจากมือถือจอ 5.5 นิ้วเท่าไรนัก จะมีก็แต่ด้านยาวของเครื่องที่ยาวขึ้นกว่าปกติ ตรงจุดนี้ทำให้การพกพา A8+ (2018) ไม่ใช่เรื่องลำบากเท่าไร ใส่กระเป๋ากางเกงได้สบาย แต่ก็ยอมรับว่าค่อนข้างหนักมืออยู่สมควรครับ

    ด้านบนสุดของจอจะเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์วัดแสง เซ็นเซอร์จับระยะห่าง ลำโพงสนทนา ส่วนฝั่งขวาจะเป็นกล้องหน้าคู่ ตัวหนึ่งจะเป็นเลนส์ปกติ 16 MP ส่วนอีกตัวจะเป็นเลนส์มุมกว้างกว่า ให้ความละเอียดภาพ 8 MP ซึ่งตัวของ Samsung Galaxy A8+ (2018) รองรับการปลดล็อคด้วยใบหน้าด้วยนะครับ แต่ว่าจะเป็นการใช้กล้องหน้าจับภาพใบหน้าผู้ใช้ตรงๆ ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีสแกนม่านตาเหมือนในรุ่นสูงกว่า จึงทำให้การใช้งานในที่มีแสงน้อยอาจจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ ส่วนระดับความแม่นยำก็ถือว่าทำได้ดี ใส่แว่นสายตาก็สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าใส่หน้ากากปิดปาก/จมูกก็จะใช้งานไม่ได้ละ ซึ่งก็นับเป็นเรื่องปกติ

    ซึ่งถ้าผู้ใช้ตั้งค่า และบันทึกใบหน้าแล้ว หากต้องการปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้า ก็สามารถทำได้โดยกดปุ่มโฮมในหน้าล็อคสองครั้งติดๆ กันเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องกดปุ่มเปิด/ปิดที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่องเลย

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-5

    ด้วยการที่ใช้หน้าจออัตราส่วน 18.5:9 และเพื่อให้ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ปุ่ม navigation ทั้งสามจึงต้องใช้เป็นแบบซอฟต์แวร์ของตัว Android เอง ซึ่งตำแหน่งของทั้งสามปุ่มก็อยู่ในระดับที่กดได้ง่าย แม้จะถือเครื่องด้วยมือข้างเดียวก็สามารถเอื้อมนิ้วไปกดปุ่มที่อยู่ฝั่งไกลได้ไม่ยาก ส่วนแถบด้านล่างนั้นคือทางลัดเพื่อเข้าใช้งาน Samsung Pay สำหรับการจ่ายเงินครับ ซึ่งเดี๋ยวจะมีรีวิวการใช้ Samsung Pay อยู่ในส่วนของฟีเจอร์อีกที

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_-1

    พลิกมาดูฝาหลังกันบ้าง วัสดุด้านหลังเป็นกระจกมันวาวที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมใกล้เคียงกับซีรีส์ S และ Note แต่จากที่รีวิวกันมา พบว่าฝาหลังเป็นรอยขนแมวง่ายกว่า S8/S8+ และ Note 8 พอสมควรเลย ก็แนะนำว่าหลังซื้อเครื่อง ก็ควรรีบติดฟิล์ม หรือหาเคสดีๆ ที่ไม่กัดเครื่องใช้งานด้วยจะดีกว่าครับ โดยเฉพาะใครที่ตั้งใจว่าจะขายต่อในอนาคต ไม่อย่างนั้นเครื่องเป็นรอยแน่นอน ซึ่งในจุดนี้ ยังดีที่ในกล่องมีแถมเคสพลาสติกแข็งใสมาให้ด้วยชิ้นนึง

    สำหรับด้านหลังนี้ก็จะมีกล้องหลังที่ราบสนิทไปกับฝาหลัง ใกล้ๆ กันก็เป็นแฟลช LED ถัดลงมาเล็กน้อยเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่การวางไว้ตำแหน่งต่ำลงมากว่ากล้องหลังก็น่าจะช่วยให้ปัญหาการวางนิ้วผิดตำแหน่งเกิดขึ้นน้อยลงพอสมควร

    อีกหนึ่งสิ่งที่ยอมรับว่า Samsung Galaxy A8+ (2018) ทำออกมาได้ดีก็คือ ความสามารถในการใช้งานสองซิม พร้อมกับยังใส่ MicroSD ได้อีก เพราะมือถือสองซิมในช่วงหลังๆ มานี้มักจะใช้ถาดซิมแบบไฮบริดที่ทำให้ผู้ใช้ต้องเลือกว่าจะใช้สองซิม หรือจะใช้ซิม+MicroSD แต่กับใน A8+ (2018) คือแยกถาด แยกตำแหน่งกันเลยจ้าาาา โดยถาดซิมหนึ่งที่อยู่ข้างซ้ายของเครื่องจะมีแค่ช่องใส่นาโนซิมอย่างเดียว ส่วนถาดด้านบนก็จะเป็นช่องใส่ซิมสอง พร้อมกับช่อง MicroSD ก็หวังว่าหลังจากนี้ มือถือหลายๆ รุ่นจะกลับมาใช้แบบนี้กันนะ

    2

    รอบๆ ตัวเครื่องก็จะมีปุ่มและช่องเชื่อมต่อดังนี้ครับ

    • ด้านบน มีช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงรบกวน และถาดซิมสอง/MicroSD
    • ด้านล่าง มีช่อง USB-C, ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา และช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
    • ด้านซ้าย มีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และถาดซิมหนึ่ง
    • ด้านขวา มีลำโพง และปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง

    โดยวัสดุของด้านข้างตัวเครื่องก็จะเป็นอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรง โดยรวมแล้วจัดว่า A8+ (2018) ค่อนข้างบางเลยทีเดียว

    Feature / ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-4

    ปลดล็อคหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้า

    สำหรับฟีเจอร์นี้ นับเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ Samsung เลือกใส่มาในมือถือรุ่นหลังๆ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวก ซึ่งตัวผมเองก็ใช้เหมือนกันครับ กับเวลาที่ไม่สะดวกสแกนนิ้ว ก็แค่ยกเครื่องขึ้นมา แล้วกดปุ่มโฮมบนหน้าจอสองครั้งติดๆ กัน หรือกดปุ่มเปิด/ปิด พอจอติดขึ้นมา ก็แค่ให้กล้องอยู่ในตำแหน่งที่จับใบหน้าได้ ถ้าถูก หน้าจอก็จะปลดล็อคให้ทันที กระบวนการโดยรวมจัดว่าค่อนข้างเร็วและแม่นยำพอสมควร โดยเฉพาะในบริเวณที่มีแสงสว่างเพียงพอ เทคโนโลยีที่ใช้ก็ไม่ได้ซับซ้อนเหมือนกับใน S8/S8+ และ Note 8 เนื่องจากเป็นการใช้กล้องหน้าจับภาพตามปกติเลย ดังนั้นก็อาจจะทำให้ใช้งานในที่มีแสงน้อยได้ลำบากกว่านิดหน่อย

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-20

    จ่ายเงินแบบไร้เงินสดด้วย Samsung Pay

    ด้วยเทรนด์โลกปัจจุบันที่มีการผลักดันให้สมาร์ทโฟนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะด้านธุรกรรมทางการเงิน ที่ทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็นกระเป๋าเงินผ่านการใช้ระบบและแอปพลิเคชันต่างๆ ในการชำระเงินไปแล้ว ซึ่ง Samsung Pay เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และดูเหมือนจะได้รับการโปรโมตอย่างจริงจังจนเริ่มเห็นผลบ้างแล้วเหมือนกันครับ โดยใน Samsung Galaxy A8+ (2018) นี้ก็มีมาให้ใช้งานด้วยเหมือนกัน

    สำหรับการใช้งาน Samsung Pay นั้น ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการใส่ข้อมูลบัตรเครดิตจริงๆ ของผู้ใช้เข้าไปก่อน วิธีก็ง่ายมาก เพียงแค่ถ่ายรูปบัตร แล้วระบบจะประมวลผลภาพ เพื่อเก็บเลขบัตรมาให้เอง จากนั้นก็กรอกข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อย รวมถึงใส่ลายเซ็นต์ที่ตรงกับหลังบัตรเข้าไป แล้วก็เริ่มใช้งานได้เลย โดยระบบจะสร้างเลขบัตรเสมือนขึ้นมาใหม่ให้อีกใบหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเลขบัตรที่ทางร้านค้าจะเห็นและใช้ในการทำธุรกรรม ทำให้เลขบัตรจริงๆ ของผู้ใช้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับ

    ส่วนวิธีใช้งานก็ไม่ยากครับ แต่ก่อนอื่นแนะนำว่าลองสอบถามแต่ละร้านดูก่อนว่ารองรับการจ่ายเงินผ่าน Samsung Pay หรือเปล่า เพราะเท่าที่ผมพบมา แม้จะเป็นร้านเครือเดียวกัน แต่ต่างสาขา บางสาขาก็รองรับ บางสาขาก็ยังไม่รองรับ เพราะฉะนั้น แนะนำว่าสอบถามก่อนจ่ายเงินจะดีที่สุดครับ ซึ่งหากร้านนั้นรองรับ วิธีการใช้งานก็แค่เปิดไปที่หน้าโฮมแล้วปาดนิ้วจากขอบล่างจอขึ้นมาตรงกลาง หรือถ้าล็อคหน้าจออยู่ก็สามารถปาดนิ้วขึ้นมาได้เหมือนกัน จากนั้นก็อนุมัติการชำระเงินผ่านการปลดล็อคด้วยปลายนิ้ว หรือจะกรอกรหัสพินก็ได้ แล้วเอาหลังเครื่องไปแตะตรงเครื่องอ่าน NFC ของร้านค้า เซ็นใบเสร็จ ก็เป็นอันเรียบร้อย โดยจะมีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาให้ดูว่ามีการชำระเงินไปเท่าไหร่

    3

    สำหรับในช่วงที่ Samsung Galaxy A8 (2018) และ A8+ (2018) เพิ่งวางจำหน่ายนี้ ก็มีโปรโมชันพิเศษให้กับการใช้งาน Samsung Pay ด้วยเหมือนกันครับ คือหลังจากจ่ายเงินด้วย Samsung Pay ก็จะได้รับสแตมป์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ดวง (จำกัดการรับสแตมป์ได้แค่วันละ 1 ดวง) เมื่อสะสมครบ 5 ดวง ก็จะได้รับคูปองส่วนลด Starbucks รวม 300 บาทด้วย ใครซื้อ A8 / A8+ มาก็อย่าลืมเปิดเข้าไปดูโปรโมชันต่างๆ กันล่ะ

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-22

    หน้าจอ Always On Display

    นี่ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่อยู่คู่กับมือถือของ Samsung ที่ใช้จอ AMOLED มาอย่างยาวนาน ด้วยคุณสมบัติของจอแบบ OLED ที่ใช้การเปิด/ปิดหลอดไฟแต่ละพิกเซลจริงๆ ทำให้ระบบสามารถเลือกเปิดแค่บางส่วนเพื่อให้แสดงผลขึ้นมา ส่วนที่เหลือก็ปิดไว้เพื่อประหยัดพลังงานได้ ทำให้สามารถแสดงข้อมูลจำเป็นอย่างเช่น การบอกเวลา ไอคอนแจ้งเตือนขึ้นมาได้แม้จะล็อคหน้าจออยู่ ซึ่งจากที่รีวิวและใช้งานจริงมา พบว่าระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ระหว่างการเปิดและปิดฟีเจอร์ Always On Display ไม่ได้มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญมากนัก ก็ทำให้ขึ้นอยู่กับทางผู้ใช้งานเองครับ ว่าต้องการให้เปิดหรือไม่

    Screenshot_20180203-170642

    Bixby Vision

    หลังจากที่ Samsung เปิดตัว Bixby ซึ่งเป็นระบบ AI ของ Samsung เอง ก็ได้มีการจับนำมาใช้งานร่วมกับกล้องถ่ายรูปในเครื่องด้วย คุณสมบัติของมันก็คือการประมวลผลภาพ ว่าคืออะไร แล้วพยายามค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาให้ โดยถ้าเป็นภาพถ่าย ก็จะไปค้นข้อมูลมาให้ ซึ่งตัวระบบก็เป็นการจับมือกันพัฒนากับ Pinterest ส่วนถ้าเป็นการอ่านข้อความที่อยู่ในภาพ ระบบก็จะมีตัวเลือกให้แปลข้อความเป็นภาษาอื่น น่าเสียดายที่ยังไม่รองรับภาษาไทยในตอนนี้ รวมถึงฐานข้อมูลโดยรวมยังมีไม่มากเท่ากับคู่แข่งรายอื่นๆ ก็คงต้องรอให้ Samsung พัฒนา Bixby ต่อขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อนครับ จึงจะสามารถแข่งขันกับ AI อื่นๆ ที่อยู่มานานกว่าอย่างพวก Siri, Google Assistant และ Alexa ได้

    Software / ซอฟต์แวร์ในเครื่อง

    Screen Shot 2018-02-17 at 2.59.16 PM (1)

    Samsung Galaxy A8+ (2018) มาพร้อม Android 7.1.1 Nougat ที่ครอบมาด้วย Samsung Experience ทำให้หน้าตาออกมาเหมือนกับ S8/S8+ ซึ่งหน้าตาโดยรวมก็ทำออกมาได้ดูเรียบ ใช้งานง่าย มีตัวช่วยแนะนำการใช้งานในหลายๆ จุด โดยเฉพาะในเมนูการตั้งค่าต่างๆ ที่มักจะมีทางลัดเข้าไปหาการตั้งค่าที่น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานต้องการปรากฏขึ้นมา เป็นต้น

    ประสบการณ์การใช้งานโดยรวม จัดว่าอยู่ในระดับที่ดีครับ ด้วยฟังก์ชันของตัว Android 7 เอง รวมถึงฟังก์ชันของตัว Samsung Experience ที่ช่วยเสริมความสามารถของ Android ขึ้นมาอีกระดับ แอปติดเครื่องก็มีมาให้ไม่มากเกินไป นอกเหนือจากแอปพื้นฐานของ Samsung เองก็จะมีแค่แอปตระกูล Microsoft Office เท่านั้น ส่วนพวก Galaxy Gift ก็ยังมีให้ใช้งานกันได้เหมือนเดิม

    Camera / กล้องถ่ายภาพ

    Review-Samsung-Galaxy-A8-Plus-SpecPhone_180204-18

    กล้องหลังของ Samsung Galaxy A8+ เลือกใช้เลนส์ที่มีค่ารูรับแสงกว้างถึง f/1.7 ซึ่งจัดว่ากว้างมากสำหรับมือถือในยุคนี้ ทำให้การเก็บแสงสว่างจากสภาพแวดล้อมทำได้ค่อนข้างดี ช่วยให้การถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยทำได้ดีขึ้น เนื่องจากตัวเลนส์สามารถรับแสงได้มากกว่ากล้องมือถือตัวอื่นๆ ช่วยให้การเปิดชัตเตอร์ใช้เวลาน้อยลง โอกาสที่ภาพจะสั่นก็ลดลง (เสียดายที่ไม่มีกันสั่น OIS มาให้) ทำให้คุณภาพของภาพถ่ายสูงขึ้นด้วย ประกอบกับระบบประมวลผลภาพของ Samsung ที่ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะภาพถ่ายในที่มีแสงน้อย ซึ่งใน A8+ (2018) เองก็ยังทำได้ดีเช่นเคย ตามตัวอย่างภาพในแกลเลอรี่ด้านล่างนี้ครับ

    Samsung Galaxy A8+ (2018): Camera Roll
    ภาพจากโหมดอัตโนมัติของ A8+ (2018) ถือว่าทำออกมาได้ดี การโฟกัสทำได้เร็ว มีการละลายหลังที่เกิดจากคุณสมบัติของชุดเลนส์เองก็ทำได้เป็นธรรมชาติ ส่วนถ้าเป็นการถ่ายในบริเวณที่แสงยากๆ เช่น การถ่ายย้อนแสง ก็ต้องอาศัยการแตะเพื่อเลือกจุดวัดแสงก่อนถ่ายนิดหน่อย เพื่อให้กล้องปรับไปใช้การถ่ายแบบ HDR โดยอัตโนมัติ

    จะมีจุดที่ค่อนข้างแปลกหน่อยก็คือโหมด Pro ของแอปกล้องติดเครื่อง ที่ให้ผู้ใช้สามารถปรับค่ากล้องก่อนถ่ายได้ ที่ปรับได้เพียงแค่ ISO, white balance และค่าชดเชยแสงเท่านั้น ไม่สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ได้เลย ดังนั้นก็อาจจะทำให้ผู้ที่ต้องการใช้โหมด Pro ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ วิธีแก้ก็คงเป็นการหาแอปกล้องตัวอื่นๆ ที่ปรับค่าได้ลึกกว่ามาใช้งานแทน

    ส่วนภาพเซลฟี่ ก็ตามด้านล่างนี้เลยครับ มีการเกลี่ยพื้นหลังเนียนให้ด้วยนะ

    Samsung Galaxy A8+ (2018): Selfie

    Performance / ประสิทธิภาพ ความแรง

    2

    ความเร็ว ความแรงของ Samsung Galaxy A8+ (2018) จัดว่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็สามารถตอบสนองความต้องการของการใช้งานสมาร์ทโฟนได้แบบไม่มีปัญหา ด้วยพลังประมวลผลของชิป 8 คอร์ ที่มีการแบ่งเป็น 2 คอร์ความเร็วสูงสำหรับการทำงานหนัก กับ 6 คอร์ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย เพื่อใช้ในการทำงานทั่วๆ ไป ทำให้ในการใช้งานจริง ผมไม่พบกับปัญหาการประมวลผลช้า และการโหลดข้อมูลนานๆ เลย ระบบให้การตอบสนองที่ทันใจ แม้ว่าคะแนนจากผลการทดสอบจะดูไม่ได้โดดเด่นมากก็ตาม

    ส่วนแรมที่ให้มาถึง 6 GB ก็ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันราบรื่นมากๆ สามารถเปิดหลายๆ แอปแล้วสลับไปมาได้รวดเร็วจนแทบไม่ต้องรอโหลดใหม่ อย่างบางวันผมเล่นเกม Line Pangya ไว้ก่อนนอน จากนั้นก็ทำงานทั้งวัน ซึ่งก็มีการใช้แอปอื่นๆ สลับไปมาตลอด พอตกกลางคืนผมก็เปิดเกมอีกรอบ พบว่าระบบมันเปิดเกมขึ้นมาได้ทันทีโดยไม่ต้องโหลดแอปใหม่

    Screenshot_20180203-183459

    การใช้งานอินเตอร์เน็ตก็เป็นอีกสิ่งที่โดดเด่นของ Samsung Galaxy A8+ (2018) โดยเฉพาะการเชื่อมต่อ 4G LTE เพราะฮาร์ดแวร์และตัวระบบรองรับการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี 3CA ที่เป็นการรวมคลื่นเครือข่ายเพื่อเพิ่มแบนด์วิธให้กับเครื่อง ส่งผลให้การรับส่งข้อมูลเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงยังรองรับการบีบอัดแพ็คเกจข้อมูลระดับ 256/64QAM ที่มักจะมีแต่ในมือถือระดับท็อปๆ และยังสามารถรับส่งข้อมูลผ่านเสาอากาศในเครื่องที่เป็นแบบ 2×2 MIMO ได้อีก ซึ่งรวมๆ กันแล้ว ถ้าใช้งานกับเครือข่ายที่รองรับ ก็จะทำให้ได้ความเร็วในการดาวน์โหลด อัพโหลดข้อมูลสูงมากๆ เลยทีเดียว จากที่ผมทดลองโดยใช้ AIS 4G+ ก็ได้ความเร็วที่ราวๆ 158/45 Mbps (DL/UL) ซึ่งน่าจะทำความเร็วได้สูงกว่านี้อีก ขึ้นอยู่กับคลื่นสัญญาณของแต่ละพื้นที่ด้วยครับ

    Screenshot_20180203-202558

    การเล่นเกม ROV บน Samsung Galaxy A8+ (2018) จากที่ระบบตั้งค่าอัตโนมัติมาให้ ผมเองก็เข้าไปตั้งค่าเพิ่มอีกนิดหน่อย เช่น ปรับเป็นโหมดเฟรมเรตสูง และก็ปรับคุณภาพการแสดงผลให้เป็นระดับสูงสุด พอเล่นจริง พบว่าเฟรมเรตของเกมส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วง 50 – 56 และมีบางช่วงตกลงมาในระดับ 30 ปลายๆ แต่โดยรวมแล้วก็ยังจัดว่าลื่นอยู่ดี ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนัก เพราะเป็นการเรนเดอร์ภาพที่ความละเอียดระดับ FHD+ แต่ทำเฟรมเรตออกมาได้ขนาดนี้ก็นับว่าโอเคแล้ว

    4

    แบตเตอรี่ของ Samsung Galaxy A8+ (2018) มีความจุ 3500 mAh เท่าที่ใช้งานจริงก็สามารถอยู่ได้เต็มวันตั้งแต่ 7 โมงกว่าๆ จนถึงเกือบสองทุ่ม โดยที่แบตเหลือประมาณ 26% แบบไม่ได้ชาร์จระหว่างวันเลย ส่วนถ้าหากต้องการยืดระยะเวลาการใช้งานแบตออกไปอีก ก็สามารถเปิดโหมดประหยัดพลังงานขั้นกว่า หรือจะเปิดขั้นสุดก็ยังได้

    ส่วนการชาร์จแบตนั้น ตัวเครื่องรองรับการชาร์จไวผ่านทางอะแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่อง ซึ่งชาร์จได้เร็วทันใจดีมาก เท่าที่ผมเก็บข้อมูลมา ก็ได้ตามกราฟด้านล่างนี้ครับ

    Screen Shot 2018-02-17 at 6.18.46 PM

    สรุปคร่าวๆ ก็คือ สามารถชาร์จแบตจาก 9% ให้ขึ้นมาเป็น 50% ได้ในประมาณ 35 นาที และก็ชาร์จจนเกือบเต็มได้ในประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ไม่ถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้น โดยในการชาร์จปกติ จากการใช้อุปกรณ์วัดแรงดันและกระแสไฟ พบว่าส่วนใหญ่อะแดปเตอร์จะจ่ายไฟที่ 9V 1.3A และเมื่อแบตใกล้เต็มจะปรับการจ่ายกระแสไฟลงเหลือแค่ 0.35A เท่านั้น เพื่อเป็นการถนอมอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั่นเอง

    ข้อดี

    – จอใหญ่ Full Display อัตราส่วน 18.5:9 ให้ภาพเต็มตา ในบอดี้ที่ไม่ใหญ่จนเกินไป
    – มาพร้อมเทคโนโลยี และฟีเจอร์ที่ไม่น้อยหน้ารุ่นท็อป
    – ให้แรมมาถึง 6GB จุใจ สลับแอปได้ไหลลื่น
    – กล้องหน้าคู่ ให้ภาพเซลฟี่ได้ทั้งแบบหน้าชัดหลังละลาย และภาพมุมกว้าง
    – ใช้ได้ 2 ซิม พร้อมกับใส่ MicroSD ได้ด้วย
    – รองรับ Samsung Pay
    – กันน้ำกันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP68

    ข้อสังเกต

    – ตัวเครื่องออกจะหนักมือซักนิดนึง
    – ราคาเครื่องเปล่าแทบจะชนกับ S8
    – ฝาหลังเป็นรอยง่าย แนะนำว่าควรรีบติดฟิล์ม หรือหาเคสดีๆ ใส่หลังจากซื้อเครื่องมาทันที

    บทสรุป

    Samsung Galaxy A8+ (2018) เป็นมือถือรุ่นระดับกลาง-บนที่มอบความรู้สึกได้เสมือนกับใช้มือถือรุ่นท็อป ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ทันสมัย ดูหรูหรา พรีเมียม ประกอบกับฟีเจอร์ต่างๆ ที่จับใส่มาไม่น้อยหน้ารุ่นท็อป ทำให้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังมองหามือถือราคาไม่เกิน 20,000 บาท แต่ได้ฟีเจอร์ครบครันเหมือนรุ่นสูงอย่างพวก S8 แถมยังได้จอใหญ่ถึง 6 นิ้ว ภายในบอดี้ที่กะทัดรัด จับถนัดมือกว่ามือถือจอ 6 นิ้วทั่วๆ ไป (แถมน่าจะถูกใจคนที่ไม่ชอบจอโค้งตรงขอบเครื่องอีกด้วย) ส่วนในด้านของระบบที่ช่วยเสริมการใช้งานก็น่าสนใจ ตัวอย่างเช่น Samsung Pay ที่อำนวยความสะดวกให้กับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี ทั้งยังมี Galaxy Gift แหล่งรวมดีล โปรโมชันอีกมากมาย ทำให้ Samsung Galaxy A8+ (2018) เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในขณะนี้เลยทีเดียวครับ แม้ว่าราคาออกมาแทบจะไปชนกับ Galaxy S8 ก็ตาม แต่ A8+ เองก็มีจุดเด่นของมันเองอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
    Editor : ZeroSystem
    93
    BEST MID-HIGH PHONE
    Review Samsung Samsung Galaxy A8
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X