การสร้างสรรค์คอนเทนต์สำหรับแพลตฟอร์มออนไลน์กลายเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยช่องทางที่มีความหลากหลาย ประกอบกับอุปกรณ์สำหรับการทำงานก็หาได้ง่ายขึ้น บางชิ้นสามารถใช้มือถือเครื่องเดียวในการจบงานได้สบาย ด้วยความครบครันในตัว ทั้งเรื่องกล้อง หน้าจอ ประสิทธิภาพ และความรวดเร็วในการอัพโหลด/ดาวน์โหลด ตัวอย่างก็เช่นมือถือรุ่นที่ทางเราจับมารีวิวในครั้งนี้ นั่นก็คือ Samsung Galaxy A52 5G
โดยตัวของ A52 5G จัดว่าเป็นซีรีส์ที่เน้นความคุ้มค่า แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีความครบเครื่องสำหรับการใช้งานแทบทุกรูปแบบเช่นเคย ซึ่งตัวของ A52 เองจะมีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย แบ่งเป็น A52 LTE (4G) และ A52 5G ที่เราได้รับมารีวิวในครั้งนี้ครับ ซึ่งจะมีความแตกต่างกันด้านสเปคเล็กน้อย แต่แน่นอนว่าทั้งสองเครื่อง ตอบโจทย์คนทำงานสายคอนเทนต์ได้สบาย ๆ
สเปค Samsung Galaxy A52 5G
- ชิปประมวลผล Snapdragon 750G
- แรม 8 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB ใส่ MicroSD เพิ่มได้สูงสุด 1 TB
- หน้าจอ Super AMOLED แบบ Infinity-O ขนาด 6.5″ FHD+ 120Hz
- กล้องหลัง 4 ตัว ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดระดับ 4K 30fps
- กล้องหลัก 64MP f/1.8 PDAF OIS (Super Steady)
- อัลตร้าไวด์ 12MP f/2.2
- มาโคร 5MP f/2.4
- Depth วัดระยะ 5MP f/2.4
- กล้องหน้า 32MP f/2.2
- ลำโพงสเตอริโอ ระบบเสียง Dolby Atmos
- มีช่อง 3.5 มม. และมีวิทยุ FM
- กันน้ำ กันฝุ่นระดับ IP67
- รองรับ 5G ในไทย
- ถาดใส่ซิมแบบไฮบริด
- WiFi AC + Bluetooth 5.0 + NFC
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
- แบตเตอรี่ 4500 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25W ผ่านช่อง USB-C (รองรับ PD)
- Android 11 + One UI 3.1
- ราคารุ่น 5G – 13,499 บาท
สเปครวม ๆ ก็จัดอยู่ในกลุ่มมือถือความแรงระดับกลางครับ ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้แบบไม่มีปัญหา จะเล่นเกมก็ทำได้สบาย แต่อาจจะต้องปรับลดกราฟิกลงมาซักหน่อย เพื่อให้ได้ภาพที่ลื่นไหลที่สุด ส่วนกล้องก็ให้มา 3 ระยะ เหมาะสำหรับการถ่ายรูป/วิดีโอเพื่อสร้างคอนเทนต์ได้ค่อนข้างหลากหลาย นอกจากนี้ยังมีโหมดกล้องที่เพิ่มขึ้นมา เพื่อเพิ่มความสนุกในการใช้งานอีกด้วย ซึ่งจะไปกล่าวถึงในส่วนการรีวิวกล้องของ Samsung Galaxy A52 5G ครับ
ส่วน A52 รุ่น LTE ก็จะมีสเปคที่ค่อนข้างคล้ายกับรุ่น 5G ต่างกันตรงข้อที่ตัวอักษรเป็นสีแดง คือจะใช้เป็นชิป Snapdragon 720G จอ 90Hz และก็รองรับสูงสุดที่ระดับ 4G LTE เท่านั้น โดยมีราคาที่ลดลงมา 2,000 บาท เมื่อเทียบกับรุ่น 5G ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้ว การเลือกรุ่น 5G ไปเลยน่าจะคุ้มกว่า
ตัวเครื่อง
รูปทรงตัวเครื่องของ Samsung Galaxy A52 5G ก็จะคล้ายกับมือถือรุ่นอื่นของ Samsung เอง ด้วยการใช้หน้าจอในสไตล์ Infinity-O ที่มีการเจาะช่องสำหรับกล้องหน้าที่บริเวณกึ่งกลางจอ ส่วนขอบจอก็จัดว่าไม่หนาจนเกินไป มีลักษณะเป็นแบบตัดลงไปที่มีส่วนโค้งเล็กน้อย ทำให้สามารถลากแถบ Edge panels ซึ่งเป็นแถบทางลัดเพื่อเข้าถึงแอปที่ต้องการได้ง่าย
สีสันของจอ Samsung Galaxy A52 5G ก็ทำได้ค่อนข้างดีในสไตล์ของจอ Super AMOLED ในมือถือราคาหมื่นนิด ๆ ครับ คือมีความสดใส ยิ่งถ้าใช้ Dark Mode ก็จะยิ่งขับให้สีสันของพวกไอคอนดูเด่นขึ้นมาอีก ความสว่างสูงสุดอยู่ที่ 800nits ทำให้สามารถใช้งานกลางแจ้งได้แบบไม่มีปัญหา
ซึ่งความสว่างระดับนั้น แน่นอนว่าจะเข้ามาช่วยให้การแสดงภาพ HDR ยิ่งทำได้ดีด้วย โดย Samsung Galaxy A52 5G สามารถรับชมคอนเทนต์แบบ HDR ได้แบบไร้ปัญหา อย่างในภาพด้านบนผมก็เปิดจากใน YouTube ที่ความละเอียดระดับ 1440p HDR ครับ การแสดงภาพนั้นไหลลื่นสุด ๆ
ส่วนถ้าต้องการถนอมสายตา ก็จะมีโหมด Eye Comfort Shield ที่ช่วยลดแสงสีฟ้า และเพิ่มสีสันโทนอุ่นของภาพเพิ่มขึ้น เพื่อให้ภาพดูสบายตายิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับการใช้งานในเวลากลางคืน
พูดถึงความไหลลื่นของภาพ ตัวของ A52 5G ก็มีจุดขายในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน คือหน้าจอนั้นรองรับรีเฟรชเรตสูงสุดถึง 120Hz ทำให้การเคลื่อนไหวของภาพบนหน้าจอนั้นดูไหลลื่น เช่น การเลื่อนหน้าฟีด Facebook การเปลี่ยนหน้าจอ เปลี่ยนแอป แต่ถ้าต้องการประหยัดแบตเตอรี่ยิ่งขึ้น ก็สามารถปรับมาเป็นโหมด Standard ที่จะเปลี่ยนมาใช้รีเฟรชเรต 60Hz ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ใต้จอ ทำให้สามารถปลดล็อกหน้าจอได้จากทั้งการสแกนลายนิ้วมือ สแกนใบหน้า หรือจะใช้การใส่รหัสผ่าน ใส่รหัสพิน หรือจะลากจุดแบบ pattern ก็ได้ตามต้องการเลย เหมาะสำหรับการใช้งานในยุคที่ต้องใส่หน้ากากแบบนี้สุด ๆ
โดยความเร็วและความแม่นยำของตัวเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือก็จัดอยู่ในระดับมาตรฐานครับ ต้องวางปลายนิ้วให้ตรงตำแหน่งซักนิดนึง ถึงจะสามารถสแกนปลดล็อกได้
ฝาหลังของ Samsung Galaxy A52 5G เป็นพลาสติกผิวเคลือบด้าน ให้สัมผัสที่ดีและไม่ลื่นมือมากนัก ดีไซน์ดูคลีน ให้ความเรียบง่าย สีสันต้องบอกว่าถูกใจหลาย ๆ คนแน่นอนครับ อย่างในเครื่องที่รีวิวนี้ก็เป็นสีม่วงพาสเทล Awesome Violet ซึ่งโทนสีจะออกเป็นสีคล้าย ๆ ม่วงดอกไลแลค นอกจากนี้ก็จะมีสีดำ (Awesome Black) สีขาว (Awesome White) และก็สีฟ้าอ่อน (Awesome Blue) ให้เลือกด้วย
ตรงพาเนลกล้องหลังจะมีด้วยกัน 4 เลนส์ + 1 แฟลช LED ตามตำแหน่งดังภาพด้านบนครับ โดยแต่ละเลนส์ก็จะราบไปกับพื้นผิวของส่วนโมดูลกล้องที่ยกขึ้นมาจากฝาหลังเล็กน้อย ซึ่ง Samsung ใช้ชื่อเรียกว่าเป็น Super AI Camera Pro+ นั่นก็คือมีการนำระบบ AI มาช่วยในการประมวลผลภาพถ่าย เพื่อให้ได้ภาพที่สวยงามตามแต่ละสถานการณ์ ซึ่งเดี๋ยวเราจะไปลงรายละเอียดในส่วนของการรีวิวกล้อง Samsung Galaxy A52 5G กันอีกที
ฝั่งด้านบนของตัวเครื่อง จะมีถาดใส่ซิม และก็ช่องรับเสียงของไมค์ตัวบน โดยถาดใส่ซิมเป็นแบบไฮบริดครับ จะใส่ 2 ซิมก็ได้ (นาโนซิมทั้งคู่) หรือจะใส่เป็นซิม+microSD ก็ได้เช่นกัน ส่วนในการใช้งาน 5G นั้น จะใช้จากซิมช่องใดก็ได้ โดยที่อีกซิมจะถูกปรับให้ใช้งานได้สูงสุดที่ระดับ 4G LTE โดยอัตโนมัติ ส่วนการใช้งาน VoLTE น้ัน สามารถใช้ทั้งสองซิมสแตนด์บายพร้อมกันได้สบาย เพื่อเสียงที่คมชัดตลอดการสนทนา
ด้านล่างมีลำโพง ช่อง USB-C ช่องรับเสียงของไมค์สนทนา และก็ช่อง 3.5 มม. สำหรับเสียบแจ็คหูฟัง/ลำโพง
ซึ่งลำโพงสเตอริโอของ A52 5G มาพร้อมกับระบบเสียง Dolby Atmos ทำให้ได้เสียงที่มีมิติ สามารถแยกตำแหน่งและทิศทางของเสียงได้ค่อนข้างชัดเจน ต่างจากลำโพงสเตอริโอปกติแบบสัมผัสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับชมวิดีโอ หรือภาพยนตร์ที่มีระบบเสียง Dolby Atmos มาด้วย
ส่วนแนวเสียงจากลำโพงตัวเครื่องก็เป็นไปตามมาตรฐานสมาร์ตโฟนครับ คือให้เสียงกลางที่ชัดเจน รองลงมาเป็นกลุ่มเสียงสูง ส่วนโทนเบสนั้นก็จะบางหน่อย ตามข้อจำกัดของการออกแบบมือถือ ดังนั้นถ้าอยากได้เสียงที่มีพลังยิ่งขึ้น รวมถึงถ้าต้องการใช้ในการตัดต่อเพื่อสร้างคอนเทนต์ ก็ใช้หูฟังด้วยจะดีกว่า ซึ่งก็ใช้ได้ทั้งแบบมีสายและไร้สายเลย สะดวกสุด ๆ
ฝั่งซ้าย ไม่มีปุ่มและพอร์ตใด ๆ สังเกตได้ว่าขอบเครื่องจะมีโทนสีม่วงอ่อน ๆ อยู่ด้วย ซึ่งล้อไปกับสีฝาหลังได้ดูลงตัวดี
ส่วนฝั่งขวาจะมีปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง และก็ปุ่ม Power อยู่
ด้านของอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีสายชาร์จแบบ USB-C/USB-A อะแดปเตอร์ชาร์จแบบช่อง USB-A เข็มจิ้มถาดซิม เคสซิลิโคนใส โทนสีม่วงนิด ๆ และก็พวกเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น
สำหรับอะแดปเตอร์ Adaptive Fast Charging ที่แถมในกล่องจะรองรับการจ่ายไฟได้สูงสุด 15W (9V 1.67A) ซึ่งก็เหมาะสำหรับการชาร์จแบต 4500 mAh ของตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี เท่าที่ทดสอบด้วยเครื่องวัด พบว่าในโหมด Fast Charge ตัวเครื่องรับไฟจากอะแดปเตอร์ในกล่องเข้าไปได้สูงสุดราว 12W นิด ๆ ถ้าต้องการชาร์จเร็วเต็มตามสเปค ก็ต้องหาซื้ออะแดปเตอร์ที่จ่ายไฟได้เกิน 25W มาใช้นะครับ
ซึ่งเคสที่ให้มาในกล่อง เมื่อใส่เข้ากับตัวเครื่องก็จะมีขอบนูนที่ยกขึ้นมาปกป้องรอยขีดข่วนที่อาจเกิดขึ้นกับแผงโมดูลกล้อง ในขณะที่วางเครื่องลงไปกับพื้นราบได้พอดีด้วย
การใช้งาน 5G
Samsung Galaxy A52 5G มาพร้อมกับความสามารถในการใช้งานเครือข่าย 5G ในไทย โดยในตอนนี้จะเป็น 5G แบบ NSA นะครับ ทำให้ยังจำเป็นต้องจับ 4G LTE เพื่อใช้งานด้าน voice ในการคุยโทรศัพท์ด้วย ทำให้เวลาโทรออก/รับสาย ตัวเครื่องจะสลับไปใช้ 4G เพื่อใช้งาน VoLTE อัตโนมัติ เพื่อให้เสียงสนทนาที่คมชัดด้วย
สำหรับในรีวิวนี้ ผมใช้ซิม AIS 5G ในการทดสอบ พบว่าตัวเครื่องสามารถจับคลื่นได้แบบ 3CA ทดสอบความเร็วก็ได้ในระดับที่น่าพอใจสำหรับการใช้งานแทบทุกรูปแบบเลยครับ สามารถใช้ในการสตรีมมิ่งได้สบายมาก ส่วนแง่ของการใช้งานแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่ปัญหา ด้วยแบต 4500 mAh ในเครื่อง ทำให้สามารถใช้งาน 5G standby ตลอดวันได้เลย
ฟังก์ชันกล้องสำหรับการสร้างคอนเทนต์
สิ่งสำคัญสำหรับการสร้างคอนเทนต์จากมือถือในยุคนี้ก็คือกล้องที่มีคุณภาพ ซึ่ง A52 5G ก็ทำได้ดีสมราคาเลยครับ อย่างของกล้องหลังก็ให้มา 4 เลนส์ รองรับการถ่ายภาพทั้งมุมปกติ มุมกว้าง และก็การถ่ายเจาะลึกในแบบมาโคร นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายแบบละลายหลัง เพื่อใช้ในการถ่ายภาพบุคคล หรือถ่ายวัตถุแบบที่ต้องการเน้นความโดดเด่นของตัวแบบเพิ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย
นอกเหนือจากฮาร์ดแวร์กล้องที่เรามองเห็นได้ภายนอกแล้ว ภายในยังมีระบบชดเชยการสั่นไหวแบบ OIS ติดตั้งมาให้ใช้งานกับเลนส์ไวด์มุมปกติด้วย ผสานงานกับระบบ Super Steady ที่เป็นการทำงานจากฝั่งซอฟต์แวร์ ทำให้การถ่ายภาพ และวิดีโอเป็นไปได้อย่างราบรื่น ได้ภาพที่มีการสั่นไหวน้อยลง คมชัดขึ้น รวมถึงยังช่วยให้การถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยทำได้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากระบบสามารถเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ได้นานกว่าเดิมสูงสุดถึง 4 เท่าตัว
โหมดกล้องก็ให้มาค่อนข้างหลากหลายตามสไตล์มือถือ Samsung ที่น่าสนใจก็เช่น โหมด AR Doodle ที่ผู้ใช้งานสามารถวาดเส้น วาดรูปเข้าไปประกอบในภาพถ่ายโดยอาศัยเทคโนโลยี AR ของกล้องหลัง รวมถึงยังมีโหมดถ่ายอาหาร โหมดถ่ายภาพกลางคืน โหมด Super Slow-Mo และก็โหมด Hyperlapse ให้ใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบที่ต้องการได้อย่างง่ายดายจากมือถือเครื่องเดียว
Best Shot + Scene Optimizer
ระบบ AI ของ Galaxy A52 5G จะเข้ามาช่วยให้ภาพถ่ายนั้นออกมาดูสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลัก ๆ ก็จะมีฟังก์ชัน Best Shot ที่ช่วยแนะนำการจัดองค์ประกอบภาพแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้ภาพที่ออกมาดูดีที่สุด ซึ่งเท่าที่ผมทดลองดู พบว่าส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีอยู่เหมือนกันครับ โดยหลัก ๆ แล้วระบบจะเน้นให้วัตถุที่น่าจะเป็นจุดโฟกัสหลักของภาพอยู่ตรงกลางภาพซะเป็นส่วนใหญ่
อีกฟังก์ชันก็คือ Scene Optimizer ซึ่งจะมีระบบคอยประมวลผลภาพพรีวิวขณะที่กำลังจะถ่ายว่าเป็น scene แบบใด แล้วคอยปรับโทนสีของภาพให้เหมาะกับ scene นั้น ๆ ตัวอย่างของ scene ที่รองรับก็เช่น ทะเล ภูเขา อาคาร ข้อความ ภาพถ่ายกลางคืน ภาพบุคคล เป็นต้น
ระบบกันสั่น Super Steady
ฟังก์ชัน Super Steady เป็นระบบช่วยชดเชยการสั่นไหว เพื่อให้ได้วิดีโอที่ดูนิ่งยิ่งขึ้น สามารถเปิด/ปิดการทำงานได้จากแถบไอคอนด้านบนได้สะดวก โดยจะมีข้อจำกัดเล็กน้อย คือเมื่อเปิดใช้งาน ความละเอียดของวิดีโอที่ถ่ายได้จะอยู่ที่ 1080p 30fps เท่านั้น ซึ่งเท่าที่ผมลองก็พบว่า 1080p 30fps คือจุดที่ระบบกันสั่นของเครื่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด (รวมถึงตอนปิด Super Steady ด้วย)
โหมด Pro สำหรับถ่ายรูป/วิดีโอ
ส่วนใครที่ต้องการใช้งานโหมด Pro เพราะต้องการควบคุมค่าต่าง ๆ ในการถ่ายเอง ก็จะมีโหมด Pro ให้เลือกใช้ทั้งการถ่ายภาพนิ่งและการถ่ายวิดีโอเลย โดยทั้งสองแบบก็จะปรับได้ทั้ง ISO/shutter speed/การชดเชยแสง (EV)/ระยะโฟกัส/White balance และก็พวกค่าชดเชยต่าง ๆ เช่น contrast, highlight, shadow และก็ค่าการอิ่มตัวของสี เรียกได้ว่าทำได้เท่า ๆ กับมือถือรุ่นท็อปเลยทีเดียว
โหมด Single Take
เป็นโหมดที่ Samsung เริ่มใส่มาในมือถือรุ่นท็อปอย่างซีรีส์ S21 ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโหมดที่จะช่วยให้การสร้างสรรค์คอนเทนต์ด้านรูปถ่ายและวิดีโอเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยจะอาศัยการเก็บภาพ/วิดีโอหลาย ๆ แบบไว้พร้อมกันในการถ่ายวิดีโอสั้น ๆ ครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นภาพมุมปกติ มุมกว้าง ภาพแบบใส่ฟิลเตอร์ รวมถึงการ crop ในช็อตต่าง ๆ ที่ระบบประมวลผลออกมา ทำให้ได้ภาพที่หลากหลาย พร้อมใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมาก แต่ก็แน่นอนว่ามาพร้อมการใช้พื้นที่เก็บไฟล์ที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ อาจจะต้องคอยเข้าไปลบไฟล์ภาพ/วิดีโอที่ไม่ได้ใช้ออกบ้าง
โหมด Fun
โหมด Fun เป็นโหมดใหม่ที่เพิ่มเข้ามา โดยจะเป็นการนำฟิลเตอร์จาก Snapchat มาให้ใช้งานเพื่อตกแต่งใบหน้า ลักษณะคล้ายกับฟิลเตอร์ใน IG ที่หลายคนคุ้นเคย แต่อันนี้จะสะดวกกว่าคือเปิดใช้งานได้จากในแอปกล้องของตัวเครื่องได้เลย ใช้งานได้ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า รวมถึงยังสามารถโหลดฟิลเตอร์อื่น ๆ มาใช้งานเพิ่มเติมได้ด้วย วิธีการใช้ก็ง่ายมากครับ เพียงแค่เลื่อนกล้องไปโหมด Fun จากนั้นเลือกฟิลเตอร์ที่ต้องการ ถ้าระบบตรวจเจอใบหน้าในภาพ ก็จะใส่ฟิลเตอร์ให้ทันที เท่าที่ลองใช้งาน พบว่าสามารถใส่ฟิลเตอร์ให้ได้มากสุด 2 ใบหน้าต่อ 1 ภาพ
ฟังก์ชัน My Filters
อีกฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามาและน่าสนใจก็คือ My filters ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถสร้างฟิลเตอร์ย้อมสีให้ภาพ/วิดีโอในแบบที่ต้องการได้แบบง่ายสุด ๆ ด้วยการใช้ภาพที่มีอยู่ในเครื่องมาสร้างเป็นฟิลเตอร์โทนสีที่ชอบ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุมโทนภาพให้เป็นโทนสีเดียวกัน ซึ่งผมว่ามันช่วยลดเวลาในการแต่งภาพได้มากเหมือนกัน โดยจะซ่อนไว้อยู่ในปุ่มมุมขวาบนสุดของแอปกล้อง (เป็นรูปคล้ายไม้กายสิทธิ์)
ซึ่งการสร้างฟิลเตอร์เองก็ง่ายมากครับ เพียงกดที่ปุ่ม + ทางซ้ายสุดของแถบเลือกฟิลเตอร์ จากนั้นก็เลือกรูปที่ต้องการดึงโทนสีมาใช้ แล้วก็กด Save filter เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว พอจะใช้งานก็เลื่อนแถบฟิลเตอร์ไปเลือกโทนที่ต้องการใช้งาน แล้วก็กดถ่ายภาพหรือวิดีโอได้ทันที
สำหรับด้านล่างนี้คือตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy A52 5G ครับ รวมถึงยังมีภาพจากกล้องหน้า 32MP ด้วย คลิกชมได้เลย โดยถ้าเป็นภาพมุมที่ใกล้เคียงกัน ภาพแรกจะเป็นภาพแบบโหมด auto ส่วนภาพถัดมาจะเป็นภาพจากเลนส์อัลตราไวด์ หรือเป็นภาพจากโหมดอื่น ๆ เช่น โหมดถ่ายกลางคืน โหมดถ่ายภาพบุคคลนะครับ
ประสิทธิภาพ และการเล่นเกม
Samsung Galaxy A52 5G เลือกใช้ชิป Snapdragon 750G ที่ออกแบบมาเป็นชิประดับกลางค่อนบน ให้ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป และการใช้งานกราฟิกที่ใช้เล่นเกมได้ด้วย ส่วนแรม 8 GB ก็เหลือเฟือ สลับแอปไปมาได้สบายมาก ระบบปฏิบัติการในเครื่องก็เป็น Android 11 พร้อม One UI 3.1 ที่เป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดด้วย ซึ่ง Samsung เองก็ประกาศแล้วด้วยว่าจะออกอัพเดทให้ต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปีนับจากปีที่เปิดตัว ดังนั้นก็มั่นใจได้เลยครับ ว่าใช้งานได้แบบยาว ๆ แน่
พื้นที่เก็บข้อมูลในเครื่อง 128 GB เมื่อเปิดขึ้นมาครั้งแรกจะเหลือให้ใช้งานราว ๆ 104 GB รองรับการใส่ MicroSD เพิ่มได้สูงสุด 1 TB ด้วย สายถ่ายวิดีโอถูกใจสิ่งนี้แน่นอน
ส่วนแบตเตอรี่ 4500 mAh นั้น สามารถใช้งานหมดวันจนข้ามวันได้อยู่เหมือนกันครับ จะสแตนด์บาย 5G ตลอดวันก็ไม่ใช่ปัญหา รองรับการชาร์จเร็วด้วย
ทดสอบความแรงของ Galaxy A52 5G ด้วยแอป AnTuTu ก็ได้ในระดับเกือบ 290,000 คะแนน และ GeekBench ก็ได้คะแนนตามภาพด้านบนครับ จัดว่าอยู่ในกลุ่มมือถือความแรงระดับกลาง ๆ ในช่วงราคาหมื่นต้นตามปกติ เหมาะสำหรับการทำงานทั่วไปได้ลื่นไหลดี
สำหรับในการเล่นเกม ก็จะมีตัวของ Game Launcher มาช่วยปรับประสิทธิภาพเครื่องให้เหมาะสมกับการเล่นเกมด้วย รวมถึงยังสามารถใช้เป็น hub รวมเกมที่ติดตั้งในเครื่อง และเป็นตัวช่วยเก็บสถิติในการเล่นได้อีกต่างหาก นับเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่น่าจะโดนใจคนเล่นเกมอยู่เหมือนกัน
Genshin Impact สามารถเล่นบน A52 5G ได้อยู่เหมือนกันครับ ด้วยกราฟิกรวม ๆ ระดับ Low โดยสามารถปรับไปที่ระดับ 60 fps ได้ด้วย ภาพที่ออกมาก็ค่อนข้างลื่นไหลดี มีสะดุดนิด ๆ ตอนแพนกล้องเพื่อหมุนเปลี่ยนฉาก แต่โดยรวมก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียว
PUBG Mobile นี่ก็สบายกับความละเอียดระดับ HD เฟรมเรตระดับ High ครับ
ส่วน ROV นั้น สามารถปรับกราฟิกได้ตามภาพด้านบน พร้อมกับปรับไปใช้โหมดเฟรมเรตสูงได้ด้วย โดยเฟรมเรตที่ได้ระหว่างเล่นจริงจะอยู่ในช่วง 57-60 fps รวม ๆ แล้วต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่ทำคอนเทนต์ก็สบาย เล่นเกมก็สนุกในราคาหมื่นนิด ๆของจริง
สรุปปิดท้ายรีวิว Samsung Galaxy A52 5G
Samsung Galaxy A52 5G จัดว่าเป็นมือถือรุ่นใหม่ที่อัดความสามารถมาให้คุ้มจุใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการมือถือซักเครื่องมาใช้สร้างคอนเทนต์ เช่น ถ่ายภาพทำเพจรีวิว ถ่ายคลิปสั้น ๆ ลง TikTok ไปจนถึงการถ่าย Live ลงแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้วยคุณสมบัติเด่นของตัวเครื่องที่ให้มาค่อนข้างครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่มีคุณภาพ มีโหมดให้ใช้งานมากมาย หน้าจอ Super AMOLED ความละเอียดสูง 120Hz ชิปประมวลผลที่ให้ประสิทธิภาพที่ดี แบตเตอรี่ใช้ได้นาน ลำโพงเสียงดี รองรับอัพเดตต่อเนื่องถึง 3 ปี รวมถึงยังใช้งาน 5G ในไทยได้อีกด้วย ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่ในเครื่องราคาหมื่นนิด ๆ เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ตัวของ A52 5G ก็จะมีข้อจำกัดอยู่บ้างครับ คือสายเกมที่อยากได้ภาพสวยด้วย ไหลลื่นด้วย เนื่องจากชิป Snapdragon 750G นั้นอาจจะมีพลังกราฟิกที่ยังไม่ถึงกับระดับสูงมากนัก ทำให้อาจจะต้องปรับระดับความละเอียดของภาพในเกมลงมาซักหน่อย เพื่อให้ได้ภาพที่ไหลลื่นในระดับที่สามารถเล่นได้โดยไม่มีสะดุด ซึ่งก็เป็นจุดที่สายเกมอาจจะต้องพิจารณาซักนิดนึง แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียสในประเด็นนี้ Samsung Galaxy A52 5G นั้นถือว่าเป็นตัวคุ้มมาก ๆ ประจำช่วงต้นปีนี้เลย ซึ่งก็สามารถสั่งซื้อได้จากหน้าเว็บไซต์ Samsung เองด้วยครับ