Samsung Galaxy A35 5G น้องรองของ Galaxy A Series ที่เปิดตัวมาพร้อม Galaxy A55 5G ในราคาค่าตัวที่ถูกกว่าเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นสเปคที่ให้มาก็นับว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน ด้วยชิปประมวลผลตัวเดียวกับที่ใช้ใน Samsung Galaxy A54 5G ของปีที่แล้ว จะบอกว่าเป็นร่างเกิดใหม่ของ Galaxy A54 5G ในราคาที่ถูกลงก็นับว่าไม่เกินเลย ซึ่งในการใช้งานต่างๆ จะเป็นอย่างไรเราไปรับชมกันได้เลย
สเปคของ Samsung Galaxy A35 5G
- หน้าจอ : Super AMOLED แบบ Infinity-O, ขนาด 6.6 นิ้ว, ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล (FHD+), Refresh Rate 120Hz, ความสว่างสูงสุด 1000 nits, กระจก Gorilla Glass Victus+
- ชิปประมวลผล : Samsung Exynos 1380
- แรม : 8GB
- หน่อยความจำ : 128GB รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/108, OIS (wide)
- ตัวที่ 2 : 8MP, f/2.2, 123˚ (ultrawide)
- ตัวที่ 3 : 5MP, f/2.4 (macro)
- กล้องหน้า : 13MP, f/2.2 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 14 ครอบทับด้วย One UI 6.1
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 6
- Bluetooth 5.3
- GPS, Glonass, Beidou, Galileo, QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Fingerprint Sensor
- Gyro Sensor
- Geomagnetic Sensor
- Hall Sensor
- Light Sensor
- Virtual Proximity Sensing
- มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น : IP67
- ขนาด : 161.7 x 78.0 x 8.2 มม.
- น้ำหนัก : 209 กรัม
- สี : Awesome Lilac, Awesome Navy, Awesome Iceblue
- ราคา : 8GB / 128GB : 11,999 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ในส่วนของดีไซน์นั้นรอบนี้เรียกว่าทาง Samsung เปลี่ยนการออกแบบใหม่ให้ความสวยงามและหรูหรามากยิ่งขึ้นด้วยการผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและความเพลิดเพลิน ขอบเฟรมยังคงเป็นพลาสสติกเหมือน แต่เพิ่มเติมในส่วนของฝาฟลังที่เป็นกระจกเรียบร้อย ในส่วนของกล้องนั้นจะมาในสภาพเพียวๆ ไม่มีโมดูล มีแค่ขอบเลนส์ที่นูนขึ้นมาเล็กน้อย
สำหรับสีสันตัวเครื่องนั้นจะมีให้เลือกทั้งหมด 3 สีคือ Awesome Lilac, Awesome Navy, Awesome Iceblue และสีที่ทางเราได้มารีวิวจะเป็นสี Awesome Lilac ซึ่งเป็นสีชมพูแบบพาสเทล ที่มีลูกเล่นคือเมื่อเปลี่ยนมุมตกกระทบของแสงก็จะทำให้สีเปลี่ยนไปด้วย ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของหน้าจอนั้นจะใช้เป็นจอ Super AMOLED แบบ Infinity-O Display ที่มีขนาดหน้าจอแสดงผลอยู่ที่ 6.6 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีอัตรารีเฟรชสูง 120Hz และมีความสว่างมากถึง 1,000 นิต พร้อมด้วยฟีเจอร์ Vision Booster ช่วยเสริมการมองเห็นด้วยการปรับสีและคอนทราสต์ท่ามกลางแสงอาทิตย์ให้เหมาะสมได้ นอกจากนี้ที่ขอบด้านบนในส่วนที่เป็นลำโพงสำหรับใช้สนทนาจะทำหน้าที่เป็นลำโพงคู่อีกด้วย
สำหรับขอบข้างนั้นจะมีดีไซน์ขอบตัวเครื่องที่มีชื่อว่า Key Island โดยจะเป็นการนูนขอบเครื่องในส่วนบริเวณปุ่มขึ้นเพื่อให้สามารถกดได้ง่ายขึ้นและทำให้สามารถจับเครื่องได้สะดวกยิ่งขึ้น ส่วนรอบๆ นั้นปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอยู่ที่ฝั่งขวา ที่ด้านบนจะมีช่องใส่ซิมแบบ Hybrid และรูไมโครโฟนตัดเสียงอยู่ ส่วนที่ด้านล่างจะมีลำโพง รูไมโครโฟน และพอร์ต USB Type-C อยู่
ระบบปฏิบัติการ
ในส่วนของระบบปฏิบัติการนั้น Galaxy A35 5G จะมาพร้อมกับ One UI 6.1 ตั้งแต่แกะกล่องเลย เพียงแต่ใน One UI 6.1 ของ Galaxy A35 5G นี้จะไม่มี Galaxy AI มาด้วย เหมือน Galaxy A55 5G ก็คาดว่าเป็นเพราะตัวชิปยังไม่แรงพอที่จะใช้งาน AI ก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ทำให้ One UI ของ Smasung น่าสนใจคือถึงจะเป็นรุ่นกลางก็ยังได้อัปเดตเวอร์ชั่นยาว 4 ปีและความปลอดภัยอีก 5 ปี เลยทีเดียว
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ขอเริ่มด้วยการจับถือก่อนเลย โดย Galaxy A35 5G นั้นขนาดตัวอยู่ในระดับที่เรียกว่าจับได้พอดีมือมากไม่ว่าจะความกว้างหรือความหนา แต่ด้วยน้ำหนักตัวที่มากถึง 209 กรัมทำให้อาจจะหนักไปสักหน่อย แต่ก็เบากว่า Galaxy A55 5G นิดหน่อย ซึ่งน้ำหนักที่หายไปนั้นมาจากตัวเฟรมที่เปลี่ยนจากโลหะมาเป็นพลาสติกนั่นเอง ทว่าถึงจะดรอปวัสดุลง แต่งานประกอบก็ยังมีสมกับที่เป็นเครื่องราคาหลักหมื่นเลย
ในเรื่องของการเล่นโซเชียลนั้นสามารถทำออกมาได้ดี มีความลื่นไหล ต่อให้ไถเร็วๆ ก็สามารถโหลดข้อมูลทัน รวมกับหน้าจอแบบ 120Hz ทำให้ภาพที่ไหลผ่านไปมีความสบายตา ส่วนในเรื่องความบันเทิงนั้นก็หายห่วงได้เพราะลำโพงตัวเครื่องที่มีเป็นลำโพงคู่ระบบเสียง Dolby ATMOS เลยทีเดียว
ส่วนในเรื่องแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องให้แบตเตอรี่มา 5000 mAh ซึ่งจากที่ได้ลองใช้งานมานั้นสามารถใช้งานจนหมดวันแบบเหลือๆ ได้สบาย (หากไม่ได้เอาไปเล่นเกมแบบจัดเต็มนะ) ส่วนในเรื่องการชาร์จนั้นจะมีระบบชาร์จเร็วขนาด 25W มาให้ ซึ่งเราได้ทดลองจับเวลาชาร์จแล้วหลังจากที่แยบตเตอรี่หมด ใน 10 นาทีแรกจะได้แบตเตอรี่เพิ่มมา 17% และถึง 50% ภายในเวลา 33 นาที ส่วนระยะเวลาชาร์จรวมจนแบตเตอรี่เต็มจะใช้เวลาไปทั้งหมด 1 ชั่วโมง 35 นาที ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาทั่วไปของ Samsung แล้ว นอกจากนี้ในระหว่างชาร์จตัวเครื่องจะมีความร้อนสะสมพอสมควร จึงไม่แนะนำให้เล่นไปชาร์จไปครับ
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นตัว Galaxy A35 5G ที่ใช้ชิป Exynos 1380 นั้นสามารถเล่นได้ทุกเกมแบบลื่นๆ เลย ส่วนหนึ่งมาจากตัวชิป Exynos 1380 นั้นเปิดตัวมาได้ปีกว่าๆ แล้วทำให้ตัวเกมอัปเดตให้สามารถใช้งาไนด้อย่างเต็มที่แล้ว โดยเกมที่เราทดลองเล่นนั้นก็มี RoV, PUBG Mobile และ Genshin Imapct ซึ่งตัวเกม RoV และ PUBG Mobile นั้นสามารถปรับสุดเล่นได้ลื่นๆ เลย แต่ที่เซอร์ไพรส์คือสามารถเล่น Genshin Imapct แบบปรับสุดได้ลื่นด้วย ซึ่งปกติจะเห็นได้แค่ในชิประดับเรือธงเท่านั้นนะ แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องดี เพราะในเมื่อสามารถเล่นเกมกินสเปคปรับสุดแบบลื่นๆ ได้ก็หมายความว่าสามารถเล่นได้ทุกเกมที่มีในสโตร์เลย ทว่าสิ่งหนึ่งที่นับว่าเป็นข้อสังเกตหน่อยก็คือความร้อนที่ขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้อาจรู้สึกไม่สบายมือเวลาเล่นเท่าไร
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นตัว Galaxy A35 5G จะมาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 50MP กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องมาโคร 5MP ส่วนกล้องหน้าจะมีความละเอียด 13MP ซึ่งความน่าสนใจอย่างหนึ่งคือทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K 30fps เลย เรียกได้ว่าเป็นอะไรที่ดีงามมากสำหรับสายคอนเทนต์ที่ต้องใช้กล้องมือถือในการบันทึกวิดีโอ
สำหรับภาพถ่ายเองก็นับว่าใช้ได้เลยทีเดียว ทั้งสีสัน และความคมชัด ตัวกล้องหลังกสามารถใช้ถ่ายได้ทุกสภาพแสง แม้แต่ถ่ายย้อนแสงก็ตาม ส่วนกล้องอัตร้าไวด์นั้นรายละเอียดสามารถเก็บมาได้ครบถ้วนคมชัด แต่ภาพที่ได้จะออกมาเหลืองหน่อยๆ ส่วนการถ่ายพอร์ตเทรตนั้นในเรื่องการละลายหลังทำอกอมาได้ดี มีการตัดขอบที่พอดีไม่กินและไม่เหลือขอบ เพียงแต่ในเรื่องของสีสันนั้นตัวกล้องหน้าจะออกมาเรียลๆ ใครที่ไม่ชอบภาพเรียลๆ อาจไม่ถูกใจเท่าไร
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Samsung Galaxy A35 5G
สรุปการรีวิวจากการที่ได้เอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งนั้นต้องบอกเลยว่า Samsung Galaxy A35 5G เป็นสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับวัยรุ่นและสายคอนเทนต์ที่ต้องการความสามารถในการบันทึกวิดีโอระดับ 4K เพราะสามารถถ่ายได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังเลย แถมไม่ต้องกลัวเปรียกด้วยเพราะตัวเครื่องมีมาตราฐานกันน้ำ IP67 เลยทีเดียว รวมถึงคนที่ตั้งใจจะซื้อ Galaxy A55 5G แล้วงบไปไม่ถึงจริงๆ Galaxy A35 5G ก็เป็นตัวแทนที่ไม่เลวเลย สำหรับคนที่สนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดหรือสั่งซื้อได้ที่ samsung.com/th หรือจะไปลองจับตาม Samsung Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ก่อนก็ได้นะ
จุดเด่น
- ดีไซน์ไม่ต่างจาก Galaxy A55 5G ทำให้ดูตกยุคได้ยาก
- ชิป Exynos 1380 ได้รับการอัปเดตมาจนนิ่งแล้ว
- กล้องทุกตัวรองรับการถ่าบวิดีโอ 4K
- กันน้ำ IP67
- ได้อัปเดตยาวถึง 5 ปี
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องมีน้ำหนักที่ค่อนข้างเยอะ
- ขอบหน้าจอมีความหนาพอสมควร