Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว Redmi Note 9 ตำนานความคุ้ม ชิป Helio G85 แบตอึดชาร์จไว และกล้องหลัง 4 ตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท
    Phone Review

    รีวิว Redmi Note 9 ตำนานความคุ้ม ชิป Helio G85 แบตอึดชาร์จไว และกล้องหลัง 4 ตัว ราคาเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng28 พฤษภาคม 2020Updated:28 พฤษภาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาก Redmi ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟน 2 รุ่นล่าสุดในตระกูล Redmi Note 9 Series อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ได้แก่ Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro ซีรี่ส์ดังกล่าวโดดเด่นเรื่องความคุ้มค่าของสเปคต่อราคา ที่ให้หลายอย่างสูงกว่าคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกัน

    การเข้ามาของ Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro จึงทำให้สมาร์ตโฟนในซีรี่ส์นี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน เมื่อนับรวมกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง Redmi Note 9s แต่ในบทความรีวิวนี้ ผมจะเน้นไปที่ Redmi Note 9 RAM 4GB/ 128GB ROM เป็นหลักครับ

    สำหรับ Redmi by Xiaomi เป็นหนึ่งแบรนด์ในผู้ผลิตสมาร์ตโฟนคุณภาพดี มาตรฐานระดับโลก มีจุดเด่นอยู่ที่ความคุ้มค่าต่อราคาที่มากกว่าหลายแบรนด์ในท้องตลาด รวมถึงการออกแบบที่สวยงาม เรียกได้ว่าเป็นอีกแบรนด์ที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับสมาร์ตโฟนระดับกลางทุกครั้งที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ว่าได้


    สเปค Redmi Note 9

    • หน้าจอ DotDisPlay ขนาด 6.53 นิ้ว Full HD+ มีกระจกเป็น Gorilla Glass 5
    • ชิปประมวลผล MediaTek Helio G85
    • RAM 3GB / 4GB
    • ROM 64GB / 128GB
    • กล้องหลัง 4 ตัว พร้อมด้วยฟีเจอร์สแกนเอกสาร
      • กล้องหลัก 48MP f/1.79 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2″ 4-in-1 Super Pixel
      • กล้อง Ultrawide 8MP f/2.2 มุมกว้าง 118 องศา
      • กล้อง Macro 2MP f/2.4 AF ระยะ 2-10 cm
      • กล้อง Depth 2MP f/2.4
    • กล้องหน้า 13MP
    • สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง, ช่องหูฟัง 3.5 มม., IR Blaster
    • เคลือบสารกันน้ำ
    • Triple Slot (2 sim + 1 microSD)
    • Android 10 ครอบด้วย MIUI 11
    • แบตเตอรี่ขนาด 5,020 mAh มาพร้อมชาร์จเร็ว 22.5W ในกล่อง (รองรับชาร์จเร็ว 18W)
    • มี 3 สี Green Forest, Polar White, Midnight Gray
    • ราคาเริ่มต้น 4,999 บาท

    สเปค Redmi Note 9 Pro

    • หน้าจอ DotDisPlay ขนาด 6.67 นิ้ว Full HD+ มีกระจกเป็น Gorilla Glass 5 อัตราส่วนหน้าจอ 20:9
    • ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 720G
    • RAM 6GB
    • ROM 64GB / 128GB
    • กล้องหลัง 4 ตัว พร้อมด้วยฟีเจอร์สแกนเอกสาร
      • กล้องหลัก 64MP f/1.89 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.72″ 4-in-1 Super Pixel
      • กล้อง Ultrawide 8MP f/2.2 มุมกว้าง 118 องศา
      • กล้อง Macro 5MP f/2.4 AF ระยะ 2-10 cm
      • กล้อง Depth 2MP f/2.4
    • กล้องหน้า 16MP
    • สแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่อง, ช่องหูฟัง 3.5 มม., IR Blaster
    • เคลือบสารกันน้ำ
    • Triple Slot (2 sim + 1 microSD)
    • Android 10 ครอบด้วย MIUI 11
    • ภาครับสัญญาณ Wi-Fi แบบ 2×2 MIMO
    • แบตเตอรี่ขนาด 5,020 mAh มาพร้อมชาร์จเร็ว 30W
    • รองรับ NFC
    • มี 3 สี Tropical Green, Glacier White, Interstellar Gray
    • ราคาเริ่มต้น 7,999 บาท

    ความแตกต่างระหว่าง Redmi Note 9 กับ Redmi Note 9 Pro หลัก ๆ จะอยู่ที่สเปคของตัวเครื่อง ด้วยความที่ Redmi Note 9 Pro เป็นรุ่นสเปคสูงกว่า ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว, กล้องที่มีความละเอียดมากกว่า หรือจะเป็นชิปประมวลผล Snapdragon 720G ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่า MediaTek Helio G85 รวมถึงด้านอื่น ๆ แต่ก็แลกมากับราคาที่สูงขึ้น


    Design – การออกแบบ

    อุปกรณ์ในกล่องของ Redmi Note 9 เครื่องศูนย์ไทย จะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมพื้นฐานอย่างสายชาร์จ USB Type-C to USB Type-A, อะแดปเตอร์จ่ายไฟได้สูงสุด 22.5W, เคส TPU สีดำ และตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่แรก

    ด้านการออกแบบตัวเครื่อง Redmi Note 9 ดีไซน์เป็นแบบ Symmetric หรือเน้นเรื่องความสมมาตรเป็นหลัก เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง Redmi Note 9 Pro ตัวเครื่องมีความโค้งมน จับถือได้กระชับ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องและขนาดที่กำลังพอดี เป็นสมาร์ตโฟนจอใหญ่ที่ใช้งานได้คล่องตัว แต่ขนาดตัวเครื่อง Redmi Note 9 จะเล็กกว่า Redmi Note 9 Pro เนื่องจากขนาดหน้าจอที่เล็กกว่านั่นเองครับ

    ด้านหน้าตัวเครื่องประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 6.53 นิ้ว Full HD+ แบบ DotDisplay อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 ฝังกล้องหน้า 13MP ไว้บริเวณมุมซ้ายบน เป็นจุดที่รบกวนสายตา และส่งผลต่อการใช้งานน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป หรือจะเป็นการเล่นเกมก็ตาม นอกจากนี้กระจกหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 5 อีกด้วย

    ในส่วนของการแสดงผล เมื่อเทียบกับค่าตัวเริ่มต้น 4,999 บาท ผมมองว่าหน้าจอของ Redmi Note 9 เป็นหน้าจอที่ดีเลยครับ ได้ทั้งเรื่องความคมชัด มุมมองการแสดงผลที่กว้าง และสีหน้าจอที่เหมาะกับการรับชมวิดีโอ ความสว่างหน้าจอเร่งได้สูงสุดถึง 450 nits ใช้งานกลางแจ้งได้สบาย ๆ ด้วย Sunlight mode (ต้องปรับความสว่างอัตโนมัติ) และยังมาพร้อม Reading mode 2.0 กรองแสงสีฟ้า ที่ได้รับมาตรฐานระดับโลกจากทาง TÜV Rheinland

    เห็นเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นเล็ก ราคาเริ่มต้นประมาณ 5,000 บาท แต่ในการรับชม Netflix รุ่นนี้สามารถรับชมแบบ Full HD ได้เลยครับ เพราะเป็น DRM Widevine L1

    ดู Netflix ชัด ๆ ระดับ Full HD

    รายละเอียดด้านข้างของ Redmi Note 9 จะเห็นว่าตัวเครื่องไม่ได้หนาจนเกินไป เมื่อเทียบกับการที่ใส่แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,020 mAh ถือว่ามีความบาง และน้ำหนักที่เหมาะสมครับ (199 กรัม) ด้านขวาประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเปิด – ปิดเครื่อง

    ด้านล่างประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ที่รองรับการชาร์จเร็ว 18W มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์

    บริเวณข้างซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3 Slot (2 nano SIM + 1 microSD Card) ส่วนบริเวณด้านบนตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน กับ IR Blaster สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน “รีโมท Mi”

    Remote Mi สามารถใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้

    ด้านหลังตัวเครื่อง Redmi Note 9 ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP วางกล้องบนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส โมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังพอสมควร แต่เคส TPU ที่ให้มาในกล่องก็หนาพอที่จะปกป้องเลนส์กล้องได้อย่างพอดี และมีแฟลช LED กล้องหลังจำนวน 1 ตัว ด้านล่างกล้องเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับใช้ปลดล็อกตัวเครื่อง การปลดล็อกทำได้รวดเร็ว และแม่นยำดี ส่วนการสแกนใบหน้าเป็นแบบ 2 มิติ เน้นเรื่องความสะดวกในการปลดล็อกเป็นหลัก (Redmi Note 9 Pro เป็น AI Face Unlock)

    ข้อแตกต่างระหว่าง Redmi Note 9 กับ Redmi Note 9 Pro ในส่วนของการออกแบบบริเวณด้านหลัง จะอยู่ที่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ หากเป็น Redmi Note 9 จะวางเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง บริเวณใต้กล้อง แต่ถ้าเป็น Redmi Note 9 Pro จะวางเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้บริเวณด้านข้าง ตรงปุ่ม Power

    ความเจ๋งอีกอย่างของการออกแบบ Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro คือมีการเคลือบ Splash-proof nano coating หรือสารกันละอองน้ำไว้ที่ฝาหลัง ทำให้มีความทนทานต่อน้ำในระดับหนึ่ง (ประมาณฝนสาด) แม้จะไม่ได้ถึงขั้นจุ่มน้ำได้ แต่มีไว้ก็อุ่นใจว่า แล้วก็เป็นอะไรที่หาได้ยากในสมาร์ตโฟนราคาเริ่มต้นประมาณ 5,000 บาทครับ

    สำหรับสีสันของตัวเครื่อง Redmi Note 9 วางจำหน่ายด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Forest Green, Polar White และสี Midnight Grey แบบเครื่องรีวิว Redmi Note 9 ที่ทีมงาน SpecPhone.com ได้รับมาใช้ในการทดสอบครั้งนี้ครับ ใครที่ชอบฝาหลังสไตล์เรียบหรู น่าจะถูกใน Redmi Note 9 Series ได้ไม่ยาก


    Software – ระบบปฏิบัติการ

    Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ MIUI 11.0.1 ที่มีพื้นฐานบน Android 10 หน้าตาของ UI มีความสะอาดสะอ้าน แล้วก็ไม่ค่อยมี Bloatware มากวนใจ มีการ Pre-load พวก Google Apps, Facebook, Netflix กับพวกแอปของทาง Xiaomi ที่เป็นเครื่องมือต่าง ๆ ส่วนเกมที่ติดตั้งมาแต่แรกก็สามารถ Uninstall ออกได้ครับ

    พื้นที่เก็บข้อมูลในรุ่นที่ผมได้รับมารีวิว จะเป็น Redmi Note 9 RAM 4GB/ 128GB เนื้อที่หักลบซอฟต์แวร์ในตัวเครื่อง จะเหลือพื้นที่มากกว่า 100GB เพราะฉะนั้นสามารถเก็บข้อมูลได้อีกเพียบ หรือถ้าไม่พอจริง ๆ สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 512GB ครับ

    เปรียบเทียบระหว่างเปิด – ปิด Dark Mode

    MIUI 11 นอกจากหน้าตาที่สะอาดสะอ้านมากขึ้น ยังมาพร้อมกับโหมดมืด หรือ Dark Mode ที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ด้วยครับ ข้อดีของการเปิด Dark Mode นอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว ยังช่วยให้ใช้งานโทรศัพท์ในที่แสงน้อยได้สบายตามากขึ้นด้วย เนื่องจากมีการปรับให้พื้นหลัง และหน้า UI เข้มขึ้นมาอีกระดับ

    ที่สำคัญคือเมื่อตรวจสอบจากโร้ดแมปของการอัพเดต MIUI 12 มี Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro อยู่ในนั้นด้วยครับ การันตีว่ารุ่นนี้ได้ไปต่ออย่างแน่นอน


    Camera – กล้องถ่ายรูป

    Redmi Note 9 มาพร้อมกับ 4 กล้องหลัง ความละเอียดสูงสุด 48MP ในเซ็นเซอร์หลัก และมาพร้อมกับกล้องเลนส์มุมกว้าง 118 องศา ความละเอียด 8MP ส่วนอีก 2 กล้องที่เหลือเป็น Depth Camera 2MP กับเลนส์ Macro 2MP ที่ถ่ายได้ระยะใกล้สุด 2 เซนติเมตร ภาพรวมถือเป็นระยะที่เหมาะสมกับการใช้งาน ถ่ายใกล้ ถ่ายปกติ ถ่ายกว่าง และถ่ายไกลได้ (2x Digital Zoom)

    กล้องของ Redmi Note 9 มีการใช้ AI เข้ามาช่วยปรับแต่งในการถ่ายภาพ จากที่ลองถ่ายคร่าว ๆ ผมว่ารุ่นนี้ใช้งานง่ายครับ โหมด AI มีความฉลาด รวมถึง HDR เวลาถ่ายย้อนแสงก็ชดเชยแสง กับดึงรายละเอียดมาได้ดีทีเดียว ส่วนเลนส์มุมกว้างก็กว้างสะใจถึง 118 องศา มีข้อสังเกตเล็กน้อยเรื่องภาพถ่าย ที่ส่วนตัวผมว่ามันให้ภาพที่ออกมา Under exposure ไปสักหน่อย

    ในการถ่ายภาพด้วยโหมด Auto + AI จะได้ไฟล์ภาพความละเอียดมาตรฐาน 12MP เนื่องจากเซ็นเซอร์เป็นแบบ 4 in 1 Super Pixel และการถ่ายที่ 12MP จะได้ขนาดพิกเซลที่ใหญ่ถึง 1.6 ไมครอน ซึ่งดีต่อการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ รวมถึงการถ่ายภาพในที่แสงน้อยด้วยครับ

    ถ่ายด้วยโหมดปกติ
    ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง

    โหมดการถ่ายกลางคืนก็มีมาให้เช่นกันในสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ สามารถถ่ายกลางคืนได้แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง โดยจะให้ภาพที่สว่าง และมีรายละเอียดที่คมชัดกว่าเมื่อเทียบกับโหมดปกติ แต่ก็ยังมี Noise ในภาพให้เห็นบ้าง และมีข้อสังเกตคือ โหมดกลางคืนจะใช้ได้เฉพาะกล้องหลัก และการซูมแบบ Digital Zoom เท่านั้น ไม่สามารถถ่ายกลางคืนด้วยกล้องมุมกว้างได้

    ถ่ายด้วยโหมดกลางคืน
    ถ่ายใกล้ด้วยเลนส์มาโคร

    อีกหนึ่งฟีเจอร์กล้องที่น่าสนใจของ Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro คือความสามารถในการสแกนเอกสารด้วยกล้องถ่ายภาพ ที่จะทำการครอป และเลือกเป็นสีต้นฉบับ หรือขาวดำได้

    กล้องหน้าของ Redmi Note 9 มีความละเอียด 13MP ถูกฝังไว้ใต้หน้าจอ DotDisplay บริเวณมุมซ้ายบนของตัวเครื่อง โหมดถ่ายภาพหลัก ๆ นอกจากโหมดปกติ ก็จะเป็น Portrait Mode ที่แต่งสวยด้วย AI และทำ Bokeh ละลายฉากหลังได้แม้จะมีกล้องหน้าเพียงตัวเดียว

    กล้องหน้าโหมดปกติ
    กล้องหน้าโหมด Portrait

    การถ่ายวิดีโอของ Redmi Note 9 ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง รองรับวิดีโอความละเอียดสูงสุด 1080p ที่ 30fps ทั้งคู่ วิดีโอกล้องหลังมีฟีเจอร์กันสั่นด้วย EIS ก็พอจะช่วยให้วิดีโอนิ่งในระดับหนึ่งแม้จะไม่ได้ใช้ Gimbal แล้วก็มีลูกเล่นอย่างการใส่ฟิลเตอร์ในวิดีโอติดมาให้ด้วย

    ภาพรวมของกล้อง Redmi Note 9 กับราคาเริ่มต้น 4,999 บาท แม้จะมีบางอย่างที่ดูขาด ๆ ไปบ้าง แต่ส่วนตัวผมมองว่ารุ่นนี้ทำได้เกินราคาแล้วครับ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ส่วนใครที่อยากได้คุณภาพของกล้องที่สูงกว่านี้ แนะนำให้ลองดูเป็นรุ่น Redmi Note 9 Pro ที่เซ็นเซอร์มีความละเอียดมากกว่า และรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงถึง 4K

    ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Redmi Note 9


    Performance – ประสิทธิภาพ

    ด้านประสิทธิภาพของ Redmi Note 9 ผมจะอ้างอิงจากเครื่องรีวิวที่เป็น RAM 4GB/ 128GB ROM โดยชิปประมวลผลของรุ่นนี้เป็น MediaTek Helio G85 ชิปเซ็ตเกมมิ่งรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง MediaTek ที่ปรับปรุงเรื่อง GPU ให้แรงขึ้น และสลับการเชื่อมต่อระหว่าง Wi-Fi กับ 4G ได้แทบจะไร้รอยต่อ ด้านความแรงเมื่อเทียบกับ Snapdragon 665 ชิปเซ็ตของ Redmi Note 9 จะแรงกว่าประมาณ 20%

    ในการใช้งานทั่วไป ด้วยสเปคที่ให้มาผมว่า Redmi Note 9 ตอบโจทย์การใช้งานได้สบาย ๆ ทั้งการเล่น Social Media, รับชมวิดีโอ Streaming หรือจะเป็นการใช้งานแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ส่วนการเล่นเกมด้วย Redmi Note 9 ผมทดสอบด้วยกัน 2 เกม ได้แก่ ROV และ PUBG Mobile มีผลการทดสอบดังนี้ครับ

    Redmi Note 9 เล่น ROV

    ในการตั้งค่าเกม ROV สามารถปรับการตั้งค่าได้ถึงกราฟฟิกระดับสูง, พาติเคิลสูง แต่ไม่สามารถเปิดโหมดเฟรมเรตสูงได้ครับ อย่างไรก็ตาม Redmi Note 9 สามารถเล่นเกมดังกล่าวได้ที่ 30 fps แบบนิ่ง ๆ ตลอดทั้งเกม ระหว่างเล่นไม่พบสัญญาณ ping สีส้ม หรือสีแดงตลอดทั้งการทดสอบ 3 เกมต่อเนื่อง

    Redmi Note 9 เล่น PUBG Mobile

    ในการเล่น PUBG Mobile ฟีเจอร์อย่าง Game Turbo จะรันโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ระหว่างเล่นเกมดังกล่าว Redmi Note 9 ที่ปรับตั้งค่าในระดับ HD กับเฟรมเรตสูง สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล รวมถึงการตอบสนองหน้าจอที่ทำได้ดีเยี่ยม

    โดยรวมสำหรับการเล่นเกม Redmi Note 9 ถือว่าตอบโจทย์การเล่นเกมได้ในระดับหนึ่ง สามารถเล่นเกมยอดนิยมได้ แต่ถ้าต้องการประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่สูงขึ้น ประมาณว่าปรับสุดทุกเกม แนะนำเป็น Redmi Note 9s / Redmi Note 9 Pro ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 720G ครับ

    ภาครับสัญญาณของ Redmi Note 9 เครื่องรีวิวที่ผมได้รับมา ผมทดสอบกับซิม TrueMove H พบว่าตัวเครื่องจับสัญญาณ 4G ไม่ขึ้น 4G+ ทำ SpeedTest ได้ไม่เกิน 70 Mbps และเมื่อทดสอบด้วย Rx Monitor พบว่าเป็นแบบ Non-CA ไม่รองรับการรวมคลื่น ส่วนการเชื่อมต่อ Wi-Fi ทั้ง Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro รองรับ Wi-Fi 5 แต่เฉพาะ Redmi Note 9 Pro ที่รองรับแบบ 2×2 MIMO

    การจัดการพลังงานของ Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro กับแบตเตอรี่ความจุ 5,020 mAh ถือว่าให้แบตเตอรี่ความจุสูงมาก เมื่อเทียบกับแบตเตอรี่มาตรฐานของสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ที่เฉลี่ยประมาณ 4,000 mAh ด้านการใช้งาน หากเป็นการสแตนบายบน 4G ผมลองสแตนบายทิ้งไว้ราว 4 วัน พบว่าแบตเตอรี่ยังเหลือให้ใช้งานประมาณ 30% แต่ถ้ามีการเล่นเกม แบตเตอรี่ก็จะมีอายุการใช้งานที่ลดหลั่นลงไป

    จากแบตเตอรี่ 100% หากใช้งานปกติ ไม่ได้เล่นเกมต่อเนื่องหลายชั่วโมง อาจจะเล่นเกมระหว่างวันบ้าง สลับการใช้งานโซเชียล ผมว่า Redmi Note 9 ใช้งานได้ยาว ๆ หมดวัน หรืออาจจะลากได้ 2 วันสบาย ๆ ครับ และคาดว่า Redmi Note 9 Pro ก็น่าจะใช้งานได้นานพอ ๆ กัน

    เรื่องการชาร์จไฟ Redmi Note 9 ให้อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 22.5W มาในกล่อง ไม่ต้องซื้อแยก แต่ตัวเครื่องจะรองรับการชาร์จเร็วสูงสุดที่ 18W (9V 2A) ผมทดสอบชาร์จไฟจากแบตเตอรี่ 20% ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมงแบตเตอรี่เต็มครับ มันจะจ่ายไฟได้ช้าลงเมื่อเข้าสู่ช่วง 80 – 100% ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพื่อการถนอมแบตเตอรี่ ส่วน Redmi Note 9 Pro จะรองรับการชาร์จไวที่ 30W ทำให้มันชาร์จไฟได้เร็วกว่า Redmi Note 9 ครับ


    Overall – ภาพรวม

    ภาพรวมทั้ง Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro หากถามว่าซื้อรุ่นไหนดี ผมมองว่าต้องดูที่งบประมาณครับ หากงบประมาณอยู่ในช่วงราคา 5,000 – 6,000 บาท บวกลบได้ไม่เกิน 500 บาท การเลือก Redmi Note 9 ก็คุ้มค่าในช่วงราคาดังกล่าว เพราะได้สมาร์ตโฟนที่สามารถเล่นเกมได้จากชิป Helio G85, กล้องหลังที่มาพร้อมกับเลนส์ครบช่วงในการใช้งาน แบตเตอรี่ความจุสูง 5,020 mAh และรองรับการชาร์จเร็ว คือเมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาเดียวกันแล้ว Redmi Note 9 ให้สเปคต่อราคาที่เหนือกว่าหลายแบรนด์ครับ

    แต่ถ้ามีงบประมาณสูงขึ้นมาสักหน่อย อยากได้สมาร์ตโฟนที่เล่นเกมได้ดีขึ้น รวมถึงกล้องที่สเปคสูงขึ้น Redmi Note 9 Pro ถือเป็นสมาร์ตโฟนราคาต่ำหมื่นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นชิป Snapdragon 720G, RAM พื้นฐาน 6GB, หน้าจอที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็น 6.67 นิ้ว รวมถึงรองรับการชาร์จไฟที่ 30W


    ราคา และการวางจำหน่าย Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro

    สำหรับ Redmi Note 9 / Redmi Note 9 Pro แต่ละรุ่นก็จะแยกออกเป็น 2 รุ่นย่อย ตามความจุ ได้แก่

    • Redmi Note 9 RAM3GB/ 64GB ROM ราคา 4,999 บาท (Online Exclusive)  
    • Redmi Note 9 RAM 4GB/ 128GB ROM ราคา 6,499 บาท
    • Redmi Note 9 Pro RAM 6GB/ 64GB ราคา 7,999 บาท (Online Exclusive)
    • Redmi Note 9 Pro RAM 6GB/ 128GB ราคา 9,999 บาท

    ส่วนช่องทางจัดจำหน่ายก็แยกออกเป็นช่องทางออนไลน์ สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดได้ตามลิ้งก์ด้านล่างครับ

    • Lazada: https://bit.ly/2Xzao5L
    • Shopee: https://bit.ly/2X8o7Bp
    • JD Central: https://bit.ly/2AieTcF

    ส่วนช่องทาง Offline หรือการซื้อที่หน้าร้าน จะเป็นที่ Banana, TG Fone, Jaymart, Mi Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

    Android Review Redmi Redmi Note 9 Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    Samsung Galaxy S25 Edge มาแล้ว เปิดราคา 36,xxx บาง 5.8mm แต่แรงด้วย SD 8 Elite for Galaxy

    13 พฤษภาคม 2025

    Apple อาจใช้ AI ช่วยประหยัดพลังงาน คาดใส่เข้ามาใน iOS 19

    13 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 3 กลุ่มหลักที่เหมาะกับ iPhone 16e – ถ้าซื้อไปใช้ รับรองว่าคุ้ม!

    13 พฤษภาคม 2025

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X