Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»รีวิว Redmi Note 10 5G มือถือ 5G สุดคุ้ม จอ 90Hz กล้องหลัง 3 ตัวในราคาเริ่มแค่ 5,999
    Android Platform

    รีวิว Redmi Note 10 5G มือถือ 5G สุดคุ้ม จอ 90Hz กล้องหลัง 3 ตัวในราคาเริ่มแค่ 5,999

    ZeroSystemBy ZeroSystem21 มิถุนายน 2021
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    หลังจากมือถือ 5G ได้ฤกษ์วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการไปตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าในช่วงแรก ๆ นั้นจะอยู่ในมือถือระดับท็อปก่อน และก็เป็นไปตามที่หลายคนคาดการณ์ครับ ว่าในปีนี้เราจะได้สัมผัสมือถือ 5G ในราคาย่อมเยาเข้าถึงง่ายขึ้นมาก อย่างเครื่องในรีวิวนี้ก็มีราคาเปิดที่เกินครึ่งหมื่นมานิดนึง นั่นคือ Redmi Note 10 5G ที่พร้อมให้ใช้งานเครือข่าย 5G ในไทย พร้อมด้วยสเปคในระดับที่ตอบโจทย์แบบทั่วไปได้อย่างสบาย ๆ ในราคาเริ่มแค่ 5,999 บาทเท่านั้น

    รีวิว Redmi Note 10 5G

    โดยตัวของ Redmi Note 10 5G ได้รับการออกแบบมาเพื่อเน้นการใช้งานสมาร์ตโฟนระดับพื้นฐานได้ค่อนข้างครบถ้วน เน้นตรงที่สามารถใช้ความเร็วเน็ตในระดับ 5G ได้ ทำให้เหมาะกับทั้งการใช้เป็นมือถือเครื่องหลัก และการใช้เป็นเครื่องรองในระยะยาวได้แบบไม่มีปัญหา เนื่องด้วยสเปคที่ให้มาคุ้มค่ากับราคา รวมถึงงานประกอบเองก็จัดว่าดีมาก ๆ เลยด้วย


    สเปค Redmi Note 10 5G

    • ชิปประมวลผล MediaTek Dimensity 700 5G (8 คอร์) 2.2 GHz
    • แรม มีให้เลือกทั้งรุ่น 4 และ 8 GB
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB UFS 2.2 มีช่องใส่ MicroSD แยกให้
    • หน้าจอ IPS ขนาด 6.5″ FHD+ (2400×1080) 90 Hz AdaptiveSync
    • กล้องหลัง 3 เลนส์
      • เลนส์ไวด์ปกติ 48MP f/1.79
      • เลนส์มาโคร 2MP f/2.4
      • เลนส์ depth 2MP f/2.4
    • กล้องหน้า 8MP f/2.0
    • มีระบบปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า และสแกนลายนิ้วมือ (ด้านข้างเครื่อง)
    • มีช่อง 3.5 มม.
    • มี NFC
    • ช่องใส่นาโนซิม 2 ช่อง รองรับการสแตนด์บาย 5G ได้ทั้ง 2 ช่อง (5G+5G Dual Sim Dual Standby)
    • Android 11 ครอบมาด้วย MIUI 12
    • แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จไวสูงสุดที่ 18W ผ่านช่อง USB-C
    • มีอินฟราเรด IR blaster
    • รองรับ WiFi 5GHz / Bluetooth 5.1
    • ราคา Redmi Note 10 5G รุ่นแรม 4 GB เริ่มที่ 5,999 บาท
    • ราคา Redmi Note 10 5G รุ่นแรม 8 GB เริ่มที่ 6,999 บาท

    ในแง่ของสเปคเครื่อง ต้องบอกว่ารุ่นนี้ออกมาค่อนข้างตอบโจทย์สายใช้งานทั่วไปได้ค่อนข้างครบ ตัวชิปเองให้ประสิทธิภาพในระดับพื้นฐานได้ดี พื้นที่เก็บข้อมูลก็ให้มาพอสมควร ทั้งยังเพิ่ม MicroSD ได้ด้วย การเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็ครบครันดี ทั้งแบบมีสายและไร้สาย แต่จะขัด ๆ นิดนึงตรงเลนส์กล้องหลังที่แม้จะให้มา 3 เลนส์ก็จริง แต่จะไม่มีเลนส์อัลตร้าไวด์เพื่อการเก็บภาพมุมกว้างพิเศษ ใครที่เป็นสายออกทริปก็อาจจะต้องอาศัยการเดินถอยนิดนึงเพื่อหามุมแทนนะครับ


    ตัวเครื่อง ดีไซน์

    เริ่มกันตั้งแต่แกะกล่องเลย แน่นอนว่าหน้ากล่องก็จะมีระบุรุ่น Redmi Note 10 5G มาให้ชัด ๆ ไม่ต้องกลัวหยิบผิด

    ด้านข้างจะมีสติกเกอร์ระบุข้อมูลต่าง ๆ ของตัวเครื่อง รวมถึงอุปกรณ์ที่แถมมาในกล่องด้วย ได้แก่

    • อะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่เป็นช่อง USB-A จ่ายไฟได้สูงสุด 10V 2.25A (22.5W)
    • สาย USB-C to USB-A
    • เข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด
    • เคสซิลิโคน
    • เอกสารคู่มืออีกนิดหน่อย

    ส่วนหูฟัง อันนี้ไม่มีแถมมาให้นะครับ ซึ่งเป็นตามปกติของเครื่องส่วนใหญ่ในกลุ่มแบรนด์ Mi อยู่แล้ว

    ฝั่งหน้าจอของก็จะใช้เป็นแบบ DotDisplay ที่มีการเจาะช่องสำหรับกล้องหน้าไว้ที่ตรงกลางด้านบนจอ ตัวจอสามารถแสดงสีสันและความสว่างได้ดีเกินราคา สามารถใช้งานกลางแจ้งได้ ส่วนเรื่องรีเฟรชเรต จะมีตัวเลือกให้ปรับได้ว่าจะใช้ค่าสูงสุดที่ 60 หรือ 90Hz โดยค่าเริ่มต้นจะปรับมาที่ 60Hz เท่านั้น ถ้าอยากใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเครื่อง ก็ให้เข้าไปปรับจากในเมนูการตั้งค่าของจอซะก่อน

    แต่อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วจอของเครื่องนี้จะเป็นแบบ AdaptiveSync ที่ระบบจะปรับรีเฟรชเรตจริงตามการใช้งานขณะนั้น โดยมีทั้ง 30 50 60 และ 90Hz เพื่อลดการใช้พลังงานลง ส่งผลให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานยิ่งขึ้นกว่าการใช้รีเฟรชเรตสูงสุดเพียงค่าเดียวตลอดเวลา โดยทาง Redmi ระบุถึงประเภทคอนเทนต์ที่ใช้รีเฟรชเรตต่าง ๆ ไว้ดังนี้

    • 90Hz – เล่นเกม (เกมต้องรองรับด้วย)
    • 60Hz – ดูวิดีโอแบบสตรีมมิ่ง
    • 50Hz – การแสดงผลภาพนิ่ง
    • 30Hz – สำหรับเล่นวิดีโอทั่วไป

     

    ฝาหลังเป็นพลาสติกที่มีการออกแบบพื้นผิวให้ดูพรีเมียมคล้ายกับการใช้กระจก มีขอบมุมที่โค้งมนในแบบ 3D ที่ทำให้สามารถจับถือได้กระชับมือ สำหรับเครื่องที่เรารีวิวในครั้งนี้จะเป็นสีเทา Graphite Gray ที่ทำออกมาได้ดูดีเลย

    น้ำหนักของตัวเครื่องเปล่าอยู่ที่ประมาณ 190 กรัม ซึ่งจัดว่าอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางหนักนิด ๆ สำหรับยุคนี้ แต่ด้วยการออกแบบฝาหลัง ทำให้สามารถจับเครื่องได้ถนัดมืออยู่

    บริเวณโมดูลกล้องหลังจะเป็นเพลตนูนขึ้นมา ซึ่งถ้าใส่เคสก็จะมีขอบนูนที่ขึ้นมาช่วยป้องกันบริเวณนี้ได้พอดี ภายในมีเลนส์กล้องด้วยกัน 3 เลนส์ พร้อมด้วยไฟแฟลช LED

    บริเวณด้านบนเครื่อง หลัก ๆ เลยจะมีจุดปล่อยแสงอินฟราเรด และก็ช่อง 3.5 มม. สำหรับเสียบแจ็คหูฟัง ลำโพง ทำให้สามารถฟังเพลงในระดับ Hi-res ได้อย่างง่ายดาย ส่วนลำโพงสนทนาจะอยู่ในจุดที่เป็นช่องตะแกรงที่อยู่ตรงบริเวณขอบจอ เลยขึ้นมาที่ขอบบนเครื่องเล็กน้อย

    ส่วนด้านล่างจะมีช่องรับเสียงของไมค์สนทนา ช่อง USB-C และก็ลำโพง

    ฝั่งซ้ายมีช่องถาดใส่ซิม ซึ่งภายในจะมีช่องนาโนซิม 2 ช่อง และก็ช่อง MicroSD แยกมาให้อีก 1 ช่องเลย

    ส่วนฝั่งขวานั้นจะมีปุ่ม Power แบบกดลงไปได้ ที่มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือติดตั้งมาให้ด้วย ถัดขึ้นมาเล็กน้อยเป็นแผงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงที่ใช้พลาสติกชิ้นเดียวกันทั้งหมด และจากมุมนี้จะเห็นชัดเลยว่ากล้องหลังนั้นนูนขึ้นมาเป็นแถบเลยทีเดียว

    ซึ่งถ้าต้องการปกป้องส่วนนูนของกล้องหลัง ก็แนะนำว่าควรใส่เคสครับ โดยเคสที่แถมมาในกล่องจะเป็นแบบ TPU ขุ่นนิด ๆ ที่ค่อนข้างหนา สามารถพับงอได้ โดยจะมีฝาปิดพอร์ต USB-C มาให้ด้วย


    ซอฟต์แวร์และฟีเจอร์น่าสนใจ

    Redmi Note 10 5G มาพร้อมกับ Android 11 ที่ครอบมาด้วย MIUI 12.0.2 แพตช์อัพเดตล่าสุดในตอนที่รีวิวคือแพตช์ของเดือนเมษายนที่ผ่านมา พื้นที่เก็บข้อมูลตามสเปค 128 GB เหลือให้ใช้งานตอนเปิดเครื่องที่ประมาณ 107 GB

    และตามที่รีวิวไปแล้วในส่วนของหน้าจอว่าสามารถปรับเปลี่ยนค่ารีเฟรชเรตสูงสุดได้ ซึ่งมันจะอยู่ในเมนูการตั้งค่าหน้าจออีกทีนึง โดยค่าเริ่มต้นจะตั้งมาไว้ที่ 60Hz เท่านั้น ถ้าต้องการใช้งานแบบเต็มสเปคก็ให้เข้ามาปรับเป็น 90Hz ก่อน แลกมาด้วยการกินแบตเพิ่มขึ้นอีกนิดนึง แต่ได้ความลื่นไหลของภาพที่สบายตากว่า โดยเฉพาะการเลื่อนหน้าจอยาว ๆ เช่น การไถดูฟีด Facebook เป็นต้น ส่วนเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ เท่าที่ผมใช้งานมา ก็ไม่ได้พบว่ามันกินแบตมากอย่างเห็นได้ชัดขนาดนั้น สามารถเปิด 90Hz เพื่อใช้งานตลอดวันได้เลย

    ดังนั้น ถ้าอยากจะใช้งาน Redmi Note 10 5G เครื่องนี้ได้แบบเต็มที่ตลอดวัน ก็เปิด 90Hz ไปเลยครับ ระบบ AdaptiveSync ช่วยเซฟแบตได้แน่นอน

    หรือถ้าต้องการจะเซฟแบตเพิ่มขึ้นไปอีก MIUI 12 ในเครื่องก็มีโหมดประหยัดแบตเตอรี่มาให้เลือกใช้งานด้วย โดยมีทั้งระดับธรรมดา ที่จะลดการทำงานของแอปเบื้องหลัง แอประบบลง ช่วยเคลียร์แคชหลังปิดหน้าจอ และปิดการทำงานของฟีเจอร์ที่กินแบตหนัก ๆ (เช่น 5G) ลง และก็ระดับ Ultra ที่จะลดระดับการทำงานของฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ ลงเกือบทั้งหมด แต่ยังใช้โทรศัพท์ รับส่ง SMS และเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้อยู่ เพื่อการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานที่สุด

    ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจก็เช่น Floating windows ที่สามารถลากการแจ้งเตือนที่ปรากฏขึ้นมาตรงส่วนบนของหน้าจอ ออกมาเป็นหน้าจอแอปลอย ๆ ทับหน้าจอปัจจุบันได้ เพื่อการอ่านข้อมูล และตอบกลับการแจ้งเตือนนั้นได้อย่างเต็มที่

    ถัดมาก็เป็น Lite mode ที่จะปรับ UI หน้าจอเครื่องให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยปรับไอคอน และตัวหนังสือให้ใหญ่กว่าเดิม เหมาะกับการให้ผู้สูงอายุใช้งาน

    ฟังก์ชันเสริมที่เกี่ยวกับเกมก็จะมี Game Turbo ที่ช่วยจัดการทรัพยากร และการทำงานต่าง ๆ ของระบบให้เหมาะกับการเล่นเกมที่สุด โดยจะมีสิ่งที่สามารถตั้งค่าได้ค่อนข้างหลากหลาย ไล่มาตั้งแต่ระดับประสิทธิภาพการทำงานของเครื่อง การจัดการแรม แบนด์วิธอินเตอร์เน็ต คุณภาพของเสียง ไปจนถึงสามารถปิดระบบปรับแสงสว่างจออัตโนมัติได้ ปิดข้อความแจ้งเตือน เป็นต้น ส่วนเรื่องการควบคุมในเกม ก็สามารถปรับความไวต่อการสัมผัสปุ่มบนจอแยกตามแต่ละเกมได้ด้วย


    กล้องของ Redmi Note 10 5G

    มาถึงส่วนการทดสอบกล้องของ Redmi Note 10 5G กันบ้างครับ สำหรับในแง่ของฟีเจอร์นั้นก็มาค่อนข้างครบสำหรับการเป็นสมาร์ตโฟนในยุคนี้เลย คือมีระบบ AI Vision ที่ช่วยปรับจูนสีสันในภาพให้เหมาะสมกับซีนต่าง ๆ เช่น ซีนการถ่ายภาพท้องฟ้า ทะเล สัตว์ เป็นต้น ส่วนโหมดในการถ่ายก็จะมีค่อนข้างหลากหลาย เช่น ออโต้ โหมดโปร โหมด portrait สำหรับถ่ายภาพบุคคล โหมดความละเอียดสูง (48MP) โหมดมาโคร เป็นต้น

    ในการถ่ายภาพกลางแจ้งที่มีแสงสว่าง ภาพที่ได้ออกมานั้นจัดว่าดีเกินตัวมาก โดยเฉพาะเรื่องความคมชัดในรายละเอียดเล็ก ๆ ส่วนการเก็บความสว่าง และรายละเอียดในส่วนมืดของภาพ ตัวระบบ HDR ก็ทำงานได้ค่อนข้างดีครับ พอจะขุดขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นทำให้ภาพสว่างเกินกว่าที่ตาเห็น

    ตัวระบบ AI นั้นก็ประมวลผลและเลือกซีนของภาพได้ค่อนข้างแม่นยำ โดยจุดต่างระหว่างภาพที่มี AI ช่วย (ภาพบน) กับภาพที่ปิดระบบ AI (ภาพล่าง) หลัก ๆ เลยก็จะเป็นเรื่องสีสันที่ภาพบนจะดูจัดจ้านกว่า ซึ่งถ้าหากมองว่าสีจัดเกินไป ก็สามารถกดปิดระบบ AI จากปุ่มบนหน้าจอแอปกล้องได้เลย โดยภาพที่ออกมาก็จะตรงกับสีที่ตาเห็นมากกว่ากันนิดนึง

    สำหรับการวัดและชดเชย white balance ส่วนตัวผมรู้สึกว่า Redmi Note 10 5G เครื่องนี้ทำได้ค่อนข้างแม่นยำพอตัวเลย เมื่อเทียบกับมือถือรุ่นอื่น ๆ ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน รวมถึงเรื่องความเร็วในการโฟกัสด้วย

    โหมดมาโครจะเป็นเลนส์ fixed มีระยะในการโฟกัสใกล้สุดประมาณ 4 เซนติเมตร เรื่องความคมชัดก็จัดว่าทำได้โอเคเลย

    จะใช้เลนส์ไวด์ปกติในการถ่ายอาหารก็สบายมาก แม้จะไม่ได้มีโหมดถ่ายอาหารมาให้โดยเฉพาะก็ตาม

    ส่วนการถ่ายภาพกลางคืน ก็จะมีโหมดถ่ายกลางคืนมาให้ใช้งานโดยเฉพาะ ซึ่งผมก็ลองถ่ายจุดเดียวกัน เทียบระหว่างปิดกับเปิดโหมดถ่ายกลางคืนแล้ว พบว่าความสว่างของภาพที่ได้นั้นต่างกันอย่างเห็นได้ชัด อย่างในภาพด้านบนนี้เป็นภาพที่ได้จากการใช้โหมดกลางคืน จะเห็นว่าสามารถเก็บแสงเข้ามาในระดับที่มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ในภาพได้เลย ส่วนเรื่องความคมชัดก็ตามราคาครับ รายละเอียดปลีกย่อยอาจจะดูเบลอ ๆ นิดนึง

    ด้านล่างนี้เป็นแกลเลอรี่รวมภาพถ่ายจากกล้องของ Redmi Note 10 5G ครับ คลิกเพื่อดูทีละภาพได้เลย


    ทดสอบประสิทธิภาพ และการเล่นเกม

    ลองจับเครื่องมาทดสอบประสิทธิภาพเชิงตัวเลขด้วยแอปต่าง ๆ ดูบ้าง ซึ่งก็แน่นอนครับ คะแนนที่ออกมาจากชิป MediaTek Dimensity 700 5G ที่เป็นชิประดับ 7nm นั้นจะเกาะอยู่ในกลุ่มเครื่องระดับกลาง ๆ ไม่สูงมากนัก อยู่ในเกณฑ์ที่สามารถใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวันได้ ใช้แอป ดูหนัง ฟังเพลงได้สบาย แต่อาจจะใช้งานที่ต้องประมวลผล และกราฟิกหนัก ๆ ได้ไม่ค่อยทันใจอยู่บ้าง

    ส่วนตัวชิปรอมที่เป็น UFS 2.2 นั้น ผลทดสอบความเร็วจากแอป AndroBench พบว่าสามารถทำความเร็วในการอ่านแบบ sequential ได้ราว 918 MB/s เขียนได้ 404 MB/s ซึ่งสูงมาก ๆ ทำให้การเรียกใช้แอป เรียกหาข้อมูลทำได้ค่อนข้างเร็วทันใจ

    ในการทดสอบความเร็วอินเตอร์เน็ต อันที่จริงแล้ว 5G จะทำความเร็วได้สูงกว่าในภาพด้านบนนะครับ แต่ช่วงที่ทดสอบ น่าจะเป็นช่วงที่มีการปรับปรุง cellsite อยู่ ความเร็วเลยไม่สูงอย่างที่ควรจะเป็น แต่อย่างไรก็ตาม ก็จัดว่ายังสูงกว่า 4G LTE ที่ใช้งานทั่วไปอยู่ดี

    ปิดท้ายด้วยการเช็คเวอร์ชันของมาตรฐาน Widevine พอเห็นผลแล้วก็หายห่วงเลยครับ เพราะมาในระดับ L1 ทำให้สามารถรับชมเนื้อหาจากบริการสตรีมมิ่งหลาย ๆ ตัวในระดับ HD ได้แน่นอน

    ส่วนการใช้งานแบตเตอรี่ ด้วยแบตความจุ 5000 mAh ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ที่ไม่ได้กินไฟโหดจนเกินไป ทำให้สามารถใช้งานในหลักข้ามวันได้เลย

    ลองกับเกมกินสเปคมือถืออย่าง Genshin Impact สำหรับกราฟิกที่เกมแนะนำมาให้ก็จะเป็นระดับต่ำสุด 30FPS เพื่อความลื่นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งผมก็ลองปรับเป็น 60FPS ดู พบว่าสามารถเล่นได้เหมือนกัน แต่อาจจะมีการกระตุกบ้างตอนแพนกล้องไว ๆ ดังนั้นถ้าอยากจะให้ชัวร์ ๆ หน่อย ก็ใช้กราฟิกระดับต่ำสุด 30FPS จะดีกว่า

    ส่วน RoV สามารถปรับได้สูงสุดตามภาพด้านบนครับ ไม่มีโหมดเฟรมเรตสูงให้ใช้งาน ทำให้ระหว่างเล่นเกม จะได้เฟรมเรตอยู่ที่ระดับ 30FPS แบบนิ่ง ๆ แทบไม่เจออาการแกว่งให้เห็นเลย

    ด้านของเกมยิงสุดฮิตอย่าง PUBG Mobile ก็ปรับได้สูงสุดที่ระดับ HD เฟรมเรต High อันนี้ลื่นมาก เล่นได้สบาย


    สรุปรีวิว Redmi Note 10 5G

    Redmi Note 10 5G จัดเป็นมือถือรุ่นใหม่ที่ทำราคาออกมาได้น่าสนใจมาก สำหรับคนที่อยากลองใช้งาน 5G ในไทย ด้วยราคาเริ่มต้นที่เกินครึ่งหมื่นขึ้นมานิดหน่อย จะใช้งานเป็นเครื่องหลักหรือเครื่องรองก็ทำได้ไม่มีปัญหา ด้วยสเปคในภาพรวมที่เพียงพอสำหรับการใช้งานพื้นฐานได้แทบทุกรูปแบบ ซึ่งถ้าให้แนะนำ หากคุณต้องการซื้อมาใช้เป็นเครื่องหลักไปเลย อาจจะไปมองตัวรุ่นแรม 8 GB ที่ราคาเพิ่มจากรุ่นเริ่มต้น 1,000 บาท เพื่อการใช้งานในระยะยาวได้แบบไม่ต้องเสียดายภายหลัง แต่ถ้าจะใช้เป็นเครื่องรอง ใช้งานพื้นฐานที่ไม่หนักมาก รุ่นแรม 4 GB ก็รับมือได้สบาย 

    ดีไซน์โดยรวมก็ทำออกมาได้ร่วมสมัย ลงตัว ทำให้สามารถใช้งานได้ง่าย จะเสียดายก็ตรงที่กล้องหลังไม่ได้ใส่เลนส์อัลตร้าไวด์มาให้ จึงทำให้เรื่องกล้องนั้นอาจจะยังไม่ได้โดดเด่นเหนือมือถือ 5G ราคาเบา ๆ รุ่นอื่นในท้องตลาดมากนัก แต่จริง ๆ แล้วแค่เรื่องราคา กับความครบเครื่องโดยรวม ก็ต้องบอกว่า Redmi Note 10 5G ทำออกมาได้น่าสนใจมาก ๆ ตามสไตล์ของแบรนด์เลยทีเดียว

    Redmi Redmi Note 10 5G Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    เปิดตัว POCO F7 มือถือเกมมิ่งพร้อมชิป Snapdragon 8s Gen 4 แบตใหญ่ 6500mAh ราคาเริ่มต้น 13,999 บาท

    24 มิถุนายน 2025

    รวมโปรลงทะเบียน The New Galaxy Z Fold7, Z Flip7 ล่วงหน้าจาก Samsung, AIS, true-dtac ที่ไหนได้อะไรบ้าง

    24 มิถุนายน 2025

    HUAWEI MatePad Pro 12.2” 2025 – แท็บเล็ตมืออาชีพที่ดีที่สุดนวัตกรรม 3-in-1 ที่มอบประสบการณ์ระดับคอมพิวเตอร์ด้วย Glide Keyboard, หน้าจอ TANDEM OLED และ PC-Level WPS Office

    24 มิถุนายน 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เผยผลประกอบการ Sony แผนกเซ็นเซอร์กล้องพุ่ง! แผนกมือถือร่วง

    25 มิถุนายน 2025

    เผยสเปค Nothing Phone (3) เพิ่มเติม: แบต ระบบชาร์จไว และอื่น ๆ

    25 มิถุนายน 2025

    5 เทคโนโลยีที่ควรมี และจะเป็นมาตรฐานมือถือเรือธง 2025-2026

    25 มิถุนายน 2025

    เปิดตัว POCO F7 มือถือเกมมิ่งพร้อมชิป Snapdragon 8s Gen 4 แบตใหญ่ 6500mAh ราคาเริ่มต้น 13,999 บาท

    24 มิถุนายน 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X