realme Pad แท็บเล็ตตัวแรกจากทาง realme ที่มาพร้อมกับสเปคแบบจัดเต็มในดีไซน์ที่บางเฉียบเพียง 6.9 มม. เท่านั้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.4 นิ้ว และลำโพง 4 ตัวที่มีระบบเสียงแบบ Dolby Atmos อีกด้วย เรียกได้ว่าจัดเต็มเพื่อความบันเทิงโดยเฉพาะเลย ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้มาก็นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว ใครที่กำลังมองหาแท็บเล็ตจอใหญ่สเปคดีๆ ในราคาไม่แพงมากนัก ลองมาดูรีวิวกันก่อนค่อยตัดสินใจก็ได้นะ
- สเปค
- ดีไซน์ตัวเครื่อง
- ระบบปฏิบัติการ
- การใช้งานทั่วไป / โซเชียล
- การเล่นเกมและแบตเตอรี่
- การถ่ายภาพ
- สรุปการรีวิว
สเปค realme Pad
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 10.4 นิ้ว, ความละเอียด 2000 x 1200 พิกเซล (WUXGA+)
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio G80
- แรม : 4GB / 6GB
- ความจุ : 64GB / 128GB
- กล้องหลัง : 8 MP, AF
- กล้องหน้า : 8 MP
- แบตเตอรี่ : 7,000 mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว 18W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- การเชื่อมต่อ :
- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
- Bluetooth 5.0
- GPS, A-GPS, GLONASS, BDS
- USB Type-C
- USB OTG
- เซ็นเซอร์ :
- Accelerometer
- Gyroscope
- Proximity
- ขนาด : 246.1 x 155.9 x 6.9 มม.
- น้ำหนัก : 440 กรัม
- ราคา :
- 4GB / 64GB : 8,990 บาท
- 6GB / 128GB (Wi-Fi) : 10,990 บาท
- 6GB / 128GB (LTE) : 11,990 บาท
จุดเด่น
- จอใหญ่ 10.4 นิ้ว ที่มีความละเอียดถึง WUXGA+
- น้ำหนัก 440 กรัมถือว่าเบาเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่ให้มา
- ตัวเครื่องบางเพียง 6.9 มม. เท่านั้น
- ให้ลำโพงมาถึง 4 ตัว ทำให้ได้เสนยงที่กระหึ่มมาก
- ชิปประมวลผล Helio G80 ทำไให้สามารถเล่นเกมได้ลื่นๆ ทุกเกม
- มาพร้อมระบบชาร์จเร็วขนาด 18W ทำให้ใช้เวลาชาร์จน้อยลงไปเยอะ
ข้อสังเกต
- หน้าจอสีสันไม่ได้สวยเท่าไร ทำให้การดูหนังไม่ได้อรรถรสเต็มที่นัก
- ชิปประมวลผล Helio G80 เป็นชิปที่ค่อนข้างเก่าทำให้เปิดความละเอียดสูงมากไม่ได้
- ถึงแม้จะมีระบบชาร์จเร็วขนาด 18W แต่ก็ต้องใช้เวลาชาร์จถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะชาร์จเต็มหากใช้จนแบตเตอรี่หมด
- ช่องหูฟัง 3.5 มม. อยู่ตรงมุมเครื่องพอดี ทำให้ไม่ค่อยสะดวกเวลาใช้งานเท่าไร
- ด้วยการที่เป็นแท็บเล็ตทำให้คุณภาพของภายถ่ายเพียงแค่พอใช้เท่านั้น
ดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับดีไซน์ตัวเครื่องนั้น realme Pad มาพร้อมหน้าจอแบบ IPS-LCD ขนาด 10.4 นิ้ว ที่มีความละเอียดระดับ WUXGA+ ซึ่งให้ภาพที่ค่อนข้างคมชัด ในส่วนของขอบจอค่อนข้างมีพื้นที่เล็กน้อย ทำให้เวลาจับถือมือไม่ลั่นไปโดนหน้าจอ แต่ก็ทำให้ตัวเครื่องมีความใหญ่ขึ้นไปอีก โดยในขอบจอนี้จะมีกล้องหน้าความละเอียด 8 MP วางอยู่ในแนวนอนอีกด้วย (เท่ากับว่าเครื่องนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้แนวนอนเป็นหลัก)
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องมีวัสดุเป็นพลาสติกผิวด้านสีเทา ทำให้มีความรุ้สึกแข็งแรงและเรียบหรูเหมือนเป็นโลหะเลย แต่ด้วยการที่มีผิดเป็นแบบด้านทำให้เกิดรอยนิ้วมือได้ยากอีกด้วย ที่มุมเครื่องด้านบนจะมีกล้องหลังความละเอียด 8 MP อยู่ และที่มุมล่างของเครื่องจะมีชื่อแบรนด์ realme ติดอยู่
ที่ด้านซ้ายของเครื่อง (เมื่อใช้งานแบบแนวนอน) จะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องพร้อมด้วยลำโพงจำนวน 2 ตัวอยู่
ที่ฝั่งขวาของตัวเครื่องนั้นจะมีลำโพง 2 ตัว และพอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง ส่วนตรงมุมเครื่องด้านล่างจะมีช่องหูฟังขนาด 3.5 ม. อยู่
ที่ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะมีปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ทางฝั่งขวา ใกล้กับปุ่มเปิด-ปิด และมีถาดใส่ซิมและ MicroSD อยู่ โดยตัวถาดใส่ซิมนี้จะเป็นแบบ Hybrid-slot ที่สามารถใส่ได้ 1 ซิมและ 1 MicroSD หรือจะใส่เป็น 2 ซิมก็ได้ (ถ้าเป็นรุ่น Wi-Fi ก็จะใส่ได้แค่ MicroSD Card เท่านั้น) ส่วนไมโครโฟนของตัวเครื่องนั้นจะมีอยู่ทั้งหมด 2 ตัว อยู่ระหว่างปุ่มปรับระดับเสียงและช่องใส่ซิม
ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการของ realme Pad มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่ครอบทับด้วย realme UI for Pad 1.0 ที่ทำออกมาเพื่อใช้กับแท็บเล็ตโดยเฉพาะ ทำให้มีฟีเจอร์ที่เหมาะกับแท็บเล็ตอยู่เยอะ แถมด้วยการทำออกมาให้คล้ายกับ Pure Android ทำให้หน้าตามีความเรียบง่าย ส่งผลให้ใช้งานตามไปด้วย
สำหรับฟีเจอร์ที่น่าสนใจใน realme UI for Pad นั้นนอกจากจะเรียบง่ายแล้วยังสามารถปรับขนาดตัวอักษรให้ใหญ่แบบสะใจได้เลย แถมยังมีโหมดถนอมสายตาสำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือบนแท็บเล็ตแต่ไม่อยากสายตาเสียด้วย นอกจากนี้มีรองรับการแบ่งหน้าจอที่เรียกกันว่า Multi-windows อีกด้วย โดยสามารถแบ่งได้ 2 หน้าจอเท่านั้น ทว่าก็สามารถปรับอัตราส่วนหน้าจอได้ตามความต้องการเลย
การใช้งาน realme Pad
การใช้งานทั่วไป / เล่นโซเชียล
ในเรื่องการใช้งานโดยทั่วไปนั้นสำหรับการดูหนังตัว realme Pad มี Widevide DRM ระดับ L1 ทำให้สามารถดูหนังใน Netflix ได้เต็มความละเอียดเท่าที่เครื่องจะสามารถแสดงผลได้เลย และด้วยลำโพง 4 ตัวที่มีเสียงแบบ Dolby Atmos ทำให้สามารถดูหนังได้อย่างมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ด้วยหน้าจอแบบ IPS-LCD ทำให้การแสดงผลสีไม่ค่อยสวยเท่าไรก็ตาม
สำหรับการเล่นโซเชียลนั้นด้วยชิปประมวลผล Helio G80 ทำให้มีความลื่นไหลสบายหายห่วงได้ ทว่าถ้าพูดถึงเรื่องการออกแบบ UI สำหรับแท็บเล็ตแล้ว เหมือนว่าจะยังมีบางแอพที่ทำออกมาได้ไม่ค่อยดีเท่าไร อย่างเช่นแอพ Facebook ในภาพที่เวลาใช้งานแบบแนวนอนแล้วเกิดพื้นที่เหลือที่ด้านข้าง ซึ่งพื้นที่ตรงนี้เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย เวลาจะไถฟีดก็ต้องเลื่อนมือเข้าไปไถตรงกลางจอเท่านั้น ทำให้ไม่ค่อยสะดวกในการใช้งานเท่าไร (น่าจะมีการอัพเดตแก้ในภายหละง แต่ไม่รู้เมื่อไร)
สำหรับการปล่อย Hotspot นั้นค่อนข้างน่าสนใจนิดหน่อย (สำหรับรุ่น LTE นะ) เนื่องจากสามารถปล่อย Wi-Fi แบบ 5GHz ได้นับว่าค่อนข้างเกิดคาดเล็กน้อยสำหรับแท็บเล็ต ทำให้ใครที่ใช้รุ่น LTE อยู่แล้วต้องการแชร์เน็ตให้กับอุปกรณ์อื่นๆ สามารถแชร์เน็ตแบบเต็มกำลังได้เลย
การเล่นเกมและแบตเตอรี่
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นมาพร้อมกับชิปประมวลผล Helio G80 ที่เป็นชิปเกมมิ่งราคาประหยัดของ MediaTek ทำให้สามารถเอามาใช้เล่นได้แทบทุกเกม ทว่าด้วยการที่เป็นชิปค่อนข้างเก่า ทำให้ไม่สามารถเปิดกราฟิกสูงๆ หรือเฟรมเรทสูงๆ ในกลายๆ เกมได้ ซึ่งจากที่ได้ลองเอาไปเล่นทั้งเกม RoV, PUBG Mobile, Asphalt 9 และ ROX แล้วสามารถเล่นได้แบบลื่นๆ ทุกเกมเลย ถึงจะเสียดายกับเกม RoV ตรงที่ไม่สามารถเปิด 60fps ได้ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นเฟรมเรทที่ได้ก็ไม่ร่วงเลยไม่ว่าจะตะลุมบอนกันขนาดไหนก็ตาม
ในส่วนของแบตเตอรี่นั้นตัวเครื่องให้มาขนาด 7,000 mAh พร้อมด้วยระบบชาร์จเร็วขนาด 18W ซึ่งจากที่ลองใช้แล้วค่อนข้างอึดทีเดียว ตอนที่ได้รับเครื่องต่อมามีแบตเตอรี่เหลืออยู่ประมาณ 31% ซึ่งเอามาใช้โหลดข้อมูลเกมต่างๆ จนเสร็จ ใช้เวลาไปเกือบ 2 ชั่วโมง แบตเตอรี่ยังไม่หมดเลย เมื่อเอามาเล่นเกมแล้วผ่านไปเกือบชั่วโมง แบตเตอรี่ลดลงไปเพียงแค่ 10% เท่านั้น (ปรับค่าแบบที่ทุกๆ คนน่าจะปรับกันแล้ว) ส่วนในเรื่องของการชาร์จนั้นหากใช้จนแบตเตอรี่หมดเลยเมื่อผ่านไป 30 นาทีจะได้แบตเตอรี่มา 23% และเมื่อผ่านไป 1 ชั่วโมง 7 นาที ถึงจะชาร์จได้ถึง 50% หากจะเอาให้แบตเตอรี่เต็มเลยต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงกว่าจะเต็ม ซึ่งก็นับว่านานอยู่ ดังนั้นแนะนำว่าอย่าใช้จนหมดจะดีที่สุด
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นมาพร้อมกล้องหน้าและหลังอย่างละตัว โดยทั้ง 2 ตัวมีความละเอียก 8 MP เหมือนๆ กัน ทว่าในกล้องหลังนั้นมีระบบ Auto Focus มาด้วย ช่วยให้เการถ่ายรูปมีความสะดวกมากขึ้น ถึงจะคาดหวังกับความคมชัดมากไม่ได้ก็ตาม และด้วยการที่มีความละเอียดไม่สูวมากนักทำให้สามารถบันทึกวิดีโอได้เพียงแค่ 1080p 30fps เท่านั้นไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้าหรือกล้องหลังก็ตาม ซึ่งก็เพียงพอสำหรับแท็บเล็ตราคาหมื่นเดียวแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว realme Pad
สรุปการรีวิว realme Pad จากที่เอาไปลองใช้มาระยะหนึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นแท็บเล็ตแบบเพื่อความบันเทิงจริงๆ ถึงหน้าจอจะไม่ได้ดีเท่าที่ควร แต่ทั้งความคมชัดและระบบเสียงนั้นเรียกได้ว่าจัดเต็มสุดๆ สำหรับการเล่นเกมนั้นด้วยขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับการถือเล่นสักเท่าไร เรียกได้ว่า realme Pad เป็นแท็ตเล็ตที่เหมาะกับคนที่เน้นการดูหนังหรืออ่านหนังสือ แล้วชอบพกพาไปไหนมาไหนด้วยมากกว่า ถึงจะมีจุดที่ทำให้ลังเลเรื่อง UI ที่ยังดูไม่สมบูรณ์ในช่วงแรกก็ตาม แต่ก็น่าจะมีการอัพเดตเพิ่มเติมแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจและอยากลองของสามารถซื้อ realme Pad ได้ที่ Shopee ตามลิ้งต่อไปนี้ได้เลย 4GB / 64GB | 6GB / 128GB (Wi-Fi) | 6GB / 128GB (LTE)
บทความที่เกี่ยวข้อง
5 แท็บเล็ตราคาถูก งบไม่เกิน 10,000 บาท เรียนก็ได้ ดูหนังก็ดี