Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»[Review] OPPO Reno สมาร์ทโฟนจอเต็ม Panoramic Screen ดีไซน์สวย พรีเมียมไม่แพ้รุ่นพี่ | 16,990 บาท
    Android Platform

    [Review] OPPO Reno สมาร์ทโฟนจอเต็ม Panoramic Screen ดีไซน์สวย พรีเมียมไม่แพ้รุ่นพี่ | 16,990 บาท

    Jamikorn SingnamthiengBy Jamikorn Singnamthieng2 กรกฎาคม 2019Updated:6 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ก่อนหน้านี้ผมได้รีวิว OPPO Reno 10x Zoom ที่เป็นรุ่นท็อปสุดของ Reno Series และนี่ก็ถึงคราวของ OPPO Reno น้องเล็กมาพร้อมจุดเด่นเรื่องการดีไซน์ที่สวยงาม หน้าจอเต็ม Panoramic Screen เช่นเดียวกันรุ่นใหญ่ ด้วยการใส่กล้องหน้าแบบ Pivot Rising Camera ที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเครื่อง ส่วนเรื่องกล้อง แม้จะเป็นกล้องหลังคู่ แต่เซ็นเซอร์หลักก็มีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล รวม ๆ แล้วกับค่าตัว 16,990 บาท ก็ถือว่ามีความน่าสนใจทีเดียวครับ

    สเปค OPPO Reno

    • ชิปประมวลผล Snapdragon 710 พร้อมชิปกราฟิก Adreno 616
    • แรม 6 GB LPDDR4
    • พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB UFS 2.1
    • หน้าจอ 6.4″ FHD+ (2340 x 1080) AMOLED ขอบเขตสีระดับ DCI-P3 แบบ Panoramic Screen
    • กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 6
    • กล้องหลัง 2 ตัว และมีโหมด Ultra Night Mode 2.0 สำหรับถ่ายภาพในที่มีแสงน้อย
      • กล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 f/1.7
      • กล้อง depth 5 ล้านพิกเซล f/2.4
    • กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล f/2.0 Pivot Rising Camera
    • เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Hidden Fingerprint Unlock 2.0 บนหน้าจอ และมีระบบสแกนใบหน้า
    • มีช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มม.
    • Android 9.0 ครอบด้วย ColorOS 6.0
    • ระบบเสียงระดับ Hi-Res
    • แบตเตอรี่ 3765 mAh รองรับการชาร์จเร็ว VOOC flash charging 3.0
    • ราคา 16,990 บาท

    อุปกรณ์ในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง สายชาร์จ, อะแดปเตอร์ VOOC Flash Charge 3.0 หูฟัง และเคส TPU ขนาดพอดีตัวเครื่อง

    Design – การออกแบบ 

    เช่นเดียวกับ Reno 10x Zoom ตัวเครื่องมีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Jet Black และสี Ocean Green โดยเครื่องรีวิว ที่ผมได้รับมารอบนี้เป็นสี Ocean Green ที่มีพื้นผิวแบบด้าน แตกต่างจากสี Jet Black ที่เป็นพื้นผิวมันเงา การดูแลรักษาทำได้ง่ายกว่า ฝาหลังตัวเครื่องไม่ค่อยเก็บรอยนิ้วมือ

    จุดเด่นในด้านการดีไซน์ จะอยู่ที่การใส่หลายเทคโนโลยีเข้าไปในสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ เพื่อให้หน้าจอ Panoramic screen ของ Reno ไร้ติ่ง ไร้รอยบาก และมีขอบจอบางที่สุด โดยหน้าจอของ Reno มีขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19.5:9 พาแนลแบบ AMOLED ให้สีสันที่สดมากกว่าหน้าจอปกติทั่วไป รองรับคอนเทนต์ HDR 10+ และใช้กระจกนิรภัย Gorilla Glass 6

    นอกจากหน้าจอ Panoramic screen จะแสดงผลได้เต็มจอเต็มตาแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยในการลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา เมื่อเปิดฟังก์ชันดังกล่าว สามารถบล็อกแสงสีฟ้าได้ถึง 50% อีกทั้งได้รับมาตรฐานจาก TÜV Rheinland การันตีว่าลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้จริง ๆ

    ความลับที่ทำให้หน้าจอเต็มจอ ไร้ติ่ง ไร้รอยบาก อยู่ที่ Pivot-Rising Camera ถูกใช้เพื่อใส่กล้องหน้า, แฟลชหลัง รวมถึงเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ไว้ใน Pivot Rising Camera เมื่อเรียกใช้งานกล้องหน้าหรือแฟลชกล้องหลัง กลไก Pivot-Rising จะเลื่อนขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 0.8 วินาที และในเวลาปกติที่ไม่ได้มีการเรียกใช้งานฟังก์ชันดังกล่าว กล้องหน้าก็จะถูกซ่อนไว้ด้านในตัวเครื่องอย่างแนบเนียน

    สำหรับคนที่กังวลด้านความทนทานของ Pivot Rising Camera ก็มีข้อมูลผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการของทาง OPPO ระบุว่ากลไกดังกล่าวสามารถเลื่อนขึ้นได้มากกว่า 200,000 ครั้ง และมาพร้อมกับฟีเจอร์ในการตรวจจับสถานะของโทรศัพท์ หากตัวเครื่องหล่นขณะที่ Pivot Rising Camera ทำงานอยู่ ตัวกล้องจะเลื่อนกลับเข้าข้างในโดยอัตโนมัติ

    เมื่อพลิกมายังด้านหลัง จะพบกับตัวเครื่องที่ออกแบบมาได้อย่างไร้รอยต่อ มีความโค้งมนให้จับถือได้อย่างสะดวก และเป็นการออกแบบที่อิงกับหลักความสมมาตรไม่ต่างจากรุ่น 10x Zoom โดยตัวกล้องถูกจัดวางบริเวณกึ่งกลาง และมีการวางข้อความ Design by OPPO บริเวณแกนกลาง กล้องหลังคู่ขแนบเนียนไปกับกระจก ไม่นูนขึ้นมาเหมือนสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในท้องตลาด ส่วนจุดเขียว ๆ ตรงด้านล่างกล้อง มีชื่อว่า O-Dot ทำหน้าที่ยกโทรศัพท์ให้สูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อวางตัวเครื่องบนพื้น เพื่อไม่ให้กล้องหลังสัมผัสกับพื้นโดยตรง

    Camera – กล้องถ่ายภาพ

    OPPO Reno มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ ประกอบไปด้วยกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2 นิ้ว รูรับแสงขนาด f/1.7 หลักการทำงานของ IMX586 จะเป็นแบบ Quad Bayer Sensor ที่รวม 4 พิกเซลเข้าเป็น 1 เมื่อรวมกับรูรับแสงที่กว้าง ผลก็คือได้ภาพที่สว่าง คมชัดในที่แสงน้อย รวมถึงการเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ทำได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนกล้องรอง Depth Sersor มีความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.4 สำหรับวัดระยะ

    โหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจใน OPPO Reno 

    Ultra Night Mode 2.0: โหมดถ่ายภาพที่ออกแบบมาสำหรับการถ่ายภาพในที่แสงน้อย โดยใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่าย ในการถ่ายภาพไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง สามารถถือด้วยมือเปล่าถ่ายได้เลย ภาพที่ได้จะสว่าง คมชัด ใช้เวลาในการเก็บภาพประมาณ 2 – 3 วินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ในการถ่ายภาพบุคคลตอนกลางคืนจะทำแยกใบหน้าคนออกจากการประมวลผลฉากหลัง แก้ไขปัญหาเวลาที่ถ่ายด้วย Night Mode แล้วหน้าซีดตัวซีดไปได้ ในขณะที่ฉากหลังก็ยังคงสว่างคมชัดเหมือนเดิม

    Dazzle Color Mode 2.0: เป็นโหมดที่ใช้ AI ในการเร่งสีภาพให้ดูสดใส และเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการใช้ถ่ายภาพในสภาพแสงสลัว หรือในร้านอาหารที่ตกแต่งร้านด้วยแสงสีเหลือง เป็นต้น

    ซ้าย: Auto | ขวา: Dazzle Color Mode 2.0

    Portrait Mode: เป็นโหมดที่ออกแบบมาสำหรับถ่ายภาพบุคคลโดยเฉพาะ โดยในโหมดดังกล่าว จะทำการปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามด้วย AI ละลายฉากหลัง นอกจากนี้ยังมี Artistic Portrait ให้เลือกใช้อีกถึง 5 รูปแบบ

    ฟิลเตอร์สี 10 รูปแบบที่มีให้เลือกใช้ใน OPPO Reno

    ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง OPPO Reno 

    สำหรับกล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ที่ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ถูกซ่อนไว้ในกลไก Pivot Rising ที่จะเลื่อนขึ้นเมื่อมีการเรียกใช้งาน มาพร้อมกับ AI Beauty ที่สามารถตรวจจับรายละเอียดใบหน้า และปรับแต่งให้สวยงามตามความเหมาะสม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ HDR ช่วยในการถ่ายเซลฟี่แบบย้อนแสง พร้อมแฟลช LED แบบ Soft Light เพื่อใช้เติมแสง หรือกรณีเซลฟี่ในที่แสงน้อย

    ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า OPPO Reno 

    Software – ระบบปฏิบัติการ ColorOS 6.0 AI

    ColorOS 6.0 เป็นระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานมาจาก Android 9.0 Pie ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่สวยงาม แต่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และยังเป็น OS ที่ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนไร้ขอบ ไร้ติ่งอย่าง OPPO Reno ได้เป็นอย่างดี มีการทำงานร่วมกับ Cloud Services ของทาง OPPO เพื่อสำรองข้อมูล, รูปภาพ, วีดีโอ, รายชื่อผู้ติดต่อ ไปจนถึงรหัสผ่าน Wi-Fi หากใช้สมาร์ทโฟน OPPO มาก่อน แล้วเปลี่ยนมาใช้ Reno เพียงล็อกอินก็จะสามารถเรียกข้อมูลกลับมาได้ทันที

    Battery – แบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน

    OPPO Reno มาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่มีความจุ 3,765 mAh การใช้งานสามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง จากที่ได้ทดสอบตัวเครื่องรีวิวโดยเฉลี่ยจะชาร์จไฟวันละครั้ง หากไม่ได้ใช้งานหนัก ๆ แบบเปิดหน้าจอทั้งวัน หรือเล่นเกมต่อเนื่อง 2 – 3 ชั่วโมง ภาพรวมถือว่าแบตเตอรี่มีความอึดในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบัน

    ส่วนเรื่องการชาร์จไฟ ตรงนี้ผมมองว่าเป็นจุดแข็งเลยก็ว่าได้ครับ เพราะสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบชาร์จไฟ VOOC Flash Charge 3.0 ที่ชาร์จไฟได้รวดเร็วกว่าเดิม ด้วยอัลกอริธึม VFC แบบใหม่ โดยเฉพาะระยะเวลาในการชาร์จไฟจาก 0 – 50% จะอัดไฟเข้าได้อย่างรวดเร็วมาก ๆ แถมเรื่องความปลอดภัยก็ไว้ใจได้ตามมาตรฐาน VOOC Flash Charge ที่ปล่อยความร้อนน้อย และมีระบบป้องกันอันตรายจากการชาร์จ 5 ขั้นตอนครับ

    Performance – ประสิทธิภาพ

    ในด้านสเปคของรุ่นธรรมดา จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 710 พร้อม Ram 6 GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256 GB ทดสอบความเร็วในการอ่านเขียนด้วย AndroBench ได้ผลที่การอ่าน 479 MB/s ส่วนการเขียนอยู่ที่ 200 MB/s ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยมทั้งการอ่านและเขียนข้อมูล ส่งผลให้การใช้งานลื่นไหลไม่มีสะดุด และเรียกใช้งาน เข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ในตัวเครื่องได้ทันใจ

    OPPO Reno มาพร้อมระบบการจัดการทรัพยากรในตัวเครื่องที่ดี ไม่ว่าจะเป็น HyperBoost 2.0 ที่ประกอบไปด้วย FrameBoost และ TouchBoost ทำให้การเล่นเกมลื่นไหล ทำเฟรมเรทได้สูง และไม่พบปัญหาเฟรมเรทตก อีกทั้งการสัมผัสหน้าจอที่ตอบสนองได้เป็นอย่างดี มั่นใจได้ว่าเล่นเกมแล้วไม่มีหัวร้อน และยังมี Game Assistant อีกตัวช่วยที่จะป้องกันอาการหัวร้อนจากสายโทรเข้า, การแจ้งเตือนต่าง ๆ ทำให้เล่นเกมได้ต่อเนื่องไม่ถูกขัดจังหวะ

    ประสิทธิภาพของชิปเซ็ต Snapdragon 710 ก็ยังคงสมกับที่เป็นชิปเซ็ตระดับ Upper Mid-Range ในด้านความแรง หรือเทคโนโลยีอาจไม่เท่าชิปรุ่นท็อป แต่ก็มีประสิทธิภาพที่ต้องบอกว่า “แรงเพียงพอ” สำหรับการเล่นเกมบนสมาร์ทโฟนในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ยอดนิยมในช่วงเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น ROV โหมดเฟรมเรทสูง หรือโหมด 10 vs 10 หรือจะเล่นเกม PUBG Mobile แบบปรับสุด เช่นเดียวกับ Speed Drifter ที่สามารถปรับสุดแบบเฟรมเรทสูงได้สบาย ๆ

    Overall – สรุป

    ภาพรวมสำหรับ OPPO Reno ส่วนตัวผมมองว่าสิ่งที่รุ่นนี้เน้นมากเป็นพิเศษก็คือในเรื่องของความพรีเมียม ทั้งในด้านการออกแบบและวัสดุตัวเครื่อง รวมถึงหน้าจอ Panoramic Screen แบบเต็มจอไร้ติ่ง ที่แสดงคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มตา อีกทั้งประสิทธิภาพโดยรวมของตัวเครื่องก็ทำออกมาได้ดี ส่วนเรื่องกล้อง ด้วยเซ็นเซอร์หลักที่มีความละเอียดสูง รูรับแสงกว้าง ซอฟท์แวร์ประมวลผลด้วย AI ทำให้ภาพที่ได้จาก Reno สวยงามทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

    จุดเด่น

    • สเปค Snapdragon 710 + Ram 6 GB ใช้งานได้ดี เล่นเกมไม่สะดุด
    • หน้าจอ AMOLED Panoramic Screen ไร้ติ่ง ขอบจอบาง รับชมคอนเทนต์ได้เต็มตา สีสันสดใส
    • มาพร้อม VOOC Flash Charge 3.0 ชาร์จเร็วทันใจ
    • ดีไซน์สวยงาม วัสดุพรีเมียม กล้องไม่นูนจากฝาหลัง
    • ฝาหลังสี Ocean Green เป็นพื้นผิวแบบด้าน ดูแลรักษาง่าย
    • กล้องหลังคุณภาพดี มีหลายโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจ

    ข้อสังเกต

    • ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่น
    • ไม่รองรับ microSD Card
    OPPO OPPO Reno Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Jamikorn Singnamthieng

    Related Posts

    วิธีปิดไอจีชั่วคราวในโทรศัพท์ทำยังไงในปี 2025 ปิดโปรไฟล์ IG ชั่วคราวไม่ให้คนอื่นเห็นแบบง่ายๆ

    14 พฤษภาคม 2025

    รวมโทรศัพท์ติดโปรทรูล่าสุดปี 2568 ทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจทรู

    14 พฤษภาคม 2025

    วิธียกเลิกบริการเสริม AIS ที่เสียเงิน ยกเลิกข้อความเสียเงินจาก AIS ทำยังไง อัพเดท 2568

    13 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    ลือ iPhone รุ่นครบรอบ 20 ปี ใช้จอไร้ขอบ และแบต solid-state

    15 พฤษภาคม 2025

    MediaTek เปิดตัวชิป Dimensity 9400e จับตลาดมือถือเรือธงรุ่นรอง

    15 พฤษภาคม 2025

    Universal Music Group ร่วมกับ Apple Music เปิดตัว Sound Therapy

    15 พฤษภาคม 2025

    Baseus พาเปิดประสบการณ์สุดพิเศษกับหูฟัง “Bowie MC1” เสียงแน่น เบาสบายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ในงาน “Sounds on the Cloud”

    15 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X