ช่วงกลางปีของปีนี้ เราได้เห็นมือถือรุ่นระดับไฮเอนด์จากแบรนด์ต่างๆ ออกมาทำตลาดอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Samsung Galaxy S5, HTC One M8, Sony Xperia Z2 รวมถึง LG G3 ที่ใกล้จะวางขายในอีกไม่นานนี้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทาง OPPO หวั่นไหวไปเลย หลังจากสร้างความฮือฮากันไปเมื่อต้นปี กับการเปิดตัว OPPO Find 7 และ OPPO Find 7a ที่มาพร้อมฟีเจอร์ สเปคและราคาแบบจัดเต็มกันไปแล้ว ในที่สุดก็ได้ฤกษ์วางขายแล้วครับ สำหรับตัวของ?OPPO Find 7?หลังจากให้ Find 7a วางขายไปก่อนแล้ว ทางเว็บไซต์ SpecPhone เราก็ได้รับเครื่องรุ่นที่จะขายจริงในไทยจากทาง OPPO มารีวิวด้วย (โมเดล X9076) เรามาชมกันเลยดีกว่าว่า OPPO Find 7 จะเป็นอย่างไร น่าสนใจอย่างที่กระแสตอนเปิดตัวว่าไว้หรือไม่ มาชมกันครับ
สเปค OPPO Find 7
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 801 (MSM8974-AC) quad-core ความเร็วสูงสุด 2.5 GHz มาพร้อมชิปกราฟิก Adreno 330
- แรม 3 GB
- กระจกหน้าจอ Gorilla Glass 3
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ 2K (2560 x 1440) หรือที่เรียกว่า Quad HD สามารถใช้งานผ่านถุงมือได้ สามารถใช้งานทั้งที่มือเปียกได้
- รอมในตัว 32 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 128 GB
- Android 4.3 Jelly Bean ครอบมาดัวยอินเตอร์เฟส ColorOS 1.2
- ใช้งานได้ซิมเดียว รองรับ 3G ทุกเครือข่าย สามารถใช้งาน 4G LTE ในไทยได้
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ Sony Exmor เลนส์ f/2.0
- สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล (ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยเรนเดอร์) สามารถเก็บไฟล์ภาพเป็นไฟล์ RAW ได้ ถ่ายวิดีโอได้ละเอียดสุดระดับ 4K ถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน 120 fps ได้ที่ความละเอียด 720p
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ 3000 mAh สามารถถอดเปลี่ยนได้
- มาพร้อมฟีเจอร์ VOOC ที่ทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าปกติถึง 4 เท่า
- รองรับ NFC, GPS, GLONASS, USB-OTG
- ราคาอยู่ที่ 19,990 บาท
- สเปค OPPO Find 7 เต็มๆ
ถ้าวัดกันเรื่องสเปคและราคาเพียวๆ ต้องเรียกว่า OPPO Find 7 นี่จัดเต็มแบบโหดมากๆ ไม่ว่าจะชิปประมวลผลที่เป็นตัวท็อปสุดของไลน์ในปัจจุบัน แรมที่ให้มา 3 GB หน้าจอก็ระดับ 2K กล้องก็อัดฟีเจอร์มาเต็มที่ ใช้ 4G LTE ในบ้านเราก็ได้ แถมยังชาร์จไฟได้เร็วอีก ทั้งหมดนี้ในราคาแค่เกือบๆ สองหมื่นบาท ในขณะที่รุ่นเรือธงแบรนด์อื่นๆ ที่ราคาสูงกว่านี้ยังอัดสเปคกันมาได้แบบกั๊กๆ กันอยู่เลย จะมีที่ดูใกล้เคียงหน่อยก็ LG G3 ที่ใกล้จะวางขายในบ้านเราแล้ว (แถมราคาสูงกว่า OPPO Find 7 อยู่ร่วมสองพันบาท) ส่วนเมื่อเทียบกับรุ่นแฝดน้องที่ออกมาก่อนหน้านี้อย่าง OPPO Find 7a ก็จะมีจุดที่แตกต่างกันหลักๆ ดังนี้ครับ
- ลายฝาหลังไม่เหมือนกัน
- CPU ของ Find 7 แรงกว่ากันหน่อยนึง
- แรม Find 7 มากกว่าอยู่ 1 GB
- รอม Find 7a ให้มาแค่ 16 GB
- หน้าจอ Find 7a มีความละเอียดแค่ Full HD (1920 x 1080) ส่วนขนาดหน้าจอและขนาดตัวเครื่องนั้นเท่ากัน
- แบตเตอรี่ Find 7 มากกว่า (ของ Find 7a จุแค่ 2800 mAh)
- ราคา Find 7 สูงกว่า Find 7a อยู่ 4,000 บาท
ซึ่งปัจจัยหลักที่เห็นความแตกต่างได้ชัดสุดก็คือเรื่องของราคานี่ล่ะ ถ้าหากอยากจะแรงแบบย่อมเยา ฟีเจอร์จัดเต็ม ก็เลือกซื้อหา OPPO Find 7a กันไปก็ได้ แค่นั้นก็ได้สเปคเหยียบเครื่องระดับราคาเกิน 20,000 บาทได้หลายรุ่นแล้ว แต่ถ้าอยากจัดเต็มในทุกๆ ด้าน ก็เลือก Find 7 กันไปได้เลย
Design
รูปร่างหน้าตาของ OPPO Find 7 ก็จะดูใกล้เคียงกับตัวของ OPPO Find 5 ที่มาทำตลาดเมื่อปีก่อนอยู่ไม่น้อยทีเดียว ด้านหน้าตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งจากที่ผมเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรกก็พบกับความประทับใจกับหน้าจอ Quad HD บน OPPO Find 7 ทันที จากที่ก่อนหน้านี้คิดว่าแค่ระดับ Full HD ก็แยกไม่ออกแล้ว แต่พอมาเจอจอ Quad HD เข้าไป ต้องยอมรับเลยว่ามันเห็นความแตกต่างระหว่าง Quad HD กับ Full HD ที่ใช้งานอยู่จริงๆ (Nexus 5 กับ Xiaomi Mi3) อยู่บ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะความเนียนของภาพ ที่รู้สึกได้ว่ามันสวยเนียน แต่ถ้ามองด้วยสายตาในระดับปกติ ก็คงไม่ได้ถึงขั้นแบบว่าแยกความแตกต่างกันได้เป๊ะๆ หรอกนะ ยิ่งถ้าใช้งานทั่วไป ไม่ได้นั่งเพ่งจอ อันนี้คงแยกไม่ออกเลย ถ้าให้สรุปเรื่องจอจากความรู้สึกส่วนตัวเลยก็คือ จอ Full HD ก็เหลือแหล่แล้วครับ เหนือกว่านี้ถือว่าเป็นกำไรสายตาไปแล้วกันนะ ส่วนความสว่างหน้าจอ OPPO Find 7 มาพร้อมจอที่ให้แสงสว่างได้ดี ใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ แต่มุมมองเมื่อมองกลางแจ้งก็อาจจะลดลงมาหน่อย ระบบปรับแสงสว่างหน้าจออัตโนมัติยังมีเพี้ยนๆ อยู่บ้าง บางครั้งก็ต้องปรับเลื่อนเองจากตรงแถบ Quick Settings แต่เป็นไม่ค่อยบ่อยนักครับ ส่วนใหญ่ก็ทำหน้าที่ของมันได้ค่อนข้างดีอยู่ การใช้งานจอทั่วๆ ไปก็ค่อนข้างโอเค มีเป็นบางครั้งที่การสัมผัส การลากนิ้วเพี้ยนๆ นิดหน่อย เช่นบางทีก็กลายเป็นการกดเลือก (ทั้งที่ลากนิ้วผ่าน) ส่วนการใช้งานจอขณะมือเปียกน้ำก็สามารถทำได้จริงครับ ต่างจากสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ที่แทบจะใช้งานไม่ได้เลยเมื่อนิ้วเปียกน้ำ เปียกเหงื่อชุ่มๆ ตัวเครื่อง OPPO Find 7 มีขนาดใหญ่ เนื่องด้วยหน้าจอที่ใหญ่ถึง 5.5 นิ้ว ทำให้เวลาถือใช้งาน เครื่องนั้นใหญ่เต็มมือมากๆ ยิ่งใครมือเล็กนิ้วเล็กคงจะใช้งานลำบากกันซักหน่อย บรรดาปุ่มกดด้านข้างเครื่องจะใช้การวางปุ่ม Power อยู่ทางฝั่งซ้ายของจอ ซึ่งถ้าถือเครื่องด้วยมือขวา ก็จะเป็นตำแหน่งพอดีกับนิ้วชี้ขวาพอดี ส่วนแถบปุ่มเพิ่ม/ลดเสียงจะอยู่ทางฝั่งขวา อันนี้ถ้าใครถนัดใช้งานมือถือด้วยมือซ้ายคงสบายกันไปเลย เพราะผมว่าการกดปุ่ม Power น่าจะเหมาะกับการใช้นิ้วหัวแม่มือมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม OPPO Find 7 มาพร้อมระบบอำนวยความสะดวกสำหรับการเปิดหน้าจอครับ นั่นคือเราสามารถใช้นิ้วเคาะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดหน้าจอได้ ซึ่งสามารถตั้งค่าให้ปิดหรือเปิดการใช้งานได้ตามต้องการ ส่วนด้านล่างของจอก็จะเป็นตำแหน่งของปุ่มสั่งงาน 3 ปุ่มตามปกติ ได้แก่ ปุ่มเมนู (กดค้างเป็นการเรียก Recent Apps), ปุ่มโฮม (กดค้างเป็นการเรียกใช้งาน Google Now) ปุ่มริมสุดก็คือปุ่มย้อนกลับ โดยทั้งสามปุ่มจะเป็นปุ่มแบบสัมผัส ใต้ปุ่มมีไฟ LED ให้แสงสว่างอยู่ ซึ่งจุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับการใช้งานจริงทีเดียวครับ เพราะไฟ LED ที่ปุ่มนั้นจางมากๆ ถ้าใช้งานในที่มีแสงสว่างหน่อย เรียกว่ามองไม่เห็นปุ่มเลยก็ว่าได้ ปัญหานี้นับเป็นหนึ่งปัญหาที่ผมเห็นใน OPPO มาหลายรุ่นแล้ว ก็หวังว่าจะได้รับการแก้ไขซักที ขอให้ไฟปุ่มมันสว่างกว่านี้หน่อยเถอะนะ ปิดท้ายด้วยขอบล่างสุดของหน้าตัวเครื่อง จะเป็นตำแหน่งของไฟ LED แจ้งเตือน ซึ่งมีชื่อว่า Skyline ที่จะขึ้นมาเป็นเส้นๆ ตรงขอบเครื่อง อันนี้ขอชมเลยว่าสวย ดูดีมีสไตล์มากๆ โดยจะขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีแชทเด้งมา, สายที่ไม่ได้รับ, ข้อความเข้า, แบตใกล้หมด และตอนกำลังชาร์จแบตอยู่
ฝาหลัง OPPO Find 7 ใช้เป็นลวดลายแบบเคฟล่าร์ ให้ความสวยงามและให้ความรู้สึกว่ามันคงทน แข็งแรง ลักษณะรูปร่างของฝาหลังจะมีความโค้งมนรับกับอุ้งมือเวลาจับถือได้พอดี ด้วยลวดลายของฝาหลัง ทำให้ OPPO Find 7 ดูแตกต่างจากสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ พอสมควรเลย ยิ่งเวลาสะท้อนกับแสงยิ่งดูดีแบบบึกบึนยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนด้านบนก็จะเป็นตำแหน่งของกล้องหลังที่มีขอบอะลูมิเนียมนูนขึ้นมาจากฝาหลังอยู่เล็กน้อย ถัดมาเป็นไฟแฟลช LED ติดกันสองดวง เพื่อให้แสงสว่างทั้งในการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ รวมถึงใช้เป็นไฟฉายได้ด้วย ถอดฝาหลังได้ แต่ต้องใช้กระบวนท่าและแรงดัน
สำหรับใครที่อยากได้สมาร์ทโฟนระดับท็อปที่ถอดฝาหลังได้ OPPO Find 7 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในใจท่านได้สบายๆ เลยครับ เพราะ Find 7 ถูกออกแบบมาให้สามารถถอดฝาหลังได้ เปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เหมือน Find 7a (และน่าจะมีคนใช้ Find 7a หลายคนไปหาซื้อแบตของ Find 7 มาใส่แน่ๆ) ขั้นตอนการถอดฝาหลังนั้นจำเป็นต้องใช้กระบวนท่าและแรงมากกว่าการแกะฝาหลังทั่วไปเล็กน้อย คือต้องหาวัตถุเล็กๆ เช่นอาจจะเป็นหัวปากกา, เข็มจิ้มถาดซิมของมือถือเครื่องอื่นมาจิ้มเข้าไปที่ช่องสีทองที่อยู่ตรงมุมล่างของขอบเครื่องด้านขวา (ดูที่จุดสีทองเล็กๆ ตรงรูปด้านซ้ายล่าง) เมื่อจิ้มแล้วก็ให้ออกแรงกด ซึ่งต้องใช้แรงมากพอสมควร เมื่อดันจนได้ที่ ฝาหลังตรงบริเวณนั้นก็จะดีดออกมาจากขอบ จากนั้นเราก็ค่อยๆ แซะฝาหลังขึ้นมาครับ ซึ่งภายในก็จะพบกับช่องลำโพงสองช่อง, ก้อนแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh, ช่องใส่ไมโครซิมและช่องใส่ MicroSD อยู่ แต่ถ้าใครไม่มีอุปกรณ์ที่พอจะจิ้มตรงช่องดีดฝาหลัง จะใช้วิธีการแกะแบบที่ผมลองเปิดเครื่องครั้งแรกก็ได้ นั่นคือการค่อยๆ แงะจากบริเวณช่องเสียบแจ็คหูฟังที่อยู่ด้านบนตัวเครื่อง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เล็บในการแงะขึ้นมาด้วย ส่วนตัวผมคิดว่าฝาหลัง OPPO Find 7 นั้นปิดเครื่องได้ดูแน่นหนากว่า Samsung Galaxy S5 ที่กันน้ำได้ด้วยซ้ำไป (Find 7 ไม่กันน้ำ) งานประกอบโดยรวมของ OPPO Find 7 ทำออกมาได้ดีเก็บงานเรียบร้อย ตัวเครื่องแน่น รายละเอียดต่างๆ สำหรับเพิ่มความสะดวกในการจับถือก็ทำออกมาได้ดี ขอบเครื่องเลือกใช้วัสดุระดับเดียวกับที่ใช้ในยานอวกาศ ทำให้มีจุดเด่นทั้งในเรื่องของความแข็งแรงและความเบา สมกับเป็นมือถือรุ่นท็อปของ OPPO ในช่วงกลางปีนี้เลย
ย้อนกลับมาที่กล่อง OPPO Find 7 กันบ้าง วัสดุจริงๆ ก็คือพลาสติกนี่ล่ะครับ แต่เนื้อแข็งและทำมาดูเหมือนเป็นอะลูมิเนียมมากๆ กล่องดูหรูหราไฮโซเลยล่ะ เมื่อเปิดฝาขึ้นมาก็จะพบเครื่อง OPPO Find 7 วางอยู่ด้านบนสุด ตัวเครื่องมีติดแผ่นพลาสติกปะหน้าไว้อยู่ เมื่อลอกออกก็จะพบว่าที่จริงตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยแบบใสมาให้ในตัวจากโรงงานแล้ว นับว่าโอเคเลย ทำให้เวลาซื้อเครื่องสะดวกขึ้นไปอีก เพราะไม่ต้องไปหาซื้อฟิล์มกันรอยมาติดตั้งแต่ตอนซื้อ เมื่อยกแท่นที่วางเครื่องออก ก็จะพบกับเหล่าอุปกรณ์ภายใน ดังนี้
- หูฟังแบบ In-Ear พร้อมรีโมทสมอลล์ทอล์ค เสียงที่ได้ยังอู้ๆ อยู่บ้าง
- สาย Micro USB
- แบตเตอรี่ ซ่อนอยู่ในซองเอกสารคู่มือ
- อะแดปเตอร์ชาร์จไฟ จ่ายไฟสูงสุด 4.5A มีสาย Micro USB ติดมากับตัวเลย
โดยที่ปลายสายชาร์จจะมีลักษณะต่างจากสาย Micro USB ทั่วไปเล็กน้อยครับ คือพลาสติกภายในจะเป็นสีฟ้า รวมถึงจำนวนเส้นทองแดงภายในที่มีถึง 7 เส้น จากปกติจะมีแค่ 5 เส้นเท่านั้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยให้สามารถจ่ายไฟจากอะแดปเตอร์ไปยังแบตเตอรี่ได้มากขึ้น เพื่อทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนปกตินั่นเอง ซึ่งผมเองก็ลองนำอะแดปเตอร์ของ OPPO Find 7 ไปชาร์จมือถือเครื่องอื่นดูบ้าง ผลคือก็สามารถชาร์จได้ครับ แต่ไม่แนะนำให้เอาไปใช้ เพราะไม่แน่ชัดว่าจะมีปัญหากับแบตเตอรี่ในระยะยาวหรือเปล่า เพราะมันเป็นการอัดไฟเข้าไปแรงกว่าปกติถึง 3-4 เท่า ส่วนการใช้อะแดปเตอร์อื่นชาร์จไฟให้ OPPO Find 7 ก็สามารถทำได้ตามปกติ ส่วนด้านล่างนี้เป็นแกลเลอรี่รวมภาพตัวเครื่องในมุมต่างๆ นะครับ รับชมกันได้
Software
ระบบปฏิบัติการที่ติดมาใน OPPO Find 7 ก็เป็น Android 4.3 Jelly Bean ครอบมาด้วยอินเตอร์เฟสของ OPPO เองที่มีชื่อว่า ColorOS ธีมโดยรวมจะเน้นไปในสีสันที่สดใส การจัดเรียงเมนูต่างๆ เช่นพวกการตั้งค่า การปรับแต่งการทำงานก็ยังใกล้เคียงกับเมนูของ Android แบบเดิมๆ ทำให้ผู้ที่ชินกับอินเตอร์เฟส Android ?แบบเดิมๆ สามารถปรับตัวมาใช้งานได้ไม่ยากนัก พื้นที่เก็บข้อมูลของเครื่องจะเหลือให้ใช้งานราวๆ 23 GB ด้วยกัน เหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าหากถ่ายภาพความละเอียดสูง ถ่ายวิดีโอ 4K บ่อยๆ ก็ต้องระวังพื้นที่รอมเต็มเอาได้เหมือนกัน ยังดีที่สามารถเพิ่มหน่วยความจำด้วย MicroSD ได้
คีย์บอร์ดที่ติดมาในเครื่องคือตัวของ SWYPE ที่หลายท่านน่าจะคุ้นเคยกันมาแล้ว สามารถลากนิ้วผ่านปุ่มตัวอักษรเพื่อผสมคำได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
หนึ่งในฟีเจอร์ที่อยู่คู่ OPPO มาก็คือการลากนิ้วเพื่อสั่งงานแบบ gesture ซึ่งผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าได้ว่าการลากนิ้วรูปแบบใดจะให้เครื่องทำงานอย่างไรบ้าง เช่นเปิดใช้งานไฟฉาย, เปิดใช้กล้อง, เปิดแอพพลิเคชันที่ต้องการ สำหรับรูปแบบ gesture พื้นฐานที่ให้มาก็จะเป็นสองแบบคือการลากนิ้วเป็นตัว V เพื่อเปิดไฟฉาย และการลากนิ้ววนเป็นวงกลมเพื่อเปิดใช้งานกล้อง โดยสามารถเรียกใช้งานได้ทั้งจากแถบ notifications (ลากนิ้วจากมุมซ้ายบนของจอ) และเรียกใช้งานขณะที่หน้าจอปิดอยู่ ก็นับว่าช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการเข้าถึงแอพในเครื่องอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี จะตั้งค่าวิธีลากนิ้วแบบไหนก็ทำได้หมด ขอแค่ไม่ยกนิ้วออกจากหน้าจอระหว่างการลากนิ้วก็เป็นพอ
อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจก็คือระบบเสียง MaxxAudio ที่สามารถปรับแต่งเสียงได้ทั้งที่ออกจากลำโพงและจากหูฟัง โดยจะเลือกจากรูปแบบที่มีให้มาในเครื่อง หรือจะตั้งค่ารูปแบบเสียงที่ถูกใจเองก็ได้เช่นกันครับ การปรับทำได้อิสระดีมากๆ ยิ่งบวกกับระบบเสียงของ OPPO ที่ขึ้นชื่ออยู่แล้ว ก็ยิ่งเจ๋งเข้าไปใหญ่เลย ใช้ฟังเพลงสนุกดีเลยทีเดียว สำหรับ OPPO Find 7 เครื่องนี้ ลำโพงในตัวเครื่องก็ให้เสียงดังพอสมควร
Feature
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจของ OPPO Find 7 ก็ยังมีอีกครับ เช่นตัวของการสั่งงานเครื่องโดยใชเสียง ที่สามารถพูดสั่งให้เปิดเครื่องได้แม้ปิดหน้าจออยู่ (แบบเดียวกับพวก Moto X) โดยในส่วนนี้จะเป็นฟีเจอร์ของตัวชิป Snapdragon เอง ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเลือกได้ว่าจะให้ใช้คำสั่งปลุกเครื่องเป็นคำว่าอะไร ระหว่าง Hello My OPPO หรือ Hey Snapdragon ซึ่งเท่าที่ผมลองใช้ในระหว่างการรีวิว การรับคำสั่งสามารถทำได้โอเคดี สำเนียงไม่ต้องเป๊ะมากก็สั่งได้ เมื่อพูดสั่งงานไปแล้ว ตัวเครื่องก็จะเปิดหน้าจอขึ้นมา แล้วเด้งมาที่ Google now เพื่อรับคำสั่งจากผู้ใช้อีกที โดยเราสามารถสั่งงานได้หลายรูปแบบ เช่นเปิดแอพในเครื่อง สั่งให้ค้นหาข้อมูล สั่งให้จดบันทึก เป็นต้น
Camera
กล้องถ่ายรูปของ OPPO Find 7 ต้องเรียกว่าจัดเต็มทั้งเรื่องของฟีเจอร์และฮาร์ดแวร์เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นชุดเลนส์ f/2.0 รวมไปถึงฟีเจอร์ของตัวกล้องที่สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล (ใช้ซอฟต์แวร์ช่วยประมวลผล เนื่องจากเซ็นเซอร์สามารถถ่ายภาพจริงๆ ได้ความละเอียดสูงสุดแค่ 13 ล้านพิกเซลเท่านั้น) ส่วนวิดีโอสามารถถ่ายได้ถึงระดับ 4K ซึ่งก็นับว่าสมกับเป็นสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ประจำปีนี้ของ OPPO กันเลยทีเดียว
สำหรับโหมดการถ่ายภาพและวิดีโอต่างๆ ที่มีใน OPPO Find 7 ที่น่าสนใจก็เช่น
- โหมด Ultra-HD : คือโหมดสำหรับการถ่ายภาพ 50 ล้านพิกเซล
- โหมด Beauty: ถ่ายแล้วหน้าสวย ฟรุ้งฟริ้ง
- โหมด Slow shutter: ถ่ายภาพแบบเปิดชัตเตอร์ค้างไว้ สามารถกำหนดได้ว่าจะให้เปิดทิ้งไว้นานกี่วินาที ได้ตั้งแต่ 0.5 – 32 วินาที
- โหมด RAW: ใช้สำหรับถ่ายภาพไฟล์ RAW เพื่อเอาไปใช้แต่งภาพต่อในคอม (ได้เป็นไฟล์นามสกุล .DNG ขนาดไฟล์ราวๆ 25 GB)
- โหมด 4K: สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้สบายๆ เท่าที่ลองถ่ายดู ผมถ่ายไปประมาณ 2 นาที เครื่องก็ยังไม่ร้อนเท่าไหร่
สำหรับการถ่ายภาพในระดับความละเอียด 50 ล้านพิกเซลนั้น เรามาดูคุณภาพไฟล์กันบ้าง ด้วยการ crop ภาพเข้ามา 100% เทียบกับภาพที่ถ่ายด้วยความละเอียด 13 ล้านพิกเซลตามปกติ จะเห็นได้ว่าภาพ 50 MP สามารถซูมเข้ามาได้ใกล้กว่ามาก เหมาะกับการนำไปซูมภาพดูในภายหลัง รวมไปถึงการนำไป crop เอาเฉพาะส่วนที่ต้องการ เพราะถึงแม้จะ crop ภาพออกมาแล้ว ภาพก็ยังค่อนข้างชัดอยู่ และถ้าหากอยากให้ได้ภาพ 13 MP ในมุมที่ใกล้เคียงกับ 50 MP ผลคือจะต้อง crop เข้ามากว่า 200% จากภาพจริง ผลที่ได้ก็คือภาพจะแตกมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ต่างจากใน 50 MP ที่ภาพยังดูเนียนๆ พอใช้งานได้อยู่ ทั้งนี้ก็เนื่องจากกระบวนการประมวลผลภาพที่ช่วยเกลี่ยรายละเอียดภาพให้เนียนขึ้นมาด้วยนั่นเอง
อีกตัวอย่างหนึ่งของประโยชน์ในการใช้งานฟีเจอร์ถ่ายภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซลครับ คือสามารถนำภาพมาซูมดูส่วนต่างๆ ได้ในภายหลัง จะใช้ในที่มืดก็ยังโอเคพอได้อยู่
ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้าในโหมด Beauty ครับ ตัว OPPO Find 7 เลือกมาเป็นโหมดเริ่มต้นของการใช้งานกล้องหน้าเลยด้วยนะ เอาใจสาวๆ ที่ชอบถ่าย selfie กันเต็มที่เลย
สำหรับวิดีโอความละเอียดระดับ 4K เท่าที่ผมลองถ่ายดูเป็นเวลากว่า 2 นาที ผลคือได้ไฟล์ออกมาเกือบๆ 600 MB มีค่าเฟรมเรตอยู่ที่ 30 fps เท่ากันตลอดทั้งไฟล์ ภาพที่ได้ก็ไหลลื่นโอเคทีเดียว สำหรับคำถามที่ว่า ถ่าย 4K แล้วจะเอามาทำอะไร จุดนี้ที่เห็นได้ชัดอย่างแรกคือเอามาใช้ดูบนจอระดับ 2K ใน OPPO Find 7 (หรือในสมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์ตัวอื่นๆ ที่กำลังจะมาพร้อมเทรนด์จอ 2K กันในปีนี้) หรือจะนำไปใช้ตัดต่อวิดีโอส่วนตัวก๊อกๆ แก๊กๆ ก็สบาย ด้วยคลิปต้นฉบับที่ความละเอียดสูงถึงขนาดนี้ มั่นใจได้ว่าจะได้ภาพวิดีโอที่คมชัด สวยงามแน่ๆ ส่วนด้านล่างนี้ เป็นตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO Find 7 นะครับ สำหรับภาพที่มุมซ้ำกัน ภาพแรกจะเป็นการถ่ายด้วยโหมดปกติ ส่วนภาพหลังเป็นการถ่ายด้วยโหมด HDR
Performance
เรื่องของประสิทธิภาพการทำงานจากแอพ benchmark ทั้งหลาย แน่นอนว่าคะแนนของ OPPO Find 7 ต้องอยู่ในระดับท็อปๆ เมื่อเทียบกับไลน์สมาร์ทโฟน/แท็บเล็ตด้วยกันอยู่แล้ว ด้วยความแรงของสเปคทั้งชิปประมวลผล Snapdragon 801 (MSM8974-AC) ชิปกราฟิก Adreno 330 แรมก็ให้มาถึง 3 GB เรียกว่าเหลือเฟือ รีดคะแนนกันออกมาเต็มที่แน่นอน
ส่วนเรื่องการใช้งานทั่วๆ ไป OPPO Find 7 ก็สามารถทำได้ดี ตอบสนองการสั่งงานได้อย่างไหลลื่น การเปิดใช้งานแอพ การสลับแอพก็ทำได้อย่างรวดเร็วลงตัวสมกับเป็นรุ่นท็อป
มาถึงอีกหนึ่งประเด็นสำคัญคือเรื่องการใช้งานแบตเตอรี่ว่าจะสามารถใช้งานได้ขนาดไหน จากเท่าที่ใช้งานระหว่างการรีวิว OPPO Find 7 เครื่องนี้ ผมสามารถใช้งานทั่วไปได้ 1 วันแบบสบายๆ ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ อันนี้หายห่วงเลย เพราะ OPPO Find 7 มาพร้อมฟีเจอร์ VOOC ที่ช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วกว่าสมาร์ทโฟนปกติ 3-4 เท่า ซึ่งส่วนที่จะทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้นก็มาจากหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นอะแดปเตอร์ชาร์จไฟที่สามารถจ่ายได้สูงสุด 4.5A สาย Micro USB/พอร์ต Micro USB ที่ตัวเครื่องก็ได้รับการออกแบบให้มีพินรับส่งเพิ่มขึ้นเป็น 7 พิน จากที่ปกติจะมีแค่ 5 พินเท่านั้น ทำให้สามารถชาร์จไฟได้เร็วขึ้น รวมถึงฟีเจอร์ในส่วนของระบบการชาร์จไฟและที่ตัวแบตเตอรี่ จึงทำให้สามารถชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทาง OPPO เคลมว่าถ้าชาร์จไฟเป็นเวลา 5 นาที (จากตอนแบตหมด) จะสามารถคุยโทรศัพท์ได้นานติดต่อกันถึง 2 ชั่วโมง ถ้าใช้เวลาชาร์จครึ่งชั่วโมง ก็จะสามารถจุไฟเข้าแบตเตอรี่ได้กว่า 75% เลยทีเดียว
จากที่ผมลองชาร์จจริงใช้จริง เริ่มชาร์จแบตเตอรี่เข้าเครื่องตั้งแต่ตอนเหลือ 9% สามารถชาร์จได้เต็มภายในเวลาประมาณเกือบๆ ชั่วโมงเท่านั้นเอง ระหว่างชาร์จ ตัวเครื่อง ตัวอะแดปเตอร์ก็ไม่ได้ร้อนมากนัก สามารถใช้งานได้สบายๆ หรือจะเอาไปใช้กับมือถือเครื่องอื่นก็ใช้ได้เช่นกัน แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีความเสี่ยงในระยะยาวหรือเปล่า เพราะระบบการชาร์จและแบตเตอรี่ของมือถือเครื่องอื่นไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับการชาร์จได้ไวเหมือนใน OPPO Find 7/Find 7a
Overall
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับรีวิว OPPO Find 7 สมาร์ทโฟนรุ่นท็อปตัวล่าสุดจาก OPPO ในช่วงกลางปีนี้ ที่จัดเต็มในเรื่องของฟีเจอร์กันในหลายๆ จุด นับตั้งแต่หน้าจอความละเอียดระดับ 2K ที่เหนือชั้นกว่า Full HD ขึ้นมาสองเท่าตัว ความแรงของพลังการประมวลผลที่ได้ขุมกำลังจาก Snapdragon 801 ตัวท็อป แรมที่จัดเต็มมาถึง 3 GB กล้องหลังซึ่งสามารถถ่ายรูปได้ความละเอียดสูงสุดถึง 50 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอระดับ 4K ได้ กล้องหน้าก็ให้มา 5 ล้านพิกเซลพร้อมโหมด Beauty ช่วยให้ถ่าย selfie ได้แบบฟรุ้งฟริ้งมากขึ้น ปิดท้ายด้วยระบบการชาร์จไฟ VOOC ที่ช่วยให้ชาร์จไฟได้เร็วทันใจ แบตเตอรี่ที่มีในตัว 3000 mAh ก็อึดพอตัว หมดปัญหาเรื่องแบตหมดระหว่างวัน หรือถ้าเกิดแบตหมดจริงๆ ก็ขอแค่มีอะแดปเตอร์และช่องปลั๊กไฟเท่านั้น ใช้เวลาชาร์จไม่กี่นาทีก็สามารถออกไปใช้งานต่อได้สบายๆ แล้ว ทั้งหมดนี้บรรจุอยู่ใน OPPO Find 7 ที่เปิดราคามาเพียง 19,990 บาท ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนระดับไฮเอนด์ที่ทำราคาออกมาได้ดีในช่วงครึ่งปีนี้เลยทีเดียว ทำให้ OPPO Find 7 เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับผู้รักความคุ้มค่า อยากใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่เสมอ สมกับความเป็นสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันจริงๆ
ข้อดี
- จอสุดคมชัดระดับ 2K มุมมองกว้าง สีสวย
- สเปคแรงด้วยชิป Snapdragon 801 โมเดลท็อป แรม 3 GB ในราคาไม่ถึง 20,000 บาท
- แบตเตอรี่ 3000 mAh พร้อมระบบการชาร์จ VOOC ทำให้ชาร์จไฟได้เร็วมาก
- กล้องหลังสามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 50 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอ 4K ได้
- งานประกอบดี แน่นหนา สวยงาม
ข้อสังเกต
- ไฟ LED ที่ปุ่มกดไม่สว่างมากนัก สังเกตยาก
- การสัมผัสสั่งงานหน้าจอ บางครั้งยังมีเพี้ยนอยู่บ้าง
ส่วนถ้าให้มาเทียบด้านสเปคและราคากับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นในตลาด คู่แข่งของ OPPO Find 7 ต้องจัดว่าเป็นกลุ่มตัวท็อปล้วนๆ ซึ่ง Find 7 จะได้เปรียบหลายๆ รุ่นก็ตรงเรื่องราคาที่เปิดมาไม่ถึง 20,000 บาท แต่ได้สเปคที่เหนือกว่าเรือธงตัวอื่นบางจุุดเลย หรือถ้าจะให้เทียบกับแฝดน้องของตนเองอย่าง OPPO Find 7a อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ความชอบใจของแต่ละท่านเลยครับ ถ้ามีงบ อยากจัดเต็ม ก็มองหา OPPO Find 7 กันได้เลย แต่ถ้าคิดว่าจอ 2K ไม่ค่อยจำเป็น แรม 2 GB ก็เหลือเฟือแล้ว จะจัด OPPO Find 7a ก็ได้เช่นกัน