ในบรรดาสมาร์ทโฟนระดับกลาง ราคาประมาณหมื่นบาทต้น ๆ OPPO F7 สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดจาก OPPO จะต้องเป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ OPPO เป็นที่ได้รับความนิยมในช่วงราคาดังกล่าวอยู่แล้ว รวมถึงฟีเจอร์เด่นของ OPPO F7 ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้อย่าง “กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล” มาพร้อมกับ AI Beauty 2.0 อันเลืองชื่อของ OPPO และยังมาพร้อมกับดีไซน์แบบใหม่ เต็มหน้าจอตามสมัยนิยม
สเปค OPPO F7
- หน้าจอ LCD ขนาด 6.23 นิ้ว ความละเอียด FHD+ (2280 x 1080) อัตราส่วน 19:9
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio P60 octa-core 2.0 GHz
- GPU Mali-G72 MP3
- RAM 4GB
- ความจุ 64GB รองรับ MicroSD Card
- กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล f/1.8 พร้อม AI Scene
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล + เซนเซอร์ HDR f/2.0 และ AI Beauty 2.0
- แบตเตอรี่ความจุ3400 mAh
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม พร้อมระบบ Dual 4G
- ระบบปฏิบัติการ Android 8.1 ครอบด้วย ColorOS 5.0
- สีที่วางจำหน่าย : สีแดง Solar Red, สีเงิน Moonlight Silver, สีดำ Diamond Black
- ราคาเปิดตัว 10,990 บาท
ดูจากสเปคเมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกันรอบนี้ถือว่า OPPO ทำการบ้านมาดีมากเพราะชิปประมวลผล MediaTek Helio P60 ชิประดับกลางรุ่นใหม่จาก MediaTek ที่มาพร้อมกับชิปกราฟฟิค Mali-G72 MP3 และ Ram 4 GB ความจุ 64 GB สามารถเล่นเกมได้ลื่นขึ้นรวมถึงใช้งานได้อย่างสมูทแน่นอน
Design/ การออกแบบ
สำหรับหน้าตาเป็นดีไซ์นแบบใหม่ครั้งแรกของสมาร์ทโฟน OPPO เลยก็ว่าได้ เพราะเปลี่ยนมาใช้หน้าจอแบบเต็มจอ อัตราส่วนหน้าจอ 19:9 ที่จะมีความยาวมากกว่าหน้าจอของ OPPO F5 เล็กน้อย โดยส่วนที่ยาวขึ้นมาก็จะเป็น Notch Screen หรือติ่งหน้าจอนั่นเอง
แม้จะมีติ่งหน้าจอ แต่ในการใช้งานบริเวณที่เป็นติ่งหน้าจอก็ไม่ได้สร้างปัญหาในการใช้งานแต่อย่างใดครับ เพราะพื้นที่ของ Notch Screen จะนับเป็น Notification Bar ซึ่งตามปกติก็จะไม่ได้ใช้งานอยู่แล้ว ส่วนการรับชมคอนเท้นในแนวนอน เช่น วีดีโอ หรือการรับชม Youtube จะเป็นไปตามอัตราส่วนของวีดีโอ ถ้าเป็นวีดีโอปกติทั่วไป ไม่ใช่ตัวอย่างภาพยนตร์ หรือไฟล์ภาพยนตร์อัตราส่วน 21:9 ก็จะไม่กินพื้นที่ติ่งหน้าจอ
OPPO F7 จัดว่าเป็นสมาร์ทโฟนจอใหญ่ ด้วยหน้าจอแบบ Super Full Screen ขนาด 6.23 นิ้ว ทำให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น แสดงคอนเท้นได้เต็มตามากขึ้นทั้งในแนวตั้งและแนวนอน ที่สำคัญคือมีน้ำหนักเบาทีเดียว เนื่องจากใช้วัสดุเฟรมเป็นไฟเบอร์ เลยทำให้การจับถือตัวเครื่องทำได้สะดวก งานประกอบก็แน่นหนา แข็งแรงตามมาตรฐานของ OPPO จะมีติดเล็กน้อยก็ตรงขอบหน้าจอที่ยกขึ้นมาจากเฟรมตัวเครื่องพอสมควร
ดีไซน์ด้านหลังเป็นแบบ Glossy Design คือให้ความรู้สึกมันวาวแบบกระจก เวลาที่ตัวเครื่องเจอกับแสงในมุมต่าง ๆ ก็จะให้ความสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละมุม
สีจะมีด้วยกัน 3 สี คือสีแดง Solar Red (เครื่องรีวิว), สีเงิน Moonlight Silver และสีดำ Diamond Black ที่ให้ความเรียบหรู โดยสีแดง Solar Red ก็ไม่น่าจะต้องอธิบายอะไรมาก ให้ความร้อนแรง ที่สำคัญคือมันโดดเด่นมากเวลาที่ถืออยู่ในมือ
Software/ ระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการ ColorOS เวอร์ชัน 5.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.1 Oreo สิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ OPPO น่าจะชอบใจก็คือการกลับมาของรูปแบบการใช้งานแบบเดิม จากที่เวอร์ชันก่อนหน้า การเรียก Toggle switch หรือบรรดาปุ่มเปิดปิดฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ เช่น Bluetooth, WiFi, Airplane Mode และอื่น ๆ จะเป็นการปัดหน้าจอจากล่างขึ้นบน แต่ใน ColorOS 5.0 สามารถปัดหน้าจอจากบนลงล่างเพื่อเรียก Toggle switch เหมือนสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ปกติทั่วไปได้แล้ว
ด้านระบบรักษาความปลอดภัย มาพร้อมกับระบบสแกนลายนิ้วมือที่อยู่บริเวณด้านหลังตัวเครื่อง ตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่เหนือจุดกึ่งกลางมาเล็กน้อย การสแกนนิ้วทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยอีกอย่างเป็นการสแกนใบหน้า Facial Unlock 2.0ที่สามารถสแกนได้อย่างรวดเร็วมาก เพียงหยิบขึ้นมาก็ปลดล็อกได้ทันที แทบจะไม่มีการหน่วงเวลาเลย
Performance/ ประสิทธิภาพ
ชิปประมวลผล MediaTek Helio P60 จัดเป็นชิประดับกลางที่ให้ความแรงกว่า Snapdragon 625 ส่วนชิปประมวลผลกราฟฟิคที่ติดมาก็เป็น Mali-G72 MP3 เพราะฉะนั้นหายห่วงเรื่องเกมได้เลย เท่าที่ทดสอบกับหลาย ๆ เกม เช่น ROV, Harry Potter, Heros Evolved รวมถึงเกมขับรถ Asphalt 8 ก็สามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา อย่าง ROV แม้จะเปิดโหมดเฟรมเรทสูงไม่ได้ แต่ก็สามารถเล่นได้อย่างนิ่ง ๆ 30 fps ที่การตั้งค่าแบบเปิด HD และปรับทุกอย่างสุด
นอกจากชิปประมวลผล Helio P60 แล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สามารถเล่นเกมได้ดีก็คือ Game Acceleration โดยหลักการทำงานของ Game Acceleration คือการสั่งให้ CPU กับ GPU ทำงานเต็มประสิทธิภาพ และปิดการแจ้งเตือน (หรือปิดทั้งการแจ้งเตือนและการโทร) แต่ที่เหนือกว่า Game Mode ของเจ้าอื่น ๆ คือฟีเจอร์ Hold of distraction (ห้ามรบกวน) เมื่อมีสายเรียกเข้า ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะรับสายหรือไม่ ถ้าหากกดรับสาย ตัวฟังก์ชันก็จะเปิดลำโพงเสียงภายนอกให้ทันทีเพื่อสนทนากับอีกฝ่าย โดยที่หน้าจอไม่สลับไปเป็นโทรศัพท์ ทำให้ยังสามารถเล่นเกมกับสนทนาไปพร้อม ๆ กันได้
ด้านแบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3,400 mAh ผมทดสอบด้วยการเปิดสแตนบาย 4G (OPPO F7 รองรับการใช้งาน 4G ได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด) มีหยิบขึ้นมาเล่นเกมบ้าง เน้นไปถ่ายรูปเป็นหลัก กับเล่นโซเชียล สามารถใช้งานได้หมดวันสบาย ๆ แต่ถ้าเล่นเกมหนัก ๆ อันนี้ก็คงต้องพกพาวเวอร์แบงค์ไว้เติมไฟระหว่างวันล่ะครับ
Camera/ กล้อง
กล้องหน้าความละเอียดสูงถึง 25 ล้านพิกเซล แต่ความละเอียดสูงยังไม่ใช่ทีเด็ดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เพราะทีเด็ดจริง ๆ อยู่ที่การเลือกใช้ AI Beauty 2.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ ไม่ได้แค่มาทำตาโต ผิวขาว แล้วก็ไถริ้วรอยจนไม่เก็บรายละเอียดเหมือนโหมด Beauty ปกติทั่วไป
AI Beauty 2.0 มาพร้อมกับระบบวิเคราะห์ใบหน้าถึง 296 จุดและแบ่งโซนบนใบหน้า 25 โซน เพื่อให้การปรับแต่งใบหน้าทำได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถแยกแยะได้ว่ากำลังถ่ายภาพผู้หญิง หรือผู้ชาย และทำการปรับแต่งให้เหมาะสม ถ้าถ่ายผู้ชายก็จะไม่ต้องปรับให้หน้าแน่นมากเท่าผู้หญิง เป็นต้น
นอกจาก AI Beauty 2.0 แล้ว ยังสามารถเซลฟี่ด้วยโหมด HDR ในระดับของเซ็นเซอร์ได้อีกด้วย การปรับตั้งค่าจะเป็นไปตามอัตโนมัติ ทำให้สามารถถ่ายเซลฟี่ย้อนแสงได้ และยังต่อยอดไปยัง Vivid Mode หรือโหมดสีจัดจ้าน ทำให้การใส่ฟิลเตอร์มีความเป็นธรรมชาติและสดใสมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
กล้องหลังเป็นส่วนที่ถูกกล่าวถึงน้อยมาก ส่วนตัวเท่าที่ได้ใช้งานมาสักระยะ พบว่ามันเป็นสมาร์ทโฟนที่กล้องหลังอยู่ในระดับดีเลยล่ะครับ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว 10,990 บาท สามารถชนกับคู่แข่งได้สบาย ๆ และยังใส่ AI เข้าไปเพื่อช่วยให้การถ่ายภาพสมจริงมากยิ่งขึ้น โดย AI ในกล้องหลังสามารถแยกแยะฉาก กับวัตถุต่าง ๆ ได้หลากหลายประเภท และปรับแต่งให้เหมาะสมกับการถ่ายภาพนั้น ๆ ได้ทันที
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
ภาพรวมสำหรับ OPPO F7 กับราคา 10,990 บาท อย่างที่ได้กล่าวไปตั้งแต่ตอนต้นของรีวิว ว่ารอบนี้ OPPO ทำการบ้านมาดีมาก ด้วยสเปคและกล้องหน้าที่ถือว่าเป็นฟีเจอร์เด่น อีกทั้งดีไซน์อันโดดเด่น ทันสมัย หน้าจอแบบ 19:9 รับชมคอนเท้นได้เต็มตามากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกันแล้ว OPPO F7 เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ และไม่ควรมองข้ามเลยล่ะครับ