โดยปกติแล้วสมาร์ทโฟน OPPO ที่เป็น A Series มักจะไม่ค่อยถูกส่งให้นักรีวิวทดสอบสักเท่าไหร่ ด้วยความที่เป็นรุ่นเล็ก สเปคทำมาเพียงพอต่อการใช้งานในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่กับรุ่นล่าสุดอย่างในรีวิว OPPO A9 2020 ที่รอบนี้มีส่งเครื่องมาให้รีวิวด้วย เนื่องจากตัวนี้จัดเต็มเกินหน้าเกินตาซีรี่ส์เล็ก สมกับสโลแกน Super Spec – สเปคแรงสุด เรียกได้ว่าเป็นอีกตัวคุ้มในช่วงราคาต่ำหมื่นได้เลย
สเปค OPPO A9 2020
- ระบบปฏิบัติการ Color OS 6.0.1 + Android 9 Pie
- หน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ กระจก Gorilla Glass 3+
- ชิป Qualcomm Snapdragon 665
- RAM 8GB
- ROM 128GB (รองรับ micro SD 256GB)
- กล้องหน้าความละเอียด 16MP
- กล้องหลัง 4 ตัว 48MP + 8MP + 2MP + 2MP
- รองรับการใช้งาน 2 ซิม ถาดซิมแบบ 3 Slot
- แบตเตอรี่ 5,000 mAh
- ขนาดตัวเครื่อง 163.6 x 75.6 x 9.1 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 195 กรัม
- ราคา 8,990 บาท
- สเปค OPPO A9 2020 แบบเต็ม ๆ
เนื่องจาก OPPO A9 2020 เครื่องรีวิวที่ส่งมาให้ทดสอบ มีเพียงแค่ตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว ผมจึงได้สอบถามกับทาง OPPO ว่าในกล่องของโทรศัพท์รุ่นนี้ให้อะไรมาบ้าง ก็ถือว่าให้อุปกรณ์เสริมมาครบตามมาตรฐานครับ ประกอบไปด้วย
- สายชาร์จ USB Type-A to USB Type-C
- อะแดปเตอร์ 5V 2A (10W)
- เคสขนาดพอดีตัวเครื่อง
- หูฟังพร้อมไมโครโฟน
- ตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่ในกล่อง
สำหรับโปรโมชันพรีออเดอร์จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 16 – 27 กันยายน 2562 เมื่อจองจะได้รับฟรีกระเป๋า Smart Bag มูลค่า 1,590 บาท
ส่วนโปรโมชันพรีออเดอร์กับทางผู้ให้บริการเครือข่าย ได้แก่ AIS, dtac และ TrueMove H เมื่อจองเครื่องพร้อมสมัครแพ็กเกจรายเดือนตามที่กำหนด จะสามารถซื้อเครื่องในราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 3,990 บาท เป็นอีกทางเลือกสำหรับคนที่ใช้รายเดือนอยู่แล้ว และอยากได้ A9 2020 ในราคาพิเศษ
รีวิว OPPO A9 2020 – ประสิทธิภาพ
ไหน ๆ OPPO ก็กล้าที่จะใช้สโลแกนรุ่นนี้ว่า Super Spec – สเปคแรงสุด เพราะฉะนั้นผมจึงเริ่มที่หัวข้อประสิทธิภาพในการรีวิว OPPO A9 2020 เป็นอันดับแรก สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 665 เป็นชิปเซ็ต Kyro 260 แบบ Octa-core ความเร็วสูงสุด 2.0 GHz ที่เทคโนโลยีการผลิต 11 นาโนเมตร ชิปเซ็ตตัวนี้มี Neural Processing SDK for AI ทำให้ประสิทธิภาพของ AI ดีขึ้นถึงสองเท่า และยังใช้พลังงานลดลงถึง 20% เมื่อเทียบกับ Snapdragon 660
ส่วนชิปกราฟฟิคหรือ GPU เป็น Adreno 610 พร้อมฟีเจอร์ตัวช่วยสำหรับการเล่นเกมอย่าง Game Boost 2.0 ที่ประกอบไปด้วย Frame Boost ทำให้เล่นเกมแบบเฟรมเรทสูงได้อย่างเสถียร เฟรมเรทไม่ตก และ Touch Boost ช่วยให้การตอบสนองหน้าจอทัชสกรีนรวดเร็ว แม่นยำ
ผมลองทดสอบเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV Map 3.0 ปรับตั้งค่าระดับสูง เปิดโหมด High Framerate 60 fps ปรับพาติเคิลสูงสุด เล่นในห้องแอร์ อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ทดสอบทั้งเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และ Cellular 4G พบว่าสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลที่เฟรมเรต 59 – 60 fps แม้จะเป็นจังหวะที่บวกกันกลางแม่น้ำก็ตาม
ส่วนเกมอื่น ๆ อย่าง PUBG Mobile, Garena Free Fire หรือจะเกม Offline อย่าง Asphalt 9 ก็สามารถเล่นได้อย่างลื่นไหล เนื่องจากสเปคที่ให้มาแรงเพียงพอต่อการเล่นเกม และซอฟท์แวร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเล่นเกมอย่าง Game Boost 2.0 นั่นเองครับ
นอกจากชิปประมวลผล A9 2020 จะให้ชิปที่เหมาะกับการเล่นเกมแล้ว ปัจจัยอื่นอย่าง RAM ก็ให้มาสูงถึง 8 GB ชนิดแรมแบบ LPDDR4x ให้ทั้งประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานที่ดีกว่า LPDDR3 ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 128 GB เป็นแบบ UFS 2.1 ที่มีอัตราอ่านเขียนสูงถึง MB/s (ทดสอบด้วย AndroBench) ทำให้การบันทึกข้อมูลเป็นไปอย่างรวดเร็ว เห็นผลมากเวลาถ่ายภาพต่อเนื่อง หรือแม้แต่การโหลดแอปพลิเคชันผ่าน Google Play Store ก็ทำได้รวดเร็วทันใจ
จากสเปคที่ใส่มาให้นั้น ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ขึ้นเป็นหนึ่งในโทรศัพท์ราคาต่ำกว่า 10,000 บาทที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ในราคา 8,990 บาท หาที่ให้ชิป Snapdragon + RAM 8 GB + 128 GB ROM ยากอยู่ครับ ไหนจะแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh และด้วยสเปคที่ให้มาระดับนี้ ทำให้ OPPO A9 2020 ไม่เพียงแค่ใช้งานทั่วไปได้ดี แต่จะเอาไปเล่นเกมก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหา
Battery – แบตเตอรี่และพลังงานของ OPPO A9 2020
แบตเตอรี่มีความจุสูงถึง 5,000 mAh ธรรมดาก็ถือว่าเป็นแบตเตอรี่ความจุสูง ใช้งานข้ามวันได้สบาย ๆ อยู่แล้ว เมื่อรวมกับสเปคที่ใช้ชิป Snapdragon 665 11 นาโนเมตร RAM 8 GB LPDDR4x หน้าจอความละเอียด HD+ และการจัดการพลังงานที่ดีของ ColorOS 6.0.1 ยิ่งทำให้สมาร์ทโฟนเครื่องนี้ใช้งานได้ยาวนานแม้จะมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก OPPO ระบุว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 19 ชั่วโมง แต่จากการใช้งานจริงแบบใส่ซิมเปิด 4G สแตนบายไว้ตลอด มีเชื่อมต่อ Wi-Fi เมื่ออยู่ที่ทำงานกับที่บ้าน ผมพยายามจำลองสถานการณ์ให้เหมือนกับใช้งานจริงมากที่สุด คือเปิดดู Youtube ระหว่างเดินทาง + เล่น Facebook, Twitter, LINE มีแอบเล่นเกม ROV ในออฟฟิศบ้าง แล้วก็มีถ่ายรูปบ้าง ส่วนตัวมองว่ารุ่นนี้ใช้งานได้ราว 1 – 2 วันเต็ม ๆ แบบไม่ต้องชาร์จไฟได้เลยครับ
อย่างไรก็ตาม หากเล่นเกมเยอะมากจริง ๆ อาจใช้งานได้ไม่ถึง 2 วันเต็ม แต่ถ้าใช้งานหมดวันแบบไม่ต้องชาร์จระหว่างวัน อันนี้ถือเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องการชาร์จไฟ เนื่องจากรุ่นนี้รองรับการชาร์จไฟเต็มที่ 10W ทำให้การชาร์จใช้เวลานานพอสมควร
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างของ OPPO A9 2020 คือความสามารถในการ Reverse Charging หรือจ่ายไฟให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นได้ อันที่จริงฟีเจอร์นี้อาจดูธรรมดา เพราะหลายรุ่นในท้องตลาดที่มีแบตเตอรี่ความจุสูงก็สามารถทำได้ แต่ความพิเศษของ A9 2020 อยู่ที่พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB Type-C จึงไม่ต้องหาสาย OTG ให้ยุ่งยาก แค่ใช้สาย USB Type C to USB Type C ก็สามารถจ่ายไฟให้เครื่องอื่นเสมือนกับใช้งาน Powerbank ได้เลย
Camera – กล้องถ่ายภาพ OPPO A9 2020
แม้จะเป็นสมาร์ทโฟนซีรี่ส์เล็ก A Series แต่เรื่องกล้อง ในส่วนของฮาร์ดแวร์นี่ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ รุ่นนี้ใส่กล้องหลังมาให้ถึง 4 ตัวด้วยกัน ความละเอียดของกล้องหลักสูงถึง 48 ล้านพิกเซล มีเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle 8 ล้านพิกเซล ส่วนอีก 2 กล้อง เป็นเลนส์ Portrait และเลนส์ Mono ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล
รูปแบบการทำงานของกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล เป็นแบบ Quad Pixel คือทำการรวม 4 พิกเซลเข้าเป็น 1 ทำให้ภาพที่ออกมามีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ได้รายละเอียดที่คมชัดทั้งในทุกสภาพแสง และสามารถถ่ายภาพเต็มความละเอียด 48 ล้านพิกเซลได้เช่นเดียวกัน แต่แนะนำว่าควรถ่าย 48 MP ตอนที่มีแสงสว่างมากพอจะได้ผลลัพท์ดีที่สุดครับ
โดยปกติการถ่ายภาพที่ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล หากเป็นสมาร์ทโฟนบางยี่ห้อ จะไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์บางอย่างได้ เช่น AI Scene recognition, HDR, Beauty Mode เนื่องจาก ISP ไม่รองรับ แต่สำหรับ OPPO A9 2020 แทบจะทำงานได้ทุกฟีเจอร์ เพราะ ISP ของ Snapdragon 665 สามารถทำงานร่วมกับกล้องความละเอียดสูงสุด 48 ล้านพิกเซลนั่นเอง เอาเป็นว่าจะถ่าย 48 ล้านพิกเซลแบบใส่ฟิลเตอร์ มีลายน้ำก็ทำได้ครับ แต่ระวังเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูลจะเต็มไวด้วยนะ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
กล้องตัวที่ 2 เป็นเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล เก็บภาพได้กว้างถึง 119 องศา ทำให้สามารถเก็บภาพได้หลากหลายมุมมองมากยิ่งขึ้น อยากถ่ายคนพร้อมฉากหลัง หรือต้องการเก็บภาพในพื้นที่จำกัด เช่น ถ่ายภาพหมู่ในร้านอาหาร เป็นต้น
เปรียบเทียบระยะระหว่างกล้องหลัก 48 MP กับเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle ครับ
Ultra Night Mode 2.0 เป็นหนึ่งในโหมดถ่ายภาพที่น่าสนใจ โดยลักษณะการทำงานของโหมดดังกล่างจะเป็นการถ่ายภาพซ้อนกัน 3 – 8 ภาพ จากนั้น AI จะทำการรวมภาพ ปรับแสง ดึงรายละเอียดให้ออกมาคมชัด ลด Noise ที่จะเกิดบนภาพ สามารถถือถ่ายได้แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง (Hand-held) นอกจากนี้ยังปรับให้เข้ากับการถ่ายภาพบุคคลในที่แสงน้อย จะทำการแยกปรับแต่งระหว่างตัวแบบกับฉากหลัง ให้ความสว่างที่เท่ากันทั้งภาพ
สามารถใส่ฟิลเตอร์ในภาพถ่ายได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในท้องตลาด แต่ที่พิเศษและเป็นไฮไลท์ของรุ่นนี้อยู่ที่ฟิลเตอร์เบอร์ 06 และ 07 ที่เป็นการใช้เลนส์ Mono เข้ามาช่วยในการถ่ายภาพ โดยเลนส์ Mono จะเป็นเลนส์ที่เก็บภาพขาวดำ เมื่อรวมกับเลนส์ Portrait ที่ออกแบบมาสำหรับการเก็บระยะ ทำให้ภาพถ่ายฟิลเตอร์ที่แยกสีของตัวแบบกับฉากหลังมีความแนบเนียน
ฟิลเตอร์ 06
ฟิลเตอร์ 07
สำหรับกล้องหน้า มีความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ตำแหน่งอยู่ตรง Waterdrop Notch มาพร้อมกับ AI Beautification สามารถระบุโทนผิว, อายุ, เพศ, สีผิวได้อัตโนมัติ และปรับแต่งให้สวยงามตามลักษณะของผู้ใช้งานได้
Design – การออกแบบ OPPO A9 2020
มีด้วยกัน 2 สี ได้แก่ Marine Green และสี Space Purple (เครื่องรีวิว) ฝาหลังของรุ่นนี้เป็นแบบ 3D Artistic Design ซ้อนกันหลายเลเยอร์ เมื่อมีแสงตกกระทบกับฝาหลัง จะเปลี่ยนสีแตกต่างกันไปในแต่ละมุมมอง ตัวเครื่องออกแบบมาให้มีความโค้งมน จับถือสะดวก มีข้อสังเกตตรงที่ฝาหลังของ A9 2020 เป็นรอยนิ้วมือและรอยขนแมวง่ายมากครับ แนะนำให้ใส่เคสไว้ตลอดจะดีที่สุด
หน้าจอมีขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว ความละเอียด HD+ พร้อมฟีเจอร์ Sunlight Screen ใช้งานได้แม้จะอยู่กลางแดดจัด ๆ และ Bluelight Shield ที่ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้า ด้านบนหน้าจอเป็น Notch ทรงหยดน้ำที่มีการลดขนาดให้เล็กลงจากรุ่นก่อนหน้าถึง 31.4% มีอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องอยู่ที่ 89% มีขอบบนล่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
กระจกหน้าจอรุ่นนี้เป็น Gorilla Glass 3+ ที่แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไป อีกทั้งยังทนทานต่อรอยขีดข่วน แต่ก็มีฟิล์มกันรอยติดตั้งมาให้ตั้งแต่ในกล่อง ตัวหน้าจอที่มีความละเอียด HD+ เมื่อใช้งานจริงมันแสดงผลได้ดีกว่าที่คาดไว้พอสมควรครับ ความคมชัดอยู่ในระดับที่ใช้งานได้สบาย ๆ อ่านตัวหนังสือ หรือจะดูวีดีโอ ดูรูปภาพก็ทำได้อย่างไม่มีปัญหา คือถ้าไม่ได้เอาไปเทียบกับหน้าจอ Full HD+ ผมว่าหน้าจอ OPPO A9 2020 ก็คมชัดเพียงพอต่อการใช้งานแล้วล่ะครับ
กลับมาที่ด้านหลังตัวเครื่อง A9 2020 นอกจากจะมีกล้องหลัง 4 ตัวแล้ว ยังเป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ การปลดล็อกทำได้อย่างรวดเร็วตามแบบฉบับของเซ็นเซอร์แบบ Optical พอร์ตเชื่อมต่อของรุ่นนี้เป็นพอร์ตแบบ USB Type-C รองรับการใช้งานแบบ OTG และมีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร สามารถใช้งานกับหูฟังปกติได้ แล้วก็ถาดซิมรุ่นนี้เป็นแบบ 3 Slot รองรับ 2 nano SIM และ micro SD Card ที่ความจุสูงสุด 256 GB
เห็นว่าเป็นสมาร์ทโฟนซีรี่ส์เล็กแบบนี้ แต่ลำโพงเป็นแบบ Dual Stereo หรือลำโพงคู่นะครับ ตำแหน่งของลำโพงจะอยู่ด้านล่าง แล้วก็บริเวณลำโพงสนทนาด้านบน ให้เสียงที่ดังทีเดียว ผมลองเปิดเพลงด้วย Spotify แบบปรับดังสุดก็ไม่รู้สึกว่าเสียงแตกแต่อย่างใด นอกจากนี้ในเรื่องระบบเสียง หากใช้งานกับหูฟังจะมีตัวช่วยเป็น Dolby Atmos พร้อมเอฟเฟกต์เสียงแบบเซอร์ราวด์ อีกทั้งรองรับไฟล์เพลงความละเอียดสูง Hi-Res อีกด้วย
Software – ระบบปฏิบัติการ
ปิดท้ายที่หัวข้อระบบปฏิบัติการในการรีวิว OPPO A9 2020 รุ่นนี้มาพร้อม ColorOS 6.0.1 มีพื้นฐานจาก Android 9.0 Pie ที่มีการปรับแต่งไอคอนให้มีความมินิมอลมากขึ้น มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น Smart Assistant, Riding Mode สำหรับใช้งานขณะขับขี่รถมอเตอร์ไซค์, Music Party ที่สามารถเล่นเพลงเดียวพร้อมกันหลายเครื่อง เป็นต้น
ส่วนเรื่องการใช้งาน ด้วยความที่หน้าจอมีขนาดใหญ่ และเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในยุคปัจจุบัน สามารถปรับแต่ง Navigation Bar จากแบบเดิม ๆ เป็นแบบ Gesture Navigation ที่ใช้งานสะดวกด้วยมือเดียว และให้ความรู้สึกเต็มจอมากกว่าได้
Gesture Navigation มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ครับ
- ปัดขึ้นจากด้านล่างหน้าจอ แทนการใช้ปุ่ม Home
- ปัดขึ้นไปกึ่งกลางหน้าจอ แทนปุ่ม Recent App
- ปัดซ้ายขวาที่ด้านข้างหน้าจอ แทนปุ่ม Back สามารถปัดสั้น ๆ เพื่อกลับไปยังหน้าก่อนหน้า และปัดยาวเพื่อเป็นการสลับไปยังแอปพลิเคชันก่อนหน้าได้ (เฉพาะในโหมดแนวนอน)
Overall
สำหรับ OPPO A9 2020 เมื่อเทียบสเปคที่ให้มา กับราคาเปิดตัว 8,990 บาท ก็ต้องบอกว่าสมกับสโลแกน Super Spec หรือสเปคแรงสุดล่ะครับ เพราะมองในมุมของ A Series รุ่นนี้ก็ถือว่าแรงที่สุด เพราะให้ RAM 8 GB + 128 GB ROM หน้าจอใหญ่ 6.5 นิ้ว กล้องหลัง 4 ตัว แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,000 mAh และลำโพงคู่แบบ Stereo พร้อมระบบเสียง Dolby Atmos หรือต่อให้เทียบกับสมาร์ทโฟนหลายรุ่นในท้องตลาดที่มีราคาใกล้ ๆ กับ A9 2020 รุ่นนี้ก็พร้อมชนได้สบาย ๆ เพราะสเปคโดยรวมของรุ่นนี้ ดีพอที่จะเป็นหนึ่งในโทรศัพท์ราคาต่ำกว่า 10,000 บาทที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในช่วงปลายปี 2019
จุดเด่น
- สเปคดี ใช้งานได้หลากหลาย เล่นเกมสบายด้วย Snapdragon 665 + RAM 8 GB
- ความจุสูง 128 GB ROM แบบ UFS 2.1 อ่านเขียนข้อมูลรวดเร็ว
- ดีไซน์สวยงามแบบ 3D Artistic ขนาดตัวเครื่องถือใช้งานสะดวก
- พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C
- กล้องหลังความละเอียดสูง ให้คุณภาพรูปถ่ายที่ดี มี AI ช่วยประมวลผลภาพถ่าย
- แบตเตอรี่ความจุสูง 5,000 mAh ใช้งานได้ยาวนาน
- ลำโพงคู่สเตอริโอในราคาต่ำหมื่น
ข้อสังเกต
- ฝาหลังตัวเครื่องเก็บรอยนิ้วมือ และเป็นรอยง่ายพอสมควร แนะนำให้ใส่เคสไว้ตลอด
- ไม่รองรับชาร์จเร็ว ทำให้การชาร์จแต่ละครั้งใช้เวลานานพอสมควร