หากพูดถึงสมาร์ทโฟนเรือธงในราคาสุดคุ้มคงขาดแบรนด์นี้ไปไม่ได้ นั่นก็คือ OnePlus นั่นเอง ซึ่งหลังจากที่ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในรุ่น OnePlus 6 ก็ได้เสียงตอบรับอย่างล้นหลาม แต่ OnePlus ก็ไม่รอช้า รุ่นใหม่ออกมาอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปีที่แล้วนั่นก็คือ OnePlus 6T ที่ทุกคนรอคอย เป็นรุ่นที่อัพเกรดสเปคหลายอย่าง เพิ่มฟีเจอร์และดีไซน์ตัวเครื่องให้ทันสมัย แต่ยังคงมีราคาที่ให้ความคุ้มค่าเหมือนเดิม จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไปดู รีวิว OnePlus 6T ได้ที่ด้านล่างเลยครับ
รายละเอียดสเปค OnePlus 6T Thunder Purple
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.41 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอ 19.5 : 9 ความละเอียด Full HD 1080 x 2340 พิกเซล
- ขนาดตัวเครื่อง 157.5 x 74.8 x 8.2 มม. หนัก 185 กรัม
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 845 CPU Octa-core (4×2.8 GHz Kryo 385 Gold & 4×1.7 GHz Kryo 385 Silver) พร้อมหน่วยประมวลผลกราฟฟิก Adreno 630
- RAM 8 GB
- ความจุ 128 GB
- กล้องหลัง Dual Camera ความละเอียด 20+16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/1.7 พร้อมฟีเจอร์กันสั่น Gyro-EIS และ OIS
- กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างสุด f/2.0 พร้อมฟีเจอร์กันสั่น Gyro-EIS
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- รองรับ Dual SIM
- พอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ความจุ 3700 mAh พร้อมกับฟีเจอร์ Fash Charge 5V/4A 20W
- ระบบปฏิบัติการ Android 9.0 Pie พร้อมกับ OxygenOS 9.0.11
- มีสามสีคือ Thunder Purple, Mirror Black และ Midnight Black
- ในส่วนของราคานั้นมีด้วยกันสามรุ่นย่อย สามราคาด้วยกันคือ
- แรม 6 GB รอม 128 GB ราคา 18,999 บาท
- แรม 8 GB รอม 128 GB ราคา 20,999 บาท
- รุ่นท็อป แรม 8 GB รอม 256 GB ราคา 22,999 บาท
Design
OnePlus 6T มากับหน้าจอขนาด 6.41 นิ้ว ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Optic AMOLED เหมือนเดิม ที่ขึ้นชื่อในเรื่องสีสันและสีดำที่ดำสนิท ส่วนความละเอียดอยู่ที่ระดับ Full HD 1080 x 2340 พิกเซลที่ถือว่าเพียงพอแล้วในปัจจุบัน Gorilla Glass 6 ที่แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไป และยังติดฟิล์มหน้าจอมาให้แล้วตั้งแต่อยู่ในกล่อง แต่เป็นฟิล์มใสธรรมดา
OnePlus 6T เปลี่ยนมาใช้ติ่งแบบหยดน้ำแทน ซึ่งข้อดีของติ่งหยดน้ำทำให้หน้าจอมีพื้นที่การแสดงผลที่เพิ่มขึ้นมาก มีอัตราส่วนพื้นที่หน้าจออยู่ที่ 85.6 % เป็นผลดีจากการเปลี่ยนใช้ติ่งแบบหยดน้ำ ซึ่งในติ่งก็จะประกอบไปด้วยกล้องหน้า และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ อยู่ครบ
ด้านล่างตัวเครื่องก็จะมีขอบเครื่องที่หนาเล็กน้อย ส่วนปุ่ม Navigation จะไปอยู่ในหน้าจอ ซึ่งสามารถเข้าไปสลับตำแหน่งได้ในตั้งค่าตามความถนัดของมือ
สำหรับเครื่องรีวิวที่เราได้มานั้น เป็นสีใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น OnePlus 6T นั่นก็คือสี Thunder Purple เป็นการไล่เฉดสีตัวเครื่องให้สะท้อนแสงสวยงามทุกองศาการมอง ซึ่งเห็นในรูปว่าสวยแล้ว พอได้มาเห็นตัวจริงสวยกว่าเดิมอีก
หากใครมองไม่เห็นภาพเราเลยพาแอดมินแอ๋มไปถ่ายในสภาพแสงจริงให้ดูกัน ตัวเครื่องเฉดสีเข้มไปอ่อนจากบนลงล่างเป็นสีม่วงอมเทาตามชื่อสีได้สวยงามมาก ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเลยก็ว่าได้ สำหรับใครที่กังวลว่าใส่เคสก็มองไม่เห็นหายห่วงไปได้เลย เนื่องจากได้แถมเคสใสให้ภายในกล่อง ซึ่งเป็นคุณภาพของเคสถือว่าคุณภาพดี
ด้านหลังตัวเครื่องจะเป็น กล้องหลัง Dual Camera ในแนวตั้งพร้อมกับ Dual LED Flash ถัดลงมาด้านล่างเป็นโลโก้ OnePlus สีเงินที่โดดเด่น ซึ่งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังได้ถูกตัดออกไปแล้วเนื่องจากย้ายฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือไปไว้ที่ใต้หน้าจอแทน
ด้านล่างตัวเครื่องก็จะมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ลำโพงสนทนา และไมค์รับเสียงสนทนา ซึ่งในรุ่นนี้ได้ตัดช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ออกไปเรียบร้อยแล้ว ทำเอาหลายคนแอบผิดหวัง แต่ในกล่องมีหัวแปลงจาก Type-C ไปเป็น 3.5 มม. ให้อยู่ และเพิ่มแบตเป็น 3700 mAh จากเดิม 3300 mAh ถือเป็นข้อดีของการตัดช่องเสียบ 3.5 มม. ออกไป
ด้านขวาของตัวเครื่องจะมีปุ่ม Power และปุ่มที่เราถูกใจเป็นพิเศษที่หาได้ยากบนสมาร์ทโฟน Android นั่นก็คือปุ่มเปิดสั่นแบบรวดเร็ว ซึ่งหากใครใช้ iPhone อยู่ก็คงนึกออกที่จะอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง แต่สามารถปรับได้ 3 ระดับด้วยกันคือ มีเสียง ระบบสั่น และเงียบไปเลย
ด้านซ้ายของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเพิ่มเสียงและลดเสียงเป็นแบบปุ่มเดียวยาว ๆ และช่องใส่ซิมแบบ Dual Sim ซึ่ง OnePlus 6 ไม่สามารถใส่ microSD เพิ่มได้นะครับ
ด้านหลังตัวเครื่องมีข้อความเขียนไว้อย่างโดดเด่นว่า “Designed by OnePlus”
โดยรวมแล้วการออกแบบตัวเครื่องด้านหน้าดูสวยงามกว่ารุ่นเดิมจากการเปลี่ยนมาใช้หน้าจอที่มีติ่งแบบหยดน้ำและเพิ่มขนาดหน้าจอให้มีขอบเครื่องที่บางลง ทำให้ดูลงตัวกว่ารุ่นเดิม ส่วนสี Thunder Purple นั้นก็ถือว่าถูกใจเรามาก เป็นโทนสีที่ดูโดดเด่นและดูแล้วรู้เลยว่าเป็น OnePlus 6T
Software
สำหรับซอฟต์แวร์ของตัวเครื่องมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 บน Oxygen OS 9.0.11 รอมที่ทาง OnePlus พัฒนาขึ้นเองที่โดดเด่นด้วยการทำงานที่รวดเร็วและเรียบง่าย เพื่อการประมวลผลที่รวดเร็วและเสถียร ที่สำคัญชิปประมวลผลสุดแรงอย่าง Snapdragon 845 และแรมมากถึง 8 GB ทำให้ใช้งานได้แบบลื่น ๆ สลับแอพได้อย่างรวดเร็วและสามารถพับโปรแกรมลงได้โดยไม่ต้องรันใหม่เหมือนสมาร์ทโฟนแรมน้อย ๆ
หน้า UI ก็คล้าย ๆ กับสไตล์ Pure Android ที่เรียบง่ายเน้นสีขาวที่ดูสะอาดตา ใช้งานได้แบบลื่น ๆ
สำหรับฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามานั้นก็คือเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ย้ายมาอยู่ใต้หน้าจอ ซึ่งทำงานได้อย่างรวดเร็วแม่นยำตามมาตรฐานสากล หากใครที่ไม่สะดวกใช้งาน หรือมือเปื้อนบ่อย ก็ยังมีฟีเจอร์ปลดล็อคด้วยใบหน้ามาใช้เช่นกัน ซึ่งเปิดใช้งานได้พร้อมกันได้สองฟีเจอร์ก็ถือว่าสะดวกดี
Performance
จุดเด่นก็คือสเปคที่แรงมาก มากับชิปประมวลผล Snapdragon 845 พร้อมกับชิปประมวลผลกราฟิก Adreno 630 ซึ่งเป็นชิปตัวท็อปสุดของ Qualcomm พร้อมกับแรมสูงสุดถึง 8 GB ทำให้การใช้งานไม่ว่าจะหนักแค่ไหนก็หายห่วงเกินความคาดหมาย เราจึงนำมาเทสกับเกมใหม่ที่กำลังมาแรง และกินสเปคสุด ๆ อย่างเกม PUBG เพื่อทดสอบความลื่น และระบบเสียงว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราได้ทำการปรับกราฟิกให้อยู่ในระดับดีที่สุด และภาพคมชัดที่สุด ก็เล่นได้แบบลื่น ๆ เชื่อว่าเกมทุกเกมบน Playstore เล่นได้สบายหายห่วง ไปดูจากคลิปด้านล่างได้เลยครับ
Camera
ในส่วนของกล้องนั้น มากับกล้องหลัง Dual Camera กล้องตัวแรกใช้เลนส์ของ Sony IMX 519 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 ส่วนอีกตัวใช้เลนส์ Sony IMX 376K ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.7 เช่นเดียวกัน และมาพร้อมกับเซ็นเซอร์กันสั่น OIS และ gyro-EIS ทำให้การถ่ายภาพนั้นนิ่งสุด ๆ ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับความละเอียด 16 ล้านพิกเซลที่มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 และมากับหน้า UI ของกล้องที่ใช้งานง่าย
จากที่ลองใช้งานมาเหมือนว่ากล้องจะไม่มีโลโก้แสดงที่เป็น AI เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ ตัว UI ของกล้องนั้นมีหน้าตาที่เรียบง่าย แต่คุณภาพของกล้องนั้นทำออกมาได้ดีมาก การันตีได้จากคะแนน Dxomark ที่ได้สูงถึง 98 คะแนน จากรุ่นเดิมอย่าง OnePlus 6 ที่ได้คะแนน 96 คะแนน ซึ่งหมายความว่ามีประสิทธิภาพที่แตกต่างกันอย่างแน่นอนจากการอัพเดทซอฟต์แวร์ของกล้อง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ของกล้องที่กำลังมาแรงในขณะนี้คือโหมดถ่ายกลางคืน ซึ่งก็ได้ใส่เข้ามาให้ด้วยซึ่งมีวิธีการถ่ายที่เหมือนกับแบรนด์อื่น ๆ คือกดชัตเตอร์แล้วหรอประมาณ 2-3 วินาที ตัวกล้องจะทำการจับภาพแล้วเพิ่มแสงให้อัตโนมัติ ภาพจะเรียบเนียนเพิ่มความสว่างจากเดิมและ ไม่มี Noise รบกวนภาพเหมือนกับภาพตัวอย่างด้านล่าง
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหลัง OnePlus 6T
ตัวอย่างภาพถ่ายกล้องหน้า OnePlus 6T
สรุป
OnePlus 6T เป็นรุ่นอัพเกรดสเปคเพิ่มขนาดหน้าจอ เปลี่ยนรอยบากเป็นหยดน้ำ เพิ่มแบต เปลี่ยนเซ็นเซอร์สแกนนิ้วมาไว้บนจอ เพิ่มสี Thunder Purple เพิ่มประสิทธิภาพกล้อง ในราคาที่เพิ่มขึ้นมา 2,000 บาท ถือว่าคุ้มมากเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้มา และจากสเปคเดิมที่ดีอยู่แล้ว ทั้งชิปประมวลผลระดับท็อป Snapdragon 845 แรมที่ให้มาสูงสุด 8 GB และรอมสูงสุด 256 GB หน้าจอ Optic AMOLED สีแจ่มขนาด 6.41 นิ้ว รอม Oxygen OS ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วสมคำล่ำลือ กล้องหน้าหลังที่ความละเอียดสูง พร้อมฟีเจอร์ครบ ทำให้ตอบโจทย์ผู้ที่คลั่งใคล้สมาร์ทโฟนสเปคสูงในราคาเริ่มต้นที่ 18,999 บาทเท่านั้น ยิ่งใครใช้รายเดือนปกติอยู่แล้ว ยังสามารถซื้อติดสัญญากับเครือข่ายได้อีกในราคาที่ลดเพิ่ม ยิ่งมีราคาถูกไปอีก สรุป ใครที่อยากได้สมาร์ทโฟนเน้นสเปคโหด ๆ ประมวลผลเร็วรวดเร็ว เล่นเกมได้ทุกเกมแบบลื่น ๆ ในราคาประมาณ 20,000 บาท
ข้อดี
- สเปคที่ดีมาก ในราคาที่คุ้มค่าเช่นเดิม
- Oxygen OS ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็วเข้ากับ Android Pie 9.0 เวอร์ชั่นล่าสุด
- เปลี่ยนมาใช้ Notch ทรงหยดน้ำ ที่สวยงามขึ้นมาก
- สี Thunder Purple โดดเด่น เห็นแล้วรู้เลยว่าเป็น OnePlus 6T
- แบตเตอรี่อึดขึ้นมากจากรุ่นเดิมมาก
- กล้องมีประสิทธิภาพที่ดี มีโหมดกลางคืน ถ่ายวิดีโอนิ่ง
ข้อสังเกต
- เพิ่ม microSD ไม่ได้
- ตัดช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ออกไปแล้ว
สำหรับโปรโมชั่นของ OnePlus 6T ใครที่ใช้รายเดือนของทาง AIS อยู่ยิ่งคุ้มไปใหญ่ลดค่าเครื่องสูงสุด 3,000 บาทเลยทีเดียว เพียงใช้โปรโมชั่นเริ่มต้นแค่ 699 บาทนาน 1 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นโปรที่ต่ำมาก หากใครใช้เดือนละประมาณเท่านี้อยู่แล้วก็แนะนำให้ไปจัดเลยจ้า ตอนนี้มีวางจำหน่ายทุกช่องทางแล้วที่
– JD Central
– AIS Flagship store สาขา เซ็นทรัลเวิร์ด ชั้น 4 และ AIS online store
– Power Buy