Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»Review – Moto X4 มือถือ Pure Android ดีไซน์สุด Luxury พร้อมกล้องคู่เลนส์กว้าง Ultra Wide
    Android Platform

    Review – Moto X4 มือถือ Pure Android ดีไซน์สุด Luxury พร้อมกล้องคู่เลนส์กว้าง Ultra Wide

    ZeroSystemBy ZeroSystem24 ธันวาคม 2017Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ชื่อของ Motorola นั้น จัดว่าอยู่คู่กับวงการโทรศัพท์มือถือมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่สมัยแรกๆ มาจนถึงปัจจุบันที่กลายเป็นสมาร์ทโฟน ซึ่งเราก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ Motorola มาโดยตลอด นับตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์ที่สร้างกระแสได้ตลอด แม้กระทั่งตัวแบรนด์เองยังมีการเปลี่ยนผ่านในระดับสูงอยู่บ่อยครั้ง นับว่าเป็นอีกหนึ่งรายที่เปรียบเสมือนเป็นไอคอนสำหรับวงการโทรศัพท์มือถืออย่างแท้จริง รวมถึงในปัจจุบันเอง ตัวผลิตภัณฑ์ก็ยังคงรักษาจุดเด่นของตนเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น นั่นคือการเป็นสมาร์ทโฟนที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการแบบคลีนๆ ในสไตล์ Pure Android แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเพิ่มลูกเล่นต่างๆ เข้าไปให้มีความน่าใช้งานเพิ่มขึ้นไปอีก อย่างในตัวของ Moto X4 ที่รีวิวในครั้งนี้นี่เองครับ

    สำหรับ Moto X4 นั้น ก็นับเป็นมือถือ Android ซีรีส์ระดับกลางเกือบสูงของ Moto เน้นเรื่องการใช้งานทั่วไปที่ไหลลื่น ฟังก์ชันครบถ้วน อัดแน่นมาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ดีไซน์สวยงาม พร้อมจุดขายหลักคือเป็น Pure Android ซึ่งให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม ตอบสนองรวดเร็ว แถมในรอบนี้ยังมีลูกเล่นที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาทั้งในส่วนของ gesture ที่ทำให้ใช้งานสะดวกขึ้น กล้องหลังแบบเลนส์คู่ เอาเป็นว่าเรามาดูสเปค Moto X4 ก่อนแล้วกันครับ ว่าน่าสนใจอย่างไรบ้าง

    • ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 630 ความเร็ว 2.2 GHz 8 คอร์ พร้อมชิปกราฟิก Adreno 508
    • แรม 4 GB
    • รอม 64 GB รองรับการเพิ่มความจุด้วย MicroSD
    • หน้าจอ LTPS IPS ขนาด 5.2 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1080p กระจกหน้าจอ Gorilla Glass
    • กล้องหลังเลนส์คู่
      • เลนส์ปกติ: ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.0
      • เลนส์มุมกว้าง ultra-wide: ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล f/2.2
    • กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 มีไฟแฟลช
    • Android 7.1.1
    • ชาร์จไฟผ่านช่อง USB-C รองรับการชาร์จเร็วด้วยฟีเจอร์ TurboPower
    • แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh (ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้)
    • รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2 (พร้อมรองรับ 5.0 ด้วย หลังอัพเกรดเป็น Android 8.0)
    • ใช้งานได้ 2 ซิม รองรับ 4G LTE และการเชื่อมต่อแบบ 3CA
    • มีวิทยุ FM และมี NFC
    • กันน้ำกันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
    • สเปค Moto X4 เต็มๆ
    • ราคา 14,900 บาท

    ด้วยราคาหมื่นกลางๆ นับว่า Moto X4 ทำสเปคออกมาได้อยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ทโฟนปี 2017 ครับ ด้วยชิปประมวลผลรุ่นกลางค่อนสูงที่รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างครบครันทัดเทียบชิปรุ่นสูงๆ รวมถึงยังได้แรม 4 GB รอม 64 GB กล้องคู่ NFC ก็มี แถมยังให้วิทยุ FM มาอีก ทั้งยังรองรับการชาร์จเร็ว กันน้ำกันฝุ่น ทำให้ Moto X เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจสำหรับผู้กำลังมองหามือถือใช้งานลื่นๆ ตอบโจทย์รูปแบบการใช้งานทั่วไป ทั้งยังค่อนข้างมั่นใจได้อีกด้วยว่าจะได้รับการสนับสนุนเรื่องการอัพเดทซอฟต์แวร์กันไปยาวๆ ตามสไตล์ของ Motorola

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-22

    ข้อดี

    – งานประกอบดี รูปลักษณ์หรูหรา พรีเมียมและดูแพง
    – การใช้งานไหลลื่น สมกับที่เป็นเกือบ Pure Android 100%
    – กันน้ำ กันฝุ่นในระดับ IP68
    – กล้องหลังแบบคู่ที่ให้เลนส์ไวด์มา เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพมุมกว้างกว่าปกติ
    – ลูกเล่นกล้องน่าสนใจ
    – แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนาน
    – Moto Display อำนวยความสะดวกได้ดี

    ข้อสังเกต

    – คุณภาพของภาพถ่ายยังไม่เทียบเท่าคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะในที่มีแสงน้อย
    – เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่สเปคใกล้เคียงกัน Moto X4 อาจจะราคาสูงไปนิด

    บทสรุป

    Moto X4 นับเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจสำหรับคนที่มองหาสมาร์ทโฟนลื่นๆ ซักเครื่อง ที่สามารถใช้งานได้แบบไม่ต้องกังวลว่าแอปจะค้าง ใช้งานไม่ได้ หรือสร้างความหงุดหงิดในแง่ของการทำงาน เนื่องจากตัวรอมนั้นแทบจะเป็น Pure Android อย่างสมบูรณ์ ฮาร์ดแวร์ที่ใส่ให้มาก็จัดว่าอยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับการใช้งานในปัจจุบัน พ่วงมาด้วยลูกเล่นที่ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้นมากมาย หรือถ้าจะไปเที่ยวที่ไหนแล้วต้องการเก็บภาพมุมกว้างๆ ก็มีเลนส์ไวด์ที่มุมรับภาพกว้างเป็นพิเศษให้ใช้ในตัวได้เลยแบบไม่ต้องหาซื้ออุปกรณ์เสริม ด้านของรูปลักษณ์ก็ให้ความหรูหรา พรีเมียมอย่างโดดเด่น จึงจัดได้ว่าเป็นมือถือที่ครบเครื่องมากๆ อีกหนึ่งรุ่นในปัจจุบันเลยก็ว่าได้
    Editor : ZeroSystem
    94
    BEST ASSISTANT

    Design

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-7

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-8

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-10

    Moto X4 ยังคงมาในรูปทรงที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนคุ้นเคยกันดี ด้วยหน้าจอในอัตราส่วน 16:9 ที่มีขอบจอทั้ง 4 ด้านตามปกติ โดยที่กระจกหน้าจอ Gorilla Glass จะเป็นแบบขอบโค้ง 2.5D ที่ให้สัมผัสลื่นไหลเวลาใช้งาน รับกับรูปทรงขอบมุมต่างๆ ของตัวเครื่องอย่างลงตัว สำหรับรูปทรงและสัมผัสของตัวเครื่องนั้น ตอนที่ผมจับครั้งแรกแล้วมันทำให้นึกถึงมือถือรุ่นเก่าอย่าง Google Nexus 4 เลยทีเดียว เพราะ Moto X4 มันจะออกป้อมๆ ป่องข้างกว่าปกติเล็กน้อย แต่เวลาใช้งานจริงก็ไม่ได้แตกต่างจากมือถือรุ่นอื่นๆ เท่าไหร่ครับ

    หน้าจอ Moto X4 มาในขนาด 5.2 นิ้ว ซึ่งเป็นจุดที่พอเหมาะมากๆ ทำให้สามารถใช้งานเครื่องด้วยมือเดียวได้แบบไม่ลำบากมากนัก ส่วนความละเอียดจอก็อยู่ที่ 1920 x 1080 เลือกใช้พาเนลแบบ LTPS IPS ที่เป็นพาเนลจอแบบบาง มีโครงสร้างภายในที่แตกต่างจากพาเนล IPS ปกติเล็กน้อย แต่ในแง่ของการแสดงผลสู่สายตาผู้ใช้งาน มันก็คือจอ IPS ตามปกติเลยครับ สีสันสวยงาม ไม่จัดจ้านแต่ก็ไม่ซีดจนเกินไป คมชัดในทุกมุมมอง ความสว่างในการใช้งานกลางแจ้งก็พอดิบพอดี สามารถใช้งานได้แบบไม่สะดุด ระบบการปรับแสงอัตโนมัติก็ตอบสนองต่อสภาพแสงภายนอกได้รวดเร็วและนิ่มนวล ใช้งานนานๆ แล้วไม่รู้สึกว่าความสว่างจอมันกระโดดจนเกินไป

    ขอบโค้งมน ไม่สะดุดในทุกสัมผัส

    ฝั่งบนของจอก็จะเป็นตำแหน่งของอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ แฟลชกล้องหน้าแบบ LED ลำโพงสนทนา กล้องหน้า เซ็นเซอร์วัดแสง วัดระยะห่าง ตามปกติ แต่สำหรับตัวเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง (Proximity Sensor) นี้ มันจะทำงานอยู่ตลอดเวลานะครับ ต่างจากมือถือทั่วไปที่มักจะไม่ทำงานหลังจากปิดหน้าจอลงไป ซึ่งสาเหตุที่ตัวเซ็นเซอร์ทำงานอยู่ตลอดเวลา ก็เนื่องจากมันไปเกี่ยวพันกับหนึ่งในฟีเจอร์พิเศษของ Moto X4 เอง โดยเราจะได้พบกับรายละเอียดแบบเต็มๆ ในช่วงของการรีวิวฟีเจอร์ Moto X4 นะครับ

    ต่อมาที่ฝั่งด้านล่างบ้าง ก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะคุณจะได้พบแค่แถบปุ่มโฮมอย่างเดียวล้วนๆ เลย โดยจะเป็นแถบปุ่มโฮมแบบสัมผัสเท่านั้น ไม่สามารถกดลงไปได้ ซึ่งผู้ใช้หลายๆ ท่านก็น่าจะชินกันไปแล้ว หรือไม่ก็ใช้งานแถบปุ่มจากซอฟต์แวร์ของตัว Android เองในจอมือถือกันไปเลย ซึ่งตัว Moto X4 นี้ รองรับได้ทั้งสองแบบครับ คือจะใช้ปุ่มจากหน้าจอก็ได้ รวมถึงสามารถใช้แถบปุ่มโฮมชิ้นเดียวนี้ ในการสั่งงานเสมือนว่ามี 3 ปุ่มครบเหมือนเดิมก็ยังได้อีกด้วย ซึ่งก็อีกเช่นเคยครับ ผมขอยกส่วนนี้ไปอธิบายในส่วนการรีวิวเฉพาะด้านฟีเจอร์แล้วกัน

     

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-24

    Luxury of the back
    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-15

    เมื่อหันมาดูด้านหลังของ Moto X4 คงต้องบอกว่ายิ่งสวยและดูแพงขึ้นไปอีกครับ ด้วยการเลือกใช้วัสดุภายนอกเป็นกระจกขอบโค้ง ที่สะท้อนแสงพอสมควร ทำให้ตัวเครื่องดูเปล่งประกายขึ้นมามากกว่าเดิม ทั้งยังรับกับโลโก้ Motorola ตรงกลาง รวมถึงส่วนของกล้องหลังคู่อีกด้วย โดยตัวดีไซน์ของชุดกล้องหลังคู่จะแยกตัวออกจากฝาหลังอย่างชัดเจน ด้วยการออกแบบให้มีส่วนนูนขึ้นมา มีการเล่นขอบลักษณะคล้ายหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ ยกระดับความหรูหราขึ้นมาอีกขั้น ส่วนในเรื่องของความสวยก็คงต้องแล้วแต่นิยามของแต่ละท่านเองแล้วละครับ แต่ที่แน่ๆ คือมันเป็นจุดที่ทำให้ Moto X4 แตกต่างไปจากสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นๆ อย่างแน่นอน

    ตัวกล้องหลังนี้ จะมีเลนส์อยู่ 2 ชุด โดยเลนส์ซ้ายในภาพที่มีกระจกเลนส์สีน้ำเงิน จะเป็นเลนส์มุมปกติเหมือนมือถือทั่วไป คือมีความกึ่ง normal กึ่ง wide ส่วนเลนส์ขวาในภาพที่หน้าเลนส์ภายใน (รูรับแสง) แคบกว่าจะเป็นเลนส์ ultra wide ที่มีมุมกว้างพิเศษ ส่วนด้านบนก็เป็นแฟลชแบบไฟสองสี

    ส่วนด้านข้างก็จะมีปุ่มและช่องเชื่อมต่อต่างๆ ดังนี้

    • ด้านขวา: ปุ่ม Power และแผงปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
    • ด้านล่าง: ช่อง USB-C และช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร
    • ด้านซ้าย: ไม่มีปุ่มและช่องเชื่อมต่อใดๆ
    • ด้านบน: ช่องรับเสียงของไมค์ตัดเสียงรบกวน และถาดใส่ซิมการ์ดแบบไฮบริด ใช้ซิมแบบนาโนซิม

    โดยตำแหน่งของปุ่มกดก็จัดว่าอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานได้สะดวกสำหรับคนที่ใช้มือขวาจับเครื่อง ส่วนบริเวณที่เป็นเส้นสีเทาอ่อนซึ่งคาดอยู่ตรงสันบนและล่างนั้น คือตำแหน่งที่ช่วยให้เสารับสัญญาณภายในทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น

    ปิดท้ายส่วนของการรีวิว Moto X4 ในแง่ของดีไซน์ด้วยกล่องและอุปกรณ์ที่ให้มาภายในครับ กล่องภายนอกถูกออกแบบมาให้เน้นสีฟ้าสดใสมากๆ เมื่อเปิดฝาออกมาก็จะพบกับตัวเครื่องก่อน จากนั้นก็จะเป็นช่องสำหรับใส่เอกสารคู่มือต่างๆ รวมถึงเข็มจิ้มถาดใส่ซิมการ์ด ส่วนชั้นด้านล่างสุดก็จะมีอุปกรณ์ดังนี้

    • หูฟัง
    • สายชาร์จ USB-C
    • อะแดปเตอร์ TurboPower ที่สามารถจ่ายไฟสูงสุดได้ 3 ระดับคือ 5V 3A / 9V 1.6A / 12V 1.2A รวมแล้วก็คือชาร์จไฟได้สูงสุดไม่เกิน 15W

    ส่วนเคส ฟิล์มหรือกระจกกันรอย อันนี้คงต้องหาซื้อเพิ่มเติมแยกนะครับ เพราะไม่ได้แถมมาให้ในกล่อง

    Software

    1

    ระบบปฏิบัติการที่ติดเครื่องมาของ Moto X4 ก็เป็น Android เวอร์ชัน 7.1.1 Nougat ที่ไม่มีการครอบ theme ใดๆ มา ทำให้มันเกือบจะเป็น Pure Android 100% เลยทีเดียว ติดที่มีการใส่แอปพลิเคชันอื่นพ่วงมาให้เล็กน้อย เช่น Linkedin รวมถึงแอปจาก Microsoft อย่างตระกูล Microsoft Office ซึ่งคาดว่าน่าจะเนื่องมาจากเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงระหว่าง Microsoft กับ Lenovo ซึ่งถือสิทธิ์ผลิตเครื่อง Motorola อยู่นั่นเอง แต่ในแง่ของการทำงานโดยรวม จะบอกว่า Moto X4 เป็นมือถือ Pure Android ก็พอได้อยู่ครับ

    พื้นที่หน่วยความจำในเครื่องของ Moto X4 ตามสเปคคือให้มา 64 GB ส่วนเมื่อเปิดใช้งานครั้งแรก พบว่าตัวระบบและแอปติดเครื่องทั้งหมดกินพื้นที่ไปราวๆ 18 GB กว่าๆ ถ้าหากไม่พอใจก็สามารถใส่ MicroSD เพื่อเพิ่มความจุไว้เก็บไฟล์ได้อีก แต่ก็แลกกับจำนวนซิมการ์ดที่ใช้งานได้จะเหลือเพียง 1 ซิมเท่านั้น เนื่องด้วยถาดใส่ซิมมันเป็นแบบไฮบริดนั่นเอง ส่วนแรม เมื่อเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรกแบบยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ พบว่าระบบใช้ไปประมาณ 1.6 GB เหลือให้ใช้เต็มๆ อีก 2 GB ซึ่งเหลือเฟือสำหรับการใช้งานทั่วไป หรือจะเล่นเกมก็สบายครับ

    2

    ฟังก์ชันพื้นฐานของ Moto X4 ที่น่าสนใจ และน่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับหลายๆ ท่านได้คงเป็นสองตัวนี้ครับ อันแรกคือการใช้งานสองแอปพร้อมกันบนหน้าจอเดียว ซึ่งรอบนี้มีติดมาให้ใช้กันตั้งแต่แรกเลย วิธีเรียกใช้งานก็จัดว่าเข้าใจง่ายมาก เพียงแค่กดปุ่ม/เรียกฟังก์ชัน Recent apps ขึ้นมา จากนั้นสังเกตที่ด้านบนจะมีแถบสีขาวจางบอกอยู่ ว่าถ้าต้องการเปิดใช้งานฟังก์ชันแบ่งสองหน้าจอ ก็ให้ใช้นิ้วลากหน้าต่างของแอปที่ต้องการไปวางในแถบสีขาวจางๆ ด้านบน เพียงแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อย เหมาะกับผู้ที่ต้องการเล่นแอปอื่นไป แชต Line ไปมากๆ

    ส่วนอีกฟังก์ชันหนึ่งก็คือการกดไอคอนแอปค้างไว้เพื่อเรียกเมนูลัดของแอปนั้นขึ้นมา หรือที่เราอาจจะคุ้นเคยกันในชื่อ 3D touch ครับ วิธีเรียกใช้งานก็ไม่ยากอีกเช่นกัน เพียงแค่ใช้นิ้วจิ้มไอคอนแอปที่ต้องการค้างไว้ ก็จะมีเมนูลัดของแอปนั้นๆ ขึ้นมา ซึ่งถ้ายังกดไอคอนค้างไว้อยู่ เมนูลัดก็จะหายไป และกลายเป็นการลากไอคอนตามปกติครับ ซึ่งจากที่ผมทดลองใช้ดู พบว่าพวกแอปหลักๆ ยอดนิยม จะสามารถใช้งานเมนูลัดได้แทบทั้งหมด

    Feature

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-9

    ต่อกันที่ส่วนฟีเจอร์ของ Moto X4 ที่น่าสนใจครับ เริ่มจากปุ่มโฮมที่นอกเหนือจากการใช้แตะเพื่อแทนฟังก์ชันการกลับมาหน้าแรกสุดแล้ว หากเปิดใช้งานฟีเจอร์ “One button nav” แล้ว แถมปุ่มโฮมนี้ก็จะใช้สั่งการแทน 3 ปุ่มหลักของ Android ไปเลย ซึ่งรูปแบบการสั่งงานก็จะดูจากปลายนิ้วที่แตะบนปุ่มโฮมเลยครับ ได้แก่

    • กดโฮม: แตะลงไปครั้งเดียวสั้นๆ แล้วยกนิ้วขึ้น
    • เรียก Google Assistant: แตะปุ่มโฮมค้างไว้
    • ปาดนิ้วผ่านปุ่มโฮมไปทางซ้ายหรือขวา: ย้อนกลับ หรือเรียกดูแอปที่ใช้งานล่าสุดย้อนหลัง ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าว่าจะให้ทิศทางไหนแทนฟังก์ชันใด

    ซึ่งอย่างผมเองใช้งานมือถือด้วยมือขวาเป็นหลัก และใช้งานการย้อนกลับจากหน้าจอปัจจุบันบ่อยกว่าการเรียกดูแอปล่าสุด ผมเลยตั้งค่าให้การปาดนิ้วบนปุ่มโฮมจากด้านซ้ายของปุ่มไปทางขวา แทนการกดปุ่มย้อนกลับ ซึ่งช่วงแรกๆ ก็อาจมีการสับสนบ้างว่าต้องปาดไปทิศทางไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อจำเป็นต้องใช้งานเครื่องด้วยมือซ้าย ก็จะสับสนทิศทางอยู่เหมือนกัน เพราะส่วนตัวผมถนัดการปาดนิ้วเข้าหามือข้างเดียวกันมากกว่า แต่หลังจากใช้งานไปซักพัก ก็ชินไปเองครับ

    หรือถ้าหากไม่สะดวก จะใช้ปุ่มสั่งงาน 3 ปุ่มแบบพื้นฐานของ Android แบบปกติก็ได้เช่นกัน โดยการไม่ต้องเปิดฟังก์ชัน One button nav เท่านั้นเอง ซึ่งเจ้าฟังก์ชันนี้จะซ่อนเมนูการเปิดใช้งานและการตั้งค่าอยู่ในแอปที่มีชื่อว่า Moto ที่มีไอคอนแสดงอยู่บนหน้าแรกนับตั้งแต่เปิดเครื่องมาเลย

    3

    ในแอปนี้ ผู้ใช้สามารถตั้งค่าการใช้งานเครื่องได้หลากหลายมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวก gesture และลูกเล่นพิเศษต่างๆ ของ Moto X4 เช่น ฟีเจอร์ในการแคปหน้าจออย่างง่ายด้วยการใช้ 3 นิ้ว การเปิดไฟฉายด้วยการถือเครื่องไว้ในมือ แล้วทำท่าสับติดกัน 2 ครั้ง รวมถึงการเปิดกล้องถ่ายภาพแม้หน้าจอจะล็อคอยู่ด้วยการถือเครื่องไว้ในมือ แล้วบิดข้อมือติดกัน 2 ครั้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีส่วนการตั้งค่าฟีเจอร์พิเศษของหน้าจออย่าง Moto Display อีกด้วย

    Untitled-1

    ก่อนจะไปกล่าวถึงฟีเจอร์ Moto Display ย้อนกลับมาดูข้อแตกต่างระหว่างการปิดฟังก์ชัน One button nav กับเปิดซักหน่อย ภาพซ้ายคือปิดไว้ จะเห็นได้ว่ามีแถบ 3 ปุ่มปรากฏขึ้นมาบนหน้าจอ ซึ่งก็จะทำให้พื้นที่แสดงผลของบางแอปลดลงไปเล็กน้อย ส่วนภาพขวาคือหลังเปิดฟังก์ชัน One button nav แล้ว แถบปุ่มกดก็จะหายไป ส่วนการสั่งงานก็จะใช้ที่แถบปุ่มโฮมแต่เพียงอย่างเดียวครับ

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-27

    กลับมาที่ฟังก์ชัน Moto Display เจ้าฟังก์ชันนี้ก็จะเป็นการเปิดใช้งานความสามารถในการแสดงผลของหน้าจอขณะที่มันล็อคอยู่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น การทำงานของมันก็คือการแสดงนาฬิกา และไอคอนการแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ ที่มีการแจ้งเตือนเข้ามา รวมถึงสามารถอ่านข้อมูลการแจ้งเตือนแบบคร่าวๆ ได้เลย แม้จะล็อคหน้าจออยู่นั่นเอง (ขึ้นอยู่กับการตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวด้วย ซึ่งในการทดสอบนี้ ผมเปิดให้มันแสดงข้อมูลได้เต็มที่)

    แต่ทั้งนี้ ฟังก์ชัน Moto Display มันก็ไม่ได้แสดงเวลาและข้อมูลตลอดเวลานะครับ เนื่องด้วยการที่ Moto X4 ไม่ได้ใช้หน้าจอประเภท OLED/AMOLED ถ้าหากเปิดให้หน้าจอแสดงภาพตลอดเวลา แม้จะเป็นภาพพื้นหลังสีดำ มันก็จะกินแบตเตอรี่เยอะมากๆ ตัวระบบมันจึงอาศัยการประมวลผลข้อมูลทั้งจากเซ็นเซอร์ในเครื่องและพฤติกรรมของผู้ใช้งาน แล้วดูว่าเวลาใดที่ควรเปิดหน้าจอ Moto Display ขึ้นมา หลังจากแสดงผลได้ซักพักหน้าจอก็จะดับลงไปตามปกติ ทำให้ไม่เปลืองแบตเตอรี่ ซึ่งในระหว่างที่ทดสอบ ผมเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ตลอด และแบตเตอรี่ก็อยู่จนหมดวันได้อย่างสบาย

    สำหรับการตรวจจับของฟังก์ชันนี้ว่าจะเปิดหน้าจอเมื่อไหร่ดี เท่าที่ผมสังเกตมา มันจะอิงจาก 2 ส่วนหลักๆ คือ

    • เมื่อมีวัตถุเคลื่อนที่ผ่านเซ็นเซอร์วัดระยะ (Proximity Sensor) ที่อยู่ใกล้ๆ กล้องหน้า ซึ่งจะทำงานตลอดเวลา ตัวอย่างของการทำให้มันทำงานก็คือการวาดมือผ่านเครื่องที่วางนิ่งๆ บนโต๊ะ หน้าจอก็จะติดขึ้นมา
    • เมื่อมีการยกมือถือขึ้นมา อยู่ในระดับและองศาที่ระบบคาดว่าผู้ใช้หยิบขึ้นมาดูหน้าจอ ซึ่งก็จะคล้ายๆ กับพวกสมาร์ทวอทช์ในปัจจุบัน ที่หน้าจอจะติดขึ้นมาเอง เมื่อตรวจจับได้ว่าผู้ใช้ยกข้อมือขึ้นมา

    ซึ่งฟังก์ชันนี้ก็ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานได้ไม่น้อยทีเดียว ทำให้บางครั้งเมื่อมีการแจ้งเตือนเข้ามา ผมก็ไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอเพื่อเข้าไปอ่าน เพราะสามารถดูได้เลยว่ามาจากแอปใด รวมถึงสามารถอ่านแบบคร่าวๆ ได้เลยอีกด้วย โดยการอ่านก็ทำได้ง่าย แค่กดที่ไอคอนของแอปที่แจ้งเตือนค้างไว้

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-28

    สำหรับการอ่านข้อความแจ้งเตือนคร่าวๆ นั้น ในภาพด้านบนก็เป็นตัวอย่างข้อความที่ผมได้รับจากการแชตใน Line ครับ ก็จะมีภาพและข้อความของอีกฝ่ายขึ้นมาให้ดูได้เลย รวมถึงยังสามารถตอบกลับได้อีกด้วย (แต่มันก็จะเป็นการปลดล็อค เพื่อไปตอบใน Line อยู่ดี)

    อีกตัวอย่างหนึ่งที่ผมพบว่ามันสะดวกมากกับการใช้งานฟังก์ชัน Moto Display ก็คือเวลาได้รับ SMS ประเภท OTP จากการทำธุรกรรมขณะที่หน้าจอปิดอยู่ เพราะผมสามารถดูเลข OTP และนำไปกรอกในอุปกรณ์อื่นได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาปลดล็อคหน้าจออยู่ เป็นต้น

    Camera

    Review-Moto-X4-SpecPhone-20171112-25

    กล้องหลังของ Moto X4 ที่ให้มาสองเลนส์นั้น ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วในส่วนต้นของรีวิวครับ คือเลนส์หนึ่งเป็นเลนส์ธรรมดา อีกเลนส์จะเป็นเลนส์มุมกว้างพิเศษ (ultra wide) โดยแต่ละเลนส์มีคุณสมบัติดังนี้

    • เลนส์ปกติ: ถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 โฟกัสอัตโนมัติ ปรับระยะโฟกัสได้ focal length 3.99
    • เลนส์ไวด์: ถ่ายภาพได้ความละเอียดสูงสุด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ไม่สามารถปรับระยะโฟกัสได้ focal length 1.92 องศาการรับภาพ 120 องศา

    ดังนั้นก็จะเห็นความแตกต่างของภาพที่จะได้ทั้งสองเลนส์แล้วนะครับ โดยตัวของเลนส์ไวด์จะเก็บภาพได้กว้างกว่าจริง แต่ในแง่ของความละเอียดก็จะลดลงเล็กน้อย อาจถ่ายในที่มีแสงน้อยได้ลำบากกว่าเลนส์ปกตินิดหน่อย และที่สำคัญคือระยะโฟกัสมันตายตัว ไม่สามารถปรับได้ ทำให้การถ่ายวัตถุที่ระยะใกล้กว่าทางยาวโฟกัสของมันทำได้ลำบาก เพราะวัตถุนั้นอาจเบลอไปเลย จึงเหมาะกับการใช้ถ่ายวิวระยะไกลๆ มากกว่า ซึ่งก็จะเห็นได้ชัดจากแกลเลอรี่ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง Moto X4 ซึ่งอยู่ท้ายสุดของส่วนการรีวิวกล้องนะครับ สำหรับภาพที่ถ่ายวัตถุเดียวกัน ภาพแรกจะเป็นจากเลนส์ปกติ ภาพที่สองจะเป็นจากเลนส์ไวด์

    นอกเหนือจากการให้มาสองเลนส์แล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์เสริมให้ถ่ายรูปได้สนุกๆ อีกด้วย โดยจะถูกแยกออกเป็นโหมดต่างๆ ดังนี้ครับ

    5

    • โหมด Photo สำหรับถ่ายภาพทั่วไป
    • โหมด Spot Color คือโหมดที่ให้ผู้ใช้จิ้มสีในภาพพรีวิวบนจอก่อนถ่าย เพื่อเลือกให้ภาพที่ออกมา มีแต่สีที่เลือกเท่านั้น เช่นหากภาพที่จะถ่ายเป็นภาพต้นไม้มีใบสีเขียว ถ่ายเราจิ้มสีเขียว ภาพที่ออกมา สีอื่นๆ นอกจากสีเขียวก็จะจางกว่าปกติ แถมยังเลือกระดับความจางของสีอื่นๆ ได้อีกด้วย
    • โหมด Panorama ก็สำหรับถ่ายภาพาโนรามา
    • โหมด Depth enabled คือโหมดสำหรับการถ่ายภาพแบบชัดลึก หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือพวกการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอนั่นเอง ซึ่งสามารถเลือกระดับความเบลอได้ทั้งก่อนถ่าย และหลังถ่ายเลย
    • โหมด Face Filters คือการใส่หน้ากากให้กับหน้าบุคคลในภาพที่จะถ่าย
    • โหมด Professional ก็คือโหมดโปรที่ให้ผู้ใช้ปรับตั้งค่าก่อนถ่ายได้ เช่น ค่าความเร็วชัตเตอร์ ค่า ISO ระยะโฟกัส เป็นต้น

    ซึ่งนอกเหนือจากลูกเล่นตั้งแต่ก่อนถ่ายภาพแล้ว หลังถ่ายก็ยังสามารถเอาภาพมาปรับแต่งได้จากในเครื่องอีกด้วย นับตั้งแต่การปรับแต่งแบบพื้นฐานอย่างพวกปรับสีสัน ไปจนถึงการปรับแต่งต่อจากลูกเล่นของแอปกล้อง เช่นถ้าหากถ่ายภาพด้วยโหมด Depth enabled มา ก็จะสามารถนำภาพนั้นมาปรับแต่งเสมือนว่ามีการแบ่งเลเยอร์ภาพระหว่างวัตถุกับฉากหลังเลยทีเดียว ตัวอย่างของการปรับแต่งที่ทำได้ก็เช่น การปรับความเบลอของฉากหลัง การเปลี่ยนจุดเบลอ การเลือกให้ฉากหลังเปลี่ยนเป็นสีขาวดำ โดยที่วัตถุด้านหน้ายังเป็นภาพสีอยู่ รวมถึงยังสามารถตัดฉากหลังออก แล้วเอาภาพอื่นมาเป็นฉากหลังแทนก็ยังได้ อย่างในภาพด้านบนที่แอปทำการตัดฉากหลังออก แล้วผมเอาภาพคีย์บอร์ดมาใช้เป็นฉากหลังแทน

    ซึ่งระดับความเนียนของการแยกฉากหลัง และการจัดการวัตถุที่เกี่ยวข้องกับการแยกระดับความลึกตื้นของภาพ ก็อยู่ในระดับที่พอใช้งานได้ครับ แต่คาดว่าหลังจากนี้ กับการเข้ามามีบทบาทของ AI ก็น่าจะทำให้งานในส่วนนี้ออกมาดีขึ้น เนียนขึ้นกว่าในปัจจุบันอย่างแน่นอน สำหรับแกลเลอรี่ด้านล่างนี้ก็จะเป็นภาพตัวอย่างที่ถ่ายจากโหมด Depth enebaled ครับ สำหรับภาพแรกของแต่ละชุดจะเป็นภาพที่ถ่ายจากโหมด Auto ตามปกติเช่นเคย

    Moto X4: Depth Enabled
    สำหรับด้านล่างนี้คือแกลเลอรี่ตัวอย่างภาพจากกล้องหลัง Moto X4 ครับ
    Moto X4: Camera Rollส่วนการเซลฟี่จากกล้องหน้า ก็มีโหมดให้เลือกเล่นพอสมควร จะแต่งหน้าเนียนใส ใส่เฟรมเอฟเฟ็คท์ในภาพก็ทำได้เช่นกัน โดยมีจุดเด่นคือให้ภาพความละเอียดสูงสุด 16 ล้านพิกเซล ตัวเซ็นเซอร์รับภาพก็ใช้เม็ดพิกเซลขนาดใหญ่กว่าเซ็นเซอร์กล้องหน้าปกติ ทำให้สามารถรับแสงได้มากขึ้นถึง 300% ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ในที่มีแสงน้อยทำได้ดีมากขึ้น ตัวอย่างภาพก็ตามนี้เลย

    Moto X4: Selfie

    Performance

    4

    แง่ประสิทธิภาพ Moto X4 ก็ทำคะแนนจากแอปทดสอบประสิทธิภาพได้อยู่ในระดับกลางๆ ด้วยชิปประมวลผลอย่าง Qualcomm Snapdragon 630 ผนวกกับแรม 4 GB ซึ่งจัดว่าเพียงพอสำหรับการเล่นเกม และลื่นไหลมากๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป แต่ในช่วงที่ผมทำการทดสอบเจ้า Moto X4 ดูเหมือนว่าแอป CPU-Z จะยังแสดงผลได้ไม่ถูกต้อง เพราะมันแจ้งว่าชิปประมวลผลใน Moto X4 ที่ผมทดสอบนั้นเป็น Snapdragon 835 ซะอย่างนั้น (แต่ตรง GPU มันถูกนะ)

    Screenshot_20171107-160202

    การใช้งานแบตเตอรี่ของ Moto X4 ด้วยรูปแบบการใช้งานแบบธรรมดาทั่วไป ใช้ Line Facebook คุยโทรศัพท์ ถ่ายรูป ต่อ 4G LTE ตลอดเวลา ฟังเพลงผ่านหูฟัง Bluetooth โดยเริ่มถอดสายชาร์จตอนเกือบ 8 โมงเช้า พบว่าพอช่วง 4 โมงเย็น แบตผมเหลืออีกตั้ง 65% (วันนั้นอาจจะเป็นช่วงที่ผมไม่ค่อยได้ใช้งานมือถือระหว่างทำงานมากนัก จึงใช้งานได้ยาวนาน) ส่วนหลังจากนั้นก็มีการใช้งานมากขึ้น เช่น การเล่นเกมในระหว่างการเดินทาง เมื่อถึงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง แบตเตอรี่ก็เหลือราวๆ 35%

    แต่ถ้าเฉลี่ยในช่วงที่ผมทดสอบและใช้งานจริงนั้น แบตเตอรี่ของ Moto X4 เรียกว่าอยู่ได้หมดวันอย่างสบายๆ แม้บางวันผมจะใช้ปล่อย hotspot ให้คอมพิวเตอร์ ก็ยังเหลือแบตกลับบ้านได้โดยแบบไม่ต้องชาร์จระหว่างวันเลยด้วยซ้ำ ตรงจุดนี้นับว่าเป็นจุดแข็งของมือถือ Moto ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ครับ

    ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ ผมเก็บข้อมูลไว้ดังนี้

    Screen-Shot-2017-12-09-at-16.54.34

    ในการชาร์จครั้งนี้ ผมใช้สายชาร์จและอะแดปเตอร์ TurboPower ที่แถมมาในกล่องทั้งคู่ ระหว่างชาร์จก็เชื่อมต่อ WiFi และเครือข่ายมือถือตามปกติ เพียงแต่ไม่มีการใช้งานเครื่อง ซึ่งประสิทธิภาพในการชาร์จเร็วก็ไม่ผิดหวังครับ สามารถชาร์จแบตจาก 9% ขึ้นมาเป็น 52% ได้ภายในเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง โดยไฟที่เข้าเครื่องจากการอ่านด้วยอุปกรณ์วัดกระแสไฟพบว่าอยู่ที่ประมาณ 5.2V 2.8A เกือบตลอดช่วงที่ชาร์จ โดยสามารถชาร์จจนเกือบเต็มได้ในเวลาราวๆ หนึ่งชั่วโมงครึ่ง

    Moto Motorola Review
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    เปรียบเทียบ Samsung Galaxy S25 Edge vs iPhone 17 Air มือถือตัวบางทั้งคู่ ต่างกันแค่ไหนเท่าที่รู้ตอนนี้

    10 พฤษภาคม 2025

    สรุปสเปค Samsung Galaxy S25 Edge มือถือรุ่นบาง พร้อมกล้อง 200MP ก่อนเปิดตัว 13 พ.ค. 2025 นี้

    10 พฤษภาคม 2025

    ราคาไอโฟนล่าสุด 2025 ทุกรุ่นทั้งเครื่องเปล่าและติดโปรที่วางขายในตอนนี้ มีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง อัพเดท พฤษภาคม 2025

    9 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์เกาหลีพากย์ไทย Netflix ล่าสุดปี 2025 สนุกๆ ครบทุกแนว มีเรื่องไหนน่าดูบ้าง

    9 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X