ถ้าให้พูดถึงมือถือสเปคแรง ๆ ฟังก์ชั่นครบ ๆ ในราคาเบา ๆ ก็คงต้องพูดถึง Lenovo Vibe K5 Note แล้วล่ะ เพราะสเปคที่ให้มานั้นแน่นจัดเต็มมาก ส่วนการดีไซน์นั้นทำมาได้หรูหราดูดีกว่าพี่น้องร่วมตระกูล ซึ่ง Vibe K5 Note เป็นตัวที่ดูคุ้มค่าสุดตระกูล Vibe เนื่องจากมาพร้อมกับสเปคที่ครบครัน แต่ราคาพร้อมวางจำหน่ายเพียง 7,990 บาทเท่านั้น โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 สี คือ Platinum silver, Champagne gold และ Graphite gray
สเปค Lenovo Vibe K5 Note
- หน้าจอ 5.5 นิ้ว ความละเอียด FullHD
- CPU Helio P10 1.8 GHz
- แรม 3 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB
- รองรับ Micro SD Card ความจุสูงสุด 128 GB
- แบตเตอรี่ความจุ 3,500 mAh
- ระบบปฏิบัติการ Android 5.1 พร้อมอัพเดตเป็น 6.0 Marshmallow
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล
- รองรับ 2 ซิม
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- ราคา 7,990 บาท
- สเปคแบบเต็มของ Lenovo Vibe K5 Note
สำหรับ Lenovo Vibe K5 Note ก็มีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างไปจากพี่น้องร่วมตระกูลอย่าง Lenovo Vibe K5 หรือ Lenovo Vibe K5 Plus เท่าไรนักหากมองจากด้านหน้า แต่ด้านหลังนั้นก็เปลี่ยนไปพอสมควร ทั้งการดีไซน์ และฟังก์ชั่นที่ใส่มาจัดเต็มกว่าเพื่อน ๆ และในกล่องยังแถมฟิล์มกันรอย และเคสใสแถมมาให้อีกด้วย
จุดเด่น
– แบตเตอรี่ทนทาน ใช้ได้ยาวนาน
– ระบบเสียง Dolby Atmos คุณภาพดี
– รองรับการใช้งานสองซิม
ข้อสังเกต
– หากใช้สองซิมจะไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้
– ลูกเล่นของกล้องน้อยเกินไป
บทสรุป
น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมครับกับ Lenovo Vibe K5 Note สมาร์ทโฟนที่คุ้มค่า แรงจัดเต็มสวนทางกับราคาเสียจริง ๆ ถ้าหากให้วัดกันกับสมาร์ทโฟนคู่แข่งที่ราคาไม่ถึงหมื่นด้วยกัน Lenovo Vibe K5 Note คงเรียกได้ว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเลย สิ่งที่ผมรู้สึกพอใจในเครื่องนี้มากที่สุดก็คงเป็นการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ลื่นไหลด้วย Vibe UI ที่เสถียร และแบตเตอรี่ความจุ 3,500 mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานเกินวัน นอกจากนั้นระบบความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นภาพหรือเสียง ก็จัดเต็มมาเกินราคาค่าตัวไปเยอะเลย เรียกได้ว่าหากต้องการมือถือไว้ใช้งานจริงจังซักเครื่อง แต่ไม่อยากให้งบบานปลาย เจ้า Lenovo Vibe K5 Note คงเป็นคำตอบสุดท้ายแน่นอนครับ
BEST VALUE
Design
ครั้งแรกที่เปิดกล่องยลโฉมเจ้า Lenovo Vibe K5 Note ผมตกใจว่าทำไมขอบจอบางจัง แต่เมื่อได้เปิดเครื่องแล้วก็ถึงบางอ้อ เนื่องจากเป็นการดีไซน์ขอบจอให้กลมกลืนกับหน้าจอ ทำให้ดูเหมือนขอบจอบาง (แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้หนาเท่าไรนะ) และเมื่อได้สัมผัสตัวเครื่องก็รู้สึกได้ถึงความกระชับกับอุ้งมือ เนื่องจากตัวเครื่องด้านหลังมีความโค้งมน ตำแหน่งของปุ่มด้านข้างนั้นเข้ากับนิ้วชี้พอดีหากใช้มือซ้าย และเข้ากับนิ้วโป้งพอดีหากใช้ด้วยมือขวา
ด้านหน้าของตัวเครื่อง มีหน้าจอแสดงผล IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด FullHD 403 ppi เหนือหน้าจอขึ้นไป มีไฟแสดงสถานะอยู่มุมซ้ายสุด , แถบเซ็นเซอร์วัดแสง , Proximity Sensor, เลนส์กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และลำโพงสนทนา ด้านล่างของหน้าจอ มีแถบปุ่มแบบสัมผัส 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Recent app , ปุ่มโฮม และปุ่มย้อนกลับ ด้านบนของตัวเครื่อง มีพอร์ตรูหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร ด้านล่างของตัวเครื่อง มีพอร์ต MicroUSB และรูไมค์สนทนา ด้านขวาของตัวเครื่อง มีปุ่มกดปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิด ตัวเครื่อง ด้านซ้ายของตัวเครื่อง มีช่องสำหรับใส่ซิมการ์ด (Nano SIM) ทั้ง 2 ซิม แต่ในช่องที่ 2 ให้ผู้ใช้เลือกเองว่าจะใส่ซิมการ์ด หรือ MicroSD Card
ส่วนด้านหลังของตัวเครื่อง ด้านบนสุดจะพบกับไมค์ตัวที่สอง ตัดเสียงรบกวนขณะสนทนา ถัดมาจะเป็นเลนส์กล้องถ่ายรูปหลักความละเอียด 13 ล้านพิกเซล (PDAF) พร้อมไฟแฟลช LED ขยับลงมาอีกนิดจะมีแป้นสัมผัสวงกลม ใช้สำหรับสแกนลายนิ้วมือ ส่วนด้านล่างสุดมีแถบลำโพงเสียงของตัวเครื่อง สำหรับฝาหลังนั้นเป็นโลหะไม่สามารถแกะออกได้ด้วยมือเปล่า ภายในฝังแบตเตอรี่ความจุ 3,500 mAh สำหรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่วางตำแหน่งไว้ด้านหลังนั้น ออกแบบให้วางนิ้วชี้ลงไปได้พอดีที่ด้านหลังเครื่องเพื่อสแกนลายนิ้วมือ แต่ปุ่ม Power กับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันนะ การเปิดหน้าจอสามารถวางนิ้วลงไปที่เซ็นเซอร์ได้เลยโดยไม่ต้องกดปุ่ม Power ก่อน สะดวกมาก ๆ เลย
โดยรวมแล้วการดีไซน์ถือว่าทำได้ดี วัสดุที่ใช้ดูสมราคาค่าตัว ติดตรงที่งานประกอบนั้นยังดูไม่ค่อยแข็งแรง หากบีบเครื่องแรง ๆ จากด้านข้างจะรู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่สนิทแน่นแบบที่มือถือแบบถอดฝาหลังไม่ได้ควรจะเป็น แต่การถือจับ หรือการใส่กระเป๋ากางเกงนั้นทำได้สะดวกและมั่นคงดี
Software
Lenovo Vibe K5 Note มาพร้อมกับ Android 5.1 ครอบทับด้วย Vibe UI โดยสามารถอัพเดตเป็น Android 6.0 Marshmallow ได้ทันทีที่แกะกล่อง ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกชอบในความเป็น Vibe UI มาก ๆ ด้วยความลื่นไหล และใช้สะดวกดี ส่วนการสลับแอปพลิเคชั่นไปมานั้น ทำได้ลื่นไหลดีในแบบฉบับแรมที่ 3 GB ควรทำได้อยู่แล้ว
สำหรับการปรับตั้งค่านั้นก็ยังให้อารมณ์ Android เดิม ๆ อยู่มากพอสมควร ไม่เหมือนอย่าง Lenovo ในยุคก่อน ๆ ที่มีการปรับแต่งจนทำให้คนใช้ Pure Android มาเล่นถึงกับมึนได้เลย ซึ่งในจุดนี้ก็ได้ใจผมไปอีกดวงนึง <3
Feature
Lenovo Vibe K5 Note มาพร้อมกับ Feature ให้เล่นแก้เหงาเยอะพอสมควรเลยล่ะ
- จับภาพด่วน เป็นการถ่ายภาพแบบรวดเร็วโดยสามารถกดปุ่มเพิ่มหรือลดเสียง 2 ครั้งแบบรัว ๆ ในขณะที่จอดับก็สามารถเปิดกล้องแล้วถ่ายภาพได้เลย ใช้เวลาเพียง 1-2 วินาทีก็สามารถจับภาพได้เลย แต่คุณภาพอาจไม่ดีเท่าตั้งใจถ่ายนัก
- เพิ่มความสว่างหน้าจอ เป็นฟีเจอร์ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า Knock code นั่นเอง คือการเคาะหน้า 2 ครั้งเพื่อเปิดจอติด ฟีเจอร์นี้ใน Vibe K5 Note เรียกได้ว่าไม่ได้ใช้เลยเพราะเมื่อเทียบกับ LG G2 ที่ผมใช้อยู่ถือว่ายังช้าอยู่มาก และที่สำคัญตัวเครื่องมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่แล้วด้วย ทำให้ฟีเจอร์นี้ดูไม่จำเป็นเลย
- หน้าจอเล็ก เป็นการย่อเป็นหน้าจอให้เล็กสำหรับคนที่ไม่ชอบจอใหญ่ ๆ พิมพ์มือเดียวแล้วไม่ถนัด ก็สามารถเลือกเปิดโหมดนี้ได้ (ถ้าเปิด Micro screen จะใช้งาน VR Mode ไม่ได้)
- ฉากแบบสมาร์ท หรือ Smart scene เป็นการตั้งค่าเลือกช่วงเวลา เพื่อปรับเปลี่ยนการตั้งค่า เช่นเวลากลางวันตั้งให้เปิดสั่น , ตอนเย็นก็ตั้งให้ปรับเสียงแจ้งเดือนให้ดัง กลางคืนปรับให้ปิดการแจ้งเตือน หรือตั้งให้เวลาเจอ Wifi ที่ทำงาน หรือที่บ้านก็สั่งให้ปรับได้ตามใจชอบ
- สัมผัสกว้าง เมื่อเปิดแล้วจะพบกับปุ่มลอย ๆ ลากไปมาได้เหมือนปุ่มคนพิการใน iOS
- พลิกเพื่อปิดหน้าจอ เมื่อคว่ำเครื่องลงกับพื้นจะปิดหน้าจอลง
- การแสดงลายนิ้วมือ เป็นการใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วเป็นปุ่ม Home , Back หรือปุ่มชัตเตอร์กล้องได้
- สลับโหมด VR เป็นเปลี่ยนหน้าจอเพื่อใช้งานกับแว่น VR
- การเปิดไฟฉายอย่างรวดเร็ว ขณะที่อยู่ในหน้าจอล็อคให้กดปุ่ม Home ค้างไว้เพื่อเปิดหรือปิดไฟฉาย
Dolby Atmos
เป็นระบบเสียงมาตรฐานแบบโรงภาพยนตร์ที่ทาง Lenovo ใส่มาให้เกือบทุกรุ่นบนสมาร์ทโฟนของตนเอง โดยนอกจากจะช่วยปรับคุณภาพเสียงให้ดีกว่าลำโพงทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดแล้ว ยังสามารถเลือกปรับแต่งเสียงตามสไตล์ของตนเองได้ด้วยเช่นกัน
โหมดประหยัดพลังงานสูงสุด
เมื่อเปิดใช้งานโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ตัวเครื่องจะทำการตัดการเชื่อมต่อทั้งหมด และปิดแอพพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นออกจนหมด เหลือไว้เพียงแต่การเชื่อมต่อที่จำเป็นเท่านั้น เช่น การโทร, ข้อความ และการแจ้งเตือนบางส่วนเท่านั้น
Camera
Lenovo VIBE K5 Note มีความละเอียดอยู่ที่ 13 ล้านพิกเซล f/2.2 และมาพร้อมกับเทคโนโลยี PDAF (Phase Detection auto Focus) โดยมีหลักการทำงานคือใช้ผลต่างของแสงที่โฟกัสไม่เข้าเพื่อมาคำนวณว่าต้องขยับเลนส์อย่างไรให้โฟกัสเข้านั่นเอง ส่วนการเปิดใช้งานนั้นทำได้รวดเร็ว แต่ไม่มีลูกเล่นอะไรให้ปรับมากนักมากนัก มีแค่โหมด Panorama และ Filter สีเท่านั้น
ส่วนกล้องหน้า มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีโหมดบิวตี้ให้เล่น (มีให้เลือก 7 ระดับ) และยังมีลูกเล่นเด็ดไปกว่านั้น นั่นก็คือการเติมแสงชมพูและแสงแดดอุ่นเพื่อให้หน้าดูสว่างและเป็นธรรมชาติในสภาวะแสงน้อยได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Lenovo Vibe K5 Note
ความรู้สึกเมื่อได้ลองใช้กล้องของ Lenovo Vibe K5 Note ต้องขอบอกเลยว่าพึงพอใจมาก เนื่องจากคุณภาพที่ถ่ายออกมาแบบไม่ได้ตั้งใจถ่ายมากนักก็ยังพอดูได้ ถึงแม้จะไม่มีโหมดให้เล่นมากมายเหมือนคู่แข่งก็ตาม ส่วนกล้องหน้านั้นดูเหมือนจะมีลูกเล่นเอาใจสาว ๆ อยู่ และมุมมองของการถ่ายนั้นก็กว้างพอสมควร และถ่ายในที่มืดได้ดีเลยทีเดียว
Performance
ในส่วนของประสิทธิภาพในการเล่นเกม หรือแอปพลิเคชั่นหนัก ๆ นั้นสามารถทำได้ดีเยี่ยม เนื่องจากมาพร้อมกับ CPU Mediatek Helio P10 Octa-core 1.8GHz และ GPU Mali T860MP2 ผนึกกับแรม 3 GB แบบ LPDDR3 ทดสอบเล่นเกมทั่ว ๆ ไปโดยเฉพาะ Pokemon GO ที่กำลังฮิตก็เล่นได้อย่างลื่นไหล แต่ติดตรงที่ GPS นั้นจับสัญญาณได้อ่อนกว่าเครื่องอื่นพอสมควร
ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่และการจัดการพลังงาน Lenovo Vibe K5 Note มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,500 mAh ที่สามารถใช้งานได้เกิน 1 วันแบบสบาย ๆ สำหรับการใช้งานทั่วไป โดยตอนที่รีวิว Lenovo Vibe K5 Note ผมเปิด/ปิด Wi-Fi , 3G , 4G สลับกันบ้าง เล่นเกมบ้าง เปิด GPS นำทาง (Pokemon Go) รวมถึงเล่นโซเชียล (Facebook, Line, Instagram) ถ่ายรูป ฟังเพลงอีกเล็กน้อย ก็สามารถใช้ได้ยาวนานตั้งแต่ 9:30 น. ไปจนถึง 15.00 น. ของอีกวันนึงเลยทีเดียว