iQOO 11 5G มือถือเกมมิ่งตัวล่าสุดจากแบรนด์ iQOO ที่ในที่สุดก็เข้ามาขายในไทยแล้ว โดยแบรนด์ iQOO เป็นแบรนด์ลูกของ vivo ซึ่งทำตลาดอยู่เมื่อนอกมานาน ในที่สุดก็เข้ามาทำตลาดในไทยแล้วพร้อมประเดิมตลาดด้วยมือถือตัวล่าสุดอย่าง iQOO 11 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Monster Inside” ด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2 หน้าจอ 144Hz และระบบชาร์จเร็ว 120W แถมยังมีดีไซน์ที่ได้ความร่วมมือจาก BMW M Motorsprot มาออกแบบให้ด้วย ช่วยเพิ่มความสปอร์ตแบบเรียบหรูให้กับตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้มาในราคาแค่ 27,990 บาทเท่านั้น เรียกได้ว่าเป็นราคาที่ฆ่ากันชัดๆ และตอนนี้ iQOO 11 5G ก็ได้มาอยู่ในมือทีมงาน Specphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ำสหรับตัวเครื่องและการใช้งานจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันได้เลย
สเปคของ iQOO 11 5G
- หน้าจอ : LTPO E6 AMOLED, ขนาด 6.78 นิ้ว, ความละเอียด 3200 x 1440 (WQHD+), Refresh Rate 144Hz แบบ Adaptive, Touch Sampling Rate 300Hz, Instant Touch Sampling Rate 1,200Hz, 1,440Hz PWM Dimming, แสดงผลสี 10-bit, HDR10+, ความสว่างสูงสุด 1,800 nit
- ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 พร้อมชิปประมวลผลภาพ vivo V2 ISP
- แรม : 16GB แบบ LPDDR5X
- ความจุ : 256GB แบบ UFS 4.0
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1 : 50MP, f/1.88, OIS (wide) | เซ็นเซอร์ Samsung ISOCELL GN5
- ตัวที่ 2 : 13MP, f/2.46, 2x Optical Zoom, 20x Digital Zoom (telephoto)
- ตัวที่ 3 : 8MP, f/2.2, 116˚ (ultrawide)
- กล้องหน้า : 16MP, f/2.45 (wide)
- แบตเตอรี่ : 5,000 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 120W FlashCharge
- ระบบปฏิบัติการ : Android 13 ครอบทับด้วย Funtouch OS 13
- การเชื่อมต่อ :
- 5G
- Wi-Fi 6 (2×2 MIMO)
- Bluetooth 5.3
- GPS, BEIDOU, GLONASS, GALILEO,QZSS
- NFC
- USB Type-C 2.0
- เซ็นเซอร์ :
- Fingerprint (แบบ Optical อยู่ใต้จอ)
- Accelerometer
- Ambient Light Sensor
- Proximity Sensor
- E-compass
- Gyroscope
- Pressure sensor
- Infrared blaster
- Flicker sensor
- ขนาด : 164.86 x 77.07 x 8.72 มม.
- น้ำหนัก : 205 กรัม
- สี : Legend White
- ราคา : 27,990 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ใส่วนของหน้าจอแสดงผลนั้นตัวเครื่องจะมาพร้อมหน้าจอแบบ Punch Hole ขนาด 6.78 นิ้ว ใช้พาแนลเป็น E6 AMOLED แบบ LTPO มีความละเอียดระดับ WQHD+ มาพร้อมอัตรารีเฟรชที่สูงถึง 144Hz และมี PWM Dimming สูงถึง 1,440Hz เพื่อสนอมสายตาผู้ใช้ โดยในรูจะมีกล้องหน้าใส่เอาไว้ และถัดขึ้นไปจะเป็นลำโพงที่เอาไว้ใช้สนทนาควบคู่กับเป็นลำโพงอีกตัวที่ใช้งานคู่กับลำโพงด้านล่าง ในส่วนของขอบจอนั้นเรียกได้ว่ามีน้อยมากๆ ตามแบบฉบับหน้าจอ AMOLED ซึ่งช่วยให้ตัวเครื่องไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่จนเกินไป
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องสิ่งแรกที่จะเห็นและโดดเด่นที่สุดเลยก็คือลาย 3 สีที่พาดผ่านตัวเครื่องซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW M Motorsport โดยมีชื่อแบรนด์สลักอยู่บนลายนั้น ในส่วนของโมดูลกล้องนั้นจะค่อนข้างมีขนาดใหญ่ วางอยู่ตรงมุมบนซ้าย ซึ่งจะมีการแบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนสีดำ ภายในจะมีเลนส์กล้องทั้ง 3 และไฟแฟลช LED อยู่ ส่วนในโซนสีเงินจะมีเซ็นเซอร์และข้อความสลักคำว่า “Ultra Sensing” อยู่ สำหรับในเรื่องของสีสันตัวเครื่องนั้นที่เปิดตัวจะมีเพียงสีเดียวคือ Legend White นั่นเอง
ในส่วนโดยรอบตัวเครื่องนั้นที่ด้านบนจะมีเซ็นเซอร์ IR และรูไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนอยู่ ปุ่มทั้งหมดจะรวมกันอบู่ฝั่งขวาทั้งปุ่มเปิด-ปิดและปุ่มปรับระดับเสียง (ฝั่งซ้ายไม่มีอะไรเลย) ส่วนด้านล่างตัวเครื่องนั้นจะมีช่องใส่ซิม, รูไมโครโฟน, พอร์ต USB-C และลำโพงตัวเครื่องอยู่
ระบบปฏิบัติการ
ในส่วนของระบบปฏิบัติการนั้นจะมาพร้อม Funtouch OS 13 ที่เป็น Android 13 โดยในส่วนของ UI ต่างๆ เรียกได้ว่าเหมือนกับในมือถือ vivo มาก เหมือนกับว่าไม่ได้มีการปรับแต่ง UI อะไรเป็นพิเศษนอกจาก Wallpaper พื้นหลังลาย BMW M Motorsport เท่านั้น ซึ่งเอาจริงๆ แล้วก็ถือว่าเป้นเรื่องที่ดี เพราะผู้ใช้จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาทำความคุ้นเคยใหม่ โดยเฉพาะคนที่ใช้มือถือ vivo อยู่แล้วจะสามารถใช้ต่อได้อย่างเป็นธรรมชาติสุดๆ
การใช้งานทั่วไปและการชาร์จ
ในเรื่องของการใช้งานต่างๆ นั้นบอกเลยว่าสุดจริง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นโซเชียลหรือดูหนังก็ทำออกมาได้ดี ลื่น สีสันสวยสด ทั้งนี้ก็ด้วยความเร็วในการประมวลผลของชิป Snapdragon 8 Gen 2 หน้าจอที่มีความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัสที่สูง ช่วยให้การเล่นในรูปแบบต่างๆ มีความลื่นไหลอย่างมาก นอกจากนี้ในการดูหนังหรือซีรี่ส์ต่างๆ นั้นด้วยการที่มีลำโพงคู่แบบสเตอร์โอก็ช่วยให้ได้เสียงเต็มอรรถรสมากขึ้น
ในเรื่องของแบตเตอรี่และการชาร์จนั้นตัวเครื่องมีแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาเต็มๆ ทั้งเปิดเกม เปิดกล้องๆ และเล่นโซเชียลหลายๆ ครั้ง หลังจากผ่านไปราวๆ 7 ชั่วโมงแบตเตอรี่นั้นเหลือราวๆ 50% ได้เลย เรียกได้ว่าถึกเอาเรื่องทีเดียว ส่วนในเรื่องการชาร์จนั้นเราเริ่มชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 1% ด้วยอะแดปเตอร์ 120W โดยในช่วง 10 นาทีแรกได้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นมาเป็น 53% และชาร์จถึง 80% ได้ภายในเวลาแค่ 17.38 นาที สำหรับการชาร์จจาก 1% – 100% จะใช้เวลารวมแค่ 26 นาทีเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่าเร็ว เร็วแบบเหลือเชื่อ ถึงเวลาจะคลาดเคลื่อนจากที่ทาง iQOO เคลมไว้เล้กน้อย แต่ก็ยังนับว่าเร็วอยู่ดี แถมที่น่าสนใจคือถึงจะชาร์จต่อเนื่องจาก 1% – 100% ความร้อนตัวเครื่องกลับไม่ได้สูงเลยสักนิด แค่อุ่นๆ เท่านั้น แบบนี้มั่นใจได้เลยว่าแบตเตอรี่จะไม่ได้เสื่อมเพราะความร้อนตอนชาร์จอย่างแน่นอน (อะแดปเตอร์ยังร้อนเอาเรื่องอยู่)
การเล่นเกม
ในเรื่องของการเล่นเกมนั้นด้วยการตัวเครื่องใช้ชิปประมวลผลเป็น Snapdragon 8 Gen 2 ทำให้ในเรื่องความแรงนั้นหายห่วงไปได้เลย สามารถใช้เล่นได้ทุกเกม แต่สิ่งที่จะมาช่วยตัดสินก็คือการจัดการพลังงานและความร้อน ซึ่งตัว Snapdragon 8 Gen 2 นั้นสามารถจัดการพลังงานได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถเปิดเกมอย่าง Genshin Impact แบบสุดได้โดยที่เครื่องแทบไม่ร้อนเลย ยิ่งมีระบบระบายความร้อนอย่างดีติดมาในเครื่องด้วย ช่วยให้ตัวเครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีสุดๆ แถมพอเล่นไปราวๆ 30 นาทีแบตเตอรี่ที่เสียไปก็มากกว่าที่เราเล่นเกมทั่วๆ เล็กน้อยเท่านั้น ช่วยให้เราสามารถเล่นเกมต่อเนื่องได้ยาวนานขึ้นด้วยนั่นเอง โดยเกมที่เราได้ลองเล่นนัน้มีทั้ง RoV, PUBG Mobile และ Genshin Impact ซึ่งทุกเกมเราปรับสุดทั้งหมด (PUBG Mobile เปิด 90fps ได้) แต่ก็ไม่เจออาการกระตุกใดๆ เลยสักนิด ในแง่หนึ่งเราคงต้องยกความดีความชอบให้กับ Ultra Game Mode ที่ช่วยรีดประสิทธิภาพออกมาได้อย่างเต็มที่และยังช่วยจัดการพลังงานให้ได้พอดีอีกด้วย
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นตัว iQOO จะมาพร้อมกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัวเป็กล้องหลักความละเอียด 50MP, กล้อง Ultra-wide ความละเอียด 8MP และกกล้อง Telephoto ความละเอียด 13MP ส่วนกล้องหน้าจะเป็นกล้องความละเอียด 16MP ซึ่งจากที่ได้เอาไปลองถ่ายมาในหลายๆ สภาพแสงนั้นบอกเลยว่าถึงจะเป็นมือถือเกมมิ่งแต่กล้องที่ให้มาก็ไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด การเก็บแสง-เงารวมถึงฟิลเตอร์ต่างๆ นั้นทำออกมาได้ดี ช่วยให้ถ่ายสนุกเอาการ นอกจากนี้ยังสามารถซูมได้ไกลถึง 20 เท่า โดยที่ความละเอียดลดลงไปไม่เยอะมาก แต่สิ่งที่น่าตกใจและเรียกได้ว่าดีงามก็คือระบบการจับภาพใบหน้าของ iQOO 11 นั้นเรียกได้ว่าเอาเรื่องทีเดียว เพราะต่อให้เป้นการยืนหันข้างก็ตาม ขอแค่ใบหน้าโผล่ออกมาให้เห็นเล็กน้อย ตัวระบบก็จะจับโฟกัสได้ทันที
สำหรับในเรื่องของการบันทึกวิดีโอนั้นกล้องหลังสามารถบันทึกได้ถึงระดับ 8K เลยทีเดียว เรีกยได้ว่าไม่ธรรมดา แต่ที่น่าเสียดายก็คือกล้องหน้าที่สามารถบันทึกได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น ถึงในการใช้งานในชีวิตประจำวันจะไม่ได้ส่งผลอะไรมากก็ตาม แต่ในมือถือระดับเรือธงแบบนี้อย่างน้อยควรได้ถึง 4K แล้ว
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว iQOO 11 5G
สรุปการรีวิว iQOO 11 5G จากที่ได้เอาไปลองใช้งานมาระยะหนึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นมือถือที่น่าใช้เครื่องหนึ่ง (แอดเองยังอยากได้เลย) ไม่ว่าจะด้วยความแรงที่สามารถใช้งานได้ทุกรูปแบบ การจัดการพลังงานที่ดีช่วยให้สามารถใช้งานได้ทั้งวัน ระบบระบายความร้อนที่ต่อให้ใช้งานหนักแค่ไหนเครื่องก็แทบไม่ร้อน และระบบชาร์จเร็ว 120W ที่ใช้เวลาชาร์จรวมไม่ถึง 30 นาที แต่ดันขายในราคาเพียง 27,990 บาท ทำให้ iQOO 11 เป็๋นมือถือระดับเรือธงที่น่าซื้อสุดๆ ในยุคนี้เลย ซึ่งตอนนี้ iQOO 11 เปิดให้สั่งซื้อกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วผ่านทาง vivo Brand Shop และ vivo Online Shop และตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ซึ่งใครที่สนใจรายละเอียดตัวเครื่องสามารถเข้าไปดูได้เลยที่ iQOO ประเทศไทย อีกทั้งหากมีปัญหาอะไรก้สามารถเข้าไปใช้ศูนย์บริการ vivo ได้ทุกสาขาเลยด้วย
จุดเด่น
- ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 2
- มีชิปประมวลผลภาพ vivo V2 ISP
- มาพร้อมแรมแบบ LPDDR5X และความจุแบบ UFS 4.0
- หน้าจอมีอัตรารีเฟรชสูงถึง 144Hz และยังมี PWM Dimming สูงถึง 1,440Hz
- มีกล้องมาให้ครบทุกระยะ ที่คุณภาพไม่ได้ต่างจากเรือธงทั่วไป
- มีระบบชาร์จเร็ว 120W ที่ใช้เวลาชาร์จไม่ถึง 30 นาที
- มีระบบระบายความร้อนที่ต่อให้เล่นเกมหนักๆ ก็ระบายทัน เครื่องแค่อุ่นๆ เท่านั้น
- มาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ
- Ultra Game Mode สามารถจัดสรรทรัพยากรได้ดีเยี่ยม
ข้อสังเกต
- ไม่มีตัวเลือกความจุให้เลือกและไม่สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้
- กล้อง Ultra-wide มีความละเอียดเพียง 8MP เท่านั้น
- กล้องหน้าบันทึกวิดีโอได้แค่ 1080p 30fps เท่านั้น
- ตอนชาร์จถึงตัวเครื่องจะไม่ร้อนแต่อะแดปเตอร์ค่อนข้างร้อน อาจส่งผลต่อปลั๊กไฟได้