Infinix Zero 5 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่จากแบรนด์ Infinix โดยก่อนหน้านี้ Specphone.com ได้เคยรีวิวรุ่นคุ้มค่า ฟีเจอร์แน่น ๆ อย่าง Infinix NOTE4 Pro ไปแล้ว และก็ได้คะแนนรีวิวจากเราไปถึง 86 คะแนน ด้วยความคุ้มค่าของสเปคกับฟีเจอร์ เมื่อเทียบกับราคาที่ไม่ถึงหมื่น
สำหรับรุ่นใหม่อย่าง Infinix Zero 5 เป็นสมาร์ทโฟนที่เปิดตัวในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ มีจุดเด่นที่สเปคแบบจัดเต็ม Ram 6 GB พร้อมกับไฮไลท์อย่างการมีกล้องคู่ สามารถถ่าย Bokeh ได้ พร้อมกับฟีเจอร์ที่อัดแน่นเต็มเครื่อง สมกับค่าตัว 9,990 บาท สมกับสโลแกน คอเกม โปรกล้อง ต้องลอง!!
สเปค Infinix Zero 5
- ชิปประมวลผล MediaTek MT6757 octa-core ความเร็ว 2.6 GHz (Helio P25)
- ชิปกราฟิก Mali-T880
- แรม 6 GB
- รอม 64 GB มีสล็อตแยกสำหรับการเพิ่มเมมด้วย MicroSD ทำให้สามารถใส่ 2 ซิมและใส่ MicroSD ได้ด้วย
- หน้าจอ IPS ขนาด 5.98 นิ้วจาก Sharp ความละเอียดระดับ Full HD (1920 x 1080)
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 + 13 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส มีแฟลช LED, Optical Zoom
- กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีแฟลช LED
- Android 7.0 ครอบทับมาด้วยอินเตอร์เฟส XOS 3.0
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มโฮม
- ใช้ซิมแบบไมโครซิม 2 ช่อง
- แบตเตอรี่ 4350 mAh รองรับการชาร์จเร็วแบบ Xcharge 4.0
- รองรับ GPS, A-GPS, WiFi 802.11a/b/g/n, Bluetooth 4.2, วิทยุ FM, Gyroscope
- ราคา 9,990 บาท
อุปกรณ์ในกล่องของ Infinix Zero 5 ให้มาครบครัน ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอย่างสายชาร์จ, หูฟัง, อะแดปเตอร์ รวมถึงเคส TPU ก็มีแถมมาให้ในกล่องด้วยเช่นกัน โดยอะแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่อง Infinix Zero 5 เป็นอะแดปเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยี Xcharge สามารถชาร์จไฟได้รวดเร็วกว่าสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป
ก่อนจะไปชมรีวิว Infinix Zero 5 แบบเต็ม ๆ เชื่อว่าเมื่อดูจากสเปคและราคา คงมีหลายท่านสนใจกันบ้างแน่นอน ถ้าหากอยากจะซื้อหามาใช้งาน ตอนนี้สามารถสั่งซื้อจากหน้าเว็บไซต์ Lazada ได้เท่านั้นครับ เหมือนว่าจะมีโปรโมชัน หากจอแตก เปลี่ยนเครื่องฟรี 1 ครั้งด้วยนะ ส่วนศูนย์บริการจะมีอยู่ที่อาคาร ณ นคร แถวถนนแจ้งวัฒนะ (ดูแผนที่)
จุดเด่น
– หน้าจอขนาดใหญ่ ใช้งานได้เต็มตา ให้สีสันสวยงาม
– งานประกอบดีเกินราคา อุปกรณ์เสริมครบครัน
– พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C พร้อมรองรับชาร์จเร็ว
– ลูกเล่นใน XOS มีให้ใช้เยอะ สามารถโคลนแอปได้ทุกแอป
– แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นาน
ข้อสังเกต
– โบเก้กล้องหน้ายังไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่ แต่ถ้าเทียบกับรุ่นที่ใกล้เคียงกัน ถือว่าทำได้ดี
– ตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักพอสมควร
– ภาพถ่ายตอนกลางคืน หรือที่แสงน้อย ไม่คมเท่าตอนกลางวัน
บทสรุป
BEST PRICE
Performance
เริ่มการรีวิวที่ประสิทธิภาพของ Infinix Zero 5 เพื่อให้สมกับสโลแกน “คอเกม โปรกล้อง ต้องลอง” โดย Infinix Zero 5 มาพร้อมชิปประมวลผล MediaTek MT6757 (Helio P25) Octa-Core ความเร็ว 2.6 GHz พร้อมชิปกราฟฟิค Mali-T880 และ Ram แบบมหึมาที่ 6 GB รองรับการใช้งานหนัก รวมถึงการเล่นเกมกราฟฟิคสูงได้สบาย ๆ เหมาะกับสำหรับสายเล่นเกมแบบฮาร์ดคอร์เป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าสมาร์ทโฟนในช่วงราคาดังกล่าว ไม่มีเจ้าไหนใส่แรมมาให้เยอะถึง 6 GB แน่นอน
ทดสอบด้วยการเล่นเกมยอดนิยมอย่าง ROV กับการตั้งค่าแบบเปิดสุดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ภาพ HD, พาติเคิล และโหมดเฟรมเรทสูง สามารถเล่นได้ที่เฟรมเรทเฉลี่ย 50 ขึ้นไป จากที่ได้รีวิวสมาร์ทโฟนราคาประมาณหนึ่งหมื่นบาทมาหลายรุ่น ผมว่า Infinix Zero 5 เป็นสมาร์ทโฟนที่เล่น ROV ได้ลื่นที่สุดรุ่นหนึ่งเลยล่ะครับ นอกจากจะเล่น ROV ได้ลื่นแล้ว เกมอื่น ๆ ใน Google Play ก็สามารถเล่นได้เช่นเดียวกัน
ความร้อนของตัวเครื่อง Infinix Zero 5 ขณะที่เล่นเกมพบว่ามีการปล่อยความร้อนออกมาในระดับหนึ่ง แต่ด้วยความที่วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะเลยทำให้การระบายความร้อนทำได้รวดเร็ว หลังจากหยุดเล่นเกมเพียงไม่กี่นาทีก็สามารถระบายความร้อนได้หมดแล้ว
ด้านการจัดการพลังงานและแบตเตอรี่ ด้วยความที่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,350 mAh สำหรับการใช้งานทั่วไป เล่น Facebook, LINE, ถ่ายรูป, คุยโทรศัพท์ ต่อ 4G ตลอดเวลา จากที่ทดสอบสามารถใช้งานได้กว่า 2 วันเลยทีเดียว ส่วนการใช้งานหนัก ๆ เช่น การเล่นเกม, หรือการเปิดโหมด Auto ให้ตัวละครเล่นเอง สามารถเปิดติดต่อกันได้เกือบ 5 ชั่วโมง เอาเป็นว่า Infinix Zero 5 เนี่ย สามารถใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ โดยที่ไม่ต้องพก Powerbank ให้เป็นภาระ ต่อให้เล่นเกมด้วยก็ตาม
Camera
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Infinix Zero 5 คือการมาพร้อมกับกล้องหลัง 12 ล้านพิกเซล เลนส์มุมกว้าง และกล้องหลังอีกตัวความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เลนส์เทเลโฟโต้ สามารถทำ Optical Zoom ซูมตอนถ่ายภาพได้โดยไม่เสียรายละเอียดเพราะเป็นการซูมด้วยฮาร์ดแวร์จริง ๆ ไม่เหมือนกับการซูมแบบ Digital Zoom ที่เป็นการครอปภาพ ซึ่งทำให้ความละเอียดลดลง และภาพไม่คม
ซอฟท์แวร์กล้อง Infinix Zero 5 ก็มาพร้อมกับลูกเล่นพอสมควร แม้จะไม่ได้ให้มาเยอะแยะเหมือนบางยี่ห้อ แต่โหมดกล้องที่ Infinix Zero 5 ให้มานั้น สามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นโหมดหน้าสวย, โหมดถ่ายกลางคืน, โหมด Pro และโหมด Portrait ที่ถ่ายหน้าชัด – หลังเบลอพร้อมสร้างโบเก้ละลายหลังแบบเนียน ๆ ได้ไม่แพ้กล้อง DSLR
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมประทับใจใน Infinix Zero 5 คือโหมด Professional หรือโหมดแมนนวลที่สามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้ละเอียด ไม่ว่าจะเป็น ค่า ISO, ความเร็วชัตเตอร์, white balance, การชดเชยแสง, ระยะโฟกัส, รูปแบบการวัดแสง ซึ่งมันปรับได้ละเอียดกว่ามือถือราคาแพง ๆ ด้วยซ้ำไป
กล้องหน้าของ Infinix Zero 5 ให้มาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED สำหรับเซลฟี่ โดยตัวแฟลชกล้องหน้าสามารถปรับความแรงได้ถึง 3 ระดับ มาพร้อมกับฟีเจอร์ในการถ่ายโบเก้ (Bokeh) และปรับระดับหน้าสวย หน้าใส 9 ระดับ รวมถึงฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกถึง 9 แบบ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Infinix Zero 5
Design
สัมผัสแรกเมื่อได้จับตัวเครื่อง Infinix Zero 5 คือเป็นสมาร์ทโฟนที่งานประกอบดี และเมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่นในช่วงราคาเดียวกัน ต้องบอกเลยว่า Infinix Zero 5 ทำได้ดีกว่าหลายแบรนด์อย่างเห็นได้ชัด วัสดุ, งานประกอบตัวเครื่องแน่นหนาแข็งแรง มีการเก็บขอบเก็บมุมได้ดี ไม่มีส่วนที่คมบาดมือเหมือนสมาร์ทโฟนบางรุ่น และถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่เนื่องจากใช้หน้าจอ 5.98 นิ้ว แต่ก็สามารถจับถือได้ไม่ลำบากนัก
ส่วนตัวมองว่า Infinix Zero 5 เป็นมือถือที่ได้รับการออกแบบมาให้มีหน้าตาในรูปแบบพิมพ์นิยมสำหรับสมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันที่มีอัตราส่วนแบบ 16:9 โดยด้านหน้าก็จะเป็นกระจกหน้าจอเกือบทั้งชิ้น มีเว้นขอบบนขอบล่าง โดยขอบบนจะเป็นตำแหน่งของกล้องหน้า แฟลช LED ลำโพงสนทนา และก็เซ็นเซอร์ต่าง ๆ ได้แก่ เซ็นเซอร์วัดแสง วัดระยะห่าง รวมถึงยังมีไฟ LED แจ้งเตือนอยู่ทางมุมขวาบนอีกด้วย
บริเวณด้านล่างหน้าจอ Infinix Zero 5 ถูกเว้นว่างเอาไว้ เนื่องจากย้ายเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไว้ด้านหลังตัวเครื่อง ส่วนปุ่มควบคุมหรือ Navigation Keys จะใช้เป็นปุ่มแบบ Soft Key ที่กินพื้นที่ในหน้าจอเล็กน้อย เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนแอนดรอยรุ่นอื่น
สำหรับหน้าจอ Infinix Zero 5 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็ว่าได้ครับ ด้วยการเลือกใช้หน้าจอ IPS จาก Sharp ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตหน้าจอ มีความละเอียดถึงระดับ Full HD สวย คมชัด เสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยีจาก JDI ประเทศญี่ปุ่น ให้ความอิ่มของเม็ดสีเพิ่มขึ้นถึง 85% แต่ยังประหยัดพลังงานแบตเตอรี่อีกด้วย
พลิกมาดูด้านหลังของ Infinix Zero 5 วัสดุของฝาหลังใช้เป็นอลูมิเนียมที่ผ่านการทำสี เคลือบผิวมาเป็นอย่างดี ดูด้วยสายตาและสัมผัสแล้วรู้สึกได้เลยว่าเนื้อละเอียดดีมาก ๆ ไม่ลื่นมือมากนัก ส่วนขอบข้างซ้ายขวาถูกออกแบบให้มีความโค้งมน ทำให้เวลาถือเครื่องจะกระชับกับอุ้งมือพอดี การตัดขอบของ Infinix Zero 5 ไม่คมจนบาดมือ และแน่นอนว่าไม่สามารถแกะฝาหลังได้ เท่ากับว่าไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง แต่ทาง Infinix ก็ประกาศเลยว่ารับประกันแบตเตอรี่เครื่องนี้นาน 1 ปี เพราะฉะนั้นสบายใจหายห่วงได้ครับ
อย่างที่ได้เกริ่นไปในตอนต้นว่า Infinix Zero 5 มาพร้อมกับอะแดปเตอร์ที่รองรับเทคโนโลยี Xcharge 4.0 หรือการชาร์จเร็ว โดยมาตรฐาน Xcharge 4.0 นี้ ถูกออกแบบมาสำหรับ Infinix Zero 5 เพื่อให้ชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,350 mAh ได้อย่างรวดเร็ว ตัวอะแดปเตอร์มีขนาดพอ ๆ กับอะแดปเตอร์สมาร์ทโฟนปกติ แต่ในแง่ของสเปคถือว่าสามารถจ่ายไฟได้รวดเร็วเอามาก ๆ ค่า Output สูงสุดคือ 12V/ 1.5A หรือเทียบเท่ากับอะแดปเตอร์ 18W
นอกจากการใช้อะแดปเตอร์ที่จ่ายไฟได้รวดเร็วแล้ว พอร์ตเชื่อมต่อของ Infinix Zero 5 เลือกใช้เป็นพอร์ต USB-C ทำให้การชาร์จไฟทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เพราะสามารถเสียบหัวชาร์จด้านไหนก็ได้ ไม่ต้องเล็งเหมือนพอร์ต Micro USB และยังรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ได้มากกว่า
Software
Infinix Zero 5 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 7.0 Nougat ตั้งแต่แกะกล่อง ครอบทับมาด้วย XOS ที่เป็นอินเตอร์เฟสของทาง Infinix เอง ทำให้หน้าตาโดยรวมดูมีสีสันที่แตกต่างไปจาก Pure Android เล็กน้อย แต่รูปแบบการใช้งานยังคงมีความเป็น Android อยู่เต็มที่ ทำให้ผู้ที่คุ้นเคย Android จากแบรนด์อื่น ๆ มาก่อนสามารถใช้งานต่อได้แบบไม่ต้องเรียนรู้ใหม่มากนัก ในระบบมีแอปที่ติดมาให้มากพอสมควร เช่น
- คู่มือผู้ใช้
- XAccount สำหรับลงทะเบียนสร้างบัญชี XOS เพื่อเก็บคะแนน Xgold จากการร่วมกิจกรรมในแอป และลุ้นรับรางวัลจาก Xclub ของ Infinix เอง
- XCloud สำหรับสำรองและเรียกคือข้อมูลแบบเดียวกับ iCloud โดยข้อมูลที่สามารถเก็บได้ก็เช่น รายชื่อผู้ติดต่อ ข้อความ บันทึกการโทร สถานีวิทยุที่ชื่นชอบ สมุดจด เป็นต้น
- XHide สำหรับใช้ซ่อนแอป
- XManager สำหรับใช้จัดการระบบ เคลียร์ไฟล์ขยะ
- XSecurity ใช้สำหรับล็อคแอป และจัดการสิทธิ์อนุญาตต่าง ๆ
- XShare สำหรับส่งไฟล์อย่างรวดเร็ว
ส่วนพื้นที่ของรอม จากที่ให้มา 64 GB เปิดเครื่องมา พบว่าพื้นที่ถูกใช้ไปราว ๆ 9 GB แต่ก็ยังเหลือให้ใช้มากพอที่ไม่จำเป็นต้องเพิ่ม Micro SD Card ก็ได้ครับ
Feature
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจของ Inifinix Zero 5 คัดมาเฉพาะที่เด็ด ๆ ก็ได้แก่ Multi Account ที่ทำให้สามารถล็อกอินแอปในเครื่องได้มากกว่า 1 บัญชี โดยจะทำการการโคลนแอปที่ต้องการขึ้นมาอีกตัว จากนั้นก็ใช้งานได้เลย ทีเด็ดคือสามารถใช้กับแอปอะไรก็ได้ในเครื่อง จะเป็นการล็อกอิน LINE มากกว่า 1 บัญชี หรือจะ Facebook IG ก็ทำได้เลย
ต่อมาก็เป็นส่วนช่วยจัดการเครื่อง ที่มีสามารถช่วยดูแลจัดการระบบและแอปต่าง ๆ ได้ ทั้งช่วยเคลียร์แรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และการจัดการพลังงาน เพื่อให้สามารถใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น แต่อันที่จริง Ram 6 GB ของ Infinix Zero 5 ก็ไม่จำเป็นต้องเคลียร์ Ram ก็ยังใช้งานลื่น ๆ แบบเหลือกินเหลือใช้เลยล่ะครับ
นอกจากนี้ยังมีการแช่แข็งแอปไว้ไม่ให้ทำงาน ไม่ว่าจะทั้งแบบเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เหมาะสำหรับแอปที่ติดมากับเครื่องแต่ไม่ได้ใช้งาน หรือจะเป็นแอปที่ผู้ใช้เลือกติดตั้งเอง แล้วไม่ค่อยได้ใช้ แต่ก็ยังไม่อยากลบออกจากเครื่อง ซึ่งก็จับแช่แข็งลงในโฟลเดอร์นี้ได้เลยครับ มันจะทำให้แอปที่ผู้ใช้ใส่ไว้ไม่ทำงานเลย จนกว่าจะยกเลิกการแช่แข็ง
ส่วนเรื่อง Gesture ต่าง ๆ Infinix Zero 5 ก็มีมาให้ใช้เช่นเดียวกัน เช่น การแคปหน้าจอโดยการรูด 3 นิ้วจากส่วนบนของหน้าจอลงมา เป็นต้น