สเปคของ HUAWEI Y9 2018 ถือว่าเป็นจุดแข็งหนึ่งของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ เพราะเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน จัดว่ามีความคุ้มค่าติดอันดับต้น ๆ ของสมาร์ทโฟนในช่วงราคาประมาณ 5,000 – 7,000 บาท แต่สิ่งที่ผมมองว่า HUAWEI Y9 2018 น่าสนใจ คือมันมีคาแรคเตอร์ชัดเจนมาก ไม่ได้เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นราคาถูก ใส่ฟีเจอร์กับสเปคที่เขานิยมกัน แล้วหาจุดเด่นไม่เจอนอกจากความคุ้ม และถูกกว่าชาวบ้าน
โดย HUAWEI Y9 2018 มาพร้อมกับจุดแข็งที่เน้นเรื่องกล้องเป็นหลัก จัดกล้องมาให้ถึง 4 กล้อง (4 Camera) แบ่งเป็นกล้องหน้า 2 ตัว กับกล้องหลังอีก 2 ตัว สามารถถ่ายโหมดหน้าชัด – หลังเบลอได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง, โหมดกล้องที่แทบจะพอร์ตจากรุ่นเรือธงมาใส่ไว้ในรุ่นเล็กเช่นนี้ รวมถึงแบตเตอรี่ที่มีความจุสูงถึง 4,000 mAh ใช้งานกันยาว ๆ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี อยากได้สมาร์ทโฟนราคาไม่แพง ชอบถ่ายรูป และใช้งานเยอะ ๆ เล่นมือถือทั้งวัน ผมว่า HUAWEI Y9 2018 เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะ
Camera / กล้องถ่ายภาพ
มาถึงจุดเด่นที่สุดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ จะเป็นสิ่งใดไปไม่ได้นอกจากกล้อง ที่สำคัญคือรุ่นนี้จัดหนักทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง เพราะให้มาถึง 4 กล้อง ประกอบไปด้วยกล้องหน้าคู่ กับกล้องหลังคู่ ทำให้สามารถถ่ายภาพหน้าชัด – หลังเบลอได้ทั้ง 2 ด้าน รายละเอียดของกล้อง เริ่มจากกล้องหน้าคู่ ให้มาที่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กับ 2 ล้านพิกเซล f/2.2 (Fixed Focus) มาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพเจ๋ง ๆ มากมาย
AR Lens เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาใน HUAWEI Y9 2018 เช่นเดียวกับรุ่นพี่อย่าง HUAWEI nova 2i ลักษณะของ AR Lens ก็คือจะมีสติ๊กเกอร์น่ารัก ๆ โผล่ขึ้นมา หรือจะเปลี่ยนฉากหลังให้ดูสวยฟรุ้งฟริ้งก็สามารถทำได้เช่นกัน ความเนียนในการประกบตัวแบบกับฉากหลัง ส่วนตัวมองว่า HUAWEI Y9 2018 ทำได้เนียนทีเดียว ต้องยกความดีความชอบให้กับกล้องหน้าคู่ ที่ทำได้มากกว่าการถ่ายหน้าชัด – หลังเบลอ หรือโหมด Portrait ล่ะครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า HUAWEI Y9 2018
กล้องหลังมีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล + 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 พร้อมแฟลช LED จำนวน 1 ดวง โหมดกล้องที่มีให้เลือกใช้ สามารถเทียบชั้นรุ่นแฟลกชิปได้สบาย โดย HUAWEI ใส่มาให้ทั้งโหมด Pro ที่สามารถปรับแต่งค่าต่าง ๆ ได้ละเอียด, AR Lens หรือจะเป็นโหมดหน้าชัด – หลังเบลออันเป็นเอกลักษณ์ของ HUAWEI อย่าง Wide Aperture ที่สามารถจำลองค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/0.95 ไปจนถึง f/16 และยังทำการ Refocus หลังถ่ายภาพได้
การใช้งานกล้องถ่ายภาพส่วนตัวถือว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ทำได้ดีทีเดียว เริ่มจากเมนูกล้องที่ใช้งานง่าย หยิบ ยก ถ่าย ได้ทันที การโฟกัสก็รวดเร็วในระดับหนึ่ง ทีเด็ดคงเป็นเรื่องการถ่ายโบเก้ หรือหน้าชัดหลังเบลอ เป็นสมาร์ทโฟนที่ถ่ายโหมดพวกนี้เก่งมาก ๆ โดยเฉพาะการถ่ายคนด้วยโหมด Portrait จะให้ภาพหน้าชัดหลังเบลอที่เนียนกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนการถ่ายภาพตอนกลางคืนก็เก็บแสงได้ดีในระดับหนึ่ง ถ่ายออกมาได้สว่าง ความคมชัดก็แตกต่างจากตอนที่แสงปกติไม่มาก เนื่องจากมีการเพิ่ม Sharpen ให้อัตโนมัติ หรือถ้าใครถนัดโหมดโปร มีขาตั้งกล้องก็สามารถปรับตั้งค่าได้ตามสะดวก โดยสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ISO, Speed Shutter, White Balance, EV และการโฟกัสได้เช่นเดียวกับกล้องถ่ายรูปจริง ๆ
ข้อสังเกตอีกอย่างสำหรับกล้องจะอยู่ที่การบันทึกภาพ ด้วยข้อจำกัดด้านหน่วยความจำ ที่ให้มาเป็นแบบ eMMC พอเจอการถ่ายภาพที่ใช้ซอฟท์แวร์ประมวลผลหลังการถ่าย แถมไฟล์ภาพก็เป็นไฟล์ความละเอียดสูง เฉลี่ยไฟล์ละ 4 – 5 MB ถ้าถ่ายพวกโหมดโบเก้, Portrait จะไม่สามารถถ่ายแล้วกดพรีวิวได้ทันที ต้องรอให้ซอฟท์แวร์ประมวลผลประมาณ 4 – 5 วินาทีเสียก่อน
คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหลังสามารถรับชมได้จาก Gallery ด้านล่างครับ
Design / การออกแบบ
หน้าจอ HUAWEI FullView Display อัตราส่วน 18:9 ขนาด 5.93 นิ้ว ดีไซน์ของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็นไปตามสมัยนิยม คือตัวเครื่องจะยาว แต่แคบกว่าสมาร์ทโฟนหน้าจออัตราส่วน 16:9 ส่งผลให้การจับถือ รวมถึงการใช้งานทำได้สะดวกมากกว่า และข้อดีอีกอย่างของหน้าจออัตราส่วน 18:9 คือ ออกแบบมาให้รองรับกับคอนเท้นในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการรับชมในแนวตั้งที่แสดงผลได้มากกว่า หรือจะเป็นการรับชมคอนเท้นประเภทวีดีโอในแนวนอน ที่สามารถแสดงผลได้เต็มหน้าจอยิ่งกว่าหน้าจออัตราส่วนเดิม ๆ
วัสดุตัวเครื่องใช้วัสดุเป็นโพลีคาร์บอเนตกับโลหะ โดยส่วนที่เป็นโพลีคาร์บอเนตจะอยู่บริเวณด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง ผิวสัมผัสบริเวณดังกล่าวจะเป็นแบบมัน ส่วนบริเวณฝาหลังจะใช้วัสดุเป็นโลหะ มีพื้นผิวแบบด้าน ทำให้จับถนัดมือ ไม่ลื่น อีกทั้งยังดูแลรักษาง่าย เพราะตัวพื้นผิวไม่เก็บรอยนิ้วมือนั่นเอง
สำหรับรายละเอียดต่าง ๆ เริ่มจากด้านหน้าก็ตามที่ผมได้เกริ่นไว้ ด้วยความที่เป็นหน้าจอ HUAWEI FullView ทำให้พื้นที่บริเวณด้านหน้ามากกว่า 80% จะเป็นหน้าจอทั้งหมด มีเว้นไว้เพียงแค่บริเวณด้านบนและด้านล่างหน้าจอเท่านั้น โดยด้านบนหน้าจอจะประกอบไปด้วยกล้องหน้าจำนวน 2 ตัว ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล กับความละเอียด 2 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์ และเซ็นเซอร์สำหรับวัดแสง
ด้านข้างมีความหนาอยู่ที่ 7.89 มิลลิเมตร จัดอยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่หนา และไม่บางจนจับถือไม่สะดวก ที่สำคัญเมื่อเทียบกับความจุแบตเตอรี่ 4,000 mAh ในตัวเครื่อง ถือว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีทั้งความบาง และความเบาเลยล่ะครับ น้ำหนักตัว 170 กรัม (ตัวเครื่องเปล่า ๆ ไม่รวมเคส) กับสมาร์ทโฟนหน้าจอเกือบ 6 นิ้ว แบตเตอรี่ 4,000 mAh ผมว่า HUAWEI ออกแบบสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กนี้ได้ดีทีเดียว
HUAWEI Y9 2018 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Nano Sim และยังรองรับการเพิ่มความจุด้วย Micro SD Card ที่ความจุสูงสุด 256 GB ตัวถาดซิมเป็นแบบ 3 Slot แยกซิม 1, ซิม 2 และ Micro SD Card ออกจากกัน ไม่ต้องเลือกระหว่างซิม 2 กับ Micro SD Card เหมือนถาดซิมแบบ Hybrid Slot อีกต่อไป
ด้านพอร์ตเชื่อมต่อก็ให้มาอย่างครบครัน โดยพอร์ตเชื่อมต่อหลัก ที่ใช้สำหรับชาร์จไฟ และถ่ายโอนข้อมูลจะเป็นพอร์ต Micro USB รองรับการใช้งาน USB OTG สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น Flash Drive หรือจะเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสาย LAN, ต่อเมาส์, คีย์บอร์ด (ต้องหาซื้อสาย USB OTG แยกต่างหาก) รวมถึงการแปลงร่างตัวเองเป็น Powerbank ให้กับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนพอร์ตเชื่อมต่ออื่น ๆ ได้แก่ พอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรก็ยังคงมีให้ใช้งานอยู่ ไม่ได้ตัดออกเหมือนสมาร์ทโฟนเรือธงหลาย ๆ รุ่น
ตัวเครื่องเป็นดีไซน์แบบไร้รอยต่อ (Unibody) การออกแบบเน้นความโค้งมน มีการเล่นเส้นสายบริเวณฝาหลังเป็นลายโครเมียมพาดบนล่าง ทำให้ด้านหลังตัวเครื่องไม่ดูโล่งจนเกินไป รายละเอียดทางด้านหลังประกอบไปด้วยกล้องคู่ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ด้านข้างกล้องคู่เป็นแฟลช LED จำนวน 1 ดวง และมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลางฝาหลัง ตำแหน่งดังกล่าวเหมาะกับการสแกนนิ้วด้วยนิ้วชี้ ไม่ว่าจะเป็นคนถนัดซ้าย หรือถนัดขวาก็ตาม (สามารถจดจำลายนิ้วมือได้ 5 แบบ)
ประสบการณ์ใช้งานตัวเครื่องโดยรวม ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะกับคนที่ต้องการสมาร์ทโฟนจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด ใช้งานได้นาน ๆ ในขณะเดียวกันก็ต้องการความคล่องตัว พกพาสะดวก ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี การที่ใช้หน้าจอ HUAWEI FullView 18:9 ช่วยให้การแสดงผลคอนเท้นทำได้มากขึ้น รับชมภาพยนตร์ได้เต็มตายิ่งขึ้น และยังมาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามไม่แพ้สมาร์ทโฟนราคาแพง ๆ เลยครับ
Performance / ประสิทธิภาพ ความแรง
ชิปประมวลผล HiSilicon Kirin 659 octa-core 2.36 GHz พร้อม Ram 3 GB ความจุ 32 GB (eMMC) บนระบบปฏิบัติการ EMUI 8.0 ที่มีพื้นฐานมากจาก Android 8.0 Oreo สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดีในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป, การถ่ายภาพ ไปจนถึงการเล่นเกม
ความแรงของชิป Kirin 659 octa-core ถือว่าใกล้เคียงกับชิป Snapdragon 450 ของทางฝั่ง Qualcomm ทำคะแนน AnTuTu ได้ประมาณ 84,000 คะแนน แต่ด้วยความเร็วที่สูงถึง 2.36 GHz ทำให้คะแนน Single Core เมื่อทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน GeekBench ทำออกมาได้ดี ส่วนเรื่องการเล่นเกมสามารถเล่นเกมยอดนิยมได้สบาย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ROV, LINE Pangya รวมถึงเกม Free Fire – Battlegrounds และ PUBG Mobile
ด้านการจัดการพลังงาน มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงในระดับสมาร์ทโฟนเรือธง โดยมีความจุแบตเตอรี่อยู่ที่ 4,000 mAh ตอนที่รีวิวผมเปิด 4G LTE ไว้ตลอดทั้งวัน (มีการเชื่อมต่อ WiFi ระหว่างอยู่ออฟฟิศ) หลัก ๆ ก็เล่น Facebook, ทดสอบเล่นเกม, รับชมวีดีโอบ้าง ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนแบตเตอรี่อึดมาก สามารถชาร์จทุก ๆ สองวันได้เลย ไม่จำเป็นต้องชาร์จทุกวัน ด้วยองค์ประกอบที่สมดุล ได้แก่ ชิปประมวลผล Kirin 659 ที่ประหยัดพลังงาน (เทคโนโลยีการผลิต 16 นาโนเมตร), ระบบปฏิบัติการ EMUI 8.0 ที่มีการจัดการพลังงานที่ดีมาก และแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,000 mAh
Feature / ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
แม้ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลากหลายฟีเจอร์ ตรงนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับระบบปฏิบัติการ EMUI 8.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.0 Oreo โดยระบบปฏิบัติการดังกล่าว เป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับ HUAWEI Mate 10 Pro แฟลกชิปที่พึ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี 2017 ที่ผ่านมา
ด้านระบบรักษาความปลอดภัย มาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านหลังตัวเครื่อง การปลดล็อกทำได้อย่างรวดเร็วในเสี้ยววินาที สามารถเก็บลายนิ้วมือได้ทั้งหมด 5 รูปแบบ นอกจากจะใช้ปลดล็อกตัวเครื่องได้แล้ว ยังใช้ในการล็อกแอปพลิเคชันได้อีกด้วย สำหรับคนที่ความลับเยอะ เอ้ย!! ต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถไปตั้งค่าได้เช่นกัน
ระบบรักษาความปลอดภัยอีกแบบ นอกจากการสแกนลายนิ้วมือคือ การปลดล็อกด้วยใบหน้า (Face Unlock) จากการลองใช้งานระบบ Face Unlock ถือว่าปลดล็อกได้เร็วในระดับที่น่าประทับใจ แต่ก็มีข้อสังเกตตรงที่การปลดล็อกจะใช้กล้องหน้าในการสแกน ทำให้ไม่สามารถปลดล็อกในที่แสงน้อยมาก ๆ ได้นั่นเอง
HUAWEI Y9 2018 ยังมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่าง คือการเปิดใช้งานแอปพลิเคชันพร้อมกัน 2 แอป ด้วยการกดปุ่ม Recent Apps ค้างเอาไว้ จะเป็นการเข้าโหมด Split Screen ทีนี้จะรับชมวีดีโอผ่าน Youtube พร้อม ๆ กับเล่น Facebook หรือจะเช็คอีเมล์ พร้อมกับเปิดแอปพลิเคชันแชทก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหล และนอกจากจะเปิด 2 แอปได้พร้อมกันแล้ว ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ App Twin หรือการโคลนแอป ทำให้สามารถใช้งาน Facebook/ Messenger ได้พร้อมกัน 2 ไอดี
Software / ซอฟต์แวร์ในเครื่อง
HUAWEI Y9 2018 มาพร้อมกับ EMUI 8.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.0 Oreo ถ้าวัดกันที่ความสดใหม่ ระบบปฏิบัติการดังกล่าวถือว่ามีความสดใหม่เอามาก ๆ (สมาร์ทโฟนเรือธงบางรุ่นยังไม่ได้อัพ Android 8.0 ด้วยซ้ำ) หน้าตา UI จะเป็นแบบเดียวกับรุ่นแฟลกชิปอย่าง HUAWEI Mate 10 Pro โดยจุดเด่นของ EMUI 8.0 จะอยู่ที่ความเสถียรของระบบ
HUAWEI Y9 2018 รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ผมได้ทดสอบด้วยการใส่ซิมการ์ด 2 ซิม เป็นซิม AIS และ TrueMove H พบว่า HUAWEI Y9 2018 รองรับการใช้งาน 4G แค่ซิมเดียวเท่านั้น ถ้าซิมแรกเชื่อมต่อ 4G อีกซิมจะใช้งานได้แค่ 2G
การเชื่อมต่อ 4G LTE ของ HUAWEI Y9 2018 รองรับ VoLTE (ทดสอบกับซิม AIS และ TrueMove H) การเชื่อมต่อ WiFi จะรองรับเฉพาะความถี่ 2.4 GHz ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายเป็น Bluetooth 4.2 รองรับ apt-X เทคโนโลยีบีบอัดเสียงผ่านระบบ Bluetooth ทำให้ประหยัดพลังงาน และให้คุณภาพเสียงที่ดีกว่าแบบปกติ
จุดเด่น
- สเปคดี คุ้มค่า ทำราคาออกมาได้น่าประทับใจ
- งานประกอบดี ตัวเครื่องน้ำหนักเบา จับถือสะดวก
- ชิปเซ็ต Kirin 659 ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี เล่นเกมลื่น
- แบตอึด 4,000 mAh
- ใส่ได้ 2 ซิม แล้วยังใส่ MicroSD ได้อีก
- มาพร้อม 4 กล้อง แบ่งเป็นกล้องคู่หน้า หลัง ถ่ายรูปสนุก ลูกเล่นเยอะ
- คุณภาพของรูปถ่ายอยู่ในเกณฑ์ที่ประทับใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงกัน หรือราคาสูงกว่า
ช่องทางจัดจำหน่าย
สำหรับผู้ที่สนใจ HUAWEI Y9 2018 มีให้เลือกถึง 3 สี ได้แก่ สีดำ (Black)สีน้ำเงิน (Blue) และสีทอง (Gold) ซึ่งลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจองสินค้าได้ในระหว่างวันที่ 16 – 29 มีนาคมนี้ ที่ หัวเว่ย แบรนด์ช้อป ร้านตัวแทนจำหน่าย และร้านค้าออนไลน Shopee (https://shopee.co.th) โดยลูกค้าที่สั่งจองสินค้าในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับของสมนาคุณพิเศษ ‘HUAWEI Body Fat Scale’ มูลค่า 2,990 บาท ฟรี!
สเปค Huawei Y9 2018
- หน้าจอ HUAWEI FullView Display ขนาด 5.93 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+
- ชิปประมวลผล Kirin 659 octa-core ความเร็ว 2.36 GHz
- Ram 3 GB
- ความจุ 32 GB รองรับ MicroSD Card สูงสุด 256 GB
- ถาดซิมแบบ 3 Slot (Dual Sim + Micro SD Card)
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 13 + 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าคู่ความละเอียด 16 + 2 ล้านพิกเซล รองรับ Portrait Mode/ AR Lens
- ระบบปฏิบัติการ EMUI 8.0 base on Android 8.0 Oreo
- มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านหลัง
- แบตเตอรี่ความจุ 4,000 mAh
- มีด้วยกัน 3 สี ได้แก่ Black, Blue และ Gold
- ราคา 6,990 บาท