รีวิว HUAWEI Watch Buds สมาร์ทวอทช์ที่มาพร้อมกับหูฟัง True Wireless แบบตัดเสียงรบกวน ในดีไซน์สุดล้ำ 2 in 1 ซ่อนหูฟังไว้ข้างในสมาร์ทวอทช์ได้อย่างแนบเนียน ว่าแต่ในการใช้งานจริงจะเป็นอย่างไร ใส่หูฟัง TWS ไว้ในนาฬิกาสมาร์ทวอทช์มันจะเวิร์กหรือไม่ เลื่อนลงไปอ่านรีวิวได้เลยครับ
จุดเด่นที่น่าสนใจของ HUAWEI Watch Buds นอกจากเรื่องฟีเจอร์ด้านการดูแลสุขภาพแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจวัดค่าสำคัญของร่างกายได้ตลอดวันอย่างเที่ยงตรงและแม่นยำ ไปจนถึงฟีเจอร์สุขภาพขั้นพื้นฐานอย่างการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และการวัดระดับออกซิเจนในเลือด รุ่นนี้ยังใส่หูฟัง TWS ไร้สาย HUAWEI W Buds ไว้ข้างในตัวเรือนนาฬิกา ใช้สำหรับฟังเพลง หรือรับสายโทรศัพท์ได้อีกด้วย
สเปค HUAWEI WATCH Buds
- ขนาดวอทช์ : 47 × 47.5 × 14.99 มม.
- น้ำหนักวอทช์ : 66.5 กรัม (ไม่รวมสาย)
- ขนาดหูฟัง : 21.8 × 10.3 × 10.3 มม.
- น้ำหนักหูฟัง : ประมาณ 4 กรัม
- วัสดุตัวเรือน : Stainless Steel
- วัสดุสายนาฬิกา : สายหนัง 22 มม.
- หน้าจอ : AMOLED 1.43” ความละเอียด 466 x 466 พิกเซล (326 ppi)
- การเชื่อมต่อ : Bluetooth 5.2
- กันน้ำ : หูฟัง IP54 ทนทานต่อน้ำที่กระเด็นใส่ ฝุ่น และละอองน้ำ
- แบตเตอรี่ : ใช้งานได้นานสูงสุด 3 วัน (หูฟังฟังได้ต่อเนื่องสูงสุด 4 ชม.ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง)
ตัวเรือน
กล่องของ HUAWEI Watch Buds ก็จะใช้สไตล์คล้าย ๆ รุ่นก่อนหน้า คือเป็นกล่องสี่เหลี่ยมสีดำ มีรูปตัวเรือนอยู่ด้านหน้าพร้อมชื่อรุ่น เมื่อดึงฝานอกขึ้น ก็จะพบตัวเรือนทันที ส่วนอุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องประกอบไปด้วย
- ตัวเรือน HUAWEI Watch Buds ที่ติดตั้งมาพร้อมสายหนังแท้
- จุกซิลิโคนหูฟังขนาด S และ L
- แท่นชาร์จแบบไร้สาย ดูดติดกับตัวเรือนได้ด้วยแม่เหล็ก ใช้งานร่วมกับอะแดปเตอร์ที่เป็น USB Type-A ได้ทันที
ตัวเรือนยังคงใช้ดีไซน์ในสไตล์เดิมคือมีหน้าจอเป็นวงกลมไม่มีขอบนูน โดยขอบหน้าจอที่เป็นกระจกโค้ง จะรับเข้ากับกรอบตัวเรือนที่เป็นโลหะได้อย่างพอดี มีปุ่มกดทางฝั่งขวจำนวน 1 ปุ่ม ใช้สำหรับกดเข้าหน้ารวมแอป และกดกลับมาที่หน้าปัดหลักสำหรับบอกเวลา โดยปุ่มที่หน้าตาเหมือนเม็ดมะยม จะใช้งานได้แค่การกดเท่านั้น ไม่สามารถใช้การหมุนได้เหมือนอย่าง HUAWEI Watch GT 3 Pro
หน้าจอ AMOLED ของ HUAWEI Watch Buds ขนาด 1.43 นิ้ว ยังคงให้คอนทราสต์และความสว่างที่ลงตัวสำหรับการใช้งานในแทบทุกโอกาสเช่นเดิม แต่ถ้าเจอแดดจัด ๆ ก็อาจจะต้องอาศัยการป้องมือเพื่อให้มองหน้าจอได้ชัดขึ้นนิดนึง มีระบบปรับระดับความสว่างอัตโนมัติช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
ความละเอียดของจอก็อยู่ในระดับที่เนียนตามาก ประกอบกับการใช้กระจกระนาบเดียวกัน ไม่ได้มีขอบนูนขึ้นมา ทำให้ดูหน้าจอใหญ่เต็มตา แต่ที่จริงแล้วพื้นที่แสดงผลจะมีถึงแค่บริเวณที่เป็นขอบด้านในหน้าจอเท่านั้น ส่วนบริเวณที่เป็นขอบสีดำ ก็ถูกคลุมไว้ด้วยกระจกโค้ง
ตัวเรือนมีฟังก์ชันหน้าจอแบบติดตลอด (Always on display) ให้เปิดใช้งานได้ และคราวนี้ก็ทำงานร่วมกับฟังก์ชัน raise to wake ที่เปิดหน้าจอ watchface หลักให้ติดขึ้นมาตอนที่ยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาได้อีกด้วย
ด้านหลังของตัวเรือนส่วนที่แนบติดกับแขนตรงกลางเป็นแถบเซ็นเซอร์ที่ใช้วัดข้อมูลสุขภาพที่เกี่ยวกับเลือด ทั้งอัตราการเต้นหัวใจ และปริมาณออกซิเจนในเลือด โดยที่ไม่มีขั้วทองเหลืองอยู่แล้ว ช่วยลดปริมาณคราบเหงื่อที่เข้าไปติดในช่องหลืบต่าง ๆ ได้ดี ทำความสะอาดง่าย
ขั้วล็อกสายเป็นแบบสลักที่สามารถใช้ปลายนิ้วดึงออก และติดตั้งได้สะดวก สามารถใช้สายของ Watch GT ขนาด 46 มม. รุ่นก่อน ๆ ได้เลย การสวมใส่ก็เหมือนกับใส่นาฬิกาข้อมือทั่วไปเลย ตัวล็อกสายทำได้แน่นหนาดี
ส่วนการใช้งานหูฟัง HUAWEI W Buds หรือหูฟังที่อยู่ภายในนาฬิกา HUAWEI Watch Buds เพียงแค่กดปุ่มบริเวณด้านล่างของหน้าจอ บริเวณที่เป็นหน้าปัดนาฬิกาก็จะเปิดออก ให้นึกภาพนาฬิกาของตัวละครโคนัน ในเรืองโคนันเจ้าหนูยอดนักสืบ ลักษณะของฝาที่เด้งขึ้นจะเป็นแบบนั้นเลยครับ โดยตัวหูฟังจะแนบติดอยู่กับบริเวณแผงหลังของหน้าปัดด้วยแม่เหล็ก
เรื่องความทนทานของบานพับก็หายห่วง เนื่องจากผ่านการทดสอบเปิด-ปิดหน้าปัดมากกว่า 100,000 ครั้ง จากแล็บที่มีผู้เชี่ยวชาญของหัวเว่ย และเมื่อหลังทดสอบยังสามารถเปิด-ปิดได้อย่างไม่ติดขัด ส่วนการใช้งานตอนที่ผมรีวิว HUAWEI Watch Buds ตอนกดปุ่มให้หน้าปัดเด้งขึ้นมา ผมว่ามันต้องแอบออกแรงกดอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ก็จะให้ความรู้สึกที่ว่าสลักล็อกมันดูแข็งแรงครับ
หูฟัง HUAWEI W Buds จิ๋วแต่แจ๋ว
สำหรับหูฟัง HUAWEI W Buds จะมีขนาดเล็กมาก และมีน้ำหนักที่เบาเพียง 4 กรัมต่อข้าง เพราะฉะนั้นในเรื่องการสวมใส่ได้เลย เพราะถือเป็นหูฟัง In-ear ที่ใส่สบายรุ่นหนึ่ง แต่จะมีข้อสังเกตในเรื่องของการกันน้ำกันฝุ่น โดยหูฟังจะรองรับการกันน้ำที่มาตรฐาน IPX4 ก็คือใส่ออกกำลังกายได้ กันละอองน้ำได้ แต่ไม่สามารถใส่ว่ายน้ำได้นะครับ
ความน่าสนใจของ HUAWEI W Buds คือหูฟังรุ่นนี้แม้จะมีขนาดที่เล็กมาก แต่ก็ยังอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่จำเป็นต่อการใช้งานอย่างระบบตัดเสียงรบกวน และในเรื่องของการสวมใส่ ก็ไม่จำเป็นต้องเล็งว่าเป็นหูฟังข้างซ้ายหรือขวา สามารถสวมใส่ได้เลย เนื่องจากหูฟังมีฟังก์ชั่นอย่างการตรวจจับซ้าย – ขวาได้อัตโนมัตินั่นเอง
HUAWEI W Buds มาพร้อมไดร์เวอร์ขับเสียงทั้งหมด 6 ตัว ติดตั้งด้วยไดอะแฟรมระนาบแบบ Full-Range เพื่อเสียงที่ทรงพลังและมีความละเอียดสูง ปรับจูนเสียงให้เหมาะสมตามความแตกต่างของโครงสร้างช่องหูและสถานการณ์การใช้งานด้วยฟังก์ชั่น Triple Adaptive EQ อีกทั้งรองรับการตัดเสียงรบกวนขณะการโทรด้วยระบบ AI Noise Cancellation Calling ผ่านเทคโนโลยี Bone Conduction Sensor ที่ใช้เซ็นเซอร์จับการสั่นสะเทือนของกระดูกหู และการตัดเสียงรบกวนแบบ dual-mic รับเสียงและกรองเสียงรบกวนรอบข้างเพื่อตัดเสียงรบกวนการโทรช่วยให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงสนทนาอย่างชัดเจน อีกทั้งหูฟังยังสามารถสั่งการได้ผ่านปลายนิ้วมือผ่านระบบ Wide-area Auricle Touch Control ที่พัฒนาโดยหัวเว่ย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและปรับการตั้งค่าต่าง ๆ เพียงใช้นิ้วสัมผัสบริเวณใบหู
ส่วนเรื่องการควบคุม หรือ Gesture เห็นว่าเป็นหูฟังขนาดเล็กแบบนี้ แต่ก็มี gesture ให้เลือกใช้งานได้ 2 รูปแบบ ผ่านการแตะที่บริเวณใบหู
- แตะ 2 ครั้ง เพื่อล่น/หยุดเพลงชั่วคราว, รับสาย/ตัดสาย
- แตะ 3 ครั้ง เพื่อเปิด/ปิด การตัดเสียงรบกวน
ส่วนเรื่องเสียงที่หูฟัง HUAWEI W Buds ทำได้นั้น ก็ต้องบอกว่ารุ่นนี้ให้เสียงที่ดีเกินตัว ในตอนแรกผมแอบคิดว่าหูฟังตัวเล็กแค่นี้ แถมยังอยู่ในสมาร์ตวอชท์ ก็ไม่น่าจะเท่าไหร่ แต่พอได้ฟังเพลงด้วย HUAWEI W Buds ผมว่ามันให้เสียงที่ดีเกินตัว ทั้งในเรื่องของเสียงย่านต่ำที่ฟังเพลงได้สนุก รวมถึงเวทีเสียงที่ไม่แคบจนเกินไป อีกทั้งการแยกแยะชิ้นดนตรีก็ยังทำได้ดีอีกด้วย
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
การแสดงผลภาษาไทยบนหน้าจอ HUAWEI Watch Buds ถือว่าทำได้สมบูรณ์ ตัวหนังสือคมชัด การแจ้งเตือนมาในเวลาเดียวกับที่มีการแจ้งเตือนบนโทรศัพท์
ส่วนการแสดงการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะเป็นการส่งข้อมูลมาจากมือถือที่จับคู่กันไว้ โดยสามารถแยกรูปแบบการแสดงผลของแต่ละแอปได้ดี รวมถึงยังสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้แสดงการแจ้งเตือนจากแอปใดบ้าง
HUAWEI Watch Buds รองรับการวัดระดับออกซิเจนในเลือด ซึ่งสามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้วัดอัตโนมัติเป็นระยะ ๆ หรือไม่ ส่วนถ้าต้องการวัดเป็นช่วง ๆ ก็เข้ามากดวัดจากในแอป SpO2 ได้เช่นกัน สำหรับการวัดจะใช้เวลาซักนิดนึง แนะนำว่าควรเท้าแขนไว้กับโต๊ะเพื่อให้แขนนิ่งที่สุด ความแม่นยำก็อยู่ในระดับที่พอใช้ประเมินสุขภาพได้คร่าว ๆ ครับ ไม่ถึงกับสามารถใช้อ้างอิงในทางการแพทย์ได้ 100% ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเหล่าอุปกรณ์สมาร์ตวอทช์เพื่อสุขภาพเกรด Consumer อยู่แล้ว
เทคโนโลยี HUAWEI TruSeen™ 5.0 + ช่วยให้ได้รับการแจ้งเตือนอย่างทันท่วงทีเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป รองรับการติดตามการนอนหลับในเวลากลางคืนโดยไม่รบกวน และติดตามอัตราการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง
ระบบการวัดระดับความเครียดก็มีมาให้เช่นกัน โดยการใช้งานครั้งแรก ผู้ใช้จะต้องสั่งเปิดจากในมือถือ และตอบแบบสอบถามก่อนเล็กน้อย เพื่อประเมินระดับความเครียดในสภาวะปกติของตัวผู้ใช้งานก่อน หลังจากตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถสั่งให้ตัวเรือนวัดแบบอัตโนมัติเพื่อเก็บข้อมูลเป็นระยะ ๆ ได้เช่นกัน และเมื่อมีความเครียดเกิดขึ้น HUAWEI Watch Buds ก็มีฟีเจอร์อย่าง Breathe หรือการฝึกกำหนดลมหายใจ ช่วยให้ควบคุมอารมณ์ และจัดการความเครียดได้ดี
อีกระบบที่น่าสนใจก็คือการวัดคุณภาพการนอนหลับ HUAWEI TruSleep 3.0 ที่สามารถตรวจจับการนอน วัดช่วงเวลา deep sleep และข้อมูลต่าง ๆ มาซิงค์กับแอปด้านสุขภาพในมือถือได้อย่างสะดวกฟีเจอร์นี้เหมาะมากกับคนที่รู้สึกว่านอนเท่าไหร่ก็ไม่สดชื่น เพราะตัวสมาร์ตวอทช์จะสามารถบอกได้เลยว่าการนอนในแต่ละคืนนั้น มีคุณภาพมากน้อยเพียงใด หลับสนิทจริงหรือเปล่า เป็นต้น
ซอฟต์แวร์และการใช้งานคู่กับสมาร์ตโฟน
ในการเชื่อมต่อ HUAWEI Watch Buds เข้ากับสมาร์ตโฟน จะต้องมีการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น HUAWEI Health เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อเสียก่อน แต่ถ้าใครใช้สมาร์ตโฟน HUAWEI อยู่แล้วก็ไม่จำเป็นต้องโหลดเพิ่ม เพราะแอปจะถูก Pre-load ไว้แต่แรกแล้ว
เมื่อเปิดแอปขึ้นมา ล็อกอิน และจับคู่กับนาฬิกาเรียบร้อย เข้ามาที่ตัวนาฬิกาก็จะพบกับเมนูตั้งค่าต่าง ๆ เริ่มจากด้านบนสุดเป็นปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ ถัดลงมาเป็นจำนวนก้าวเดิน จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไป และระยะทางการเดินที่ทำได้ในวันนั้น ๆ ถัดลงมาก็เป็นหน้า watchface ที่สามารถเข้าไปหาและโหลดมาลงในเครื่องได้
หัวข้อ Health monitoring จะเป็นศูนย์รวมการตั้งค่าเกี่ยวกับการตรวจวัดสุขภาพ เช่น ฟังก์ชัน TruSleep สำหรับตรวจจับการนอนหลับอัตโนมัติ รวมถึงมีตัวเปิด/ปิดการวัดอัตราการเต้นหัวใจ วัดระดับความเครียด และวัดระดับ SpO2 แบบอัตโนมัติด้วย ซึ่งถ้าเปิดไว้ทั้งหมด ก็แน่นอนว่าจะกินแบตมากกว่าเดิม
แบตเตอรี่ HUAWEI Watch Buds ผมลองใช้งานในลักษณะของการให้สมาร์ตวอทช์ตรวจวัดทุกสิ่งอย่างตลอดเวลา ทั้งการเก็บสถิติอัตราการเต้นของหัวใจ, ระดับออกซิเจนในเลือด ไปจนถึงตรวจจับการนอน พบว่าแบตเตอรี่จะใช้งานได้เฉลี่ยประมาณ 2 – 4 วัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบุคคลด้วยครับ
ส่วนใครอยากให้แบตเตอรี่อึดขึ้นมาหน่อย ก็คงต้องเปิดโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งจะปิดกั้นการเข้าถึงแอปบางอย่าง และให้นาฬิกาเชื่อมต่อกับสมาร์ตโฟนด้วย Bluetooth เท่านั้น โดยในโหมดประหยัดพลังงาน จะสามารถใช้งานได้ยาว ๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยที่ไม่ต้องชาร์จไฟครับ
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ ก็ถือว่าสะดวกขึ้นมาก เนื่องจากสายชาร์จเป็นแบบแม่เหล็ก รวมถึงรองรับการชาร์จร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายบนสมาร์ตโฟน อีกทั้งตัวเรือนรองรับการชาร์จเร็วด้วย ซึ่งก็ชาร์จได้เร็วทีเดียว ถอดออกมาชาร์จระหว่างอาบน้ำเช้า/เย็น ก็แทบไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดเลย หรือถ้ามีเวลาชาร์จน้อยหน่อย แค่ 10 นาทีก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 15 ชั่วโมงแล้ว แต่อาจจะต้องปิดพวกฟีเจอร์การตรวจวัดสุขภาพอัตโนมัติเพื่อให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานด้วยครับ
สรุปภาพรวมรีวิว HUAWEI Watch Buds
ภาพรวมสำหรับ HUAWEI Watch Buds ส่วนตัวผมมองว่าเป็นการจับคู่อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ดี เพราะโดยปกติ คนส่วนใหญ่ก็มักจะพกหูฟัง TWS ออกไปข้างนอกเป็นประจำอยู่แล้ว และปัญหาส่วนใหญ่ของการพกพาก็คือต้องพกเคสชาร์จของหูฟังไร้สายออกไปด้วย แต่ถ้าเป็น HUAWEI W Buds จะตัดปัญหาส่วนนั้นออกไปได้เลย เพราะสามารถเก็บหูฟังไว้ในสมาร์ทวอชท์ได้นั่นเอง
ส่วนฟังก์ชั่นในการใช้งานที่จำเป็นสำหรับการเป็นทั้งสมาร์ทวอชท์ และการเป็นหูฟัง True Wireless ดี ๆ ก็ยังคงมีให้ใช้งานทั้ง 2 ส่วน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ในการดูแลสุขภาพ, การออกกำลังกาย ไปจนถึงการแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่ตัวนาฬิกาทำได้ หรือจะเป็นฟีเจอร์ของหูฟังอย่างการควบคุมด้วย Gesture, ระบบตัดเสียงรบกวน และเสียงที่ให้จากตัวหูฟังก็ถือว่าทำได้ดีทีเดียวครับ ฟังเพลงสนุกเลยล่ะ
HUAWEI WATCH Buds วางจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ Lazada ราคาต่ำสุดเพียง 9,999 บาท จากราคาปกติ 13,990 บาท เมื่อสั่งซื้อบนช่วงเวลา Flash Sale ในราคา 12,717 บาท ของวันที่ 27 มีนาคม 2566 ตั้งแต่ 00.00 น. – 01.59 น. และใช้ร่วมกับคูปองส่วนลด Early bird coupon มูลค่า 100 บาท พร้อมคูปองส่วนลดพิเศษจาก Lazada มูลค่า 1,778 บาท (จำนวน 100 ใบเท่านั้น) และ Lazada Bonus มูลค่า 840 บาท พิเศษ! สำหรับลูกค้าคำสั่งซื้อ 200 ท่านแรก รับร่ม HUAWEI มูลค่า 390 บาท เมื่อสั่งซื้อตั้งแต่ 27 มีนาคม 2566 ถึง 29 มีนาคม 2566 นี้
สามารถสั่งซื้อได้ที่นี่ https://bit.ly/4246LFg