ปี 2018 เป็นอีกปีที่ HUAWEI Smartphone ทำตลาดในประเทศไทยได้ดุดันเอามาก ๆ เพราะแต่ละรุ่นที่เปิดตัว สามารถเรียกกระแสตอบรับจากผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่เรือธงรุ่นต้นปี HUAWEI P20/ P20 Pro จนมาถึงรุ่นกลางตัวล่าสุดอย่าง HUAWEI nova 3e ที่ถูกเคลมว่าเป็น Master of Selfies เซลฟี่สวยเป็นธรรมชาติ…ไม่เฟค ด้วยจุดเด่นอย่างกล้องหน้าความละเอียดสูง 24 ล้านพิกเซล, กล้องหลังคู่ และดีไซน์อันสวยงามไม่แพ้สมาร์ทโฟนระดับเรือธง
ด้วยความที่ HUAWEI ตั้งว่าให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้เป็น Master of Selfies เพราะฉะนั้นในรีวิว HUAWEI nova 3e ผมก็จะขอเริ่มที่กล้องหน้าก่อนเป็นอันดับแรก จะถ่ายเซลฟี่ออกมาได้ดีขนาดไหน และมีฟีเจอร์อะไรเด่น ๆ บ้าง เลื่อนลงมาอ่านรีวิวได้เลยครับ
Front Camera/ กล้องหน้า HUAWEI nova 3e
HUAWEI nova 3e มาพร้อมกับสโลแกน Master of Selfies – เซลฟี่สวย…ไม่เฟค เพราะฉะนั้นจุดเด่นที่สุดของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็หนีไม่พ้นกล้องหน้าเซลฟี่ที่มีความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล f/2.0 มีขนาดพิกเซล 1.0 μm มุมกว้างถึง 78 องศา และมาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความชัดและสภาพแสง ที่สำคัญคือ HUAWEI nova 3e มีฟีเจอร์เด็ด ๆ ที่ทำให้สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ถ่ายเซลฟี่ได้เป็นอย่างดี ได้แก่
- Light Fusion Portrait และ Smart Screen Flash เป็นแฟลชกล้องหน้าที่สาดแสงตามอุณหภูมิของภาพ สามารถช่วยให้ถ่ายภาพเซลฟี่ได้สวยแม้ในที่แสงน้อย โดยที่ไม่ทำให้สีของรูปภาพผิดเพี้ยนจากการยิงแฟลชเหมือนสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป
- Nude Makeup ระบบ 3D Facial Mapping ที่สามารถตรวจจับใบหน้าได้ถึง 96 จุด เพื่อการถ่ายภาพเซลฟี่ที่สวย คมชัด สดใสมีชีวิตชีวา ดูเป็นธรรมชาติ
นอกจากสองฟีเจอร์ดังกล่าว อีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจของ HUAWEI nova 3e ก็คือ AR Lens หนึ่งในโหมดกล้องที่ทำให้การเซลฟี่สนุก และไม่จำเจ ด้วยสติ๊กเกอร์หลายแบบ (สามารถดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้) หรือจะเปลี่ยนฉากหลังก็ทำได้อย่างเนียน ๆ
นอกจากตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า ผมก็มีภาพเซลฟี่เปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนยี่ห้ออื่น ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน ขออนุญาตไม่เอ่ยถึงยี่ห้อนะครับ แต่ใบ้ว่ารูปทางซ้ายมือ Brand A เนี่ย ราคาเต็มแพงกว่า ส่วนรูปทางขวามือ Brand B มีราคาเท่ากับ HUAWEI nova 3e เลยครับ ลองทายกันดูครับว่าเป็นสมาร์ทโฟนยี่ห้อ และรุ่นอะไร
รูปแรกเป็นโหมด Auto ไม่มีการเปิด Beauty นางแบบของเราแต่งหน้าเบา ๆ (มั้ง) ถ่ายด้วยแสงธรรมชาติ เวลาประมาณ 17.00 น. เมื่อเทียบกันแล้ว สีของภาพถ่ายจากกล้องออกมาตรงที่สุด เพราะ Brand A จะออกแดงเกินไป ส่วน Brand B ก็ติดเหลืองเกินไป
ต่อด้วยโหมด Beauty ในภาพด้านล่าง ผมตั้งเป็นค่าพื้นฐานของโหมด Beauty ของสมาร์ทโฟนแต่ละรุ่นที่นำมาเทียบกัน เรื่องโทนสีก็ยังคงเหมือนเดิมครับ Brand A ติดแดง/ Brand B ติดเหลือง ส่วนความเนียน ความ Beauty อันนี้ให้เพื่อน ๆ ตัดสินเอาเองเลย ว่าชอบแบบไหนมากกว่ากัน แต่ถ้าสังเกตที่ผมของนางแบบ จะปรับให้ผมดูนุ่มสลวยกว่า ไม่แห้งเหมือน 2 แบรนด์คู่แข่ง
รูปเปรียบเทียบสุดท้าย อันนี้จัดเต็มในทุกโหมด ได้แก่ Beauty + Bokeh ในบางรุ่นก็จะเป็น Portrait Mode เอาเป็นว่ามันคือการเปิด Beauty กับละลายฉากหลัง ถ้าเรียงลำดับตามความละลาย Brand A จะละลายมากที่สุด แต่ก็ละลายจนดูปลอมเกินไป เพราะด้วยระยะที่ถ่ายฉากหลังไม่ควรละลายขนาดนี้ ส่วน Brand B ให้สังเกตบริเวณผมด้านซ้ายมือ ผมของนางแบบจะถูกละลายไปด้วย
ส่วนตัวผมมองว่าภาพเซลฟี่สามารถสู้กับคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกันได้สบาย ๆ ด้วยฟีเจอร์อย่าง Nude Makeup หรือการแต่งหน้าให้เหมือนไม่ได้แต่งหน้า สาว ๆ น่าจะเข้าใจดีว่า Nude Makeup เป็นรูปแบบการแต่งหน้าที่เป็นศิลปะ และไม่ได้แต่งกันง่าย ๆ ด้วยนะครับ แต่ก็ทำออกมา หรือจะเป็นฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจอย่าง AR Lens ทำให้การเซลฟี่สนุก และหลากหลายมากยิ่งขึ้น เอาไว้แชร์บนโซเชียลได้ดีเลยล่ะ อย่างวีดีโอด้านล่างนี้
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
Rear Camera/ กล้องหลัง
HUAWEI nova 3e ไม่ได้มีดีแค่กล้องหน้าเพียงอย่างเดียว แต่กล้องหลังก็ถือว่าให้สเปคมาแน่นเช่นกัน มาพร้อมกับกล้องคู่ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีขนาดพิกเซลอยู่ที่ 1.12 μm รูรับแสงขนาด f/2.2 และกล้องตัวรองความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ที่ออกแบบมาสำหรับการถ่าย Bokeh ในระดับฮาร์ดแวร์ ทำให้การถ่ายรูปด้วยโหมด Wide Aperture หรือโหมดหน้าชัดหลังเบลอละลายหลังได้สวยงาม และเนียนกว่าสมาร์ทโฟนที่มีกล้องหลังตัวเดียว
ด้านซอฟท์แวร์กล้อง ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลัก ได้แก่ หน้ากล้อง, โหมดต่าง ๆ และการตั้งค่ากล้อง
ภาพทางด้านซ้ายแสดงให้เห็นถึงโหมดกล้องในรูปแบบต่าง ๆ ที่มีให้เลือกใช้หลากหลายโหมด ถ้าให้เลือกเฉพาะโหมดที่น่าสนใจก็คงจะเป็นโหมด AR Lens สติ๊กเกอร์แบบเดียวกับกล้องหน้า, Pro Mode ที่สามารถปรับตั้งค่าได้ละเอียดไม่แพ้กล้อง DSLR หรือจะเป็น Night Shot กับ Light Painting ที่ออกแบบมาสำหรับถ่ายกลางคืน และถ่ายไฟ แต่ใน 2 โหมดสุดท้ายนี้จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องด้วยนะครับ เพราะเป็นการเปิดม่านชัตเตอร์เป็นเวลานาน ถ้าถือด้วยมือเปล่าจะทำให้ภาพเบลอได้
อีกฟีเจอร์ของกล้องหลังที่ไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ Wide Aperture (รูปกลาง แถวบน ไอคอนที่ 2) หรือการถ่ายภาพโหมดหน้าชัด – หลังเบลอในลักษณะของการจำลองรูรับแสงกล้อง สามารถเลือกได้ว่าจะให้ละลายมาก (f/0.95) หรือชัดทั้งภาพ (f/16) และยังสามารถทำการ Refocus เลือกจุดโฟกัสหลังจากที่ถ่ายภาพไปแล้วได้อีกด้วย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
Design/ การออกแบบ
นอกจากกล้องจะเป็นจุดเด่นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ส่วนตัวคิดว่าโดดเด่นไม่แพ้กันก็คือดีไซน์ตัวเครื่อง ทั้งการเลือกใช้วัสดุตัวเครื่องเป็นเฟรมโลหะ ที่เข้ากันได้ดีกับฝาหลังที่เป็นกระจก และตัวฝาหลังเองที่มีการไล่เฉดสีตามสมัยนิยม
หน้าจอแบบ HUAWEI FullView Display 2.0 อัตราส่วน 19:9 แน่นอนว่าจะต้องมาพร้อมกับ Notch screen หรือรอยบากบริเวณด้านบนหน้าจอเหมือนสมาร์ทโฟนรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้อัตราส่วนหน้าจอแบบนี้ แต่เมื่อเทียบแล้วก็ถือว่า Notch screen มีขนาดเล็กมาก อย่างไรก็ตามหากไม่ชอบ Notch screen ก็สามารถถมดำเพื่อปิดไปเลยก็ได้เช่นกัน
ซ้าย: เปิด Notch | ขวา: ปิด Notch
โดยปกติสมาร์ทโฟนระดับกลาง ราคาหมื่นต้น ๆ ก็มักจะมาพร้อมกับหน้าจอแบบ IPS ที่ไม่ได้เน้นเรื่องความแม่นยำของสีสันหน้าจอ หรือการแสดงผลเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่กับ HUAWEI nova 3e ที่หน้าจอสามารถแสดงขอบเขตสีสันถึงได้ถึง 96% ตามมาตรฐาน NTSC ซึ่งถือว่าสูงมากในสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้น ๆ
ด้านความคมชัดมีหน้าจอความละเอียด Full HD+ กับขนาดหน้าจอ 5.84 นิ้ว ถือว่าเป็นขนาดหน้าจอกับความละเอียดที่เหมาะสมกัน ด้วยความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลถึง 432 ppi สูงพอที่จะทำให้ไม่เห็นเม็ดพิกเซล และใช้งานได้อย่างเนียนตาทีเดียว
เห็นว่ามีหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 5.84 นิ้ว แต่ขนาดตัวเครื่องกลับถือใช้งานได้สะดวกมาก ด้วยความที่เป็นหน้าจออัตราส่วน 19:9 เน้นพื้นที่แนวตั้งมากกว่าแนวนอน และเป็นหน้าจอแบบ FullView 2.0 น้ำหนักตัวเครื่องเพียง 145 กรัม เมื่อเทียบกับสมาร์ทโฟนหน้าจออัตราส่วนแบบเก่า จะเห็นว่ามีขนาดตัวเครื่องโดยรวมที่เล็กกว่าสมาร์ทโฟนหน้าจอ 5.5 นิ้วเสียอีก
พอร์ตเชื่อมต่อเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C รองรับเทคโนโลยี HUAWEI Quick Charge และแถมอะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 18W มาให้ในกล่อง ไม่ต้องซื้อแยกครับ
ภาพรวมในด้านการดีไซน์ ต้องบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ดีไซน์ที่เกินราคาไปไกลพอสมควร ทั้งหน้าจอแบบ HUAWEI FullView 2.0 และวัสดุที่เป็นเฟรมโลหะ + ฝาหลังกระจกแบบไล่เฉดสี อย่างเครื่องรีวิวที่เราได้รับมาเป็นสีน้ำเงิน Klen Blue เมื่อทำการพลิกตัวเครื่องก็จะได้เฉดสีที่แตกต่างไปในแต่ละมุม แต่ถ้าชอบเข้ม ๆ หน่อยก็ต้องเป็นสี Midnight Black หรือถ้าเป็นสายหวานจะแนะนำเป็นสีชมพู Sakura Pink ที่เป็นสีชมพูแทรกด้วยสีม่วงอ่อน ๆ ครับ
Performance/ ประสิทธิภาพ
HUAWEI nova 3e มาพร้อมกับความจุ 128 GB ให้ความจุเยอะกว่าคู่แข่งในช่วงราคาใกล้เคียงกันถึง 2 เท่า เพราะตามปกติสมาร์ทโฟนราคาหมื่นต้น ๆ มักจะมีความจุอยู่ที่ 64 GB ส่วน Ram อยู่ที่ 4 GB ชิปประมวลผล HiSilicon Kirin 659 แบบ octa-core ความเร็ว 2.36 GHz ที่ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปได้เป็นอย่างดี และสเปคที่ให้มาก็เพียงพอสำหรับการเล่นเกมยอดนิยมหลาย ๆ เกม ผมลองทดสอบกับเกม ROV – Arena of Valor, PUBG Mobile, Garena Free Fire และ Cookie Run Overbreak ก็สามารถเล่นได้สบาย ๆ (ขึ้นอยู่กับการปรับตั้งค่า)
สเปค
- หน้าจอ IPS 5.84 นิ้ว FullView Display 19:9 ความละเอียด Full HD+ 2280 x 1080
- ชิปประมวลผล Kirin 659 octa-core 4×2.36GHz + 4×1.7GHz
- ชิปกราฟิค Mali T830-MP2
- RAM 4GB
- ความจุ 128GB
- กล้องหลังคู่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.2 + 2 ล้านพิกเซล + LED แฟลช
- กล้องหน้า ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล f/2.0
- แบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh
- Android 8.0 + EMUI 8.0
- สีดำ Midnight Black, สีน้ำเงิน Klein Blue, สีชมพู Sakura Pink
- ราคาเปิดตัว 10,990 บาท
มาถึงการจัดการพลังงาน มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh จัดเป็นความจุแบตเตอรี่ระดับกลาง ๆ ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป และเมื่อรวมกับสเปคที่ใช้ชิปประมวลผล Kirin 659 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นประหยัดพลังงาน ทำให้การใช้งานนั้นยาวนานหมดวันได้โดยที่ไม่ต้องพก Powerbank
ส่วนการชาร์จไฟรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว HUAWEI Fast Charge ผ่านพอร์ต USB-C และให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 18W เป็นอุปกรณ์เสริมตั้งแต่ในกล่อง ไม่ต้องหาซื้อแยก ระยะเวลาในการชาร์จไฟจนเต็ม 100% อยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยความเร็วในการชาร์จไฟช่วงแรก จากแบตเตอรี่ 0 – 50% จะเร็วมาก และค่อย ๆ ลดกำลังไฟลงเรื่อย ๆ เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เต็ม ตามปกติของอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วเพื่อถนอมแบตเตอรี่
Software/ ซอฟท์แวร์
ระบบปฏิบัติการใช้เป็น EMUI 8.0 ที่มีพื้นฐานบน Android 8.0 Oreo มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจหลายฟีเจอร์ โดยเฉพาะการเปิด – ปิด Notch Screen หรือรอยบากบนหน้าจอ อันนี้ดี เพราะบางคนชอบ บางคนก็บอกว่ามันรบกวนสายตา แต่ใน สามารถทำการถมดำเพื่อปิด Notch Screen ได้เลยครับ
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เป็นการจับภาพหน้าจอแบบใช้ 3 นิ้ว รูดหน้าจอลงมา สะดวกสำหรับสายแคปมาก เมื่อเทียบกับการจับภาพหน้าจอแบบปกติที่ต้องกดปุ่ม Power + ปุ่มลดเสียง
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ด้านระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือบริเวณด้านหลังตัวเครื่องแล้ว ยังมีฟีเจอร์ในการปลดล็อคใบหน้า (Face Unlock) ที่ทำงานได้รวดเร็วมากอีกด้วย เพียงกดเปิดหน้าจอ แล้วมองไปที่ HUAWEI nova 3e ตัวเครื่องก็จะทำการปลดล็อกหน้าจอให้ทันที และมีฟีเจอร์ป้องกันการสแกนใบหน้าในขณะที่เจ้าของเครื่องหลับตาด้วยครับ
ช่องทางการวางจำหน่าย
HUAWEI nova 3e มีราคาอยู่ที่ 10,990 บาท และเปิดให้ Pre-order ตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ จะได้รับของแถมเป็นหูฟังบลูทูธ กับที่ชั่งน้ำหนักอัจฉริยะ มูลค่ารวมของสมนาคุณอยู่ที่ 4,980 บาท วางเงินจองเพียง 500 บาทเท่านั้น ที่หัวเว่ยแบรนด์ช้อป, ร้านค้าที่ร่วมรายการ และร้านค้าออนไลน์
- Lazada (http://clk.im/Get_nova3e)
- Shopee (http://clk.im/nova3e)
วันจำหน่ายจริง HUAWEI nova 3e จะเป็นวันที่ 24 พฤษภาคม ตามร้านค้าที่ได้กล่าวไปแล้ว และยังสามารถไปลองเล่นเครื่องจริง HUAWEI nova 3e ก่อนซื้อได้ในงาน Thailand Mobile Expo 2018 (TME 2018) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ที่บูธ HUAWEI โดยงาน TME 2018 รอบกลางปีจะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 – 27 พฤษภาคมนี้