สำหรับสมาร์ทโฟนที่ได้รับความสนใจ และมีข่าวลือมาเป็นเวลานานกว่าจะได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างจริงจังก็คือตัวของ?HTC One M8?ที่รับหน้าที่สืบทอดความเป็นเรือธงมาจาก HTC One (M7) ที่ออกมาสร้างความประทับใจได้เป็นอย่างดีเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยรูปโฉมที่โดดเด่น ดูพรีเมียมกว่ามือถือตัวท็อปของหลายๆ แบรนด์ในตลาด แถมยังพ่วงมากับฟีเจอร์เสริมที่น่าสนใจอีกหลายจุด ทำให้ HTC One M8 ได้รับความคาดหมายว่าจะออกมาพร้อมการทำงานที่ยอดเยี่ยม ปิดจุดบอดของรุ่นก่อนหน้าให้กลายเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์แบบของปี ซึ่งจากที่ทางเราได้ใช้งานมาระยะหนึ่ง ก็ขอจัดการรีวิว HTC One M8 ให้ได้ชมกันครับ ว่ามันจะเจ๋งขนาดไหน ดีขึ้นจริงมั้ย เอาเป็นว่าเรามาเริ่มจากสเปคกันก่อนเลย
สเปค HTC One M8
- ในรุ่น M8 จะใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 801 (MSM8974AB) Quad-core ความเร็ว 2.3 GHz แต่ถ้ารุ่น M8x จะใช้ MSM8974AC ความเร็ว 2.5 GHz
- แรม 2 GB
- รอมในตัว 16 GB รองรับ MicroSD สูงสุด 128 GB
- หน้าจอ S-LCD ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD 1920 x 1080
- Android 4.4.2 KitKat พร้อม HTC Sense และ HTC BlinkFeed
- กล้องหลังแบบคู่ (Duo Camera) กล้องหลักใช้เทคโนโลยี UltraPixel ความละเอียด 4.1 ล้านพิกเซล กล้องที่สองใช้เก็บข้อมูลความลึกของวัตถุ
- แฟลชกล้องหลังเป็นสองโทนสี (เหมือนกับแฟลช TrueTone ของ iPhone 5s)
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ BSI
- ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดระดับ Full HD
- รองรับ 4G LTE ใช้งาน 3G ได้ทุกเครือข่าย (ใช้งานนาโนซิม)
- มีลำโพงสเตอริโอคู่ด้านหน้า พร้อมเทคโนโลยี HTC BoomSound และแอมป์ในตัว
- แบตเตอรี่ Li-polymer ความจุ 2600 mAh
- น้ำหนัก 160 กรัม
- รองรับ NFC
- สเปค HTC One M8 เต็มๆ
- ราคาในไทย?23,500 บาท
สำหรับเครื่องที่ทางเรารีวิวในครั้งนี้จะเป็น HTC One M8x ที่น่าจะเป็นโมเดลที่ไม่ได้ขายอย่างเป็นทางการนะครับ ซึ่งจะมีจุดที่แตกต่างกันหลักๆ แค่เรื่องชิปประมวลผลเท่านั้น โดยตัวของ M8x จะเป็น Snapdragon 801 โมเดลย่อย MSM8974AC ที่มีความเร็วในการทำงานสูงสุดเหนือกว่า MSM8974AB ใน M8 เล็กน้อย ส่วนรายละเอียดตัวเครื่องอื่นๆ คาดว่าน่าจะไม่แตกต่างกับรุ่นที่จะขายในไทยอย่างเป็นทางการมากนัก ส่วนอุปกรณ์ภายในกล่องที่ให้มาก็จะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานเช่นอะแดปเตอร์ชาร์จไฟ 1.5A, สาย Micro USB, เข็มจิ้มถาดซิมการ์ด, เคสซิลิโคนปิดท้ายด้วยหูฟังแบบ In-ear และจุกยางแถมมาให้ ซึ่งตัวของหูฟังนั้นให้เสียงดีใช้ได้เลย ซาวด์สเตจกว้าง โทนเสียงครบ นับว่าเป็นหูฟังแถมที่โอเคเลยทีเดียว
Design
ด้านของดีไซน์ HTC One M8x ยังคงยกหน้าตาในแบบของ HTC One M7 มาทุกประการ ไล่มาตั้งแต่แถบด้านบนสุดเหนือจอซึ่งเป็นตำแหน่งของลำโพงสนทนา โดยในส่วนนี้จะมีไฟ LED สำหรับแสดงการแจ้งเตือนซ่อนอยู่ในช่องที่ 7 แถวที่ 2 ของช่องลำโพงสนทนานับจากด้านขวาเข้ามา (เสียดายน่าจะไว้ตรงช่อง 8 ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่ง gimmick ย่อยๆ ของเครื่องได้) โดยจะมีไฟแค่สองสีเท่านั้นคือไฟสีเขียวเมื่อมีการแจ้งเตือน และไฟสีส้มที่จะแสดงขณะกำลังชาร์จไฟอยู่ ถัดมาทางขวาก็เป็นแถบของเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างเพื่อระบบปรับแสงอัตโนมัติของหน้าจอ พร้อมกับเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง ด้านของระบบการปรับแสงสว่างหน้าจอสามารถทำได้ดี ปรับได้ไหลลื่น ไม่มีการข้ามระดับให้แสบตา
ปิดท้ายด้วยกล้องหน้า ซึ่งกล้องหน้าของ HTC One M8 จัดว่าให้มาจุใจทีเดียวกับความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ BSI ที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพในที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้น เลนส์มุมกว้างที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพได้มากขึ้น กว้างขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเท่าที่ผมใช้มาขอบอกเลยว่าเห็นผลจริงๆ กับการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า โดยเฉพาะแบบ selfie ที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะกล้อง HTC One M8 สามารถเก็บเพื่อนๆ ผมมาอยู่ในภาพถ่ายได้มากกว่าใน Nexus 5 ที่ใช้ประจำเยอะมาก รับรองว่าใช้ถ่าย selfie เพื่อสนุกกับเพื่อนๆ ได้ถึงใจแน่นอนกับเลนส์มุมกว้างของกล้องหน้าใน HTC One M8?นอกจากเลนส์มุมกว้างแล้ว กล้องหน้าเองก็ยังสามารถถ่ายภาพในโหมด HDR ถ่ายวิดีโอระดับ Full HD 1080p ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่กล้องหน้าสามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะถ่ายภาพ selfie หรือจะถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง
ส่วนด้านล่างของจอ ก็ยังคงดีไซน์เดิมไว้นั่นคือแถบคำว่า HTC แต่คราวนี้มันไม่มีปุ่มกดใดๆ ซ่อนอยู่อีกแล้ว เนื่องจากเปลี่ยนไปใช้ปุ่มแบบซอฟต์แวร์ของ Android แทน ส่วนช่องด้านล่างก็จะมีรวมกันอยู่ทั้งลำโพงตัวที่สองและไมค์สนทนา ซึ่งการที่มีลำโพงติดตั้งมาให้ด้านหน้าสองตัว ทำให้เสียงที่ออกมาเป็นระบบสเตอริโอ และบวกกับเทคโนโลยี HTC BoomSound ที่มีแอมป์ขับติดตั้งมาในตัวอีก จึงเป็นที่คาดได้ว่าเสียงจากลำโพงของ HTC One M8 น่าจะดังกระหึ่มสะใจแน่นอน
แต่อันที่จริงแล้ว ผลคือเสียงออกมาก็ดังดีนะครับ สามารถฟังในห้องได้แบบสบาย เผลอๆ จะดังกว่าลำโพงโน้ตบุ๊กด้วยซ้ำ คุณภาพเสียงจัดว่าโอเค เสียงร้องเด่นชัด เสียงเบสพอมีให้ได้ยิน เรื่องมิติของเสียง อันนี้ยอมรับว่าดีจริง เนื่องด้วยเป็นลำโพงในระบบสเตอริโอ ?ส่วนการฟังเพลงผ่านหูฟังนั้น ส่วนตัวผมว่า HTC One M8 ทำได้ไม่ค่อยดีนักครับ โดยเฉพาะกับแอพฟังเพลงที่ติดมาในเครื่องซึ่งมีทั้งแอพของ HTC เองและแอพ Play Music ที่เป็นของ Google เอง เนื่องจากแต่เดิมมันก็ไม่มีตัวช่วยปรับเสียง (Equalizer) อยู่แล้ว ยิ่งใน HTC One M8 ที่ไม่มีระบบเสียง Beats Audio แล้วด้วย ทำให้เรื่องของการปรับแต่งคุณภาพเสียงไม่ได้เป็นจุดเด่นของ HTC อีกต่อไป ในเมนูการตั้งค่าก็มีเพียงแค่ให้เลือกเปิด/ปิด BoomSound เท่านั้น เรื่องของคุณภาพเสียงที่ฟังผ่านหูฟัง ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเสียงจะแห้งๆ ไม่ค่อยมีน้ำมีนวลมากนัก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับมือถือ Android ทั่วไปที่ไม่ได้มีจุดเด่นด้านระบบเสียง ทางที่ดีคืออาจจะต้องหาแอพฟังเพลงที่สามารถปรับ Equalizer ได้มาใช้งานก็จะช่วยได้มากทีเดียว?ส่วนไมค์สนทนาก็สามารถจับเสียงได้ดี คุยแล้วอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน หายห่วง
หน้าจอของ HTC One M8 ให้สีสันที่สดใส แต่ไม่แสบตาจนเกินไป สามารถใช้งานได้แบบสบายตา ส่วนที่เป็นสีดำก็ดำค่อนข้างสนิท แต่จะยังไม่ถึงขั้นของพวก Nokia Lumia รุ่นสูงๆ ที่ให้สีดำจมลึกกว่า มุมมองของจอกว้าง สมกับเป็นจอของมือถือรุ่นท็อป ความสว่างก็จัดว่าโอเคดีครับ ใช้งานกลางแจ้งไหวอยู่
ถ้าใครที่เคยจับหรือใช้งาน HTC One M7 รุ่นแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ก็จะพอทราบถึงสัมผัสแรกที่มือแตะเข้ากับฝาหลังได้เลยว่ามันเป็นอย่างไร ใน HTC One M8 ก็ยังคงเหมือนเดิม กับสัมผัสแรกที่ให้ความรู้สึกประทับใจ ทั้งในด้านของความแข็งแรง ความเรียบเนียนของผิวอะลูมิเนียมที่ผ่านการอะโนไดซ์ขึ้นรูปแบบยูนิบอดี้มาเป็นอย่างดี งานประกอบที่ลงตัวในทุกส่วนสัด ทำให้ HTC One M8 น่าจะติดอันดับสุดยอดสมาร์ทโฟนที่ดูดีที่สุดของปี ?2014 ได้อย่างสบายๆ ส่วนตัวผมเองเอาไปลองให้เพื่อนจับเครื่องเป็นครั้งแรกกันหลายๆ คน ก็ได้ความเห็นตรงกันว่าผิวสัมผัส งานประกอบดีมากๆ สมราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูง โดยเครื่องที่ทางเราใช้ในการรีวิวครั้งนี้ เป็นเครื่องสีเงินเข้ม ซึ่งเป็นหนึ่งในสีใหม่ของ HTC One M8 ส่วนอีกสองสีที่ได้รับการเปิดตัวพร้อมๆ กันก็คือสีเงินปกติ (แบบเดียวกับใน HTC One รุ่นแรก) และสีทอง
ด้านหลังของตัวเครื่อง ไล่จากบนสุดก็จะเป็นกล้องรองที่ใช้บันทึกความลึกของวัตถุในเฟรม ซึ่งกล้องตัวนี้จะทำงานแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการทำงานอิสระได้ ถัดลงมาก็คือกล้องหลักของเครื่อง ความละเอียด 4.1 ล้านพิกเซล มาพร้อมเทคโนโลยี UltraPixel เช่นเดิม ข้อดีของมันก็คือให้ภาพคมชัดในระดับที่สามารถใช้ทั่วไปได้ เหมาะกับการใช้แชร์ขึ้น Facebook หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ เนื่องจากไฟล์ภาพมีขนาดไม่ใหญ่มาก ตัวโมดูลกล้องจะอยู่ลึกลงไปจากแนวของฝาหลังเล็กน้อย (ฝาหลังโดยรวมจะเป็นแบบโค้งนูนขึ้นมาตรงกลาง) ใกล้ๆ กันนั้นเป็นแฟลช LED ซึ่งจะมีด้วยกันสองดวง ให้โทนสีที่แตกต่างกัน ลักษณะหน้าตา ต้องขอบอกว่ามันก็เป็นแบบเดียวกับแฟลช TrueTone ของ iPhone 5s เลยก็ว่าได้ แต่เรื่องของหลักการทำงาน ในจุดนี้ทาง HTC ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลไว้มากนัก ส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วมีสัญลักษณ์เหมือนคลื่นกระจายอยู่นั้น คือจุดที่สกรีนเอาไว้เผื่อบอกตำแหน่งของแผงวงจร NFC ภายในตัว HTC One M8 ว่าอยู่ตรงบริเวณนี้ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากให้มีโลโก้นี้อยู่ คงต้องใช้การขูดออกสถานเดียวนะ
ตัวเครื่องด้านข้างของ HTC One M8 ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งมน รับกับมือเวลาจับถือได้เป็นอย่างดี ไม่มีขอบคมให้รู้สึกบาดมือเหมือนกับใน iPhone 5s ที่มีการตัดขอบค่อนข้างคมไปนิด สอดคล้องกับตัวเครื่องที่มีขนาดพอดีๆ กับการใช้งาน ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมือ จะมีก็แต่เรื่องน้ำหนักที่มากไปนิด ทำให้เวลาใช้งานไปนานๆ ก็รู้สึกเมื่อยมืออยู่เหมือนกัน เทียบกับ Nexus 5 ที่จอขนาด 4.95″ แล้ว Nexus 5 เบากว่ามากๆ
ด้านของพอร์ตเชื่อมต่อและปุ่มต่างๆ จะถูกจัดวางไว้อยู่ด้านข้างทั้งหมด ด้านบนสุดจะมีปุ่ม Power อยู่ทางฝั่งขวาของจอ (หันจอเข้าหาผู้ใช้) สำหรับส่วนตัวผมมองว่ามันกดค่อนข้างลำบากสำหรับคนถือเครื่องด้วยมือขวานะ เพราะต้องถ่างนิ้วชี้ออกมาค่อนข้างมากเพื่อจะปลดล็อกหน้าจอ แต่…มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ HTC One M8 ครับ เพราะตัวเครื่องมีฟังก์ชันเคาะหน้าจอเพื่อเปิดจอได้ด้วย ซึ่งจะขอเอาไว้อธิบายในส่วนของ Features แล้วกันนะ ต่อมาด้านขวาก็เป็นช่องของถาดใส่ MicroSD ที่ต้องใช้เข็มจิ้มซึ่งแถมให้มาในกล่องเพื่อกดให้ถาดเด้งออกมา ใกล้ๆ กันนั้นเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ส่วนด้านซ้ายของเครื่องก็จะมีแค่ถาดใส่นาโนซิมเท่านั้น (ต้องใช้เข็มจิ้มเช่นเคย) ปิดท้ายด้วยด้านล่างที่มีช่อง Micro USB และช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งอยู่ โดยภาพตัวเครื่องทั้งหมด สามารถรับชมได้จาก gallery ภาพด้านล่างของส่วนดีไซน์นี้
Feature
ฟีเจอร์แรกที่น่าสนใจก็คือเหล่า Motion Launch gestures ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานเครื่องได้ง่ายดายเพียงแค่เคาะหน้าจอติดๆ กันสองครั้งเท่านั้นก็จะสามารถเปิดหน้าจอได้ทันที ส่วนใครที่ตั้งรหัสผ่านไว้ ก็จะเข้าสู่หน้าจอการกดรหัสผ่านได้เลย ลดการใช้งานปุ่ม Power ลงไปได้มากทีเดียว เวลาใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่ค่อยมีปัญหาเครื่องปลดล็อคหน้าจอเองมากนัก ส่วน gesture รูปแบบอื่นๆ ก็มีเช่น
- ปาดหน้าจอจากซ้ายไปขวา: เปิดใช้งาน HTC BlinkFeed
- ปาดหน้าจอจากขวาไปซ้าย: เปิดไปหน้าวิดเจ็ตที่เปิดใช้งานไว้
- ปาดหน้าจอจากบนลงล่าง: เปิดหน้าจอและเริ่มใช้งานการสั่งโทรออกด้วยเสียง
- ปาดหน้าจอจากล่างขึ้นบน: ปลดล็อคหน้าจอ
ซึ่งอันที่จริงฟีเจอร์ Motion Launch บางตัวก็น่าใช้งานดี แต่บางตัวผมว่าน่าจะทำให้รำคาญบ้างเหมือนกัน ถ้าถามว่าปิดได้มั้ย ส่วนนี้สามารถปิดได้ครับ?แต่จะเป็นการปิดการใช้งาน Motion Launch ทั้งหมดไปเลย?ไม่สามารถเลือกปิดเป็นบางอันได้ แถมไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าของ gesture แต่ละแบบได้ด้วย นับว่าน่าเสียดาย ถ้าสามารถเลือกปิด เลือกปรับแต่งเป็นบางอันได้จะยอดเยี่ยมมาก เพราะส่วนตัวผมคงใช้แค่แตะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดจอเท่านั้นเอง
หนึ่งในซอฟต์แวร์ที่เป็นตัวชูโรงของ HTC มาตั้งแต่ HTC One รุ่นแรกก็คือ HTC BlinkFeed ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามข่าวที่สนใจได้ตลอดเวลาเพียงแค่ปาดหน้าจอจากซ้ายไปขวาเท่านั้น โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะรับข่าวจากแหล่งใดบ้างไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ข่าวทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงยังสามารถเลือกรับฟีดจากโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เราเชื่อมต่อเอาไว้ได้ด้วย เช่น Facebook, Twitter, Instagram เป็นต้น ทำให้สามารถติดตามข่าวสารของเพื่อนๆ ได้ในแอพเดียว ไม่จำเป็นต้องเปิดหลายๆ แอพให้วุ่นวาย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบติดตามอ่านข่าว เพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์ ทั้งนี้เราสามารถตั้งค่าให้ระบบดึงข่าวมาเฉพาะตอนที่เชื่อมต่อ Wi-Fi เท่านั้นก็ได้ รวมถึงสามารถตั้งค่าให้เก็บข่าวเอาไว้อ่านแบบออฟไลน์ได้ด้วย
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ติดตั้งมาใน HTC One M8 และน่าสนใจก็ตัวอย่างเช่น HTC TV ที่สามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมทีวีได้ โดยนอกเหนือจากจะเป็นรีโมทสั่งงานแล้ว ตัวแอพยังฉลาดกว่านั้น คือมันสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมรายการทีวีมาแสดงข้อมูลให้เราเลือกดูได้ด้วย ว่าช่องไหนมีรายการอะไรอยู่บ้าง รายละเอียดคร่าวๆ ของแต่ละรายการเป็นอย่างไร โดยสำหรับของประเทศไทยในขณะนี้ก็จะมีข้อมูลแค่ของทรูเท่านั้น คงต้องใช้เวลาอีกซักพักจึงจะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ต้องขึ้นกับทางผู้ให้บริการในบ้านเราด้วยว่าจะสนับสนุนด้านข้อมูลขนาดไหน ส่วนการแพร์เพื่อใช้งานร่วมกับทีวีก็ทำได้ง่าย เพราะในตัวแอพจะมีฐานข้อมูลยี่ห้อทีวีให้เลือกดาวน์โหลดข้อมูลรีโมทมาได้มากมาย พอเลือกได้แล้วก็ให้จัดการกดคำสั่งต่างๆ เพื่อทดสอบรหัสสัญญาณว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ ใช้เวลาในการจับคู่รีโมทร่วมกับทีวี/set top box ซักพักก็สามารถใช้งานแทนรีโมทเดิมๆ ได้เกือบ 100% แล้ว
อันต่อมาที่น่าสนใจก็คือแอพ Fitbit ที่ตามปกติแล้วจะต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Fitbit เพื่อใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนไหว การออกกำลังกายของผู้ใช้งาน แต่ใน HTC One M8 นี้ แอพ Fitbit สามารถทำงานได้จากเซ็นเซอร์ในตัวเครื่องเลย แต่อาจจะกินแบตเตอรี่กว่าปกติซักหน่อยเนื่องจากไม่ได้มีชิปประมวลผลเฉพาะในด้านนี้
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหมัดเด็ดของ HTC One M8 เลยก็คือ Extreme power saving mode ที่จะปรับโหมดการทำงาน การใช้พลังงานของเครื่องให้อยู่ในสถานะต่ำสุดเท่าที่พอจะใช้งานได้ โดยจะมีการปรับในส่วนต่างๆ เช่น ลดการทำงานของ CPU ลง, ปรับความสว่างหน้าจอให้อยู่ในระดับต่ำสุดแต่ยังใช้งานได้, ปิดระบบสั่น, ปิดการเชื่อมต่อข้อมูลเมื่อปิดหน้าจอ, อนุญาตให้รันแอพได้จำกัดมากๆ (ตามในภาพขวาบน ไม่สามารถเพิ่มแอพอื่นเข้าไปได้) รวมไปถึงยังปิดการทำงานของเซ็นเซอร์นับก้าวเดิน (pedometer) ที่อยู่ในตัวด้วย โดยในการใช้งานจริงนั้น เราจะสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ก็เฉพาะการใช้งานอีเมลเท่านั้น ถ้าอยากจะใช้งานเว็บเบราเซอร์จะไม่สามารถเข้าถึงได้ตรงๆ นะครับ ต้องใช้การเปิดลิ้งค์จากในอีเมลเพื่อเข้าเว็บเบราเซอร์ จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยน URL ไปเป็นเว็บไซต์ที่เราต้องการแทน จึงจะสามารถใช้งานได้ ลักษณะการทำงานของ Extreme power saving mode ก็จะใกล้เคียงกับใน Samsung Galaxy S5 เลย แต่ในด้านของการใช้งานโดยรวม Galaxy S5 จะทำได้หลากหลายกว่ามาก เพราะสามารถใช้งานแอพหลายๆ ตัวได้อยู่ เช่น Facebook หรือจะแชทไลน์กันก็ยังได้ (แต่เป็นภาพขาว/ดำ)
Software
ระบบปฏิบัติการของ HTC One M8 ใช้เป็น Android 4.4.2 KitKat ที่มี Sense 6.0 ครอบมาอีกทีหนึ่งตามสไตล์ของ HTC ภาพรวมของอินเตอร์เฟสต่างๆ ถูกปรับให้ดู flat (แบน) ลงตามที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ทำให้หน้าตาดูทันสมัย แต่บางจุดก็สังเกตได้ยากเหมือนกันว่ามันเป็นปุ่มให้กดได้หรือเปล่า เนื่องจากการใช้แสงเงาแสดงความตื้นลึกมีน้อยลงกว่าเดิม การทำงานโดยรวมไหลลื่นดีมาก ด้วยพลังของทั้งฮาร์ดแวร์ที่แรง และซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับแต่งมาได้ดีในระดับหนึ่ง คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาก็เป็นของ HTC เองซึ่งสามารถตั้งค่าให้ใช้งานแบบปาดนิ้วบนปุ่มเพื่อสร้างคำได้ (swipe) แต่ฟีเจอร์นี้ไม่รองรับภาษาไทยนะ การใช้งานคีย์บอร์ดทำได้โอเค อาจจะมีพิมพ์ผิดบ้างในช่วงแรกๆ เพราะหน้าตาของปุ่มมันดูติดกันเป็นแถวทั้งหมด ไม่มีช่องว่างระหว่างปุ่มเหมือนกับคีย์บอร์ดของ Google
สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวของ HTC One M8 จะมีมาให้ 16 GB เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 9.5 GB ด้วยกัน ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการลงแอพ ลงเกมได้จุใจ แต่สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ฟังเพลง แนะนำว่าคงต้องหา MicroSD มาใช้งานด้วย จะดีที่สุด เพราะคุณอาจจะถ่ายรูปเพลินจนอยู่ดีๆ หน่วยความจำเต็มไปเลยก็ได้ เพราะโหมดการถ่ายและแต่งรูปของ HTC One M8 มีมาให้ใช้งานกันมากมายเลยทีเดียว และนอกจากจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวมาให้แล้ว HTC One M8 ก็ยังมาพร้อมข้อเสนอพิเศษคือการแถมพื้นที่เก็บข้อมูล Google Drive รวมกันแล้วสูงสุดกว่า 65 GB ให้ใช้งานฟรีๆ อีก 2 ปีเต็มอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสำรองข้อมูล สำรองรูปภาพขึ้นระบบออนไลน์มากๆ
ถึงแบตจะเยอะ แต่ก็คงต้องพกแบตสำรองอยู่ดี
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ HTC ปรับปรุงมาจาก HTC One รุ่นแรกมาพอสมควร จากที่เคยมีปัญหาแบตเตอรี่หมดไวมาก่อน พอมาใน HTC One M8 ที่มีทั้งแบตเตอรี่ความจุสูงขึ้นและการปรับแต่งด้านซอฟต์แวร์ ผลออกมาก็คือ?แบตยังหมดเร็วและไหลเป็นน้ำอยู่เช่นเคย?แต่จะเป็นเฉพาะตอนที่ใช้งานเครื่องจริงๆ อยู่เท่านั้น ถ้าเป็นตอนสแตนด์บายเครื่องไว้เฉยๆ ถึงแม้จะต่อ 3G ด้วยก็ตาม กลับกินแบตเตอรี่น้อยมากๆ สรุปคือถ้าใช้งานเครื่องแบบจริงจัง ต่อ 3G เล่นเน็ต เล่นแอพ ถ่ายรูป รับรองว่าอยู่ได้ไม่ถึงวัน เผลอๆ ครึ่งวันยังน่าจะเหนื่อยเลย แต่ถ้าสแตนด์บายไว้เฉยๆ รับรองว่าสองสามวันยังเหลือเฟือ
Camera
ฮาร์ดแวร์กล้องของ HTC One M8 ยังคงเลือกใช้งานตามเทคโนโลยี UltraPixel อยู่ นั่นคือการเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพที่มีขนาดเม็ดพิกเซลใหญ่กว่าในกล้องมือถือทั่วไปบนแผ่นเซ็นเซอร์ขนาดเท่าเดิม ทำให้สามารถเก็บรายละเอียด เก็บแสงสว่างของภาพได้ดี แต่ก็แลกมาด้วยขนาดของภาพที่จะมีความละเอียดสูงสุด 4.1 ล้านพิกเซล ที่ทาง HTC บอกว่ามีคุณภาพไม่แพ้กล้องมือถือรุ่นอื่นที่มีความละเอียดสูงๆ เลย แต่จากที่ผ่านมาใน HTC One รุ่นแรก ต้องขอบอกว่าน่าผิดหวังไปพอสมควรครับ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยซึ่งมักจะมีแฟลร์เกิดขึ้นในภาพ รวมถึงรายละเอียดของวัตถุก็ดูไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ในเรื่องของการเก็บแสงสว่างต้องบอกว่าทำได้ดีจริง
พอมาใน HTC One M8 เครื่องนี้ ทำให้เป็นที่คาดหวังกันมากว่า HTC จะพัฒนากล้อง UltraPixel ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งในส่วนของความละเอียดภาพ และคุณภาพของรูปถ่าย ซึ่งจากที่เรารีวิว HTC One M8 มา ส่วนที่เห็นความแตกต่างชัดเจนก็คือการถ่ายภาพที่เร็ว โฟกัสได้เร็วขึ้น กดแล้วเก็บภาพได้ทันที ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายนั้น ถ้าเป็นภาพที่ถ่ายในที่มีแสง ถ่ายในเวลากลางวัน อันนี้หายห่วงได้เลย กล้อง UltraPixel สามารถทำหน้าที่ได้ดี จะอัพรูปขึ้น Facebook, Instagram ก็ทำได้รวดเร็ว เพราะภาพมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก สำหรับภาพถ่ายในเวลากลางคืน ส่วนตัวผมว่าก็โอเคนะ ทำได้ค่อนข้างดี สามารถเก็บแสงภายนอกมาได้ ทำให้ภาพดูสว่างขึ้น แต่เรื่องรายละเอียดของภาพก็จะหายไปมาก เพราะระบบประมวลผลจะทำการตัดและเกลี่ย noise ในภาพลง ภาพจึงดูเนียนตา ทำให้เหมือนไม่มี noise ซึ่งตามปกติจะเกิดอยู่แล้วเมื่อถ่ายภาพในบริเวณที่มีแสงน้อย ทั้งนี้สามารถดูตัวอย่างภาพถ่ายได้จากท้ายรีวิวครับ
อีกจุดที่ได้รับการปรับปรุงและเพิ่มเติมใน HTC One M8 ก็คือส่วนของอินเตอร์เฟสและฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ แรกเริ่มที่จะกล่าวถึงก็คือส่วนของการเลือกโหมดถ่ายภาพ ที่จะมีด้วยกัน 6 โหมดหลักดังในภาพด้านขวานี้ สำหรับโหมดที่น่าสนใจก็เช่น Pan 360 ซึ่งใช้สำหรับถ่ายภาพรอบตัวแบบเดียวกับโหมด Photosphere ของตัว Android มาตรฐาน ทั้งยังใช้ถ่ายภาพพาโนรามาได้ในตัวด้วย, โหมด Dual capture ใช้สำหรับถ่ายภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน โดยจะนำภาพที่ได้จากกล้องหน้าไปแปะไว้บนภาพที่ได้จากกล้องหลัง เช่นเดียวกับที่มีในมือถือหลายๆ รุ่น, โหมด Selfie เป็นโหมดที่ใช้สำหรับถ่ายภาพจากกล้องหน้าโดยเฉพาะ เรียกว่า HTC ให้ความสำคัญกับการถ่ายรูปด้วยกล้องหน้ามากทีเดียวครับ ถึงขั้นทำโหมดแยกจากโหมดถ่ายภาพปกติให้เลย จากที่ใน Android ปกติจะเป็นการใช้โหมดถ่ายภาพธรรมดา แล้วเปลี่ยนเป็นกล้องหน้าซะส่วนอีกโหมดที่น่าสนใจก็คือ Zoe camera ที่ได้รับการเปิดตัวมาตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งเป็นโหมดในการถ่ายภาพรัว 20 ภาพเผื่อเลือกภาพที่ต้องการ แต่ถ้ากดค้างก็จะเป็นการถ่ายวิดีโอสั้นๆ แปะหน้าเซ็ตภาพนั้นๆ เอาไว้ด้วย
ส่วนที่จัดว่าเป็นไฮไลท์จริงๆ ของ HTC One M8 ก็คือเหล่าทูลปรับแต่งภาพครับ ซึ่งสามารถเข้ามาปรับแต่งภาพได้จากใน Gallery แล้วเลือก Edit ที่แต่ละภาพได้เลย สำหรับทูลที่เจ๋งและเป็นลูกเล่นเด่นเลยก็คือ UFocus ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกจุดโฟกัสของภาพที่ถ่ายมาแล้วได้ ซึ่งรูปที่จะนำมาใช้งานฟีเจอร์ UFocus ได้นั้นจะต้องเป็นรูปที่ถ่ายจากกล้องหลัง+กล้องเก็บระยะความลึก (Duo camera) เท่านั้น และจะต้องเป็นภาพที่ถ่ายในระยะปกติ ไม่มีการซูมตอนถ่าย ไม่ใช่ภาพที่ถ่ายในลักษณะโคลสอัพ เป็นภาพที่ถ่ายในสภาพแสงที่พอดีๆ ไม่มืดเกินไปด้วย จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้ เพราะกล้องรองจำเป็นจะต้องเก็บระยะชัดลึกในเฟรม ซึ่งต้องอาศัยแสงสว่างมากพอสมควร จึงจะสามารถเก็บรายละเอียดระยะวัตถุได้
ตัวอย่างด้านบนนี้เป็นการลองเลือกจุดโฟกัสด้วยฟีเจอร์ UFocus โดยภาพด้านบนสุดคือภาพต้นฉบับ จากนั้นเอามาใช้งาน Ufocus เลือกตำแหน่งโฟกัสที่แตกต่างกัน 2 ภาพ ซึ่งทั้งสองจุดที่เลือกมีระยะความห่างจากกล้องที่แตกต่างกัน ภาพที่ได้ออกมาก็จัดว่าดูโอเคดีทีเดียว แต่ถ้าหากภาพต้นฉบับเป็นภาพที่ไม่มีระยะห่างของวัตถุจากตัวกล้องที่แตกต่างกันแบบชัดเจน ผลของภาพที่ได้จาก UFocus ก็อาจจะไม่ค่อยสวยมากนัก
อีกฟีเจอร์แต่งรูปที่สาวๆ น่าจะสนใจก็คือ Face contour ที่ใช้สำหรับปรับหน้าเรียวได้ตามใจชอบ ผลเป็นอย่างไร ลองชมจากภาพด้านบนได้เลยจ้า
Performance
ด้านการทดสอบประสิทธิภาพ HTC One M8 สามารถทำคะแนนในการทดสอบได้เป็นอย่างดีทั้งในส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU และ GPU เนื่องด้วยชิปประมวลผลที่เลือกใช้คือชิประดับท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 801 โดยสำหรับเครื่องที่ขายในไทยจะเป็นรุ่น MSM8974AB ที่มีความเร็วสูงสุด 2.3 GHz ส่วนในเครื่องที่เรารีวิวครั้งนี้เป็นเครื่องจากไต้หวันที่ใช้ชิปโมเดล MSM8974AC มีความเร็วสูงสุดเป็น 2.5 GHz ส่วนชิปกราฟิกจะใช้งานเป็น Adreno 330 เหมือนๆ กัน ผลที่ได้ออกมาก็สมกับเป็นเครื่องระดับท็อปเลย สามารถเล่นเกมหนักๆ ใช้งานแอพได้อย่างสบาย ด้านการใช้งานทั่วไปก็จัดว่าไหลลื่น การปิด/เปิดแอพทำได้เร็วทันใจ ให้อารมณ์แทบไม่แตกต่างกับ Nexus 5 ที่เป็น Pure Google เลยทีเดียว
Overall
สำหรับ HTC One M8 เครื่องนี้ ถ้าให้เทียบกับ HTC One รุ่นแรกของปีที่แล้ว ก็ต้องจัดว่าเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงขึ้นมาในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเครื่อง หน้าจอ สเปค กล้องถ่ายรูป รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ใช้งานได้ดี ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็จัดว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง ไม่ได้เพิ่มมาแบบเยอะแยะจนเลือกใช้งานไม่ถูก เชื่อว่าแฟนๆ HTC น่าจะชอบในตัว HTC One M8 แน่นอน และเผลอๆ ใครที่ได้ลองจับตัวเครื่องจริง อาจจะมีอยากคว้าติดมือกันไปบ้างเลยก็มี
ถ้าให้เทียบกับคู่แข่งในตลาดขณะนี้ ก็คงหนีไม่พ้นกับการต้องมาเทียบกับ Samsung Galaxy S5 ที่เริ่มวางจำหน่ายในช่วงใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าเทียบกันในแง่ของฟีเจอร์แล้ว ต้องบอกว่า Galaxy S5 ชนะขนาดจริงๆ ในหลายจุด เช่นส่วนของเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ รวมไปถึงโหมดประหยัดพลังงานของ Galaxy S5 ที่ทำออกมาได้ยืดหยุ่นกว่า แต่ถ้าพูดในแง่ของตัวเครื่อง ความรู้สึกในการใช้งาน รวมไปถึงความรู้สึกในแง่ของความพรีเมียม จุดนี้ HTC One M8 เหนือกว่า Galaxy S5 อยู่มาก เรียกว่าตัวเครื่องดูสมราคาจริงๆ สมกับเป็นเครื่องราคา 20,000 อัพ
ข้อดี
- ตัวเครื่องและงานประกอบดีมาก สมราคา
- ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมา แม้จะไม่เยอะ แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง
- สเปคแรง ใช้งานลื่น อินเตอร์เฟสได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
- ระบบกล้องคู่ (Duo Camera) ช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับภาพถ่ายได้ในระดับหนึ่ง
- เป็นมือถือรุ่นท็อปที่ให้กล้องหน้ามาถึง 5 ล้านพิกเซล
- ลำโพงในระบบเสียง BoomSound ให้เสียงที่ดัง สะใจ
ข้อสังเกต
- กล้อง Ultrapixel (กล้องหลัง) ยังให้คุณภาพของรูปถ่ายไม่ได้อย่างที่คาดไว้ แม้จะได้รับการอัพเกรดขึ้นมาแล้วก็ตาม
- แบตเตอรี่ก็ยังหมดเร็วเช่นเดิม โดยเฉพาะขณะกำลังใช้งาน
Gallery
Design
ด้านของดีไซน์ HTC One M8x ยังคงยกหน้าตาในแบบของ HTC One M7 มาทุกประการ ไล่มาตั้งแต่แถบด้านบนสุดเหนือจอซึ่งเป็นตำแหน่งของลำโพงสนทนา โดยในส่วนนี้จะมีไฟ LED สำหรับแสดงการแจ้งเตือนซ่อนอยู่ในช่องที่ 7 แถวที่ 2 ของช่องลำโพงสนทนานับจากด้านขวาเข้ามา (เสียดายน่าจะไว้ตรงช่อง 8 ที่น่าจะเป็นอีกหนึ่ง gimmick ย่อยๆ ของเครื่องได้) โดยจะมีไฟแค่สองสีเท่านั้นคือไฟสีเขียวเมื่อมีการแจ้งเตือน และไฟสีส้มที่จะแสดงขณะกำลังชาร์จไฟอยู่ ถัดมาทางขวาก็เป็นแถบของเซ็นเซอร์วัดแสงสว่างเพื่อระบบปรับแสงอัตโนมัติของหน้าจอ พร้อมกับเซ็นเซอร์วัดระยะห่าง ด้านของระบบการปรับแสงสว่างหน้าจอสามารถทำได้ดี ปรับได้ไหลลื่น ไม่มีการข้ามระดับให้แสบตา
ปิดท้ายด้วยกล้องหน้า ซึ่งกล้องหน้าของ HTC One M8 จัดว่าให้มาจุใจทีเดียวกับความละเอียดระดับ 5 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์แบบ BSI ที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพในที่มีแสงน้อยได้ดีขึ้น เลนส์มุมกว้างที่ช่วยให้สามารถเก็บภาพได้มากขึ้น กว้างขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเท่าที่ผมใช้มาขอบอกเลยว่าเห็นผลจริงๆ กับการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้า โดยเฉพาะแบบ selfie ที่กำลังเป็นที่นิยม เพราะกล้อง HTC One M8 สามารถเก็บเพื่อนๆ ผมมาอยู่ในภาพถ่ายได้มากกว่าใน Nexus 5 ที่ใช้ประจำเยอะมาก รับรองว่าใช้ถ่าย selfie เพื่อสนุกกับเพื่อนๆ ได้ถึงใจแน่นอนกับเลนส์มุมกว้างของกล้องหน้าใน HTC One M8?นอกจากเลนส์มุมกว้างแล้ว กล้องหน้าเองก็ยังสามารถถ่ายภาพในโหมด HDR ถ่ายวิดีโอระดับ Full HD 1080p ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นมือถืออีกหนึ่งรุ่นที่กล้องหน้าสามารถใช้งานได้จริง ไม่ว่าจะถ่ายภาพ selfie หรือจะถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง
ส่วนด้านล่างของจอ ก็ยังคงดีไซน์เดิมไว้นั่นคือแถบคำว่า HTC แต่คราวนี้มันไม่มีปุ่มกดใดๆ ซ่อนอยู่อีกแล้ว เนื่องจากเปลี่ยนไปใช้ปุ่มแบบซอฟต์แวร์ของ Android แทน ส่วนช่องด้านล่างก็จะมีรวมกันอยู่ทั้งลำโพงตัวที่สองและไมค์สนทนา ซึ่งการที่มีลำโพงติดตั้งมาให้ด้านหน้าสองตัว ทำให้เสียงที่ออกมาเป็นระบบสเตอริโอ และบวกกับเทคโนโลยี HTC BoomSound ที่มีแอมป์ขับติดตั้งมาในตัวอีก จึงเป็นที่คาดได้ว่าเสียงจากลำโพงของ HTC One M8 น่าจะดังกระหึ่มสะใจแน่นอน
แต่อันที่จริงแล้ว ผลคือเสียงออกมาก็ดังดีนะครับ สามารถฟังในห้องได้แบบสบาย เผลอๆ จะดังกว่าลำโพงโน้ตบุ๊กด้วยซ้ำ คุณภาพเสียงจัดว่าโอเค เสียงร้องเด่นชัด เสียงเบสพอมีให้ได้ยิน เรื่องมิติของเสียง อันนี้ยอมรับว่าดีจริง เนื่องด้วยเป็นลำโพงในระบบสเตอริโอ ?ส่วนการฟังเพลงผ่านหูฟังนั้น ส่วนตัวผมว่า HTC One M8 ทำได้ไม่ค่อยดีนักครับ โดยเฉพาะกับแอพฟังเพลงที่ติดมาในเครื่องซึ่งมีทั้งแอพของ HTC เองและแอพ Play Music ที่เป็นของ Google เอง เนื่องจากแต่เดิมมันก็ไม่มีตัวช่วยปรับเสียง (Equalizer) อยู่แล้ว ยิ่งใน HTC One M8 ที่ไม่มีระบบเสียง Beats Audio แล้วด้วย ทำให้เรื่องของการปรับแต่งคุณภาพเสียงไม่ได้เป็นจุดเด่นของ HTC อีกต่อไป ในเมนูการตั้งค่าก็มีเพียงแค่ให้เลือกเปิด/ปิด BoomSound เท่านั้น เรื่องของคุณภาพเสียงที่ฟังผ่านหูฟัง ส่วนตัวผมรู้สึกว่าเสียงจะแห้งๆ ไม่ค่อยมีน้ำมีนวลมากนัก แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับมือถือ Android ทั่วไปที่ไม่ได้มีจุดเด่นด้านระบบเสียง ทางที่ดีคืออาจจะต้องหาแอพฟังเพลงที่สามารถปรับ Equalizer ได้มาใช้งานก็จะช่วยได้มากทีเดียว?ส่วนไมค์สนทนาก็สามารถจับเสียงได้ดี คุยแล้วอีกฝ่ายได้ยินชัดเจน หายห่วง
หน้าจอของ HTC One M8 ให้สีสันที่สดใส แต่ไม่แสบตาจนเกินไป สามารถใช้งานได้แบบสบายตา ส่วนที่เป็นสีดำก็ดำค่อนข้างสนิท แต่จะยังไม่ถึงขั้นของพวก Nokia Lumia รุ่นสูงๆ ที่ให้สีดำจมลึกกว่า มุมมองของจอกว้าง สมกับเป็นจอของมือถือรุ่นท็อป ความสว่างก็จัดว่าโอเคดีครับ ใช้งานกลางแจ้งไหวอยู่
ถ้าใครที่เคยจับหรือใช้งาน HTC One M7 รุ่นแรกเมื่อปีที่ผ่านมา ก็จะพอทราบถึงสัมผัสแรกที่มือแตะเข้ากับฝาหลังได้เลยว่ามันเป็นอย่างไร ใน HTC One M8 ก็ยังคงเหมือนเดิม กับสัมผัสแรกที่ให้ความรู้สึกประทับใจ ทั้งในด้านของความแข็งแรง ความเรียบเนียนของผิวอะลูมิเนียมที่ผ่านการอะโนไดซ์ขึ้นรูปแบบยูนิบอดี้มาเป็นอย่างดี งานประกอบที่ลงตัวในทุกส่วนสัด ทำให้ HTC One M8 น่าจะติดอันดับสุดยอดสมาร์ทโฟนที่ดูดีที่สุดของปี ?2014 ได้อย่างสบายๆ ส่วนตัวผมเองเอาไปลองให้เพื่อนจับเครื่องเป็นครั้งแรกกันหลายๆ คน ก็ได้ความเห็นตรงกันว่าผิวสัมผัส งานประกอบดีมากๆ สมราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูง โดยเครื่องที่ทางเราใช้ในการรีวิวครั้งนี้ เป็นเครื่องสีเงินเข้ม ซึ่งเป็นหนึ่งในสีใหม่ของ HTC One M8 ส่วนอีกสองสีที่ได้รับการเปิดตัวพร้อมๆ กันก็คือสีเงินปกติ (แบบเดียวกับใน HTC One รุ่นแรก) และสีทอง
ด้านหลังของตัวเครื่อง ไล่จากบนสุดก็จะเป็นกล้องรองที่ใช้บันทึกความลึกของวัตถุในเฟรม ซึ่งกล้องตัวนี้จะทำงานแบบอัตโนมัติ ผู้ใช้ไม่สามารถควบคุมการทำงานอิสระได้ ถัดลงมาก็คือกล้องหลักของเครื่อง ความละเอียด 4.1 ล้านพิกเซล มาพร้อมเทคโนโลยี UltraPixel เช่นเดิม ข้อดีของมันก็คือให้ภาพคมชัดในระดับที่สามารถใช้ทั่วไปได้ เหมาะกับการใช้แชร์ขึ้น Facebook หรือโซเชียลเน็ตเวิร์คอื่นๆ เนื่องจากไฟล์ภาพมีขนาดไม่ใหญ่มาก ตัวโมดูลกล้องจะอยู่ลึกลงไปจากแนวของฝาหลังเล็กน้อย (ฝาหลังโดยรวมจะเป็นแบบโค้งนูนขึ้นมาตรงกลาง) ใกล้ๆ กันนั้นเป็นแฟลช LED ซึ่งจะมีด้วยกันสองดวง ให้โทนสีที่แตกต่างกัน ลักษณะหน้าตา ต้องขอบอกว่ามันก็เป็นแบบเดียวกับแฟลช TrueTone ของ iPhone 5s เลยก็ว่าได้ แต่เรื่องของหลักการทำงาน ในจุดนี้ทาง HTC ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลไว้มากนัก ส่วนที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม แล้วมีสัญลักษณ์เหมือนคลื่นกระจายอยู่นั้น คือจุดที่สกรีนเอาไว้เผื่อบอกตำแหน่งของแผงวงจร NFC ภายในตัว HTC One M8 ว่าอยู่ตรงบริเวณนี้ แต่สำหรับใครที่ไม่อยากให้มีโลโก้นี้อยู่ คงต้องใช้การขูดออกสถานเดียวนะ
ตัวเครื่องด้านข้างของ HTC One M8 ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะโค้งมน รับกับมือเวลาจับถือได้เป็นอย่างดี ไม่มีขอบคมให้รู้สึกบาดมือเหมือนกับใน iPhone 5s ที่มีการตัดขอบค่อนข้างคมไปนิด สอดคล้องกับตัวเครื่องที่มีขนาดพอดีๆ กับการใช้งาน ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกมือ จะมีก็แต่เรื่องน้ำหนักที่มากไปนิด ทำให้เวลาใช้งานไปนานๆ ก็รู้สึกเมื่อยมืออยู่เหมือนกัน เทียบกับ Nexus 5 ที่จอขนาด 4.95″ แล้ว Nexus 5 เบากว่ามากๆ
ด้านของพอร์ตเชื่อมต่อและปุ่มต่างๆ จะถูกจัดวางไว้อยู่ด้านข้างทั้งหมด ด้านบนสุดจะมีปุ่ม Power อยู่ทางฝั่งขวาของจอ (หันจอเข้าหาผู้ใช้) สำหรับส่วนตัวผมมองว่ามันกดค่อนข้างลำบากสำหรับคนถือเครื่องด้วยมือขวานะ เพราะต้องถ่างนิ้วชี้ออกมาค่อนข้างมากเพื่อจะปลดล็อกหน้าจอ แต่…มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของ HTC One M8 ครับ เพราะตัวเครื่องมีฟังก์ชันเคาะหน้าจอเพื่อเปิดจอได้ด้วย ซึ่งจะขอเอาไว้อธิบายในส่วนของ Features แล้วกันนะ ต่อมาด้านขวาก็เป็นช่องของถาดใส่ MicroSD ที่ต้องใช้เข็มจิ้มซึ่งแถมให้มาในกล่องเพื่อกดให้ถาดเด้งออกมา ใกล้ๆ กันนั้นเป็นปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ส่วนด้านซ้ายของเครื่องก็จะมีแค่ถาดใส่นาโนซิมเท่านั้น (ต้องใช้เข็มจิ้มเช่นเคย) ปิดท้ายด้วยด้านล่างที่มีช่อง Micro USB และช่องเสียบแจ็คหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดตั้งอยู่ โดยภาพตัวเครื่องทั้งหมด สามารถรับชมได้จาก gallery ภาพด้านล่างของส่วนดีไซน์นี้
Feature
ฟีเจอร์แรกที่น่าสนใจก็คือเหล่า Motion Launch gestures ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเปิดใช้งานเครื่องได้ง่ายดายเพียงแค่เคาะหน้าจอติดๆ กันสองครั้งเท่านั้นก็จะสามารถเปิดหน้าจอได้ทันที ส่วนใครที่ตั้งรหัสผ่านไว้ ก็จะเข้าสู่หน้าจอการกดรหัสผ่านได้เลย ลดการใช้งานปุ่ม Power ลงไปได้มากทีเดียว เวลาใส่กระเป๋ากางเกงก็ไม่ค่อยมีปัญหาเครื่องปลดล็อคหน้าจอเองมากนัก ส่วน gesture รูปแบบอื่นๆ ก็มีเช่น
- ปาดหน้าจอจากซ้ายไปขวา: เปิดใช้งาน HTC BlinkFeed
- ปาดหน้าจอจากขวาไปซ้าย: เปิดไปหน้าวิดเจ็ตที่เปิดใช้งานไว้
- ปาดหน้าจอจากบนลงล่าง: เปิดหน้าจอและเริ่มใช้งานการสั่งโทรออกด้วยเสียง
- ปาดหน้าจอจากล่างขึ้นบน: ปลดล็อคหน้าจอ
ซึ่งอันที่จริงฟีเจอร์ Motion Launch บางตัวก็น่าใช้งานดี แต่บางตัวผมว่าน่าจะทำให้รำคาญบ้างเหมือนกัน ถ้าถามว่าปิดได้มั้ย ส่วนนี้สามารถปิดได้ครับ?แต่จะเป็นการปิดการใช้งาน Motion Launch ทั้งหมดไปเลย?ไม่สามารถเลือกปิดเป็นบางอันได้ แถมไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าของ gesture แต่ละแบบได้ด้วย นับว่าน่าเสียดาย ถ้าสามารถเลือกปิด เลือกปรับแต่งเป็นบางอันได้จะยอดเยี่ยมมาก เพราะส่วนตัวผมคงใช้แค่แตะหน้าจอสองครั้งเพื่อเปิดจอเท่านั้นเอง
หนึ่งในซอฟต์แวร์ที่เป็นตัวชูโรงของ HTC มาตั้งแต่ HTC One รุ่นแรกก็คือ HTC BlinkFeed ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถติดตามข่าวที่สนใจได้ตลอดเวลาเพียงแค่ปาดหน้าจอจากซ้ายไปขวาเท่านั้น โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะรับข่าวจากแหล่งใดบ้างไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ข่าวทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงยังสามารถเลือกรับฟีดจากโซเชียลเน็ตเวิร์คที่เราเชื่อมต่อเอาไว้ได้ด้วย เช่น Facebook, Twitter, Instagram เป็นต้น ทำให้สามารถติดตามข่าวสารของเพื่อนๆ ได้ในแอพเดียว ไม่จำเป็นต้องเปิดหลายๆ แอพให้วุ่นวาย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบติดตามอ่านข่าว เพื่อจะได้ไม่ตกเทรนด์ ทั้งนี้เราสามารถตั้งค่าให้ระบบดึงข่าวมาเฉพาะตอนที่เชื่อมต่อ Wi-Fi เท่านั้นก็ได้ รวมถึงสามารถตั้งค่าให้เก็บข่าวเอาไว้อ่านแบบออฟไลน์ได้ด้วย
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่ติดตั้งมาใน HTC One M8 และน่าสนใจก็ตัวอย่างเช่น HTC TV ที่สามารถใช้เป็นรีโมทควบคุมทีวีได้ โดยนอกเหนือจากจะเป็นรีโมทสั่งงานแล้ว ตัวแอพยังฉลาดกว่านั้น คือมันสามารถดาวน์โหลดโปรแกรมรายการทีวีมาแสดงข้อมูลให้เราเลือกดูได้ด้วย ว่าช่องไหนมีรายการอะไรอยู่บ้าง รายละเอียดคร่าวๆ ของแต่ละรายการเป็นอย่างไร โดยสำหรับของประเทศไทยในขณะนี้ก็จะมีข้อมูลแค่ของทรูเท่านั้น คงต้องใช้เวลาอีกซักพักจึงจะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็ต้องขึ้นกับทางผู้ให้บริการในบ้านเราด้วยว่าจะสนับสนุนด้านข้อมูลขนาดไหน ส่วนการแพร์เพื่อใช้งานร่วมกับทีวีก็ทำได้ง่าย เพราะในตัวแอพจะมีฐานข้อมูลยี่ห้อทีวีให้เลือกดาวน์โหลดข้อมูลรีโมทมาได้มากมาย พอเลือกได้แล้วก็ให้จัดการกดคำสั่งต่างๆ เพื่อทดสอบรหัสสัญญาณว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่ ใช้เวลาในการจับคู่รีโมทร่วมกับทีวี/set top box ซักพักก็สามารถใช้งานแทนรีโมทเดิมๆ ได้เกือบ 100% แล้ว
อันต่อมาที่น่าสนใจก็คือแอพ Fitbit ที่ตามปกติแล้วจะต้องใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ Fitbit เพื่อใช้ในการตรวจจับการเคลื่อนไหว การออกกำลังกายของผู้ใช้งาน แต่ใน HTC One M8 นี้ แอพ Fitbit สามารถทำงานได้จากเซ็นเซอร์ในตัวเครื่องเลย แต่อาจจะกินแบตเตอรี่กว่าปกติซักหน่อยเนื่องจากไม่ได้มีชิปประมวลผลเฉพาะในด้านนี้
ปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ที่เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งหมัดเด็ดของ HTC One M8 เลยก็คือ Extreme power saving mode ที่จะปรับโหมดการทำงาน การใช้พลังงานของเครื่องให้อยู่ในสถานะต่ำสุดเท่าที่พอจะใช้งานได้ โดยจะมีการปรับในส่วนต่างๆ เช่น ลดการทำงานของ CPU ลง, ปรับความสว่างหน้าจอให้อยู่ในระดับต่ำสุดแต่ยังใช้งานได้, ปิดระบบสั่น, ปิดการเชื่อมต่อข้อมูลเมื่อปิดหน้าจอ, อนุญาตให้รันแอพได้จำกัดมากๆ (ตามในภาพขวาบน ไม่สามารถเพิ่มแอพอื่นเข้าไปได้) รวมไปถึงยังปิดการทำงานของเซ็นเซอร์นับก้าวเดิน (pedometer) ที่อยู่ในตัวด้วย โดยในการใช้งานจริงนั้น เราจะสามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้ก็เฉพาะการใช้งานอีเมลเท่านั้น ถ้าอยากจะใช้งานเว็บเบราเซอร์จะไม่สามารถเข้าถึงได้ตรงๆ นะครับ ต้องใช้การเปิดลิ้งค์จากในอีเมลเพื่อเข้าเว็บเบราเซอร์ จากนั้นจึงค่อยเปลี่ยน URL ไปเป็นเว็บไซต์ที่เราต้องการแทน จึงจะสามารถใช้งานได้ ลักษณะการทำงานของ Extreme power saving mode ก็จะใกล้เคียงกับใน Samsung Galaxy S5 เลย แต่ในด้านของการใช้งานโดยรวม Galaxy S5 จะทำได้หลากหลายกว่ามาก เพราะสามารถใช้งานแอพหลายๆ ตัวได้อยู่ เช่น Facebook หรือจะแชทไลน์กันก็ยังได้ (แต่เป็นภาพขาว/ดำ)
Software
ระบบปฏิบัติการของ HTC One M8 ใช้เป็น Android 4.4.2 KitKat ที่มี Sense 6.0 ครอบมาอีกทีหนึ่งตามสไตล์ของ HTC ภาพรวมของอินเตอร์เฟสต่างๆ ถูกปรับให้ดู flat (แบน) ลงตามที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ทำให้หน้าตาดูทันสมัย แต่บางจุดก็สังเกตได้ยากเหมือนกันว่ามันเป็นปุ่มให้กดได้หรือเปล่า เนื่องจากการใช้แสงเงาแสดงความตื้นลึกมีน้อยลงกว่าเดิม การทำงานโดยรวมไหลลื่นดีมาก ด้วยพลังของทั้งฮาร์ดแวร์ที่แรง และซอฟต์แวร์ที่ได้รับการปรับแต่งมาได้ดีในระดับหนึ่ง คีย์บอร์ดที่ติดตั้งมาก็เป็นของ HTC เองซึ่งสามารถตั้งค่าให้ใช้งานแบบปาดนิ้วบนปุ่มเพื่อสร้างคำได้ (swipe) แต่ฟีเจอร์นี้ไม่รองรับภาษาไทยนะ การใช้งานคีย์บอร์ดทำได้โอเค อาจจะมีพิมพ์ผิดบ้างในช่วงแรกๆ เพราะหน้าตาของปุ่มมันดูติดกันเป็นแถวทั้งหมด ไม่มีช่องว่างระหว่างปุ่มเหมือนกับคีย์บอร์ดของ Google
สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวของ HTC One M8 จะมีมาให้ 16 GB เหลือให้ใช้งานจริงประมาณ 9.5 GB ด้วยกัน ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการลงแอพ ลงเกมได้จุใจ แต่สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ฟังเพลง แนะนำว่าคงต้องหา MicroSD มาใช้งานด้วย จะดีที่สุด เพราะคุณอาจจะถ่ายรูปเพลินจนอยู่ดีๆ หน่วยความจำเต็มไปเลยก็ได้ เพราะโหมดการถ่ายและแต่งรูปของ HTC One M8 มีมาให้ใช้งานกันมากมายเลยทีเดียว และนอกจากจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวมาให้แล้ว HTC One M8 ก็ยังมาพร้อมข้อเสนอพิเศษคือการแถมพื้นที่เก็บข้อมูล Google Drive รวมกันแล้วสูงสุดกว่า 65 GB ให้ใช้งานฟรีๆ อีก 2 ปีเต็มอีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสำรองข้อมูล สำรองรูปภาพขึ้นระบบออนไลน์มากๆ
ถึงแบตจะเยอะ แต่ก็คงต้องพกแบตสำรองอยู่ดี
ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ HTC ปรับปรุงมาจาก HTC One รุ่นแรกมาพอสมควร จากที่เคยมีปัญหาแบตเตอรี่หมดไวมาก่อน พอมาใน HTC One M8 ที่มีทั้งแบตเตอรี่ความจุสูงขึ้นและการปรับแต่งด้านซอฟต์แวร์ ผลออกมาก็คือ?แบตยังหมดเร็วและไหลเป็นน้ำอยู่เช่นเคย?แต่จะเป็นเฉพาะตอนที่ใช้งานเครื่องจริงๆ อยู่เท่านั้น ถ้าเป็นตอนสแตนด์บายเครื่องไว้เฉยๆ ถึงแม้จะต่อ 3G ด้วยก็ตาม กลับกินแบตเตอรี่น้อยมากๆ สรุปคือถ้าใช้งานเครื่องแบบจริงจัง ต่อ 3G เล่นเน็ต เล่นแอพ ถ่ายรูป รับรองว่าอยู่ได้ไม่ถึงวัน เผลอๆ ครึ่งวันยังน่าจะเหนื่อยเลย แต่ถ้าสแตนด์บายไว้เฉยๆ รับรองว่าสองสามวันยังเหลือเฟือ
Camera
ฮาร์ดแวร์กล้องของ HTC One M8 ยังคงเลือกใช้งานตามเทคโนโลยี UltraPixel อยู่ นั่นคือการเลือกใช้เซ็นเซอร์รับภาพที่มีขนาดเม็ดพิกเซลใหญ่กว่าในกล้องมือถือทั่วไปบนแผ่นเซ็นเซอร์ขนาดเท่าเดิม ทำให้สามารถเก็บรายละเอียด เก็บแสงสว่างของภาพได้ดี แต่ก็แลกมาด้วยขนาดของภาพที่จะมีความละเอียดสูงสุด 4.1 ล้านพิกเซล ที่ทาง HTC บอกว่ามีคุณภาพไม่แพ้กล้องมือถือรุ่นอื่นที่มีความละเอียดสูงๆ เลย แต่จากที่ผ่านมาใน HTC One รุ่นแรก ต้องขอบอกว่าน่าผิดหวังไปพอสมควรครับ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่มีแสงน้อยซึ่งมักจะมีแฟลร์เกิดขึ้นในภาพ รวมถึงรายละเอียดของวัตถุก็ดูไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ในเรื่องของการเก็บแสงสว่างต้องบอกว่าทำได้ดีจริง
พอมาใน HTC One M8 เครื่องนี้ ทำให้เป็นที่คาดหวังกันมากว่า HTC จะพัฒนากล้อง UltraPixel ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งในส่วนของความละเอียดภาพ และคุณภาพของรูปถ่าย ซึ่งจากที่เรารีวิว HTC One M8 มา ส่วนที่เห็นความแตกต่างชัดเจนก็คือการถ่ายภาพที่เร็ว โฟกัสได้เร็วขึ้น กดแล้วเก็บภาพได้ทันที ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายนั้น ถ้าเป็นภาพที่ถ่ายในที่มีแสง ถ่ายในเวลากลางวัน อันนี้หายห่วงได้เลย กล้อง UltraPixel สามารถทำหน้าที่ได้ดี จะอัพรูปขึ้น Facebook, Instagram ก็ทำได้รวดเร็ว เพราะภาพมีขนาดที่ไม่ใหญ่มากนัก สำหรับภาพถ่ายในเวลากลางคืน ส่วนตัวผมว่าก็โอเคนะ ทำได้ค่อนข้างดี สามารถเก็บแสงภายนอกมาได้ ทำให้ภาพดูสว่างขึ้น แต่เรื่องรายละเอียดของภาพก็จะหายไปมาก เพราะระบบประมวลผลจะทำการตัดและเกลี่ย noise ในภาพลง ภาพจึงดูเนียนตา ทำให้เหมือนไม่มี noise ซึ่งตามปกติจะเกิดอยู่แล้วเมื่อถ่ายภาพในบริเวณที่มีแสงน้อย ทั้งนี้สามารถดูตัวอย่างภาพถ่ายได้จากท้ายรีวิวครับ
อีกจุดที่ได้รับการปรับปรุงและเพิ่มเติมใน HTC One M8 ก็คือส่วนของอินเตอร์เฟสและฟีเจอร์ที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ แรกเริ่มที่จะกล่าวถึงก็คือส่วนของการเลือกโหมดถ่ายภาพ ที่จะมีด้วยกัน 6 โหมดหลักดังในภาพด้านขวานี้ สำหรับโหมดที่น่าสนใจก็เช่น Pan 360 ซึ่งใช้สำหรับถ่ายภาพรอบตัวแบบเดียวกับโหมด Photosphere ของตัว Android มาตรฐาน ทั้งยังใช้ถ่ายภาพพาโนรามาได้ในตัวด้วย, โหมด Dual capture ใช้สำหรับถ่ายภาพจากกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน โดยจะนำภาพที่ได้จากกล้องหน้าไปแปะไว้บนภาพที่ได้จากกล้องหลัง เช่นเดียวกับที่มีในมือถือหลายๆ รุ่น, โหมด Selfie เป็นโหมดที่ใช้สำหรับถ่ายภาพจากกล้องหน้าโดยเฉพาะ เรียกว่า HTC ให้ความสำคัญกับการถ่ายรูปด้วยกล้องหน้ามากทีเดียวครับ ถึงขั้นทำโหมดแยกจากโหมดถ่ายภาพปกติให้เลย จากที่ใน Android ปกติจะเป็นการใช้โหมดถ่ายภาพธรรมดา แล้วเปลี่ยนเป็นกล้องหน้าซะส่วนอีกโหมดที่น่าสนใจก็คือ Zoe camera ที่ได้รับการเปิดตัวมาตั้งแต่ปีก่อน ซึ่งเป็นโหมดในการถ่ายภาพรัว 20 ภาพเผื่อเลือกภาพที่ต้องการ แต่ถ้ากดค้างก็จะเป็นการถ่ายวิดีโอสั้นๆ แปะหน้าเซ็ตภาพนั้นๆ เอาไว้ด้วย
ส่วนที่จัดว่าเป็นไฮไลท์จริงๆ ของ HTC One M8 ก็คือเหล่าทูลปรับแต่งภาพครับ ซึ่งสามารถเข้ามาปรับแต่งภาพได้จากใน Gallery แล้วเลือก Edit ที่แต่ละภาพได้เลย สำหรับทูลที่เจ๋งและเป็นลูกเล่นเด่นเลยก็คือ UFocus ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกจุดโฟกัสของภาพที่ถ่ายมาแล้วได้ ซึ่งรูปที่จะนำมาใช้งานฟีเจอร์ UFocus ได้นั้นจะต้องเป็นรูปที่ถ่ายจากกล้องหลัง+กล้องเก็บระยะความลึก (Duo camera) เท่านั้น และจะต้องเป็นภาพที่ถ่ายในระยะปกติ ไม่มีการซูมตอนถ่าย ไม่ใช่ภาพที่ถ่ายในลักษณะโคลสอัพ เป็นภาพที่ถ่ายในสภาพแสงที่พอดีๆ ไม่มืดเกินไปด้วย จึงจะสามารถนำมาใช้งานได้ เพราะกล้องรองจำเป็นจะต้องเก็บระยะชัดลึกในเฟรม ซึ่งต้องอาศัยแสงสว่างมากพอสมควร จึงจะสามารถเก็บรายละเอียดระยะวัตถุได้
ตัวอย่างด้านบนนี้เป็นการลองเลือกจุดโฟกัสด้วยฟีเจอร์ UFocus โดยภาพด้านบนสุดคือภาพต้นฉบับ จากนั้นเอามาใช้งาน Ufocus เลือกตำแหน่งโฟกัสที่แตกต่างกัน 2 ภาพ ซึ่งทั้งสองจุดที่เลือกมีระยะความห่างจากกล้องที่แตกต่างกัน ภาพที่ได้ออกมาก็จัดว่าดูโอเคดีทีเดียว แต่ถ้าหากภาพต้นฉบับเป็นภาพที่ไม่มีระยะห่างของวัตถุจากตัวกล้องที่แตกต่างกันแบบชัดเจน ผลของภาพที่ได้จาก UFocus ก็อาจจะไม่ค่อยสวยมากนัก
อีกฟีเจอร์แต่งรูปที่สาวๆ น่าจะสนใจก็คือ Face contour ที่ใช้สำหรับปรับหน้าเรียวได้ตามใจชอบ ผลเป็นอย่างไร ลองชมจากภาพด้านบนได้เลยจ้า
Performance
ด้านการทดสอบประสิทธิภาพ HTC One M8 สามารถทำคะแนนในการทดสอบได้เป็นอย่างดีทั้งในส่วนของการทดสอบประสิทธิภาพการประมวลผลของ CPU และ GPU เนื่องด้วยชิปประมวลผลที่เลือกใช้คือชิประดับท็อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 801 โดยสำหรับเครื่องที่ขายในไทยจะเป็นรุ่น MSM8974AB ที่มีความเร็วสูงสุด 2.3 GHz ส่วนในเครื่องที่เรารีวิวครั้งนี้เป็นเครื่องจากไต้หวันที่ใช้ชิปโมเดล MSM8974AC มีความเร็วสูงสุดเป็น 2.5 GHz ส่วนชิปกราฟิกจะใช้งานเป็น Adreno 330 เหมือนๆ กัน ผลที่ได้ออกมาก็สมกับเป็นเครื่องระดับท็อปเลย สามารถเล่นเกมหนักๆ ใช้งานแอพได้อย่างสบาย ด้านการใช้งานทั่วไปก็จัดว่าไหลลื่น การปิด/เปิดแอพทำได้เร็วทันใจ ให้อารมณ์แทบไม่แตกต่างกับ Nexus 5 ที่เป็น Pure Google เลยทีเดียว
Overall
สำหรับ HTC One M8 เครื่องนี้ ถ้าให้เทียบกับ HTC One รุ่นแรกของปีที่แล้ว ก็ต้องจัดว่าเป็นรุ่นที่ได้รับการพัฒนา ปรับปรุงขึ้นมาในหลายๆ จุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวเครื่อง หน้าจอ สเปค กล้องถ่ายรูป รวมไปถึงซอฟต์แวร์ที่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ใช้งานได้ดี ฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาก็จัดว่าเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานได้จริง ไม่ได้เพิ่มมาแบบเยอะแยะจนเลือกใช้งานไม่ถูก เชื่อว่าแฟนๆ HTC น่าจะชอบในตัว HTC One M8 แน่นอน และเผลอๆ ใครที่ได้ลองจับตัวเครื่องจริง อาจจะมีอยากคว้าติดมือกันไปบ้างเลยก็มี
ถ้าให้เทียบกับคู่แข่งในตลาดขณะนี้ ก็คงหนีไม่พ้นกับการต้องมาเทียบกับ Samsung Galaxy S5 ที่เริ่มวางจำหน่ายในช่วงใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าเทียบกันในแง่ของฟีเจอร์แล้ว ต้องบอกว่า Galaxy S5 ชนะขนาดจริงๆ ในหลายจุด เช่นส่วนของเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นหัวใจ รวมไปถึงโหมดประหยัดพลังงานของ Galaxy S5 ที่ทำออกมาได้ยืดหยุ่นกว่า แต่ถ้าพูดในแง่ของตัวเครื่อง ความรู้สึกในการใช้งาน รวมไปถึงความรู้สึกในแง่ของความพรีเมียม จุดนี้ HTC One M8 เหนือกว่า Galaxy S5 อยู่มาก เรียกว่าตัวเครื่องดูสมราคาจริงๆ สมกับเป็นเครื่องราคา 20,000 อัพ
ข้อดี
- ตัวเครื่องและงานประกอบดีมาก สมราคา
- ฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นมา แม้จะไม่เยอะ แต่ก็สามารถใช้งานได้จริง
- สเปคแรง ใช้งานลื่น อินเตอร์เฟสได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
- ระบบกล้องคู่ (Duo Camera) ช่วยเพิ่มความแปลกใหม่ให้กับภาพถ่ายได้ในระดับหนึ่ง
- เป็นมือถือรุ่นท็อปที่ให้กล้องหน้ามาถึง 5 ล้านพิกเซล
- ลำโพงในระบบเสียง BoomSound ให้เสียงที่ดัง สะใจ
ข้อสังเกต
- กล้อง Ultrapixel (กล้องหลัง) ยังให้คุณภาพของรูปถ่ายไม่ได้อย่างที่คาดไว้ แม้จะได้รับการอัพเกรดขึ้นมาแล้วก็ตาม
- แบตเตอรี่ก็ยังหมดเร็วเช่นเดิม โดยเฉพาะขณะกำลังใช้งาน