แม้ว่า Honor Smartphone จะถือว่าเป็นแบรนด์น้องใหม่ในประเทศไทย ที่เปิดตัวและวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนในบ้านเราได้ไม่นาน แต่สมาร์ทโฟนที่ Honor นำเข้ามาจำหน่ายนั้น เรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยความคุ้มค่า และกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่มาแรงไปแล้ว เริ่มจากรุ่นแรกอย่าง Honor 7x ตามมาด้วย Honor 7c และรุ่นล่าสุดที่เป็นเรือธง Honor 10 ก็พร้อมที่จะวางจำหน่ายแล้วเช่นกัน
สเปค Honor 10
- หน้าจอ IPS 5.84 นิ้ว FullView Display 19:9 ความละเอียด Full HD+ 2280 x 1080
- ขนาดตัวเครื่อง 149.6 x 71.2 x 7.7 มม. หนัก 153 กรัม
- ชิปเซ็ต AI พร้อมด้วยหน่วยประมวลผลพิเศษ
- RAM 4 GB
- ความจุ 128 GB
- กล้องหลังคู่ ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล + 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้าง f/1.8 + LED แฟลช
- กล้องหน้า ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ความจุ 3400 mAh
- Android 8.1 + EMUI 8.1
- สีที่วางจำหน่ายในไทยคือสี Phantom Blue และ Midnight Black ส่วนสี Phamtom Grey และ Phantom Green จะตามมาทีหลัง
- ราคา 13,990 บาท
Honor 10 จัดเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงของ Honor มาพร้อมกับสเปคแบบจัดหนักจัดเต็ม ทั้งหน้าจอ FullView อัตราส่วน 19:9, ชิปเซ็ต AI + NPU, Ram 4 GB ความจุ 128 GB ดีไซน์อันโดดเด่น ฝาหลังแบบ Aurora Glass ที่สำคัญคือเปิดราคามาได้ประทับใจมากที่หมื่นต้น ๆ เท่านั้น จัดเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ทำตลาดแตกเลยล่ะครับ
Honor 10 วางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ที่ Lazada, Shopee ส่วนช่องทางออฟไลน์ หรือหน้าร้าน สามารถไปลองจับ ลองเล่นกันได้ที่ Big C, TG Fone และในอนาคตก็จะมี Honor Experience Shop เปิดให้บริการด้วย
Design/ การออกแบบ
ตัวเครื่องรีวิว ที่ได้รับมาเป็นตัวเครื่องสีเทา (Phantom Grey) แต่ด้วยฝาหลังที่มีดีไซน์แบบ Aurora ตัวฝาหลังจะมีสีสันที่แตกต่างไปในแต่ละองศา ในบางมุมสีเทาก็จะเป็นสีออกโทนฟ้าอ่อน ๆ และในบางมุมก็จะเป็นสีเงิน อย่างภาพตัวเครื่องด้านล่าง ผมลองถ่ายในมุมที่แตกต่างกันไป จะเห็นว่าสีสันก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน
การออกแบบมาในทรงตามสมัยนิยม ด้วยหน้าจออัตราส่วน 19:9 Honor FullView Display ที่มาพร้อมกับรอยบาก Notch screen (สามารถเลือกปิดได้) บริเวณด้านบนของตัวเครื่อง พื้นที่ด้านหน้าที่เหลือก็เป็นหน้าจอทั้งหมด ทำให้ได้สมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ถึง 5.84 นิ้ว ในขนาดตัวเครื่องที่กำลังพอดีมือ
ด้านการใช้งาน เป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ใช้งานด้วยมือเดียวได้คล่องตัวเอามาก ๆ ด้วยหน้าจออัตราส่วนแบบ 19:9 ที่เน้นด้านยาวมากกว่าด้านกว้าง เมื่อถือตัวเครื่องด้วยมือข้างเดียวก็ยังสามารถลากนิ้วไปที่หน้าจออีกฝั่งได้ อีกทั้งตัวเครื่องมีน้ำหนักอยู่ที่ 153 กรัมเท่านั้น เบากว่าสมาร์ทโฟนหน้าหลายรุ่นที่มีขนาดหน้าจอใกล้เคียงกัน
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือไม่ใช่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่เป็นปุ่มแยกเหมือนสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป แต่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic ข้อดีของการเลือกใช้ Ultrasonic นอกจากจะได้ดีไซน์แบบไร้รอยต่อแล้ว ยังสามารถสแกนลายนิ้วมือในขณะที่มือเลอะ หรือมือเปียกได้ด้วยครับ
ดีไซน์ด้านหลังแบบ Aurora Glass นอกจากจะมีความสวยงามแล้ว ด้วยความที่เป็นฝาหลังโค้ง เลยทำให้การจับถือตัวเครื่องสะดวก และเข้ามือมากยิ่งขึ้น การเก็บขอบเก็บมุมให้สัมผัสที่ดี ไม่มีขอบแข็ง ๆ ให้รู้สึกบาดมือทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ด้านพอร์ตเชื่อมต่อมาพร้อมกับพอร์ตแบบ USB-C 1.0 (มาตรฐาน USB 2.0) รองรับการชาร์จเร็วด้วยอะแดปเตอร์ Honor SuperCharge ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 – 50% ในเวลา 25 นาทีเท่านั้น ส่วนพอร์ตหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตรก็ยังมีให้ใช้งานอยู่ ไม่ได้ตัดทิ้งเหมือนสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ ๆ
กล้องหลังเป็นกล้องหลังคู่ วางในแนวนอน ข้าง ๆ มีแฟลช LED และตัวหนังสือระบุเลยว่า AI Camera เนื่องจากสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มาพร้อมกับชิป NPU (Neural Processing Unit) จัดเป็น AI ในระดับฮาร์ดแวร์ เพราะฉะนั้นจึงสามารถทำงานได้ด้วยตัวเอง แม้ไม่ได้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ตาม และตัว AI ก็มีส่วนช่วยในการถ่ายภาพเยอะมาก เรียกว่าเป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้
Camera/ กล้องถ่ายภาพ
กล้องถ่ายภาพจัดเต็มสมกับความเป็นเรือธง ไล่มาตั้งแต่กล้องหลังคู่ ความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล และ 16 ล้านพิกเซล รูรับแสงกว้างถึง f/1.8 กล้องคู่จะแยกระหว่างเซ็นเซอร์สี RGB กับเซ็นเซอร์ขาวดำ แต่ตอนที่ถ่ายภาพจะมีกระบวนการรวมภาพสีและขาวดำเข้าด้วยกัน ทำให้ได้รายละเอียดที่คมชัดมากกว่า
อย่างไรก็ตาม จากที่ได้ลองเล่นเครื่องรีวิวในส่วนของกล้องถ่ายภาพ สิ่งที่ผมมองว่าเป็นพระเอกตัวจริงคือ AI ที่มาพร้อมกับความสามารถในการจำแนกวัตถุต่าง ๆ ถึง 22 รูปแบบ (รองรับการเพิ่ม Scenes ในอนาคต) และปรับแต่งภาพถ่ายให้สวยเหมือนมืออาชีพมาถ่ายด้วยตัวเอง
การที่ชิปประมวลผลมาพร้อมกับ NPU ทำให้การจำแนกวัตถุต่าง ๆ ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เนื่องจากมีการประมวลผลแยกต่างหากจาก CPU อีกทั้งตัว NPU ก็เด่นในการประมวลผลภาพถ่ายอยู่แล้ว สังเกตได้จากตอนถ่ายภาพ AI จะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการประมวลผลและเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับการถ่ายภาพในขณะนั้น
เมนูกล้องใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และมาพร้อมกับโหมดถ่ายภาพหลากหลายโหมด เช่น โหมด Pro ที่ปรับตั้งค่าได้ละเอียด, โหมด AR Lens พร้อมสติ๊กเกอร์น่ารัก, โหมดภาพขาวดำ รวมถึงฟิลเตอร์ต่าง ๆ ที่มีให้เลือกใช้มากมาย แต่ส่วนตัวตอนทดสอบผมว่าโหมด Auto + AI ฟีเจอร์ก็ครอบคลุมการใช้งานแทบจะทุกด้านแล้วครับ
ภาพถ่ายจากกล้องหลังสำหรับผมถือว่าสอบผ่านสบาย ๆ คือถ่ายออกมาแล้วสวยกว่าที่ตาเห็น (เมื่อเปิดโหมด AI) โดยเฉพาะการถ่ายภาพท้องฟ้า, ทุ่งหญ้า, ต้นไม้, ตึกหรือสิ่งก่อสร้าง รวมถึงการถ่ายภาพ Portrait หรือภาพบุคคล
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
นอกจากกล้องหลังจะมาเต็มแล้ว กล้องหน้าของสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ก็โดดเด่นไม่แพ้กัน โดยกล้องหน้า Honor 10 มีความละเอียดสูงถึง 24 ล้านพิกเซล และใช้ AI เข้ามาช่วยประมวลผลภาพถ่ายให้คมชัด, สวยอย่างเป็นธรรมชาติ และมาพร้อมกับฟีเจอร์ 3D Portrait ที่สามารถจำลองสภาพแสงต่าง ๆ ได้เหมือนกับมีสตูดิโอถ่ายภาพส่วนตัว
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า
Performance/ ประสิทธิภาพ
Honor 10 มาพร้อมกับชิปเซ็ต AI แบบ octa-core ความเร็ว 2.4 GHz พร้อมกับชิปประมวลผลกราฟฟิค Mali G72 MP12, Ram 4 GB และความจุ 128 GB เมื่อเทียบกับคู่แข่งหลายรุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกัน Honor 10 ดูจะให้สเปคที่เหนือกว่า โดยชิปประมวผล Kirin 970 แรงพอที่จะใช้งานทั่วไปได้อย่างลื่นไหล และตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี
ด้านแบตเตอรี่ มาพร้อมกับแบตเตอรี่ในตัว ความจุ 3400 mAh ตัวเลขความจุแบตเตอรี่ดังกล่าวทาง Honor ได้ทำการทดสอบในห้องปฏิบัติการแล้วว่าเพียงพอต่อการใช้งานได้ทั้งวัน (เปิดสแตนบาย Internet ไว้ตลอด) จากการใช้งานจริง ตอนรีวิวผมทำการเชื่อมต่อ 4G สลับกับ Wi-Fi เน้นถ่ายภาพ, เล่นโซเชียล และเล่นเกมบ้าง (เล่น ROV ไป 3 เกม) ถอดสายชาร์จตอนประมาณ 10.00 น. เมื่อถึงเวลา 21.00 น. ยังเหลือแบตเตอรี่ประมาณ 30%
นอกจากแบตเตอรี่จะออกแบบมาให้เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวันแล้ว การชาร์จไฟกลับเข้าไปก็สามารชาร์จไฟกลับได้อย่างรวดเร็วด้วยอะแดปเตอร์ Honor SuperCharge ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 22W การชาร์จไฟจาก 0 – 50% ใช้เวลาเพียง 25 นาทีเท่านั้น
Overall
ภาพรวมของ Honor 10 ก็สมกับความเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง ไม่ว่าจะเป็นชิปประมวลผลตัวท็อป ดีไซน์อันสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะฝาหลังแบบ Aurora Glass ที่ให้สีสันแตกต่างไปในทุกมุมมอง วัสดุตัวเครื่องระดับพรีเมียม หรูหราไม่แพ้พวกเรือธงราคาสองหมื่น และไฮไลท์อย่างกล้องหลังคู่ Dual Camera ที่มาพร้อมกับ AI ช่วยในการถ่ายภาพให้สวยในแบบมืออาชีพ ด้วยความสามารถในการแยกแยะฉากได้ถึง 22 รูปแบบ และปรับแต่งภาพถ่ายให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ เอาเป็นว่าในช่วงราคาดังกล่าว (Honor 10 ราคา 13,990 บาท) ผมมองว่า Honor 10 เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะ
จุดเด่น
- ดีไซน์สวยงาม วัสดุดี หรูหราไม่แพ้สมาร์ทโฟนราคาสองหมื่น
- กล้องหลังคู่มาพร้อม AI ถ่ายง่าย ได้ภาพสวย
- กล้องหน้าความละเอียดสูง ลูกเล่นเยอะ
- แบตเตอรี่อึด และชาร์จเร็วด้วย SuperCharge
- สเปคเพียงพอต่อการใช้งาน และการเล่นเกม
- เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ UltraSonic สแกนได้แม่นยำ แม้มือเปียกน้ำ
- ระบบปลดล็อกใบหน้า ปลดล็อกได้รวดเร็ว
- มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ข้อสังเกต
- พอร์ต USB-C ยังเป็นมาตรฐาน USB 2.0
- ตัวเครื่องเก็บรอยนิ้วมือ ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาด