Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»[Review] ASUS ZenFone 3 Max รุ่นปรับสเปคครั้งใหญ่ แบตอึดเหมือนเดิม ในราคา 7,990 บาท!!
    Android Platform

    [Review] ASUS ZenFone 3 Max รุ่นปรับสเปคครั้งใหญ่ แบตอึดเหมือนเดิม ในราคา 7,990 บาท!!

    SpecPhone HQBy SpecPhone HQ12 มกราคม 2017Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    หลังจากที่ผ่านมาได้รับ ASUS ZenFone 3 Max ตัวแรกมารีวิว เพียงไม่กี่เดือนก็มีรุ่นปรับสเปคออกมาเรียบร้อย ซึ่งเป็นการปรับสเปคแบบที่ทุกคนได้คาดหวังไว้และเปิดราคามาใกล้เคียงกับ ASUS ZenFone 3 Laser เลยทีเดียว โดยแตกต่างกันที่ประมาณหนึ่งพันบาท จึงเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นในซีรีส์ ASUS ZenFone 3 ที่หลายคนให้ความสนใจกัน เนื่องจากมีการออกแบบที่สวยงามมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม และให้สเปคในระดับกลาง ๆ สำหรับวางขายในราคาที่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท แต่สเปคที่มายังถือว่าใช้งานทั่วไปได้อย่างไม่มีปัญหา และจุดเด่นตลอดการของ ZenFone 3 Max รุ่นปรับสเปค ยังคงมีจุดเด่นในด้านแบตเตอรี่เหมือนเดิม เนื่องจากให้แบตเตอรี่มากถึง 4,100 mAh ทำให้หมดกังวลแบตหมดระหว่างวันไปได้ทันที โดยรายละเอียดสเปคของ ZenFone 3 Max รุ่นปรับสเปคมีดังนี้

    สเปค ASUS ZenFone 3 Max

    • หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ IPS LCD ความละเอียด 1920 x 1080 พิเซล
    • ชิปประมวลผล Snapdaragon 430 CPU Octa Core @ 1.4 GHz และ GPU Adreno 505
    • แรม 3 GB
    • หน่วยความจำภายใน 32 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD)
    • กล้องความละเอียด 16 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED รูรับแสงกว้าง f/2.0 ระบบกันสั่นแบบสามแกน EIS
    • กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
    • ระบบปฎิบัติการ Android 6.0
    • แบตเตอรี่ความจุ 4,100 mAh
    • ราคา 7,990 บาท
    • สเปคแบบเต็มของ ASUS ZenFone 3 Max (ZC553KL)

    สำหรับสเปคของ ASUS ZenFone 3 Max นั้นจากรุ่นเดิมยังคงให้สเปคมาให้เหมาะสมกับราคาที่จำกัดโดยรุ่นเดิมมีรายละเอียดสเปคดังนี้ และตั้งราคาไว้ที่ 5,990 แต่สำหรับรุ่นใหม่นี้แล้วเรียกได้ว่าปรับสเปคให้ลงตัวมากกว่าเดิม และให้ความคุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม ซึ่งจะพยายามตั้งราคาไม่ให้เกินหมื่น ซึ่งเป้าหมายของผู้ที่จะซื้อ ASUS ZenFone 3 Max ก็จะเป็นผู้ใช้งานที่มีงบไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท ใช้งานหนักตลอดทั้งวัน ชอบสมาร์ทโฟนที่แบตเตอรี่เยอะ ๆ ไม่ต้องชาร์จบ่อย ไม่อยากกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน ชอบการออกแบบตัวเครื่องที่สวยงามด้วยวัสดุพรีเมี่ยมที่ทำจากโลหะโค้งมนเข้ากับมือ และใช้งานแบบทั่วไปได้อย่างเหลือเฟือ ดูเหมือนตัวนี้จะตอบโจทย์เลย ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ตามอ่านได้ที่ด้านล่างได้เลยครับ

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-22

    จุดเด่น

    – แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวัน
    – โฟกัสภาพด้วยเลเซอร์โฟกัสอย่างรวดเร็ว
    – กล้องถ่ายภาพทำได้ดีกว่า Laser 3
    – การออกแบบ วัสดุตัวเครื่องดีขึ้นจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด
    – เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานไว และปรับแต่งได้หลากหลาย
    – ZenUI ที่มีฟีเจอร์ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น

    ข้อสังเกต

    – ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่ และหนักพอสมควร
    – ชิปประมวลผล Snapdragon 430 ที่เล่นเกมหนัก ๆ อาจจะไม่ไหว
    – แรมยังเก็บข้อมูลได้ไม่เหมาะกับขนาด 3 GB

    บทสรุป

    สำหรับ ASUS ZenFone 3 Max รุ่นปรับสเปคที่ ASUS นำเข้ามาวางขายกันแบบไม่เกรงใจรุ่น ZenFone 3 Laser ก่อนหน้านี้เลยทีเดียว เนื่องจากมีรายละเอียดสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง ZenFone 3 Max จะมีราคาถูกกว่าหนึ่งพันบาท โดยมีราคาอยู่ที่ 7,990 บาท แต่สเปคบางอย่างกลับให้มาดีกว่าเช่นกล้องหลังเป็น 16 ล้านพิกเซลพร้อมกับ Laser โฟกัส และแบตเตอรี่ขนาด 4,100 mAh พร้อมกับเป็นโหมด PowerBank ได้ จะมีเพียงแรมที่น้อยกว่าเท่านั้น ทำให้หลายคนที่เล็ง ZenFone 3 Laser เกิดความลังเลอยู่ไม่น้อย ซึ่งเจ้า ZenFone 3 Max รุ่นใหม่นี้ถือว่าปรับสเปคให้เติมเต็มจากรุ่นเดิม โดยมากับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD เพิ่มแรมเป็น 3 GB เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเป็น 32 GB เพิ่มกล้องหลังเป็น 16 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าเป็น 8 ล้านพิกเซล ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 430 ซึ่งทั้งหมดนี้เพิ่มเงินอีกประมาณสามพันบาทเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ซึ่งจุดเด่นของ ZenFone 3 Max นี้ยังคงเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้งานหนัก ๆ ได้เต็มวันเหมือนเคย ซึ่งหากใครกำลังสนใจอยู่ก็ลองไปจับเล่นได้ที่ร้านได้เลย เพราะตัวเครื่องอาจจะมีน้ำหนักและใหญ่ขึ้นมาหน่อยและเผื่อจะได้ลองเปรียบเทียบกับ ZenFone 3 Laser ด้วย หากถูกใจตัวไหนก็จัดได้เลยครับ
    Editor : Nayvardar
    85
    BEST PRICE

    Design

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-11

    เชื่อว่าหลายคนคงตัดสินใจยาก

    ระหว่าง Laser หรือ Max ??

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-13

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-14

    จากที่เคยกล่าวไว้ในหลายบทความรีวิวของ ASUS ZenFone รุ่นที่ 3 สร้างความประทับใจในการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยได้ทิ้งการออกแบบแบบเดิมไปจนหมด และไม่ใช้การออกแบบที่คล้ายกันอีกต่อไป ซึ่งรุ่น Max รุ่นปรับโฉมนี้ก็จะมีการออกแบบแตกต่างไปจากรุ่นเดิม ซึ่งถือว่า ASUS ได้ลบจุดด้อยในการออกแบบตัวเครื่องไปหมดแล้วใน ZenFone รุ่นที่ 3 นี้

    สำหรับรายละเอียดการออกแบบของ ASUS ZenFone 3 Max มีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 151.4 x 76.24 x 8.3 มีความแตกต่างไปจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน เริ่มจากด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นกระจกทั้งหมด ซึ่งมีการนำกระจกแบบ 2.5 D มาใช้ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ภายใต้หน้าจอนั้นมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ในส่วนด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นลำโพงสนทนา ซึ่งจะมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ อยู่ระหว่างลำโพงสนทนา ในส่วนด้านล่างจะเป็นปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking แบบสัมผัสอยู่ใต้หน้าจอ

    ในส่วนของด้านหลังมีการออกแบบรูปลักษณ์ให้มีลักษณะโค้งมนด้านข้างเพื่อให้สามารถจับถือได้ง่าย โดยใช้วัสดุโลหะที่ด้านหลังที่เรียบทั้งด้านหลังไม่โค้งเหมือนกับรุ่นเดิม ตัวเครื่องมีความหนาขึ้นทำให้จับสะดวกมากขึ้น ตัดเส้นสายเป็นสีเงินมันวาวซึ่งน่าจะเป็นเส้นเสาอากาศคาดด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง ด้านบนของฝาหลังจะเป็นกล้องที่เป็นสี่เหลี่ยมตัดขอบด้วยโลหะสวยงาม และ Dual LED Flash และอีกด้านจะเป็นที่อยู่ของเลเซอร์โฟกัสอัตโนมัติ ถัดมาด้านล่างจะเป็นฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวลงมา บริเวณด้านล่างจะมีโลโก้ ASUS  สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะมีเฉพาะช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบ microUSB และลำโพงใช้สำหรับสนทนาเท่านั้น ในส่วนด้านข้างของตัวเครื่องที่ด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิม

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-15

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-16

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-17

    สำหรับหน้าจอของ ASUS ZenFone 3 Laser จะมากับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ที่มีความละเอียด 1920 × 1080 พิกเซล ที่มีความละเอียด 401 DPI และมีความสว่างสูงสุดที่ 450 nits ที่แสดงผลในที่มีแสงจ้าได้ดีเยี่ยม และถูกหุ้มด้วยกระจกแบบ 2.5 D ทำให้ด้านหน้ามีความโค้งมนสวยงามกว่ารุ่นเดิม

    จากการใช้งานจริง  หากมองจากตัวเครื่องด้านหน้ารู้สึกว่ามันสวยงามกว่ารุ่นเดิมมาก ๆ ตัวเครื่องด้านหลังเป็นโลหะที่ให้ความรู้สึกแน่นหนา หรูหราไม่ดูก๊องแก๊งพลาสติกเหมือนรุ่นเดิม การจับถือตัวเครื่องขณะใช้งานมือเดียวยังคงได้อยู่ สำหรับคนที่มีมือใหญ่และชอบใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ แต่คนที่มือเล็กก็ยังถือว่าใช้งานได้จากน้ำหนักตัวเครื่องที่ไม่หนักจนเกินไปโดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 175 กรัมซึ่งถือว่าหนักและใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ตัวเครื่องที่โค้งรับกับมือทำให้หลุดมือได้ยาก ในเรื่องของวัสดุของตัวเครื่องถือว่าทำได้ดี สำหรับความละเอียดของหน้าจอที่มีความละเอียด 1920 x  1080 ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ซึ่งจากการใช้งานจริงยังไม่พบปัญหาในเรื่องของการออกแบบ จะมีที่ขัดใจเล็กน้อยคือพวกปุ่มสามปุ่มด้านล่าง ที่เป็นปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking แบบสัมผัสอยู่ใต้หน้าจอไม่มีไฟมาให้

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-19

    Software

    l1

    l2

    ASUS ZenFone 3 Max มาพร้อมกับ Android 6.0 ทำงานร่วมกับ ASUS ZenUI 3.0 ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ASUS ที่เหมือนกับรุ่น Laser 3 แบบเป๊ะ ๆ จึงขอนำภาพมาจาก ZenFone 3 Laser มาไว้ในบทความนี้ด้วยกันเลย ซึ่งจากการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นฟีเจอร์ ZenMotion นั้นได้ใช้งานบ่อยมาก ตั้งแต่การเปิดหน้าจอและปิดหน้าจอที่สามารถทำได้โดยแตะหน้าจอสองครั้งติดกันแทนการสแกนลายนิ้วมือ หรือจะวาดเป็นตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเข้าสู้แอพพลิเคชั่นที่ตั้งค่าไว้ได้  สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง ทั่วไป ใช้งานได้อย่างสบาย สลับแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วจากแรมที่มีขนาด 3 GB ที่สำคัญใน ZenUI 3.0 ในส่วนของ Lock Screen ก็มีการแสดงภาพเป็นเอนิเมชั่นเคลื่อนไหวตามสภาพอากาศที่ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมี Theme Store ให้ดาวน์โหลดเพื่อปรับเปลี่ยนธีมได้อีกหลายร้อยรูปแบบ

    l3

    l7

     

    Feature

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-6

    Battery 4,100 mAh ที่ชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้

    สำหรับฟีเจอร์ที่ถือเป็นจุดเด่นอย่างแรกของ ZenFone 3 Max ที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือแบตเตอรี่ เนื่องจากให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,100 mAh ที่ทาง ASUS เคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จ ชนิดที่ไม่ต้องพก Power Bank เลยทีเดียว โดฃยทาง ASUS เผยว่าสามารถใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ต่อเนื่อง 19 ชั่วโมง และสามารถฟังเพลงได้ถึง 72 ชั่วโมง และสามารถแสตนด์บายในโหมด 4G ได้ถึง 38 วัน ที่สำคัญ ZenFone 3 Max ยังมากับฟีเจอร์ Reverse Charging ที่สามารถเป็น Power Bank ชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ โดยการใช้สาย OTG ที่แถมให้ภายในกล่อง อีกฟีเจอร์หนึ่งคือ  Super Saving Mode ที่สามารถเพิ่มเวลาสแตนบายด์ได้อีกถึง 30 ชั่วโมงแม้จะมีแบตเตอรี่เหลือเพียง 10 % เอาไว้ฉุกเฉิน ซึ่งตามไปดูการทดสอบความอึดของแบตเตอรี่ได้ที่รีวิว ASUS Zenfone 3 Max หมวด Performance ได้เลยครับ

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-7

     

    Finger Print ที่เป็นมากกว่าเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-3

    เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตัวนี้ก็จะยกมาจาก ZenFone 3 รุ่นอื่น ๆ เลย โดยจะอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง บริเวณด้านล่างของกล้องซึ่งสามารถบันทึกได้สูงสุดถึง 5 รอยนิ้วมือ สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็วที่ 0.3 วินาที ที่สำคัญยังสามารถวางนิ้วมือที่มุมไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมุมเดียวกันเมื่อตอนลงรหัสครั้งแรก จากการใช้งานจริงถือว่าเซนเซอร์ตัวนี้อำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถเข้าสู้หน้าจอได้เลยเพียงแตะที่เซ็นเซอร์ โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มโฮมก่อน และมีความแม่นยำในเกณฑ์ที่ถือว่าดี มีบางครั้งที่อาจจะสแกนผิดพลาดไป หรือเซนเซอร์ไม่ทำงานต้องใส่รหัสผ่านเพื่อนปลดล็อคแทน แต่เกิดขึ้นไม่บ่อย

    zen3max2

    ที่สำคัญเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ ASUS ZenFone 3 Max ยังทำหน้าที่ได้อีกหลายเช่น สามารถรับสายเรียกเข้าได้โดยการแตะบนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือค้างไว้ หรือการเปิดใช้กล้องโดยการแตะสองครั้งบนเซนเซอร์เพื่อเปิดกล้องขึ้นมาทันที และสามาถใช้เป็นชัตเตอร์ภาพได้ด้วยเมื่อใช้งานแอพ ฯ อยู่เพียงแค่แตะเบา ๆ

    Screenshot_20161109-164846

    Camera

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-18

    สำหรับรายละเอียดของกล้องของ ASUS ZenFone 3 Max นั้นแอบเซอร์ไพรส์นิด ๆ เนื่องจากมันถ่ายภาพได้ดีกว่า ZenFone 3 Laser และดีกว่า ZenFone 3 Max รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก โดยมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 และ Dual LED Flash ที่สำคัญยังมาพร้อมกับเลเซอร์โฟกัสอีกต่างหาก ซึ่งจะว่าไปมันเป็นจุดเด่นที่อยู่ใน ZenFone 3 Laser เลยก็ว่าได้

    สำหรับจุดเด่นคงเป็นระบบออโต้โฟกัส แบบเลเซอร์รุ่นที่ 2 ที่สามารถจับโฟกัสได้รวดเร็วเพียง 0.03 วินาทีเท่านั้น สมาร์ทโฟนจะยิงลำแสงเลเซอร์ออกไปเพื่อวัดระยะห่างของวัตถุด้วยความเร็วแสงทำให้จับภาพระยะใกล้ได้อย่างรวดเร็วและภาพมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม อีกฟีเจอร์ที่สำคัญคือระบบกันสั่น EIS ที่มาด้วยกัน 3 แกนช่วยให้การถ่ายวิดีโอนิ่งขึ้น  ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านที่มีจุดเด่นที่โหมด Beautification ที่ช่วยลบริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าและปรับสภาพของผิวให้เนียนขึ้นสำหรับใครชอบถ่ายเซลฟี่ต้องชอบแน่นอน

    สำหรับซอฟต์แวร์ Pixel Master ที่อยู่ประจำการในสมาร์ทโฟน ASUS เกือบทุกรุ่น จึงขอนำภาพของ ZenFone 3 Laser ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เดียวกันมาใส่ในรีวิวตัวนี้ โดยเป็นซอฟต์แวร์ที่มีการใช้งานง่ายมีโหมดต่าง ๆ ให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งในเครื่องนี้จะเป็น Pixel Master 3.0 ที่มีโหมดถ่ายภาพ HDR Pro , Low Light , Beautiful , Time Lapse , Effect และ Night มาให้ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

    l4

    l5

    l6

    จากการใช้งานจริงคิดว่า ASUS แอบเน้นเรื่องกล้องให้กับ ZenFone 3 Max พอสมควร เนื่องจากประสิทธิภาพของกล้องที่ดีกว่า ZenFone 3 Max รุ่นก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด และแอบดีกว่า ZenFone 3 Laser เล็กน้อยด้วย ซึ่งสามารถถ่ายภาพทั่วไปได้ในระดับเกณฑ์ที่น่าพอใจหากเปรียบเทียบกับราคาที่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท การจับโฟกัสภาพที่รวดเร็วสมกับที่ ASUS ภูมิใจนำเสนอ แต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการถ่ายภาพในระยะใกล้เท่านั้น ซึ่งหากถ่ายวิวก็จะเป็นโฟกัสแบบทั่วไป สิ่งที่น่าประทับใจคือมีโหมดให้เลือกมากมายและมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดยกตัวอย่างที่ภาพด้านล่างเป็นภาพที่ถ่ายโดยโหมดอัตโนมัติ โหมด HDR Pro และโหมดกลางคืนที่ถือว่าเอาอยู่ในการถ่ายภาพตอนกลางคืนและตอนกลางวันที่มีแสงจ้า

    ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ ASUS ZenFone 3 Max

     

    Performance

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-5

    ASUS ZenFone 3 Max มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 430 ซึ่งเป็นชิป Octa-Core ARM Cortex A53 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.4 GHz พร้อมกับ GPU Adreno 505 และแรมขนาด  3 GB จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต หรือโซเชียลต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งให้แรมมาถึง 3 GB ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่า ZenFone Laser 3 แต่ก็แตกต่างกันไม่มาก มีการสลับแอพพลิเคชั่นเป็นไปอย่างลื่นไหล แต่จากการใช้งานพบว่าแรมยังมีการเคลียร์ตัวเองบ่อย ไม่สามารถเก็บข้อมูลแอพพลิเคชั่นใหญ่ ๆ ได้ ยกตัวอย่างเล่นเกมโปเกมอนอยู่กดออกมาเปลี่ยนเพลงนิดหน่อย แล้วกลับเข้าไปเล่นเกมต่อก็มีการโหลดแอพพลิเคชั่นใหม่ สำหรับการเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ นั้นอาจจะมีเฟรมเรทตกบ้างตามประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับกลาง ๆ

    สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นมีขนาด 32 GB ซึ่งใช้งานทั่วไปก็ถือว่ามีขนาดเหลือเฟือ แต่สำหรับคนที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ ก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย microSD และรองรับ Dual Sim ซึ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นหากเข้าเล่นเว็บไซต์ทั่วไป เล่นโซเชียลต่าง ๆ ยังคงทำงานได้แบบไม่ติดขัด แต่ถ้าหากใช้งานหนัก ๆ เช่นการเล่นเกมส์ที่มีกราฟฟิกหนัก ๆ จะเริ่มมีการกระตุกให้เห็นกันบ้างแล้ว แต่ก็ถือว่าเล่นได้อยู่ ไม่ได้กระตุกจนน่ารำคาญ การสลับแอพพลิเคชั่นก็ทำได้ระดับพอดี เนื่องจากแรมที่ให้มา 3 GB แต่อาจจะมีการเก็บข้อมูลแอพพลิเคชั่นได้ไม่ค่อยเหมาะกับ 3 GB เท่าไหร่นัก

    สำหรับแบตเตอรี่นั้นให้มาขนาด 4,100 mAh ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งทาง ASUS เคลมว่าใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ต่อเนื่อง 19 ชั่วโมง และสามารถฟังเพลงได้ถึง 72 ชั่วโมง และสามารถแสตนด์บายในโหมด 4G ได้ถึง 38 วัน ซึ่งจากการใช้งานทั่วไปในหนึ่งวัน เช่นการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ และฟังเพลงไปด้วย 2 ชั่วโมง เล่นโซเชียล 1 ชั่วโมง มีเล่นเกมบ้างประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดเครือข่าย 4G ไว้ทั้งวัน กลับถึงบ้านพบว่าแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 40 % ซึ่งถือว่าอึดพอสมควร หมดกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวัน แต่หากเปรียบเทียบกับ ZenFone Max 3 รุ่นก่อนจะอึดกว่านิดหน่อย เนื่องจากมีหน้าจอขนาดเล็กกว่า จึงทำให้กินพลังงานน้อยกว่า

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-10

    Gallery

    จุดเด่น

    – แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สามารถใช้งานได้ทั้งวัน
    – โฟกัสภาพด้วยเลเซอร์โฟกัสอย่างรวดเร็ว
    – กล้องถ่ายภาพทำได้ดีกว่า Laser 3
    – การออกแบบ วัสดุตัวเครื่องดีขึ้นจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด
    – เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ทำงานไว และปรับแต่งได้หลากหลาย
    – ZenUI ที่มีฟีเจอร์ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น

    ข้อสังเกต

    – ตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่ และหนักพอสมควร
    – ชิปประมวลผล Snapdragon 430 ที่เล่นเกมหนัก ๆ อาจจะไม่ไหว
    – แรมยังเก็บข้อมูลได้ไม่เหมาะกับขนาด 3 GB

    บทสรุป

    สำหรับ ASUS ZenFone 3 Max รุ่นปรับสเปคที่ ASUS นำเข้ามาวางขายกันแบบไม่เกรงใจรุ่น ZenFone 3 Laser ก่อนหน้านี้เลยทีเดียว เนื่องจากมีรายละเอียดสเปคที่ใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง ZenFone 3 Max จะมีราคาถูกกว่าหนึ่งพันบาท โดยมีราคาอยู่ที่ 7,990 บาท แต่สเปคบางอย่างกลับให้มาดีกว่าเช่นกล้องหลังเป็น 16 ล้านพิกเซลพร้อมกับ Laser โฟกัส และแบตเตอรี่ขนาด 4,100 mAh พร้อมกับเป็นโหมด PowerBank ได้ จะมีเพียงแรมที่น้อยกว่าเท่านั้น ทำให้หลายคนที่เล็ง ZenFone 3 Laser เกิดความลังเลอยู่ไม่น้อย ซึ่งเจ้า ZenFone 3 Max รุ่นใหม่นี้ถือว่าปรับสเปคให้เติมเต็มจากรุ่นเดิม โดยมากับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้วความละเอียด Full HD เพิ่มแรมเป็น 3 GB เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเป็น 32 GB เพิ่มกล้องหลังเป็น 16 ล้านพิกเซลและกล้องหน้าเป็น 8 ล้านพิกเซล ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 430 ซึ่งทั้งหมดนี้เพิ่มเงินอีกประมาณสามพันบาทเท่านั้น แต่สิ่งที่ได้กลับมาถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ซึ่งจุดเด่นของ ZenFone 3 Max นี้ยังคงเป็นเรื่องของแบตเตอรี่ที่ใช้งานหนัก ๆ ได้เต็มวันเหมือนเคย ซึ่งหากใครกำลังสนใจอยู่ก็ลองไปจับเล่นได้ที่ร้านได้เลย เพราะตัวเครื่องอาจจะมีน้ำหนักและใหญ่ขึ้นมาหน่อยและเผื่อจะได้ลองเปรียบเทียบกับ ZenFone 3 Laser ด้วย หากถูกใจตัวไหนก็จัดได้เลยครับ
    Editor : Nayvardar
    85
    BEST PRICE

    Design

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-11

    เชื่อว่าหลายคนคงตัดสินใจยาก

    ระหว่าง Laser หรือ Max ??

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-13

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-14

    จากที่เคยกล่าวไว้ในหลายบทความรีวิวของ ASUS ZenFone รุ่นที่ 3 สร้างความประทับใจในการออกแบบที่แตกต่างจากรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด โดยได้ทิ้งการออกแบบแบบเดิมไปจนหมด และไม่ใช้การออกแบบที่คล้ายกันอีกต่อไป ซึ่งรุ่น Max รุ่นปรับโฉมนี้ก็จะมีการออกแบบแตกต่างไปจากรุ่นเดิม ซึ่งถือว่า ASUS ได้ลบจุดด้อยในการออกแบบตัวเครื่องไปหมดแล้วใน ZenFone รุ่นที่ 3 นี้

    สำหรับรายละเอียดการออกแบบของ ASUS ZenFone 3 Max มีขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 151.4 x 76.24 x 8.3 มีความแตกต่างไปจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน เริ่มจากด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นกระจกทั้งหมด ซึ่งมีการนำกระจกแบบ 2.5 D มาใช้ที่ด้านหน้าของตัวเครื่อง ภายใต้หน้าจอนั้นมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้ว ในส่วนด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นลำโพงสนทนา ซึ่งจะมีกล้องหน้าและเซ็นเซอร์ต่าง ๆ อยู่ระหว่างลำโพงสนทนา ในส่วนด้านล่างจะเป็นปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking แบบสัมผัสอยู่ใต้หน้าจอ

    ในส่วนของด้านหลังมีการออกแบบรูปลักษณ์ให้มีลักษณะโค้งมนด้านข้างเพื่อให้สามารถจับถือได้ง่าย โดยใช้วัสดุโลหะที่ด้านหลังที่เรียบทั้งด้านหลังไม่โค้งเหมือนกับรุ่นเดิม ตัวเครื่องมีความหนาขึ้นทำให้จับสะดวกมากขึ้น ตัดเส้นสายเป็นสีเงินมันวาวซึ่งน่าจะเป็นเส้นเสาอากาศคาดด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง ด้านบนของฝาหลังจะเป็นกล้องที่เป็นสี่เหลี่ยมตัดขอบด้วยโลหะสวยงาม และ Dual LED Flash และอีกด้านจะเป็นที่อยู่ของเลเซอร์โฟกัสอัตโนมัติ ถัดมาด้านล่างจะเป็นฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวลงมา บริเวณด้านล่างจะมีโลโก้ ASUS  สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะมีเฉพาะช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบ microUSB และลำโพงใช้สำหรับสนทนาเท่านั้น ในส่วนด้านข้างของตัวเครื่องที่ด้านขวาจะเป็นปุ่มเพิ่มเสียง ลดเสียง และปุ่มพาวเวอร์ ส่วนด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิม

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-15

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-16

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-17

    สำหรับหน้าจอของ ASUS ZenFone 3 Laser จะมากับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ที่มีความละเอียด 1920 × 1080 พิกเซล ที่มีความละเอียด 401 DPI และมีความสว่างสูงสุดที่ 450 nits ที่แสดงผลในที่มีแสงจ้าได้ดีเยี่ยม และถูกหุ้มด้วยกระจกแบบ 2.5 D ทำให้ด้านหน้ามีความโค้งมนสวยงามกว่ารุ่นเดิม

    จากการใช้งานจริง  หากมองจากตัวเครื่องด้านหน้ารู้สึกว่ามันสวยงามกว่ารุ่นเดิมมาก ๆ ตัวเครื่องด้านหลังเป็นโลหะที่ให้ความรู้สึกแน่นหนา หรูหราไม่ดูก๊องแก๊งพลาสติกเหมือนรุ่นเดิม การจับถือตัวเครื่องขณะใช้งานมือเดียวยังคงได้อยู่ สำหรับคนที่มีมือใหญ่และชอบใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอใหญ่ แต่คนที่มือเล็กก็ยังถือว่าใช้งานได้จากน้ำหนักตัวเครื่องที่ไม่หนักจนเกินไปโดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 175 กรัมซึ่งถือว่าหนักและใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด แต่ตัวเครื่องที่โค้งรับกับมือทำให้หลุดมือได้ยาก ในเรื่องของวัสดุของตัวเครื่องถือว่าทำได้ดี สำหรับความละเอียดของหน้าจอที่มีความละเอียด 1920 x  1080 ก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน ซึ่งจากการใช้งานจริงยังไม่พบปัญหาในเรื่องของการออกแบบ จะมีที่ขัดใจเล็กน้อยคือพวกปุ่มสามปุ่มด้านล่าง ที่เป็นปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking แบบสัมผัสอยู่ใต้หน้าจอไม่มีไฟมาให้

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-19

    Software

    l1

    l2

    ASUS ZenFone 3 Max มาพร้อมกับ Android 6.0 ทำงานร่วมกับ ASUS ZenUI 3.0 ที่เป็นเอกลักษณ์ของ ASUS ที่เหมือนกับรุ่น Laser 3 แบบเป๊ะ ๆ จึงขอนำภาพมาจาก ZenFone 3 Laser มาไว้ในบทความนี้ด้วยกันเลย ซึ่งจากการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นฟีเจอร์ ZenMotion นั้นได้ใช้งานบ่อยมาก ตั้งแต่การเปิดหน้าจอและปิดหน้าจอที่สามารถทำได้โดยแตะหน้าจอสองครั้งติดกันแทนการสแกนลายนิ้วมือ หรือจะวาดเป็นตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเข้าสู้แอพพลิเคชั่นที่ตั้งค่าไว้ได้  สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง ทั่วไป ใช้งานได้อย่างสบาย สลับแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วจากแรมที่มีขนาด 3 GB ที่สำคัญใน ZenUI 3.0 ในส่วนของ Lock Screen ก็มีการแสดงภาพเป็นเอนิเมชั่นเคลื่อนไหวตามสภาพอากาศที่ดูสวยงาม นอกจากนี้ยังมี Theme Store ให้ดาวน์โหลดเพื่อปรับเปลี่ยนธีมได้อีกหลายร้อยรูปแบบ

    l3

    l7

     

    Feature

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-6

    Battery 4,100 mAh ที่ชาร์จให้อุปกรณ์อื่นได้

    สำหรับฟีเจอร์ที่ถือเป็นจุดเด่นอย่างแรกของ ZenFone 3 Max ที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือแบตเตอรี่ เนื่องจากให้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,100 mAh ที่ทาง ASUS เคลมว่าสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องทั้งวันโดยไม่ต้องชาร์จ ชนิดที่ไม่ต้องพก Power Bank เลยทีเดียว โดฃยทาง ASUS เผยว่าสามารถใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ต่อเนื่อง 19 ชั่วโมง และสามารถฟังเพลงได้ถึง 72 ชั่วโมง และสามารถแสตนด์บายในโหมด 4G ได้ถึง 38 วัน ที่สำคัญ ZenFone 3 Max ยังมากับฟีเจอร์ Reverse Charging ที่สามารถเป็น Power Bank ชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ โดยการใช้สาย OTG ที่แถมให้ภายในกล่อง อีกฟีเจอร์หนึ่งคือ  Super Saving Mode ที่สามารถเพิ่มเวลาสแตนบายด์ได้อีกถึง 30 ชั่วโมงแม้จะมีแบตเตอรี่เหลือเพียง 10 % เอาไว้ฉุกเฉิน ซึ่งตามไปดูการทดสอบความอึดของแบตเตอรี่ได้ที่รีวิว ASUS Zenfone 3 Max หมวด Performance ได้เลยครับ

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-7

     

    Finger Print ที่เป็นมากกว่าเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-3

    เซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตัวนี้ก็จะยกมาจาก ZenFone 3 รุ่นอื่น ๆ เลย โดยจะอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง บริเวณด้านล่างของกล้องซึ่งสามารถบันทึกได้สูงสุดถึง 5 รอยนิ้วมือ สามารถปลดล็อคได้อย่างรวดเร็วที่ 0.3 วินาที ที่สำคัญยังสามารถวางนิ้วมือที่มุมไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมุมเดียวกันเมื่อตอนลงรหัสครั้งแรก จากการใช้งานจริงถือว่าเซนเซอร์ตัวนี้อำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถเข้าสู้หน้าจอได้เลยเพียงแตะที่เซ็นเซอร์ โดยไม่จำเป็นต้องกดปุ่มโฮมก่อน และมีความแม่นยำในเกณฑ์ที่ถือว่าดี มีบางครั้งที่อาจจะสแกนผิดพลาดไป หรือเซนเซอร์ไม่ทำงานต้องใส่รหัสผ่านเพื่อนปลดล็อคแทน แต่เกิดขึ้นไม่บ่อย

    zen3max2

    ที่สำคัญเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ ASUS ZenFone 3 Max ยังทำหน้าที่ได้อีกหลายเช่น สามารถรับสายเรียกเข้าได้โดยการแตะบนเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือค้างไว้ หรือการเปิดใช้กล้องโดยการแตะสองครั้งบนเซนเซอร์เพื่อเปิดกล้องขึ้นมาทันที และสามาถใช้เป็นชัตเตอร์ภาพได้ด้วยเมื่อใช้งานแอพ ฯ อยู่เพียงแค่แตะเบา ๆ

    Screenshot_20161109-164846

    Camera

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-18

    สำหรับรายละเอียดของกล้องของ ASUS ZenFone 3 Max นั้นแอบเซอร์ไพรส์นิด ๆ เนื่องจากมันถ่ายภาพได้ดีกว่า ZenFone 3 Laser และดีกว่า ZenFone 3 Max รุ่นก่อนหน้าอย่างมาก โดยมาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 และ Dual LED Flash ที่สำคัญยังมาพร้อมกับเลเซอร์โฟกัสอีกต่างหาก ซึ่งจะว่าไปมันเป็นจุดเด่นที่อยู่ใน ZenFone 3 Laser เลยก็ว่าได้

    สำหรับจุดเด่นคงเป็นระบบออโต้โฟกัส แบบเลเซอร์รุ่นที่ 2 ที่สามารถจับโฟกัสได้รวดเร็วเพียง 0.03 วินาทีเท่านั้น สมาร์ทโฟนจะยิงลำแสงเลเซอร์ออกไปเพื่อวัดระยะห่างของวัตถุด้วยความเร็วแสงทำให้จับภาพระยะใกล้ได้อย่างรวดเร็วและภาพมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม อีกฟีเจอร์ที่สำคัญคือระบบกันสั่น EIS ที่มาด้วยกัน 3 แกนช่วยให้การถ่ายวิดีโอนิ่งขึ้น  ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านที่มีจุดเด่นที่โหมด Beautification ที่ช่วยลบริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าและปรับสภาพของผิวให้เนียนขึ้นสำหรับใครชอบถ่ายเซลฟี่ต้องชอบแน่นอน

    สำหรับซอฟต์แวร์ Pixel Master ที่อยู่ประจำการในสมาร์ทโฟน ASUS เกือบทุกรุ่น จึงขอนำภาพของ ZenFone 3 Laser ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เดียวกันมาใส่ในรีวิวตัวนี้ โดยเป็นซอฟต์แวร์ที่มีการใช้งานง่ายมีโหมดต่าง ๆ ให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งในเครื่องนี้จะเป็น Pixel Master 3.0 ที่มีโหมดถ่ายภาพ HDR Pro , Low Light , Beautiful , Time Lapse , Effect และ Night มาให้ ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด

    l4

    l5

    l6

    จากการใช้งานจริงคิดว่า ASUS แอบเน้นเรื่องกล้องให้กับ ZenFone 3 Max พอสมควร เนื่องจากประสิทธิภาพของกล้องที่ดีกว่า ZenFone 3 Max รุ่นก่อนหน้านี้อย่างเห็นได้ชัด และแอบดีกว่า ZenFone 3 Laser เล็กน้อยด้วย ซึ่งสามารถถ่ายภาพทั่วไปได้ในระดับเกณฑ์ที่น่าพอใจหากเปรียบเทียบกับราคาที่ไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท การจับโฟกัสภาพที่รวดเร็วสมกับที่ ASUS ภูมิใจนำเสนอ แต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการถ่ายภาพในระยะใกล้เท่านั้น ซึ่งหากถ่ายวิวก็จะเป็นโฟกัสแบบทั่วไป สิ่งที่น่าประทับใจคือมีโหมดให้เลือกมากมายและมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดยกตัวอย่างที่ภาพด้านล่างเป็นภาพที่ถ่ายโดยโหมดอัตโนมัติ โหมด HDR Pro และโหมดกลางคืนที่ถือว่าเอาอยู่ในการถ่ายภาพตอนกลางคืนและตอนกลางวันที่มีแสงจ้า

    ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลังของ ASUS ZenFone 3 Max

     

    Performance

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-5

    ASUS ZenFone 3 Max มาพร้อมกับชิปประมวลผล Snapdragon 430 ซึ่งเป็นชิป Octa-Core ARM Cortex A53 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.4 GHz พร้อมกับ GPU Adreno 505 และแรมขนาด  3 GB จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต หรือโซเชียลต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งให้แรมมาถึง 3 GB ถึงแม้ว่าจะน้อยกว่า ZenFone Laser 3 แต่ก็แตกต่างกันไม่มาก มีการสลับแอพพลิเคชั่นเป็นไปอย่างลื่นไหล แต่จากการใช้งานพบว่าแรมยังมีการเคลียร์ตัวเองบ่อย ไม่สามารถเก็บข้อมูลแอพพลิเคชั่นใหญ่ ๆ ได้ ยกตัวอย่างเล่นเกมโปเกมอนอยู่กดออกมาเปลี่ยนเพลงนิดหน่อย แล้วกลับเข้าไปเล่นเกมต่อก็มีการโหลดแอพพลิเคชั่นใหม่ สำหรับการเล่นเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ นั้นอาจจะมีเฟรมเรทตกบ้างตามประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับกลาง ๆ

    สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นมีขนาด 32 GB ซึ่งใช้งานทั่วไปก็ถือว่ามีขนาดเหลือเฟือ แต่สำหรับคนที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ ก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย microSD และรองรับ Dual Sim ซึ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นหากเข้าเล่นเว็บไซต์ทั่วไป เล่นโซเชียลต่าง ๆ ยังคงทำงานได้แบบไม่ติดขัด แต่ถ้าหากใช้งานหนัก ๆ เช่นการเล่นเกมส์ที่มีกราฟฟิกหนัก ๆ จะเริ่มมีการกระตุกให้เห็นกันบ้างแล้ว แต่ก็ถือว่าเล่นได้อยู่ ไม่ได้กระตุกจนน่ารำคาญ การสลับแอพพลิเคชั่นก็ทำได้ระดับพอดี เนื่องจากแรมที่ให้มา 3 GB แต่อาจจะมีการเก็บข้อมูลแอพพลิเคชั่นได้ไม่ค่อยเหมาะกับ 3 GB เท่าไหร่นัก

    สำหรับแบตเตอรี่นั้นให้มาขนาด 4,100 mAh ที่ไม่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งทาง ASUS เคลมว่าใช้งานเข้าชมเว็บไซต์ด้วยการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ต่อเนื่อง 19 ชั่วโมง และสามารถฟังเพลงได้ถึง 72 ชั่วโมง และสามารถแสตนด์บายในโหมด 4G ได้ถึง 38 วัน ซึ่งจากการใช้งานทั่วไปในหนึ่งวัน เช่นการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ และฟังเพลงไปด้วย 2 ชั่วโมง เล่นโซเชียล 1 ชั่วโมง มีเล่นเกมบ้างประมาณ 1 ชั่วโมง เปิดเครือข่าย 4G ไว้ทั้งวัน กลับถึงบ้านพบว่าแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 40 % ซึ่งถือว่าอึดพอสมควร หมดกังวลเรื่องแบตหมดระหว่างวัน แต่หากเปรียบเทียบกับ ZenFone Max 3 รุ่นก่อนจะอึดกว่านิดหน่อย เนื่องจากมีหน้าจอขนาดเล็กกว่า จึงทำให้กินพลังงานน้อยกว่า

    Review-Asus-zenfone-3-max-SpecPhone-10

    Gallery

    Asus ASUS Zenfone 3 Max Review Zenfone 3
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    SpecPhone HQ

    Related Posts

    วิธีปิดไอจีชั่วคราวในโทรศัพท์ทำยังไงในปี 2025 ปิดโปรไฟล์ IG ชั่วคราวไม่ให้คนอื่นเห็นแบบง่ายๆ

    14 พฤษภาคม 2025

    รวมโทรศัพท์ติดโปรทรูล่าสุดปี 2568 ทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีรุ่นไหนราคาเท่าไหร่บ้าง เมื่อซื้อพร้อมแพ็กเกจทรู

    14 พฤษภาคม 2025

    วิธียกเลิกบริการเสริม AIS ที่เสียเงิน ยกเลิกข้อความเสียเงินจาก AIS ทำยังไง อัพเดท 2568

    13 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    แนะนำ 5 ฟีเจอร์โฟนราคาไม่เกิน 1,500 เน้นโทร ปุ่มใหญ่ USB-C

    15 พฤษภาคม 2025

    ลือ iPhone รุ่นครบรอบ 20 ปี ใช้จอไร้ขอบ และแบต solid-state

    15 พฤษภาคม 2025

    MediaTek เปิดตัวชิป Dimensity 9400e จับตลาดมือถือเรือธงรุ่นรอง

    15 พฤษภาคม 2025

    Universal Music Group ร่วมกับ Apple Music เปิดตัว Sound Therapy

    15 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X