หลังจากที่ ASUS ได้เปิดตัว Zenfone 2 Laser ในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งมุ่งเน้นให้ซีรี่ส์ Zenfone Laser มีจุดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพที่มีราคาไม่แพง โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่างเลเซอร์โฟกัสอัตโนมัติที่สามารถจับโฟกัสภาพได้รวดเร็วมาก และมีลูกเล่นซอฟต์แวร์ PixelMaster เข้ามาช่วยในด้านการถ่ายภาพอย่างมืออาชีพ
ก่อนที่จะเข้าสู่รีวิว มาทำความรู้จักความเป็นมาของ Zenfone 2 Laser กันก่อน เพราะ ASUS ได้วางขายในประเทศไทยด้วยชื่อ Zenfone 2 Laser ถึง 5 รุ่นย่อย โดยในช่วงเดือนกันยายนในปีที่แล้ว ASUS ได้เปิดตัว Zenfone 2 Laser ก่อน 3 รุ่นย่อยนั่นก็คือ Asus Zenfone 2 Laser (ZE500KG) Asus Zenfone 2 Laser (ZE500KL) และ Asus Zenfone 2 Laser (ZE550KL) ซึ่งมีความแตกต่างกันที่ความละเอียดของกล้องหลัง ขนาดของหน้าจอ และราคาที่อย่ในเชื่อง 5,000-6,000 บาท ต่อมาในช่วงเดือนมกราคมในปีนี้ ASUS ได้เปิดตัว Asus Zenfone 2 Laser (ZE601KL) โดยเพิ่มขนาดหน้าจอขึ้นเป็น 6 นิ้วและแรม 3 GB โดยมีราคาอยู่ที่ 8,490 บาท และล่าสุด ASUS ได้ปรับปรุงสเปคและนำ Asus Zenfone 2 Laser SE ออกมาขายอีกครั้งซึ่งสามารถเข้าไปดูความแตกต่างของ Zenfone 2 Laser ได้ที่เปรียบเทียบสเปค Zenfone 2 Laser และในบทความรีวิวครั้งนี้ก็จะเป็นรุ่นนี้ Zenfone 2 Laser SE โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
สเปค ASUS Zenfone 2 Laser SE
- หน้าจอขนาด 5.5 นิ้วแบบ IPS LCD ที่มีความละเอียด 1280 × 720 พิเซล
- ชิปประมวลผล Snapdragon 615 MSM8939 Quad-core 1.5 GHz
- แรม 3 GB
- หน่วยความจำภายใน 32 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD ได้สูงสุด 128 GB)
- กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฎิบัติการ Android 6.0.1
- แบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh
- ราคา 6,990 บาท
- สเปคแบบเต็มของ ASUS Zenfone 2 Laser SE
สำหรับสเปคของ ASUS Zenfone 2 Laser SE หรือเติมคำว่า Special Edition เข้าไป จะอัพเกรดสเปคจาก Asus Zenfone 2 Laser (ZE550KL) ที่วางขายในปีที่แล้ว โดยจะเปลี่ยนมาใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 615 MSM8939 Quad-core @ 1.5 GHz จากรุ่นเดิมที่ใช้ Snapdragon 410 และทำการเพิ่มแรมเป็น 3 GB จากเดิมที่มีอยู่ 2 GB เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลภายในเป็น 32 GB และใช้ระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 ซึ่งจะเพิ่มราคาเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมหนึ่งพันบาทและกับสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามา ซึ่งก็ถือเป็นการอัพเกรดสเปคทิ้งท้ายก่อนที่จะเปิดตัว Zenfone 3 Laser ในประเทศไทย
จุดเด่น
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
“ปรับสเปคใหม่ ในร่างเดิม”
ASUS Zenfone Laser 2 SE เป็นรุ่นที่นำโมเดล Asus Zenfone 2 Laser (ZE550KL) ที่มีการวางขายในปีที่แล้วมาอัพเกรดสเปคและวางขายอีกครั้งในปีนี้ จึงมีตัวเครื่องภายนอกที่เหมือนกัน ซึ่งก็มีลักษณะเหมือนกับ ASUS Zenfone 2 ทั่วไปนั้นก็คือเน้นความเป็นพรีเมี่ยมที่มีเอกลักษณ์ด้วยการวาดลวดลายโลหะให้เป็นเส้นวงกลมให้ดูมีมิติที่ทำให้รู้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนของ ASUS ซึ่งสำหรับ ASUS Zenfone Laser 2 SE จะเป็นรุ่นที่ทำตลาดในระดับกลางที่ค่อนข้างลงไปตลาดล่างด้วย จึงเลือกใช้วัสดุพลาสติกที่ขัดลายให้เป็นโลหะเพื่อที่ให้สัมผัสที่คล้ายกับโลหะในราคาต้นทุนที่ถูกกว่าได้
สำหรับรายละเอียดการออกแบบของ ASUS Zenfone Laser 2 SE เริ่มจากด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นกระจกเกือบทั้งหมดโดยจะมีบริเวณด้านล่างของตัวเครื่องเท่านั้นที่เป็นพลาสติกขัดลวดลายให้มีลักษณะเป็นโลหะที่มีเส้นสายครึ่งวงกลมที่เป็นเอกลักษณ์ของ ASUS และภายใต้หน้าจอนั้นมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้วอยู่ด้านใน +โดยมีการออกแบบลดความกว้างของขอบให้บางลงทำให้พื้นที่หน้าจอคิดเป็น 72 % จากตัวเครื่องด้านหน้าทั้งหมด ในส่วนด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นลำโพงสนทนาสีเงินที่อยู่บนโลโก้ ASUS ที่อยู่ตรงกลางระหว่างกล้องหน้า และเซ็นเซอร์วัดระดับแสงและวัดระยะห่างของใบหน้า ในส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเมนูแบบสัมผัสแบบ 3 ปุ่มนั่นก็คือ ปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking ที่เป็นสีเงินเนื่องจากยังไม่มีไฟมาให้
ในส่วนของด้านหลังมีการออกแบบรูปลักษณ์ให้มีลักษณะโค้งเพื่อให้สามารถจับถือได้ง่าย โดยมีส่วนที่บางที่สุดอยู่ที่ 3.9 มม. และตัวเครื่องหนาสุดที่ 10.9 มม. ในส่วนของฝาหลังใช้วัสดุพลาสติกที่มีการขัดลายให้เหมือนกับโลหะที่ดูสวยงาม ด้านบนของฝาหลังจะเป็นกล้องที่อยู่ระหว่าง Dual LED Flash และเลเซอร์โฟกัสอัตโนมัติที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ ถัดมาด้านล่างจะเป็นปุ่มวงรีขนาดใหญ่สีเงิน ที่ขัดลายให้คล้ายกับโลหะซึ่งจะเป็นปุ่มสำหรับเพิ่มเสียงและลดเสียงนั่นเอง บริเวณตรงกลางจะเป็นโลโก้ ASUS ขนาดใหญ่ และลำโพงหลังจะเป็นสี่เหลี่ยมคาดยาวด้านล่างของฝาหลังตัวเครื่อง สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของปุ่มพาวเวอร์ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงสำหรับตัดเสียงรบกวน ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบ microUSB และลำโพงใช้สำหรับสนทนา ในส่วนด้านข้างของตัวเครื่องทั้งสองด้านไม่มีปุ่มอะไรเลย เพราะการย้ายปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงไปไว้ด้านหลังของตัวเครื่องนั่นเอง
สำหรับหน้าจอของ ASUS Zenfone Laser 2 SE จะมากับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ที่มีความละเอียด 1280 × 720 พิกเซล ที่มีความละเอียด 267 DPI และมีความสว่างสูงสุดที่ 400 nits พร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอ TruVivid ทำให้หน้าจอแสดงสีได้สดใสสวยงาม ที่สำคัญยังมากับเทคโนโลยีกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 4 ซึ่งเพิ่มความทนทานมากกว่ารุ่นเดิมถึง 2.5 เท่า และลดหน้าจอแตกได้มากกว่าหน้าจอทั่วไปถึง 85 % ซึ่งถ้าหาก ASUS Zenfone Laser 2 SE มีหน้าจอความละเอียด 1920 × 1080 จะเป็นอะไรที่ครบมาก
จากการใช้งานจริง การจับถือตัวเครื่องให้ความกระชับมือมากจากตัวเครื่องทีมีความโค้งรับกับมือในขณะที่จับถือ ฝาหลังที่เป็นพลาสติกแต่ขัดลายให้เป็นโลหะถึงแม้จะให้ความรู้สึกว่ามันเปราะบางไม่แข็งแรง แต่ก็ให้ความรู้สึกดีกว่าพลาสติกที่เรียบ ๆ นะ สำหรับขอบจอนั้นยังมีความหนาอยู่ตามสไตล์การออกแบบของ Zenfone Generation 2 ซึ่งถ้าบางมากกว่านี้น่าจะทำให้ตัวเครื่องดูสวยขึ้น สิ่งที่เป็นข้อสังเกตมากที่สุดคงจะเป็นความละเอียดของหน้าจอซึ่งมีความละเอียด 1280 × 720 ทำให้หน้าจอดูไม่คมชัดสักเท่าไหร่ บางครั้งต้องเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ซึ่งหากใครที่เคยใช้หน้าจอความละเอียด 1920 × 1080 มาก่อนเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
Software
ในส่วนของซอฟต์แวร์นั้น ASUS Zenfone 2 Laser SE มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่มชม เนื่องจาก Zenfone 2 Laser ที่วางขายในปีที่แล้วนั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ซึ่งถือว่า ASUS ได้อัพเดท Android เวอร์ชั่นใหม่มาให้ด้วย โดย ASUS Zenfone 2 Laser SE ยังมาพร้อมอินเตอร์เฟส ZenUI ที่มีฟังก์ชันการทำงานอีกเพียบ เช่น ZenMotion, Snapview และ ZenUI Instant Updates ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการใช้งานให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นฟีเจอร์ ZenMotion นั้นได้ใช้งานบ่อยมาก ตั้งแต่การเปิดหน้าจอและปิดหน้าจอที่สามารถทำได้โดยแตะหน้าจอสองครั้งติดกันแทนการเอื้อมมือไปกดปุ่มพาวเวอร์ หรือจะวาดเป็นตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเข้าสู้แอพพลิเคชั่นที่ตั้งค่าไว้ได้ และผลพลอยได้จากระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow นั่นก็คือ DozeMode ที่ทำให้ประหยัดพลังงานขณะอยู่ในโหมด Sleep อย่างเห็นได้ชัด สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง ทั่วไป ใช้งานได้อย่างสบาย สลับแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วจากแรมที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 3 GB และระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ทำให้ตัวเครื่องทำงานได้อย่างลื่น ๆ
Feature
Laser Auto-Focus
กล้องหลังมีเทคโนโลยีเลเซอร์ออโต้โฟกัสที่ความรวดเร็วในการจับโฟกัสอย่างมาก โดยใช้เวลาในการจับโฟกัสภาพเพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น ทำให้การถ่ายภาพในระยะใลก้ได้รวดเร็วและได้ภาพที่คมชัดแม้ในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย
โหมดแบล็คไลท์ Pixel Master (Super HDR)
จะทำการจับภาพหลายช็อตในฉากเดียวกันอย่างอัตโนมัติโดยเทคโนโลยี ASUS Pixel Enhancing ในการประมวลผล ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างมากถึง 4 เท่า ส่งผลให้ภาพถ่ายสว่างขึ้นมากถึง 400% ซึ่งมาพร้อมกับความคมชัดและรายละเอียดของภาพที่สมจริงซึ่งจากการทดสอบถ่ายภาพด้วยโหมดปกติ และโหมด Super HDR จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่าโหมด Super HDR นั้นทำให้ภาพสมจริงและสวยงามขึ้นมาก
ASUS ZenUI Interface
ZenUI เป็นอินเตอร์เฟซของของ ASUS ที่ช่วยในการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น ZenMotion ที่เป็นศูนย์รวมของฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้การใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันสะดวกมากขึ้น สำหรับ Personalized UI เป็นศูนย์รวมของธีมรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับตกแต่งสมาร์ทโฟนให้มีความแปลกใหม่เสมอ และมีส่วนในการรักษาความปลอดภัยโดนจะมีการอัพเดท ZenUI อยู่เสมอ
Camera
สำหรับรายละเอียดของกล้องของ ASUS Zenfone 2 Laser SE มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์ 5 ชิ้นที่ผลิตจาก Largan Precision มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 และมี Dual Tone LED Flash มีเทคโนโลยี Pixel-Merging ที่ช่วยจับภาพให้สว่างขึ้นสูงสุด 400 % ในขณะถ่ายภาพที่มีแสงน้อย และมีโหมด Super Resolution ที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุดได้ถึง 52 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลที่สามารถถ่ายมุมกว้างได้ถึง 85 องศา
สำหรับซอฟต์แวร์ Pixel Master ที่อยู่ประจำการในสมาร์ทโฟน ASUS เกือบทุกรุ่นนั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่มีการใช้งานง่ายมีโหมดต่าง ๆ ให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งในเครื่องนี้จะเป็น Pixel Master 2.0 จากการใช้งานจริงถือว่าทำได้เหมาะสมกับราคา ซึ่งจะดูโดดเด่นในขณะที่ถ่ายรูปแบบมาโคร จะจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเซอร์โฟกัสจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ใกล้วัตถุที่ถ่ายภาพ อีกจุดเด่นหนึ่งก็คือโหมด Super HDR และโหมดถ่ายในที่มืดซึ่งระบบจะทำการตรวจภาพอัตโนมัติถ้าหากพบว่าอยู่ในสถานที่แสงน้อยก็จะขึ้นเมนูลัดขึ้นมาให้ใช้ได้อย่างสะดวกมาก ซึ่งจากการถ่ายด้วย Super HDR จะทำให้ภาพสวยงามและสมจริงมากกว่าโหมดปกติอย่างเห็นได้ชัด สำหรับโหมดกลางคืนก็เร่งแสงขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจไม่ต้องเปิดแฟลชแต่อย่างใด ถึงแม้คุณภาพของรูปอาจจะไม่สู้พวกตระกูล Zenfone Zoom แต่ก็ให้คุณภาพที่เหมาะสมในราคาที่ไม่แพง
ตัวอย่างจากกล้องหน้าและกล้องหลังของ ASUS Zenfone 2 Laser SE
Performance
ASUS Zenfone 2 Laser SE มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 615 MSM8939 ซึ่งเป็นชิป Quad Core 8x ARM Cortex A53 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.5 GHz พร้อมกับ GPU Adreno 405 ซึ่งอัพเกรดขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้ชิป Snapdragon 410 Quad Core @ 1.2 GHz และแรมถูกเพิ่มขึ้นเป็น 3 GB จากรุ่นเดิมที่มีอยู่ 2 GB จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต หรือโซเชียวต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งจากแรมที่เพิ่มเข้ามาทำให้การสลับแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ถ้าหากเปิดแอพพลิเคชั่นไว้เยอะ ๆ ก็แอบมีการโหลดข้อมูลใหม่บ้างเนื่องจากแอพพลิเคชันปัจจุบันก็กินแรมเยอะเหมือนกันซึ่งแรมขนาด 3 GB นั้นถือว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปเท่านั้น แต่สำหรับเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ นั้นอาจจะมีเฟรมเรทตกบ้างตามประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับกลาง ๆ สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นมีขนาด 32 GB ซึ่งใช้งานทั่วไปก็ถือว่ามีขนาดเหลือเฟือ แต่สำหรับคนที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ ก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย microSD สูงสุดถึง 128 GB
สำหรับแบตเตอรี่นั้นให้มาขนาด 3,000 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งจากการใช้งานทั่วไปในหนึ่งวัน เช่นการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ และฟังเพลงไปด้วย 2 ชั่วโมง เล่นโซเชียล 1 ชั่วโมง เปิดเครือข่าย 4G ไว้ทั้งวัน กลับถึงบ้านพบว่าแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 30 % ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้จากระบบปฏิบัติการ Android Marshmallow 6.0.1 ที่มี DozeMode เข้ามาช่วยในเรื่องการหยุดการทำงานของตัวเครื่องที่ไม่จำเป็นในขณะเครื่องอยู่ในโหมด Sleep ทำให้ถึงแม้ว่าจะเปิดเครือข่ายมือถือทิ้งไว้ก็กินแบตเตอรี่ไปน้อยมาก
Gallery
จุดเด่น
ข้อสังเกต
บทสรุป
BEST PRICE
Design
“ปรับสเปคใหม่ ในร่างเดิม”
ASUS Zenfone Laser 2 SE เป็นรุ่นที่นำโมเดล Asus Zenfone 2 Laser (ZE550KL) ที่มีการวางขายในปีที่แล้วมาอัพเกรดสเปคและวางขายอีกครั้งในปีนี้ จึงมีตัวเครื่องภายนอกที่เหมือนกัน ซึ่งก็มีลักษณะเหมือนกับ ASUS Zenfone 2 ทั่วไปนั้นก็คือเน้นความเป็นพรีเมี่ยมที่มีเอกลักษณ์ด้วยการวาดลวดลายโลหะให้เป็นเส้นวงกลมให้ดูมีมิติที่ทำให้รู้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนของ ASUS ซึ่งสำหรับ ASUS Zenfone Laser 2 SE จะเป็นรุ่นที่ทำตลาดในระดับกลางที่ค่อนข้างลงไปตลาดล่างด้วย จึงเลือกใช้วัสดุพลาสติกที่ขัดลายให้เป็นโลหะเพื่อที่ให้สัมผัสที่คล้ายกับโลหะในราคาต้นทุนที่ถูกกว่าได้
สำหรับรายละเอียดการออกแบบของ ASUS Zenfone Laser 2 SE เริ่มจากด้านหน้าของตัวเครื่องจะเป็นกระจกเกือบทั้งหมดโดยจะมีบริเวณด้านล่างของตัวเครื่องเท่านั้นที่เป็นพลาสติกขัดลวดลายให้มีลักษณะเป็นโลหะที่มีเส้นสายครึ่งวงกลมที่เป็นเอกลักษณ์ของ ASUS และภายใต้หน้าจอนั้นมีหน้าจอแสดงผลขนาด 5.5 นิ้วอยู่ด้านใน +โดยมีการออกแบบลดความกว้างของขอบให้บางลงทำให้พื้นที่หน้าจอคิดเป็น 72 % จากตัวเครื่องด้านหน้าทั้งหมด ในส่วนด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นลำโพงสนทนาสีเงินที่อยู่บนโลโก้ ASUS ที่อยู่ตรงกลางระหว่างกล้องหน้า และเซ็นเซอร์วัดระดับแสงและวัดระยะห่างของใบหน้า ในส่วนด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นปุ่มเมนูแบบสัมผัสแบบ 3 ปุ่มนั่นก็คือ ปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking ที่เป็นสีเงินเนื่องจากยังไม่มีไฟมาให้
ในส่วนของด้านหลังมีการออกแบบรูปลักษณ์ให้มีลักษณะโค้งเพื่อให้สามารถจับถือได้ง่าย โดยมีส่วนที่บางที่สุดอยู่ที่ 3.9 มม. และตัวเครื่องหนาสุดที่ 10.9 มม. ในส่วนของฝาหลังใช้วัสดุพลาสติกที่มีการขัดลายให้เหมือนกับโลหะที่ดูสวยงาม ด้านบนของฝาหลังจะเป็นกล้องที่อยู่ระหว่าง Dual LED Flash และเลเซอร์โฟกัสอัตโนมัติที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ ถัดมาด้านล่างจะเป็นปุ่มวงรีขนาดใหญ่สีเงิน ที่ขัดลายให้คล้ายกับโลหะซึ่งจะเป็นปุ่มสำหรับเพิ่มเสียงและลดเสียงนั่นเอง บริเวณตรงกลางจะเป็นโลโก้ ASUS ขนาดใหญ่ และลำโพงหลังจะเป็นสี่เหลี่ยมคาดยาวด้านล่างของฝาหลังตัวเครื่อง สำหรับด้านบนของตัวเครื่องจะเป็นที่อยู่ของปุ่มพาวเวอร์ ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และลำโพงสำหรับตัดเสียงรบกวน ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีช่องเสียบ microUSB และลำโพงใช้สำหรับสนทนา ในส่วนด้านข้างของตัวเครื่องทั้งสองด้านไม่มีปุ่มอะไรเลย เพราะการย้ายปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงไปไว้ด้านหลังของตัวเครื่องนั่นเอง
สำหรับหน้าจอของ ASUS Zenfone Laser 2 SE จะมากับหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แบบ IPS LCD ที่มีความละเอียด 1280 × 720 พิกเซล ที่มีความละเอียด 267 DPI และมีความสว่างสูงสุดที่ 400 nits พร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอ TruVivid ทำให้หน้าจอแสดงสีได้สดใสสวยงาม ที่สำคัญยังมากับเทคโนโลยีกระจกหน้าจอ Gorilla Glass 4 ซึ่งเพิ่มความทนทานมากกว่ารุ่นเดิมถึง 2.5 เท่า และลดหน้าจอแตกได้มากกว่าหน้าจอทั่วไปถึง 85 % ซึ่งถ้าหาก ASUS Zenfone Laser 2 SE มีหน้าจอความละเอียด 1920 × 1080 จะเป็นอะไรที่ครบมาก
จากการใช้งานจริง การจับถือตัวเครื่องให้ความกระชับมือมากจากตัวเครื่องทีมีความโค้งรับกับมือในขณะที่จับถือ ฝาหลังที่เป็นพลาสติกแต่ขัดลายให้เป็นโลหะถึงแม้จะให้ความรู้สึกว่ามันเปราะบางไม่แข็งแรง แต่ก็ให้ความรู้สึกดีกว่าพลาสติกที่เรียบ ๆ นะ สำหรับขอบจอนั้นยังมีความหนาอยู่ตามสไตล์การออกแบบของ Zenfone Generation 2 ซึ่งถ้าบางมากกว่านี้น่าจะทำให้ตัวเครื่องดูสวยขึ้น สิ่งที่เป็นข้อสังเกตมากที่สุดคงจะเป็นความละเอียดของหน้าจอซึ่งมีความละเอียด 1280 × 720 ทำให้หน้าจอดูไม่คมชัดสักเท่าไหร่ บางครั้งต้องเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ซึ่งหากใครที่เคยใช้หน้าจอความละเอียด 1920 × 1080 มาก่อนเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
Software
ในส่วนของซอฟต์แวร์นั้น ASUS Zenfone 2 Laser SE มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าชื่มชม เนื่องจาก Zenfone 2 Laser ที่วางขายในปีที่แล้วนั้นใช้ระบบปฏิบัติการ Android 5.0 Lollipop ซึ่งถือว่า ASUS ได้อัพเดท Android เวอร์ชั่นใหม่มาให้ด้วย โดย ASUS Zenfone 2 Laser SE ยังมาพร้อมอินเตอร์เฟส ZenUI ที่มีฟังก์ชันการทำงานอีกเพียบ เช่น ZenMotion, Snapview และ ZenUI Instant Updates ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการใช้งานให้สะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันนั้นฟีเจอร์ ZenMotion นั้นได้ใช้งานบ่อยมาก ตั้งแต่การเปิดหน้าจอและปิดหน้าจอที่สามารถทำได้โดยแตะหน้าจอสองครั้งติดกันแทนการเอื้อมมือไปกดปุ่มพาวเวอร์ หรือจะวาดเป็นตัวอักษรบนหน้าจอเพื่อเข้าสู้แอพพลิเคชั่นที่ตั้งค่าไว้ได้ และผลพลอยได้จากระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow นั่นก็คือ DozeMode ที่ทำให้ประหยัดพลังงานขณะอยู่ในโหมด Sleep อย่างเห็นได้ชัด สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง ทั่วไป ใช้งานได้อย่างสบาย สลับแอพพลิเคชันได้อย่างรวดเร็วจากแรมที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 3 GB และระบบปฏิบัติการ Android 6.0.1 Marshmallow ทำให้ตัวเครื่องทำงานได้อย่างลื่น ๆ
Feature
Laser Auto-Focus
กล้องหลังมีเทคโนโลยีเลเซอร์ออโต้โฟกัสที่ความรวดเร็วในการจับโฟกัสอย่างมาก โดยใช้เวลาในการจับโฟกัสภาพเพียง 0.3 วินาทีเท่านั้น ทำให้การถ่ายภาพในระยะใลก้ได้รวดเร็วและได้ภาพที่คมชัดแม้ในสถานการณ์ที่มีแสงน้อย
โหมดแบล็คไลท์ Pixel Master (Super HDR)
จะทำการจับภาพหลายช็อตในฉากเดียวกันอย่างอัตโนมัติโดยเทคโนโลยี ASUS Pixel Enhancing ในการประมวลผล ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างมากถึง 4 เท่า ส่งผลให้ภาพถ่ายสว่างขึ้นมากถึง 400% ซึ่งมาพร้อมกับความคมชัดและรายละเอียดของภาพที่สมจริงซึ่งจากการทดสอบถ่ายภาพด้วยโหมดปกติ และโหมด Super HDR จากภาพด้านล่างจะเห็นได้ว่าโหมด Super HDR นั้นทำให้ภาพสมจริงและสวยงามขึ้นมาก
ASUS ZenUI Interface
ZenUI เป็นอินเตอร์เฟซของของ ASUS ที่ช่วยในการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็น ZenMotion ที่เป็นศูนย์รวมของฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้การใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันสะดวกมากขึ้น สำหรับ Personalized UI เป็นศูนย์รวมของธีมรูปแบบต่าง ๆ ที่ใช้สำหรับตกแต่งสมาร์ทโฟนให้มีความแปลกใหม่เสมอ และมีส่วนในการรักษาความปลอดภัยโดนจะมีการอัพเดท ZenUI อยู่เสมอ
Camera
สำหรับรายละเอียดของกล้องของ ASUS Zenfone 2 Laser SE มาพร้อมกับกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ที่มีเลนส์ 5 ชิ้นที่ผลิตจาก Largan Precision มีรูรับแสงกว้าง f/2.0 และมี Dual Tone LED Flash มีเทคโนโลยี Pixel-Merging ที่ช่วยจับภาพให้สว่างขึ้นสูงสุด 400 % ในขณะถ่ายภาพที่มีแสงน้อย และมีโหมด Super Resolution ที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดสูงสุดได้ถึง 52 ล้านพิกเซล ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 5 ล้านพิกเซลที่สามารถถ่ายมุมกว้างได้ถึง 85 องศา
สำหรับซอฟต์แวร์ Pixel Master ที่อยู่ประจำการในสมาร์ทโฟน ASUS เกือบทุกรุ่นนั้นเป็นซอฟต์แวร์ที่มีการใช้งานง่ายมีโหมดต่าง ๆ ให้เลือกใช้อย่างมากมาย ซึ่งในเครื่องนี้จะเป็น Pixel Master 2.0 จากการใช้งานจริงถือว่าทำได้เหมาะสมกับราคา ซึ่งจะดูโดดเด่นในขณะที่ถ่ายรูปแบบมาโคร จะจับโฟกัสได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเซอร์โฟกัสจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่ออยู่ใกล้วัตถุที่ถ่ายภาพ อีกจุดเด่นหนึ่งก็คือโหมด Super HDR และโหมดถ่ายในที่มืดซึ่งระบบจะทำการตรวจภาพอัตโนมัติถ้าหากพบว่าอยู่ในสถานที่แสงน้อยก็จะขึ้นเมนูลัดขึ้นมาให้ใช้ได้อย่างสะดวกมาก ซึ่งจากการถ่ายด้วย Super HDR จะทำให้ภาพสวยงามและสมจริงมากกว่าโหมดปกติอย่างเห็นได้ชัด สำหรับโหมดกลางคืนก็เร่งแสงขึ้นมาได้อย่างน่าประทับใจไม่ต้องเปิดแฟลชแต่อย่างใด ถึงแม้คุณภาพของรูปอาจจะไม่สู้พวกตระกูล Zenfone Zoom แต่ก็ให้คุณภาพที่เหมาะสมในราคาที่ไม่แพง
ตัวอย่างจากกล้องหน้าและกล้องหลังของ ASUS Zenfone 2 Laser SE
Performance
ASUS Zenfone 2 Laser SE มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 615 MSM8939 ซึ่งเป็นชิป Quad Core 8x ARM Cortex A53 ที่มีความเร็วในการประมวลผลอยู่ที่ 1.5 GHz พร้อมกับ GPU Adreno 405 ซึ่งอัพเกรดขึ้นจากรุ่นเดิมที่ใช้ชิป Snapdragon 410 Quad Core @ 1.2 GHz และแรมถูกเพิ่มขึ้นเป็น 3 GB จากรุ่นเดิมที่มีอยู่ 2 GB จากการใช้งานทั่วไปอย่างเล่นเน็ต หรือโซเชียวต่าง ๆ ใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งจากแรมที่เพิ่มเข้ามาทำให้การสลับแอพพลิเคชั่นได้รวดเร็วมากขึ้น แต่ถ้าหากเปิดแอพพลิเคชั่นไว้เยอะ ๆ ก็แอบมีการโหลดข้อมูลใหม่บ้างเนื่องจากแอพพลิเคชันปัจจุบันก็กินแรมเยอะเหมือนกันซึ่งแรมขนาด 3 GB นั้นถือว่าพอเพียงกับการใช้งานทั่วไปเท่านั้น แต่สำหรับเกมที่มีกราฟฟิกสูง ๆ นั้นอาจจะมีเฟรมเรทตกบ้างตามประสิทธิภาพของชิปประมวลผลระดับกลาง ๆ สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในนั้นมีขนาด 32 GB ซึ่งใช้งานทั่วไปก็ถือว่ามีขนาดเหลือเฟือ แต่สำหรับคนที่เก็บข้อมูลเยอะ ๆ ก็สามารถเพิ่มความจุได้ด้วย microSD สูงสุดถึง 128 GB
สำหรับแบตเตอรี่นั้นให้มาขนาด 3,000 mAh ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งจากการใช้งานทั่วไปในหนึ่งวัน เช่นการเข้าเว็บไซต์ต่าง ๆ และฟังเพลงไปด้วย 2 ชั่วโมง เล่นโซเชียล 1 ชั่วโมง เปิดเครือข่าย 4G ไว้ทั้งวัน กลับถึงบ้านพบว่าแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 30 % ซึ่งถือเป็นผลพลอยได้จากระบบปฏิบัติการ Android Marshmallow 6.0.1 ที่มี DozeMode เข้ามาช่วยในเรื่องการหยุดการทำงานของตัวเครื่องที่ไม่จำเป็นในขณะเครื่องอยู่ในโหมด Sleep ทำให้ถึงแม้ว่าจะเปิดเครือข่ายมือถือทิ้งไว้ก็กินแบตเตอรี่ไปน้อยมาก