Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»รีวิว ASUS ROG Phone 3 มือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ที่มาพร้อมปุ่ม AirTrigger ที่เทพขึ้น และอุปกรณ์เสริมขั้นเทพ
    Phone Review

    รีวิว ASUS ROG Phone 3 มือถือเกมมิ่งรุ่นใหม่ที่มาพร้อมปุ่ม AirTrigger ที่เทพขึ้น และอุปกรณ์เสริมขั้นเทพ

    ACHI-SPBy ACHI-SP29 กันยายน 2020Updated:4 ตุลาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ASUS ROG Phone 3 มือถือเกมมิ่งขั้นสุดจากทาง Asus ที่ตอนนี้ออกมาเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว ซึ่งได้มีการอัพเกรดสเปคให้เทพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชิป Snapdragon 865+ จอ 144Hz กล้อง 64MP และที่สำคัญ รองรับการชาร์จไฟแบบ PD 3.0 อีกด้วย ซึ่งตอนนี้ Asus ROG Phone 3 ก็ได้มาอยู่ในมือทีมงาน Specphone เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลังจากที่ได้ลองเอาไปเล่นมาระยะสั้น ๆ เราจะมาบอกเล่าประสบการณ์จากการใช้งานกัน

    ASUS ROG Phone​ 3

    จุดเด่น

    • มีหน้าจอ 144Hz พร้อม Touch-Sampling Rate 270Hz ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ไว
    • ใช้ชิป Snapdragon 865+
    • รองรับ 5G
    • ปุ่ม AirTrigger ที่ช่วยให้เล่นเกมง่ายขึ้น
    • แบตเตอรี่ 6,000 mAh

    จุดสังเกต

    • เครื่องค่อนข้างหนัก (240 กรัม)
    • ไม่มีเลนส์ Telephoto
    • ต้องใช้เวลาปรับตัวถึงจะชินกับปุ่ม AirTrigger
    • ถ่ายภาพกลางคืนหรือในที่แสงน้อยลำบาก

    สเปค ASUS ROG Phone 3

    • หน้าจอ : AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว ความละเอียด 1080 x 2340 พิกเซล รองรับ HDR10+ มี Refresh Rate 144Hz Touch-Sampling Rate 270Hz มีความสว่างสูงสุด 650 nits
    • ชิปประมวลผล : Qualcomm Snapdragon 865+
    • แรม : 12GB
    • หน่วยความจำ : 512GB
    • กล้องหลัง : รองรับการบันทึกวีดีโอ 8K 30fps
      • กล้อง Wide 64MP f/1.8
      • กล้อง Ultrawide 13MP f/2.4 มุมกว้าง 125 องศา
      • กล้อง Macro 5MP f/2.0
    • กล้องหน้า : 24MP f/2.0 รองรับการบันทึกวีดีโอที่ความละเอียดสูงสุด 1080p 30fps
    • การเชื่อมต่อ : Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, Bluetooth 5.1, NFC, USB Type-C 2 ช่อง (ด้านข้าง 3.1, ด้านล่าง 2.0)
    • เซ็นเซอร์ : สแกนลายนิ้วมือ, accelerometer, gyro, proximity, compass
    • แบตเตอรี่ : 6,000 mAh รองรับชาร์จเร็ว 30W (Power Delivery 3.0, Quick Charge 4.0, 3.0), รองรับ Reverse charging 10W
    • ขนาด : 171 x 78 x 9.9 มม.
    • น้ำหนัก : 240 กรัม
    • อุปกรณ์ในกล่อง : ASUS ROG Phone 3, AeroActive Cooler 3, Aero Case, Adaptor 30W, สายชาร์จ USB Type-C, สาย USB Type-C to 3.5 mm., จุกปิดช่อง USB Type-C ด้านข้าง, เข็มจิ้มซิม, หนังสือคู่มือ และสติกเกอร์ ROG

    หน้าสเปค ASUS ROG Phone 3

    ดีไซน์

    ASUS ROG Phone 3 มาพร้อมดีไซน์แบบ ROG บนโน๊ตบุ๊ต ในสภาพเรียบ ๆ ตกแต่งด้วยโลโก้ ROG แต่ให้ความเรียบหรูในแบบของเกมมิ่ง ด้วยกระจก Gorilla Glass ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งตัวโลโก้นี้เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเครื่องเลยก็ว่าได้ เพราะตัวโลโก้นั้นเป็นไฟ RGB ที่จะสว่างขึ้นมาเมื่อมีการใช้งานเครื่อง (ตั้งค่าปิดได้)

    สำหรับหน้าจอของ ROG Phone 3 นี้มีขนาดถึง 6.59 นิ้ว เป็นจอ AMOLED ที่มีขอบจอด้านข้างที่บางเอามาก ๆ ทว่าก็ยังมีพื้นที่ด้านบนและล่างอยู่พอสมควรกระจกหน้าจอมีความทนทานด้วยกระจก Gorilla Glass 6 นอกจากนี้ที่บริเวณขอบบนและล่างของหน้าจอยังเป็นลำโพงคู่แบบ Stereo อีกด้วย

    ที่ด้านข้างของตัวเครื่องนั้นทางฝั่งซ้ายของตัวเครื่อวจะมีพอร์ต USB Type-C ที่เอาไว้ชาร์จไฟและต่ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้นอกจากนี้ยังมีช่องใส่ซิมอีกด้วย ซึ่งช่องนี้จะใส่ซิมได้ทั้งหมด 2 ซิม แต่ไม่สามารถใส่ MicroSD ได้ (ให้มาตั้ง 512GB แล้วอะนะ) ส่วนด้านขวาจะมีปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่ม Power และปุ่ม AirTrigger

    ที่ด้านบนของตัวเครื่องนั้นจะมีเพียงรูไมโครโฟนเท่านั้น ส่วนด้านล่างจะมีพอร์ต USB Type-C อยู่ที่ริมฝั่งซ้าย และมีรูไมโครโฟนอยู่ที่ริมฝั่งขวา อนึ่งในรุ่นนี้ได้ทำการตัดช่องหูฟัง 3.5 มม. ทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อย แล้วให้สาย Type-C to 3.5 mm. มาแทน

    ที่ด้านหลังของตัวเครื่องจะเห็นกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว และแฟลช LED อยู่ที่ส่วนบนของตัวเครื่อง ส่วนตรงกลางจะมีโลโก้ ROG ที่สามารถแสดงไฟแบบ RGB ได้(สามารถตั้งค่าเปิด-ปิดได้) สำหรับวัสดุนั้นส่วนด้านหลังเองก็เป็นกระจก Gorilla Glass เช่นกัน แต่เป็น Gorilla Glass 3 ที่กันได้แค่รอยขีดข่วนเท่านั้น ไม่ได้กันกระแทกแบบเดียวกับกระจกหน้า

    ประสิทธิภาพและการเล่นเกม

    ASUS ROG Phone 3 มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 865+ พร้อมด้วยแรมขนาด 12GB และหน่วยความจำขนาด 512GB ทำให้หายห่วยเรื่องหน่วยความจำเต็มไปได้เลย นอกจากนี้ตัวชิปประมวลผลเองก็แรงถึงขนาดที่สามารถรันแอปพร้อม ๆ กันได้ อีกทั้งด้วยแรมขนาด 12GB ยังทำให้สามารถเปิดแอปซ้อนกันได้หลายแอปอีกด้วย ซึ่งเราก็ได้ลองทดสอบความแรงด้วยแอป Geekbench 5, 3DMark และ Androbench ดูแล้ว ซึ่งผลก็ได้ตามคะแนนด้านล่างนี้เลยครับ

    Geekbench 5
    3DMark
    AndroBench

    ในส่วนของการเล่นเกมนั้นเราได้ทำลองกับหลายเกมอยู่ แต่หลัก ๆ แล้วจะเทสกับเกม PUBG, R4, Alphalt 9, RoV และ Subway Surf (ทำไมถึงมี Subway Surf นั่นก็เพราะเอามาทดสอบเรื่องอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัส) ซึ่งทุกเกมได้ทำการตั้งค่าเอาไว้ที่สูงสุดทั้งหมดแล้ว และลองเล่นเป็นระยะเวลานานพอดู

    ซึ่งผลก็คือตัวเกมไม่มีอาการกระตุกหรือเฟรมเรทตกแต่อย่างใด ถึงแม้หลาย ๆ เกมจะไม่สามารถดันเฟรมเรทให้ขึ้นไปถึง 144Hz ได้ก็ตาม แต่ทว่าเรื่องความร้อนนี้ที่กลับเป็นปัญหาอยู่เล็กน้อย เพราะตัวความร้อนนั้นค่อนข้างขึ้นเร็วพอสมควร ถึงแม้จะลงเร็วเช่นกัน แต่ก็ทำให้ไม่ค่อยสบายมือเท่าไรหากต้องเล่นเกมที่ 1 แมตช์ที่ต้องใช้เวลานาน ๆ

    กล้องถ่ายภาพ

    ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้น ROG Phone 3 มาพร้อมกล้องหลังถึง 3 ตัวที่ประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 64MP, กล้อง Ultrawide ความละเอียด 13MP และกล้อง Macro ความละเอียด 5MP ซึ่งจากที่ได้ลองแล้วต้องยอมรับว่า ROG Phone 3 เป็นมือถือเกมมิ่งที่มีกล้องถ่ายรูปดีไม่ใช่เล่น ๆ แม้จะถ่ายอยู่กลางแดดจ้าก็ตาม ทว่าในการถ่ายภาพแสงน้อยนั้นมองว่ายังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เพราะภาพที่ได้เหมือนพยายามเร่งแสงให้สว่างจนทำให้ภาพออกมาซีด นอกจากนี้ทุกการถ่ายภาพด้วยโหมดกลางคืนจะมีการนับเวลาเสมอ ไม่ได้กดปุ๊บ ถ่ายปั๊บแบบแบรนด์มือถืออื่น ๆ

    ในส่วนของกล้องหน้านั้นต้องยอมรับเรื่องการละลายฉากหลังอย่างแรง เพราะถึงแม้จะเป็นโปรแกรมช่วยอีกที แต่ก็สามารถละลายได้หนักจนเกือบจะดูไม่ออกเลยว่าที่ละลายไปนั้นเป็นอย่างไร นอกจากนี้ถึงแม้จะลองเอาไปถ่ายกลางแดดจัด ภาพที่ได้ก็คมชัด สีไม่เพี้ยนเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งตัวกล้องยังสามารถตรวจจับใบหน้าได้ค่อนข้างแม่นยำเลยทีเดียว ขนาดมีใบหน้าเข้ามาในเฟรมภาพไม่มากยังสามารถตรวจจับได้เฉยเลย

    ในเรื่องการอัดวีดีโอ ROG Phone 3 ทำได้สูงสุดถึง 8K 30fps แต่ทว่าจากที่ได้ลองมานั้นผมว่าใช้แค่ 4K 60fps จะดีที่สุด เพราะภาพที่ออกมานั้นเรียกได้ว่าซ้อนยับ ซึ่งตัวกล้องนั้นมีฟีเจอร์ Hyper Stedy อยู่ด้วย แต่ทว่าผมไม่ค่อยแนะนำให้เปิดเท่าไร ถึงแม้มันจะทำให้วีดีโอนิ่งสุด ๆ แต่ทว่าความละเอียดที่ทำได้จะเหลือเพียง 1080p 30fps เท่านั้น แถมยังดูแย่กว่าการถ่าบแบบไม่เปิดเสียอีก

    ตัวอยากภาพจากกล้องหลัง

    ตัวอย่างภาพจากกล้องหน้า

    • ถ่ายกลางแดดจัด
    • ถ่ายในภาพแสงน้อย

    ฟีเจอร์เด่น

    หน้าจอ 144Hz พร้อม Touch-Sampling Rate 270Hz

    ASUS ROG Phone 3 ได้มาพร้อมกับหน้าจอที่มี Refresh Rate 144Hz และ Touch-Sampling Rate 270Hz รวมถึงมี Touch Latency ที่ต่ำมากกว่าเดิมถึง 25 ms ซึ่งการอัพเกรดนี้จะช่วยให้การเล่นเกมมีความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องมาอารมณ์เสียกับการที่ตัวเครื่องตอบสนองไม่ทันนิ้ว

    ปุ่ม AirTrigger 3

    ปุ่ม AirTrigger ใน ASUS ROG Phone 3 นั้นได้มีการพัฒนามาจนเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว มาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ไม่ใช่แค่เอาไว้กดอย่างเดียวแล้ว ซึ่งฟีเจอร์ต่าง ๆ จะมีดังนี้

    การกดแบบปกติ

    กดบริเวณริมขอบเพื่อใช้เป็น L1/L2 และ R1/R2

    สไลด์เพื่อเลื่อนดูเกม

    ปัดนิ้วเพื่อเลียนแบบการสัมผัสบนหน้าจอ

    กดเซ็นเซอร์แบบเต็มนิ้วเพื่อคลิกหลายครั้ง

    พอร์ตชาร์ตที่ 2

    พอร์ตชาร์จด้านข้างจะมีทั้งหมด 2 หน้าที่ ซึ่งหน้าที่หลักคือเอาไว้ใขช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ด้านล่าง และอีกหน้าที่คือเอาไว้ชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับผู้ที่อยากจะชาร์จไปเล่นไปนั่นเอง ซึ่งช่องนี้ภายในกล่องจะมีจุกยางให้มาด้วย หากไม่ได้ใช้สามารถนำจุกยางมาปิดเอาไว้ได้

    X Mode

    X Mode คือฟีเจอร์ที่จะช่วยปรับแต่งเครื่องให้ใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทั้งการจัดการประสิทธิภาพตัวเครื่อง การควบคุมอัตรารีเฟรช ความไวและความแม่นยำในการสัมผส รวมไปถึงช่วยจัดการความเสถียรของเครือข่ายอีกด้วย (แนะนำให้เปิดเอาไว้ตลอดเลยก็ได้)

    Game Genie

    Game Genie เป็นฟีเจอร์ที่เป็นตัวช่วยให้การเล่นเกมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นทั้งตัวช่วยเล่นและตัวเช็คสภาพเครื่องได้ในเวลาเดียวกัน ทั้งฟีเจอร์เร่งประสิทธิภาพ, เปิด-ปิด AirTrigger, คำสั่ง Macro รวมถึงการบันทึกหน้าจอก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

    อุปกรณ์เสริม

    Aero Case

    เป็นเคสโปร่ง ๆ ที่แถมมาให้ในกล่อง เป็นเคยที่ช่วยระบายความร้อนได้ในระดับหนึ่ง วัสดุเป็นพลาสติกบาง ๆ ประดับด้วยลาย ROG ช่วยให้ดูเท่ไม่ใช่น้อย นอกจากนี้ยังมีการเว้นพื้นที่บริเวณโลโก้ ROG ของตัวเครื่องเพื่อแสดงให้เห็นไฟ RGB แบบชัด ๆ ด้วย

    ROG Lighting Armor Case

    เป็นเคสที่จำเป็นต้องซื้อเพิ่มแยกต่างหาก ซึ่งตัวเคสนี้จะใช้ประโยชน์จากไฟ RGB หลังเครื่องมาแสดงโลโก้ ROG ขนาดใหญ่เต็มเคส ซึ่งเคสตัวนี้จะค่อนข้างหน้ากว่าเคสที่แถมมาในกล่อง นอกจากนี้ยังมีการสลักคำว่า ROG เอาไว้เล็ก ๆ ด้วย

    AeroActive Cooler 3

    AeroActive Cooler เป็นพัดลมเสริมที่จะมาช่วยระบายความร้อนตัวเครื่องให้เร็วขึ้น ซึ่งใน ROG Phone 3 นี้มีการแถมมาให้ในกล่องด้วยเลย ซึ่งจากที่ลองในช่วง 10 นาที สามารถลดอุณหภูมิไปได้ 7 องศา หลังเลิกใช้ ซึ่งนับว่าลดเร็วมากกว่าการปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นพอสมควร ทำให้สามารถนำกลับมาเล่นต่อได้ไวขึ้นด้วย

    นอกจากนี้ที่ AeroActive Cooler ยังมาพร้อมขาตั้ง และช่องชาร์จ Type-C กับช่อง 3.5 มม. อีกด้วย ช่วยให้สามารถชาร์จไปด้วย เสียบหูฟังไปด้วยได้

    TwinView Dock 3

    TwinView Dock คือหน้าจอแยกที่จะช่วยให้สามารถใช้งาน 2 หน้าจอพร้อมกันได้ ซึ่งช่วยให้สามารถเล่นเกมไปด้วย เล่นแอปอื่นไปด้วยได้ นอกจากนี้ที่ตัว Dock ยังมีช่องชาร์จและช่องหูฟัง 3.5 มม. อยู่ด้วย เรียกได้ว่าสะดวกต่อการใช้งานสุด ๆ นอกจากนี้หากพับหน้าจอลงมาก็จะกลายเป็นเหมือนกระเป๋าที่ช่วยป้องกันตัวเครื่องได้อีกด้วย ทว่าข้อสังเกตุหนึ่งอย่างคือเมื่อต่อ Dock แล้วน้ำหนักจะเพิ่มมากขึ้นพอสมควร ซึ่งอาจจะทำให้ถือนาน ๆ ไม่ได้นั่นเอง

    ROG Clip

    ROG Clip คืออุปกรณ์ที่ช่วยให้สามารถใช้จอยมาเชื่อมต่อกับตัวเครื่อง ROG Phone 3 เพื่อใช้เล่นเกมได้ ซึ่งตัวต่อนั้นจะมีทั้งหมด 3 แบบคือสำหรับจอย PS4, จอย XBOX และจอบ Stadia ซึ่งในที่นี้เราได้ลองเอามาต่อกับจอย PS4 แล้ว ในบางเกมก็ช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้น แต่บากเกมก็เล่นยากขึ้นเช่นกัน ทว่าปัญหาจริง ๆ ของ ROG Clip คือบาลานส์น้ำหนักที่จะทำให้เกิดอาการปวดมือเวลาถือนาน ๆ เพราะน้ำหนักนั้นเทไปทางด้านหน้า เพราะตัวเครื่องหนักกว่าจอย เลยทำให้มือต้องรับภาระอยู่พอสมควร (ตอนลองไม่ได้จัดแบบในรูปนะ ตอนลองจะปรับให้ตัวเครื่องชิดจอยกว่านี้)

    สรุปรีวิว ASUS ROG Phone 3

    จากที่ได้ลองมาต้องบอกเลยว่า ASUS ROG Phone 3 นั้นเป็นมือถือเกมมิ่งที่ดีจริง เล่นเกมได้ลื่นแม้จะปรับสุด อีกทั้งยังระบายความร้อนได้ค่อนข้างเร็วอีกด้วย นอกจากนี้ยังเท่อีกต่างหาก สำหรับใครที่เป็นสายเล่นเกมอย่างแท้จริงรวมถึงเหล่าสตรีมเมอร์แล้ว ASUS ROG Phone 3 นับเป็นตัวเลือกที่ดีเลย เพราะสามารถอัดหน้าจอได้โดยไม่มีอาการสะดุด ทว่าหากอยากใช้งานตัวเครื่องได้เต็มที่จริง ๆ อาจจะต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม ซึ่งราคาก็น่าจะไม่ใช่น้อย ๆ ซึ่งถ้าจะให้แนะนำแล้ว TwinView Dock 3 คืออุปกรณ์เสริมที่น่าซื้อที่สุดแล้ว

    Gallery รวมรูปตัวเครื่อง ASUS ROG Phone 3

    Asus ASUS ROG Phone​3 Review snapdragon 865 plus
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ACHI-SP

    Related Posts

    รีวิว Alldocube iPlay 50 mini และ iPlay 60 Pad Pro แท็บเล็ตตัวคุ้มที่มาขายไทยอย่างเป็นทางการ

    7 พฤษภาคม 2025

    รีวิว Redmi A5 สมาร์ทโฟนจอใหญ่ 6.88 นิ้ว 120Hz แบตอึด 5,200 mAh ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,499 บาท

    27 เมษายน 2025

    รีวิวคู่หูพันธุ์แบตอึด!! vivo V50 Lite และ Watch GT แบตอึดเกินใคร ฟีเจอร์แน่น ในราคาที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้

    22 เมษายน 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    มัดรวม 3 จุดเด่น Infinix NOTE 50s 5G+ สมาร์ทโฟนรุ่นเล็กตระกูลโน้ตจากอินฟินิกซ์AI เทพ – สเปคแรง – ดีไซน์เรียบหรู สุดคุ้มในราคาจับต้องได้

    14 พฤษภาคม 2025

    Google เปิดตัวฟังก์ชันใหม่ใน Android 16 ช่วยกันมิจขณะคุยโทรศัพท์

    14 พฤษภาคม 2025

    ซีอีโอเผยราคา Nothing Phone (3) ล่วงหน้า พร้อมเทียบชนกลุ่มเรือธงเต็มตัว

    14 พฤษภาคม 2025

    วิธียกเลิกบริการเสริม AIS ที่เสียเงิน ยกเลิกข้อความเสียเงินจาก AIS ทำยังไง อัพเดท 2568

    13 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X