Alldocube X Game แท็บเล็ตจากค่าย Allldocube ที่ไม่ค่อยจะได้เห็นโฆษณาในไทยเท่าไร โดยแท็บเล็ตแบรนด์ Alldocube นั้นเป็นแท็บเล็ตจากจีนที่สามารถหาซื้อได้บน Lazada ซึ่งความน่าสนใจของแท็บเล็ต Alldocube ที่เราได้มารีวิวในครั้งนี้ก็คือในรุ่น Alldocube X Game นี้นอกจากจุดเด่นปกติอย่างหน้าจอใหญ่กับลำโพง 4 ตัว ในราคาไม่ถึงหมื่นแล้ว ยังมาพร้อมกับปากกาที่รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ, Magnetic Keyboard และมีไจโร 6 แกนอีกด้วย ซึ่งปกติทั้ง 3 นี้จะไม่สามารถหาได้ในแท็บเล็ตราคาต่ำกว่าหมื่นเลย เรียกได้ว่าเป็นตัวที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งจากที่เราได้ลองเอาไปใช้งานมาระยะหนึ่งต้องบอกเลยว่ามีจุดที่ชอบและจุดที่เสียดายอยู่พอสมควร ซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันได้เลย
สเปคของ Alldocube X Game
- หน้าจอ : IPS-LCD, ขนาด 10.5 นิ้ว, ความละเอียด 1920 x 1280 พิกเซล (Full-HD+)
- ชิปประมวลผล : MediaTek Helio P90
- แรม / ความจุ : 8GB / 128GB รองรับ MicroSD Card สูงสุด 2TB
- กล้องหลัง : 8 MP
- กล้องหน้า : 5 MP
- แบตเตอรี่ : 7,500 mAh รองรับระบบชาร์จเร็วขนาด 18W
- ระบบปฏิบัติการ : Android 11
- การเชื่อมต่อ :
- 4G LTE
- Wi-Fi 802.11 ac/a/b/g/n, Dual-band
- Bluetooth 5.0
- GPS / Beidou / Glonass / Galileo
- USB Type-C
- เซ็นเซอร์ :
- Gravity sensor
- Light sensor
- Gyro
- Hall effector
- ขนาด : 246 x 172 x 7.95 มม.
- น้ำหนัก : 550 กรัม
- ราคา : เริ่มต้น 7,xxx บาท
- อื่นๆ :
- รองรับวิทยุ FM
- โทรออก – รับสาย
- รับ SMS
- รองรับปากกา
- รองรับ Magnetic Keyboard
ดีไซน์ของ Alldocube X Game
ดีไซน์ของ Alldocube X Game นั้นเมื่อมองดูโดยรวมแล้วก็นับว่ายังเป็นดีไซน์แบบเก่าที่มีขอบหน้าจอค่อนข้างหนาน แต่มันก็ช่วยให้การจับถือง่าย ไม่เกิดเหตุการณ์มือลั่นได้ง่ายด้วย สำหรับตัวหน้าจอนั้นเป็นหน้าจอพาแนล IPS แบบทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้มีคุณภาพสูงมาก ทำให้การแสดงผลสีนั้นเรียกได้ว่าธรรมดา แต่ก็นับว่าเพียงพอต่อการใช้งานอยู่แล้ว แถมด้วยหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 10.5 นิ้วและมีความละเอียดถึงระดับ Full-HD+ ยังช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ส่วนกล้องหน้านั้นถูกวางเอาไว้ในแนวนอน (เพราะตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานแนวนอนตั้งแต่แรกแล้ว) ซึ่งวางเอาไว้ตรงกลางเครื่องช่วยให้เวลาวิดีโอคอลภาพไม่เอียงข้างด้วย
ที่ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะมีโมดูลกล้องเล็กๆ อยู่ที่มุมขอบเครื่อง ซึ่งภายในโมดูลนี้นอกจากกล้องถ่ายภาพแล้วยังมีไฟแฟลชอยู่ด้วย ซึ่งปกติก็ไม่น่าจะหาได้ในแท็บเล็ตราคาประมาณนี้เลย ถัดมาที่ตรงกลางเครื่องใตโมดูลกล้องจะมี Magnetic Connector สำหรับเชื่อมต่อกับ Magnetic Keyboard อยู่ และที่ขอบเครื่องด้านล่างจะมีโลโก้ชื่อรุ่นแสดงอยู่อย่างโดดเด่น
ที่ขอบด้านซ้ายจะมีพอร์ต USB Type-C อยู่ตรงกลาง แล้วขนาดบ้างด้วยลำโพง 2 ตัว ส่วนฝั่งขวาเองก็มีลำโพง 2 ตัวเช่นกัน และมีช่องใส่ซิมอยู่ตรงกลาง ซึ่งความน่าสนใจของช่องใส่ซิมนี้ก็คือเป็นถาดแนวยาว ไม่ได้เสียบลึกเ้าไปในตัวเครื่องเหมือนแบรนด์อื่น นอกจากนี้ตัวถาดซิมยังเป็นแบบ Hybrid ที่ต้องเลือกระหว่างซิม 2 กับ MicroSD Card ด้วย
ที่ขอบด้านบนของจะมีปุ่มเปิด-ปิดและปุ่มปรับระดับเสียงอยู่ฝั่งซ้ายและมีรูไมโครโฟนอยู่ที่ฝั่งขวา
สำหรับของที่ใช้คู่กับตัวเครื่องก็จะมี Magnetic Keyboard ที่แป้นพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ และปากกา Stylus ที่รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ ซึ่งส่วนหัวของปากกาสามารถเปลี่ยนได้ด้วยนะ
สำหรับในกล่องของ Allducube X Game นั้นนอกจากตัวเครื่อง ชุดชาร์จ และคู่มือแล้ว ยังมีการใส่ฟิล์มกันรอยและหัวแปลง Type-C to 3.5 mm. มาให้ด้วย (ปากกาเองก็ใส่มาให้ในกล่องนะ)
การใช้งานต่างๆ ของ Alldocube X Game
การใช้งานทั่วไป | โซเชียล / หนัง / การชาร์จ
ในด้านการใช้งานแล้วตัวเครื่อง Alldocube X Game ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 11 แล้วนับง่าลื่นใช้ได้เลย แต่ที่น่าสนใจก็คือ Wallpaper ที่ทาง Alldocube ใส่มาให้นั้นสมกับคำว่า X Game จริงๆ (ถึงจะแอบคล้าย Wallpaper Black Shark 4 ไปหน่อยก็เถอะ) และสำหรับคนที่ขี้เกียจมาคอยดูแลจัดการพื้นที่ภายในเครื่องทาง Alldocube ก็ได้มีการใส่แอปฯ สำหรับช่วยจัดการเรื่องพวกนั้นมาให้ด้วย
สำหรับการใช้เล่นโซเชียลนั้นถึงแม้ชิปประมวลผล Helio P90 จะเป็นชิปที่ค่อนข้างเก่า แต่ทว่าในการเล่นโซเชียลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, TikTok, Instagram ฯลฯ ก็เรียกได้ว่าลื่น สามารถโหลดข้อมูลได้อย่าวรวดเร็ว แถมด้วยหน้าจอที่ใหญ่ยังช่วยให้เห็นข้อมูลได้อย่างเต็มตา เพียงแต่ฟิล์มที่ติดมาให้กับตัวเครื่องตั้งแต่โรงงานนั้นค่อนข้างฝืดไปหน่อย ทำให้สัมผัสในการใช้งานดรอปลงไปหน่อย อาจจะลองเปลี่ยนฟิล์มใหม่จากของที่แถมมาให้ในกล่องดูก็ได้หรือไม่ก็ถอดฟิล์มทิ้งแล้วใช้แบบเปล่าๆ อย่างนั้นเลยก็ได้ น่าจะให้สัมผัสที่ดีกว่า
ส่วนเรื่องการดูหนังนั้นด้วยตัวชิป Helio P90 ที่ได้ Widevine ระดับ L3 ทำให้การดูหนังแบบสตรีมไม่สามารถดูแบบเต็มความละเอียดได้ เรียกได้ว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับราคาเครื่องที่ค่อนข้างถูกเลยก็ว่าได้
สำหรับในเรื่องแบตเตอรี่นั้นจากที่ได้ลองใช้งานมาหากไม่ได้เล่นต่อเนื่องพร้อมเปิดแสงสุดแล้วสามารถอยู่ถึงวันที่ 2 ได้แบบสบายๆ (มีเล่นเกมบ้าง ดูหนังบ้าง เปิดโซเชียลบ้าง) เรียกได้ว่าอึดมากๆ เลยทีเดียว ส่วนในเรื่องการชาร์จนั้นตัวเครื่องรองรับการชาร์จเร็วแบบ 18W ซึ่งช่วยลดระยะเวลาชาร์จลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่ให้ระบบชาร์จแบบ 10W มา โดยจากที่ได้ลองชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือ 20% แล้วต้องใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมง 40 นาที ถึงจะทำการชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 7,500 mAh ให้เต็มได้ ซึ่งเอาจริงๆ ก็นับว่าไม่ได้นานมากมายนัก ทางที่ดีแนะนำให้ชาร์จตอนนอนจะดีที่สุด แต่ถ้าทำไม่ได้ก็พยายามชาร์จตอนแบตเตอรี่เหลือมากกว่า 50% ดีกว่าจะได้ไม่ต้องรอนานมากนัก
สำหรับปากกา Stylus นั้นนับว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลย การตอบสนองต่อน้ำหนักก็ทำออกมาได้ดีจนไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันอยู่ในแท็บเล็ตราคาต่ำหมื่น ถึงแม้ความเร็วในการตอบสนองจะไม่ได้สูงมากนักก็ตาม สำหรับคนที่ชื่นชอบการจดบันทึกหรือชอบวาดรูปแต่งบน้อยจริงๆ แท็บเล็ตเครื่องนี้และปากกาตัวนี้ก็เพียงพอที่จะเอามาใช้ทดแทนได้อยู่นะ
สำหรับตัว Magnetic Keyboard นั้นเรียกได้ว่าตอบสนองเร็วพอสมควร มีฟังก์ชั่นคำสั่งที่สามารถใช้ควบคุมเครื่องได้ครบครันเรียกได้ว่าเป็นคีย์บอร์ดที่ครบเครื่องมากๆ ถ้าไม่ติดปัญหาการพิมพ์สำหรับคนไทยอะนะ เนื่องจากตัวคีบอร์ดตัวนี้นั้นไม่สามารถพิมพ์ภาษาไทยได้ ทำให้เวลาจะพิมพ์ไทยต้องไปกดบนหน้าจอแทน และไม่สามารถตั้งค่าให้พิมพ์ไทยด้วยตัวคีย์บอร์ดได้ จึงเป็นข้อเสียที่ค่อนข้างน่าเจ็บใจจุดหนึ่งเลยทีเดียว
สำหรับคนที่มีลูกเล็กก็ไม่ต้องหัวเรื่องการใช้งานเพราะตัวเครื่องมีโหมดสำหรับเด็กอยุ่ด้วย โดยจะให้ผู้ปกครองตั้งรหัส 6 ตัวเพื่อเข้าและออกจากการใช้งาน รวมถึงต้องใช้รหัวนั้นในการเข้่าไปตั้งค่าต่างๆ ด้วย โดยในการตั้งค่าผู้ปกครองสามารถกำหนดเวลาเล่นได้ กำหนดปริมาณเน็ตที่จะให้ใช้ได้ รวมถึงสามารถกำหนดแอปฯ ที่จะให้ลูกๆ เล่นได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงสำหรับทุกวัยจริงๆ
การเล่นเกม
สำหรับในเรื่องของการเล่นเกมนั้นมีทั้งจุดที่ตกใจและเสียใจอยู่ด้วย (ถึงจะไม่รู้ว่าปัญหาที่ว่าเกิดจากตัวเครื่องเองหรือจากซอร์ฟแวร์ก็ตาม) โดยตัวเครื่องที่มีชิป Helio P90 นั้นสามารถใช้เล่นเกมได้ทุกเกมจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่ Genshin Impact ก็ได้สามารถเล่นได้ถึงจะต้องปรับกราฟิกต่ำสุดก็ตาม (แต่ก็ลื่นนะ) นอกจาก Genshin แล้วยังได้ลองเล่นเกม PUBG Mobile, PUBG New Stage, Call Of Duty Mobile และ Asphalt 9 ด้วย ซึ่งที่น่าสนคือถึงแม้จะปรับกราฟิก PUBG Mobile ได้สุดแค่ระดับ HD เฟรมเรท High เท่านั้น แต่สามารถปรับกราฟิก PUBG Mobile ได้สูงถึงระดับ Ultra เฟรมเรท Vaery High เลยทีเดียว ถึงตอนเล่นจะปรับแค่ Low เพื่อให้เฟรมเรทขึ้นไปถึง Max ก็ตาม
แต่สิ่งที่ต้องตกใจก็คือเมื่อเปิดให้ใช้ไจโรด้วยกับเกิดเรื่องที่ทำให้ต้องตกใจ เพราะไจโรของเครื่องนั้นไม่ได้ปรับไปตามการถือเลยสักนิด ตัวไจโรจะอยู่ในสภาพการถือแนวตั้งตลอดเวลาถึงแม้จะมีการถือแบบแนวนอนก็ตาม ยกตัวอย่างเช่นปกติเวลาใช้ไจโรในเกม PUBG ระหว่างเล็งยิง หากต้องการกดปืนลงก็แค่กดตัวเครื่องลงไปตรงๆ เท่านั้น แต่ทว่าใน X Game เครื่องนี้พอกดเครื่องลงแล้วปืนดันหัวไปทางขวาแทนซะงั้น ไม่ว่าจะลองเปิดเกมใหม่ รีสตาร์ทเครื่องใหม่ ก็ไม่หาย และเป็นกับทุกเกมที่ใช้ไจโรด้วย เลยอาจจะต้องเตือนเล็กน้อยสำหรับคนที่จะใช้เครื่องนี้ว่าพยายามอย่าใช้ไจโรเวลาเล่นเกมจะดีกว่า
การถ่ายภาพ
ในเรื่องของการถ่ายภาพนั้นสำหรับแท็บเล็ตราคาไม่ถึงหมื่นก็คงหวังอะไรมากไม่ได้ แต่ก็ดีกว่าไม่มี ซึ่งตัวเครื่องจะมีกล้องหน้าและกล้องหลังอย่างละตัว โดยจะมีความละเอียด 5 MP และ 8 MP ตามลำดับ แต่ที่น่าสนใจก็คือกล้องหลังที่มาพร้อมไฟแฟลชซึ่งปกติจะหาไม่ค่อยได้ในแท็บเล็ตเรทราคานี้ ซึ่งจากที่ได้ลองเอาไปถ่ายภาพมาจากหลายๆ สภาพแสงแล้วก็ต้องยอมรับว่าด้วยการที่เป็นกล้องบนแท็บเล็ตจะไม่สามารถใส่ลูกเล่นได้เยอะ (ถึงในเครื่องนี้จะไม่มีฟีเจอร์อะไรเพิ่มเลยนอกจากความสามารถพื้นฐานก็ตาม) โดยหากเป้นช่วงที่มีแสงเพียงพอภาพที่ได้ก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว ทั้งการเก็บรายยละเอียด สีสัน และเงาก็ทำออกมาได้ดี แต่พอเป็นที่ๆ มีแสงสลัวหน่อยก็จะมี Noise เกิดขึ้นมาเพียบแล้ว ไม่ต้องรอให้มืดเลย สำหรับกล้่องหน้านั้นมุมมองก็ถือว่ากว้างใช้ได้ เพียวพอต่อการเอามาใช้วิดีโอคอลมากกว่าจะเอามาใช้เซลฟี่เยอะ
ตัวอย่างภาพถ่าย
สรุปการรีวิว Alldocube X Game
สรุปการรีวิว Alldocube X Game จากที่ได้ลองใช้มานั้นต้องบอกเลยว่าตัว Alldocube X Game เป็นแท็บเล็ตที่ค่อนข้างครบเครื่อง ถึงจะมีจุดที่เป็นปัญหาเล็กน้อย แต่ก็เรียกได้ว่าคุ้มกับค่าตัวแล้วจริงๆ เพราะปกติคงหาแท็บเล็ตในงบ 8,000 บาท ที่มีลำโพง 4 ตัว, ระบบชาร์จเร็ว 18W และรองรับปากกากับคีย์บอร์ดไม่ได้อย่างแน่นอน ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนจากที่ได้ลองมาต้องบอกว่า Alldocube X Game เหมาะกับการเอามาใช้เป็นแท็บเล็ตเพื่อความบันเทิงมากกว่า ด้วยลำโพงถึง 4 ตัวที่ให้เสียงอย่างดัง กับแบตเตอรี่ที่อึดมากๆ ทำให้สามารถเอามาใช้ดูหนังทั้งวันยังได้เลย สำหรับคนที่จะเอามาเล่นเกมนั้นมีสิ่งที่ต้องระวังหนึ่งสิ่งก็คืออย่าใช้ไจโรเล่นเกม ถ้าไม่ได้ใช้ก็ถือว่าเป็นแท็บเล็ตที่เล่นเกมได้ดีเครื่องหนึ่ง แต่ถ้าเปิดเมื่อไหร่ชีวิตจะยากขึ้นทันตา
สำหรับผู้ที่สนใจ Alldocube X Game นั้นจะมีขายอยู่บน Lazada ในราคา 7,xxx – 9,xxx บาท ตามแต่ Bundle ที่จะเลือก โดยจะสามารถสั่งซื้อได้ตามลิ้ง Lazada ซึ่งร้านที่เอามาขายนั้นเป็นของ Alldocube Official เอง จึงเป็นการจัดส่งจากต่างประเทศทำให้ต้องใช้เวลา 14 – 30 วันในการจัดส่ง อีกทั้งเวลาจะเคลมประกันต่างๆ ก็ต้องติดต่อผ่าน Lazada เท่านั้น
จุดเด่น
- หน้าจอใหญ่ถึง 10.5 นิ้ว พร้อมด้วยความละเอียดระดับ Full-HD+
- ให้ลำโพงมาถึง 4 ตัว
- ชิป Helio P90 แรงพอจะใช้งานได้อย่างครอบคลุม
- ให้ความจุมาเลย 128GB แถมยังสามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้อีก
- แบตเตอรี่ขนาด 7,500 mAh อึดมาก สามารถใช้งานเกินวันได้สบายๆ แถมยังรองรับชาร์จเร็ว 18W ด้วย
- มีแถมหัวแปลง Type-C to 3.5 มม. มาให้ในกล่องเลย
- รองรับปากกาที่รองรับแรงกดถึง 4096 ระดับ
- รองรับ Magnetic Keyboard ด้วย
ข้อสังเกต
- หน้าจอเป็น IPS-LCD ธรรมดา ทำให้สีสันของภาพอาจไม่ค่อยสวยสดเท่าไร
- ชิป Helio P90 เป็นชิปที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร
- ชิป Helio P90 ได้ Widevine ระดับ L3 ทำให้ไม่สามารถดูหนังผ่านระบบสตรีมได้เต็มความละเอียดหน้าจอ
- ลำโพงเสียงเบสน้อยมากๆ สำหรับสายเกมหรือสายดูหนังอาจจะไม่จุใจเท่าไร
- เซ็นเซอร์ไจโรไม่ปรับตามการถือ ทำให้เวลาเล่นเกมจะมีปัญหาสุดๆ (ไม่รู้ว่าเป็นที่ตัวเครื่องเองหรือเป็นที่ซอร์ฟแวร์)
- Magnetic Keyboard ไม่รองรับการพิมพ์ภาษาไทย
- ไม่สามารถใช้สาย Type-C to 3.5 มม. ของแบรนด์อื่นมาต่อได้นอกจากของที่แถมมาในกล่อง (ก็คือใช้ของใครไม่ได้นอกจากของแบรนด์ตัวเองนั่นแหละ)
บทความที่เกี่ยวข้อง