ระยะหลังมานี้จะเห็นได้ว่า OPPO ได้เปลี่ยนทิศทางของจุดเด่นในมือถือมาเป็นเรื่องของกล้องถ่ายภาพ และมือถือรุ่นแรกที่ OPPO ได้เปิดตัวออกมาภายใต้คอนเซปต์ใหม่นั่นคือ OPPO F1 มือถือที่มาพร้อมกับฉายา Selfie Expert ที่ก่อนหน้านี้ทาง Specphone.com ของเราได้เคยได้รีวิวไปแล้ว ซึ่งผลตอบรับของผู้ใช้งานนั้นก็ถือว่าน่าพอใจเลยทีเดียว มีผู้ที่ให้ความสนใจกับ OPPO F1 เป็นจำนวนมาก และในวันนี้ผมจะมารีวิวมือถือที่เป็นภาคต่อของ OPPO F1 นั่นก็คือ “OPPO F1 Plus เซลฟี่สไตล์ใหม่ เป๊ะทุกช็อต” ซึ่งในรุ่นนี้ยังคงความเป็น Selfie Expert เอาไว้เหมือนเช่นเคย และมาดูกันว่า OPPO F1 Plus จะมีจุดเด่นตรงไหนที่น่าสนใจ และจะพัฒนาจาก OPPO F1 ไปขนาดไหนติดตามได้จากรีวิวนี้ได้เลยครับ
สเปคของ OPPO F1 Plus
- หน้าจอ : AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD
- ซีพียู : MediaTek Helio P10 แบบ Octa core ความเร็ว 2 GHz
- แรม : 4 GB
- หน่วยความจำภายใน : 64 GB (รองรับการใช้งาน Micro SD 128 GB)
- กล้องหลัง : 13 ล้านพิกเซล
- กล้องหน้า : 16 ล้านพิกเซล
- การเชื่อมต่อ : Micro USB , Wi-Fi , GPS , MHL , OTG , Bluetooth
- แบตเตอรี่ความจุ 2,850 mAh
- ราคา 15,990 บาท
- สเปคเต็ม ๆ ของ OPPO F1 Plus
เมื่อเปิดกล่องออกมา ก็จะเห็นตัวเครื่องของ OPPO F1 Plus ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วหน้าตาของตัวเครื่องนั้นก็ไม่ถือว่าเปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนอย่าง OPPO F1 มากเท่าไหร่ ซึ่งผมจะพูดถึงอย่างละเอียดในหัวข้อดีไซน์ตัวเครื่อง ส่วนอุปกรณ์เสริมที่ทาง OPPO แถมมาให้ในครั้งนี้ก็จะมีอะแดปเตอร์ชาร์จแบตเตอรี่ซึ่ง OPPO F1 Plus นั้นมาพร้อมกับเทคโนโลยี VOOC Flash Charge เช่นเดียวกับรุ่นก่อน ๆ นอกจากนี้จะมีสาย Micro USB และหูฟังขนาด 3.5 มม. และที่น่าสนใจนั่นคือ OPPO ได้แถมเคสกันรอยมาให้เหมือนกับที่เคยแถมใน OPPO F1 อีกด้วย เรียกว่ายังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีเหมือนเช่นเคย และมาพูดถึงส่วนแรกนั่นคือเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องกันก่อนเลยดีกว่า
จุดเด่น
– แรม 4 GB
– หน่วยความจำภายใน 64 GB
– กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล
– มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
– รองรับการชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge
– หน้าจอ AMOLED คมชัดทุกรายละเอียด
ข้อสังเกต
– สามารถเล่นเกมกราฟฟิคสูงได้ แต่ต้องปรับแต่งให้เหมาะสม
– หน้าจอ Super AMOLED ให้สีสันที่สดมาก บางคนอาจไม่ชิน
– ลักษณะการใช้งาน ColorOS ไม่เหมือนกับ Android ปกติทั่วไป แต่สามารถเรียนรู้ได้ไม่ยาก
บทสรุป
BEST SELFIE SMARTPHONE
Camera
ตามปกติแล้วส่วนแรกของบทความรีวิวบน Specphone.com ของเราจะต้องเป็นเรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องก่อนเป็นอันดับแรก แต่ด้วยความที่ OPPO F1 Plus นั้นมาพร้อมกับจุดเด่นที่ถือว่าน่าสนใจมากเป็นพิเศษในบทความนี้ผมจึงขอพูดถึงจุดเด่นที่ว่านี้ก่อนนั่นคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพของ OPPO F1 Plus นั่นเอง ซึ่ง OPPO F1 Plus มาพร้อมกับกล้องหลังขนาด 13 ล้านพิกเซลและแฟลชเดี่ยวแบบ LED ซึ่งสำหรับการใช้งานนั้นเรียกว่าทาง OPPO ได้พัฒนาในเรื่องของซอฟท์แวร์กล้องถ่ายภาพให้ใช้งานได้ง่ายมากกว่ารุ่นก่อน ๆ และที่พิเศษมาก ๆ และเป็นจุดเด่นสุดพิเศษของมือถือรุ่นนี้นั่นคือ OPPO F1 Plus มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียดขนาด 16 ล้านพิกเซล
ซึ่งหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าด้วยความละเอียดที่สูงขนาดนี้จะสามารถถ่ายออกมาหน้าเนียนได้ยังไงกัน ตรงนี้ผมบอกเลยว่า OPPO F1 Plus นั้นสามารถทำได้ครับ เพราะว่า OPPO F1 Plus มาพร้อมกับ Beautify 4.0 ซอฟท์แวร์เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่จะช่วยปรับแต่งภาพถ่ายของสาว ๆ ให้ออกมาฟรุ้งฟริ้งลบจุดที่ไม่ต้องการในภาพอย่างเช่นรอยสิว หรือริ้วรอยต่างๆ ปรับสภาพผิวให้ออกมาเรียบเนียน เพิ่มความสดในอย่างเป็นธรรมชาติ โดยที่เราไม่ต้องพึงพาแอพพลิเคชั่นอื่น ๆ เพิ่มเติม งานนี้สำหรับสาวๆ ที่ชอบถ่ายภาพเซลฟี่นั้นไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน สมกับที่เป็นรุ่นต่อยอดของมือถือ Selfie Expert อย่าง OPPO F1 เลยทีเดียวครับ และมาดูกันว่ากล้องถ่ายถาพของ OPPO F1 Plus จะน่าสนใจมากขนาดไหน และได้มีการพัฒนาจุดไหนบ้างเมื่อเทียบกับรุ่นที่แล้วอย่าง OPPO F1 ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
Selfie Panorama
เริ่มกันที่โหมดแรกนั่นคือโหมด Selfie Panorama หรือการถ่ายภาพเซลฟี่แบบมุมกว้างนั่นเอง ซึ่งโหมดนี้เป็นโหมดที่ได้มีการเพิ่มเติมมาจาก OPPO F1 โดยการถ่ายภาพในโหมดนี้จะทำให้เราได้ภาพที่มีรายละเอียดมากยิ่งขึ้นด้วยมุมมองของภาพที่กว้างขึ้น สามารถถ่ายภาพตัวเราพร้อมกับภาพทิวทัศน์ไปในตัวเรียกว่าเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจดีทีเดียว และวิธีเปิดใช้งานโหมดนี้ก็สามารถทำได้อย่างง่ายๆ แค่เพียงเปิดกล้องถ่ายภาพขึ้นมาก็จะเห็นว่ามีโหมด Panorama เพิ่มเข้ามาในเมนูกล้องหน้าของ OPPO F1 Plus วิธีการถ่ายก็เพียงกดปุ่มถ่ายภาพแล้วเริ่มหมุนกล้องไปตามที่ซอฟท์แวร์บอกเท่านั้นเอง
แต่การถ่ายภาพด้วยโหมดนี้เราจะไม่สามารถเปิดใช้งานการตั้งค่าใดๆ ได้ นอกจากลดหรือเพิ่มความสว่างของกล้องถ่ายภาพเท่านั้น แต่กล้องหน้าของ OPPO F1 Plus ก็ยังสามารถถ่ายภาพออกมาได้เนียนมาก และภาพตัวอย่างด้านล่างจะเห็นได้ว่ามุมมองของภาพที่ถ่ายออกมานั้นกว้างพอที่จะถ่ายกับเพื่อน 3-4 คนได้อย่างสบายๆ เลยล่ะครับ แค่ฟีเจอร์แรกก็เรียกว่าน่าสนใจมากเลย
Beauty
และมาถึงโหมดที่ทำให้มือถือจาก OPPO เป็นมือถือในดวงใจของสาว ๆ นั่นคือโหมด Beauty นั่นเองซึ่งตอนนี้ OPPO ได้พัฒนาไปจนถึงเวอร์ชั่น 4.0 แล้วและได้นำมาใส่ไว้ใน OPPO F1 Plus โดยสิ่งที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนอย่างชัดเจนนั่นคือครั้งนี้เราสามารถเลือกระดับความเนียนของผิวได้ถึง 7 ระดับ และยังสามารถปรับโทนของสีผิวได้อีกด้วยไม่ว่าจะอยากให้ขาวขึ้น หรือสีผิวออกโทนอมชมพู Beauty 4.0 ของ OPPO F1 Plus จัดให้ได้หมดตามที่ต้องการเลยและนอกจากความฟรุ้งฟริ้งที่สามารถปรับแต่งได้แล้ว OPPO F1 Plus ยังมาพร้อมกับแฟลชกล้องหน้าแบบ Screen Flash หรือใช้แสงสว่างจากหน้าจอแทนแฟลชแบบ LED ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั่นคือความสว่างของภาพที่จะสว่างอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่สว่างจนรายละเอียดหายไปเหมือนกับแฟลช LED ทั่วไป และด้านล่างคือภาพที่ถ่ายด้วยโหมด Beauty บนกล้องหน้าของ OPPO F1 Plus
Ultra HD
โหมด Ultra HD เป็นโหมดที่ต้องได้ใช้งานกันอย่างแน่นอน ซึ่งโหมด Ultra HD นั้นจะเป็นการถ่ายภาพแบบความละเอียดสูง ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการถ่ายที่นานกว่าปกติเล็กน้อย สิ่งที่สำคัญในการถ่ายภาพในโหมดนี้นั่นคือ มือของเราต้องนิ่งอยู่พอสมควรจึงจะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบ โหมด Ultra HD เหมาะสำหรับถ่ายภาพที่มีรายละเอียดเยอะ ๆ อย่างเช่นภาพ วิว ทิวทัศน์ อาคาร หรือสิ่งของต่าง ๆ
Various Filters
เป็นโหมดถ่ายภาพทีช่วยให้ภาพถ่ายนั้นดูมีศิลปะมากยิ่งขึ้น ด้วยฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกใช้งานถึง 9 แบบด้วยกันได้แก่ Soft , Bright ,Cafe , Dawn , Candy , Memory , Fade , Shrine และ Mono เรียกว่าชอบแบบไหนก็เลือกใช้งานแบบนั้นเลย ภาพถ่ายที่ถ่ายออกมาก็ดูสวยไปอีกแบบนึงเลย
Expert Mode
และโหมดสุดท้ายที่น่าสนใจนั่นคือโหมด Expert หรือหลายคยอาจจะเรียกว่าโหมด Pro ซึ่งโหมดนี้เราสามารถกำหนดค่าส่วนที่สำคัญๆ อย่างเช่น ISO , White Balance , Explosure , Speed Shutter , Focus และยังสามารถถ่ายภาพไฟล์ RAW ได้อีกด้วย ซึ่งโหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพมากพอสมควร สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือโหมด Expert ใน OPPO F1 Plus ทาง OPPO ได้มีการเพิ่มตัววัดเส้นระดับน้ำทะเลเพิ่มเข้ามาเพื่อทำให้เราสามารถถ่ายภาพ Landscape ได้โดยที่ภาพไม่เบี้ยวหรือเอียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยให้การถ่ายภาพทำได้ง่ายขึ้นมากกว่ารุ่นก่อนอย่าง OPPO F1 ขึ้นมากพอสมควรเลย
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO F1 Plus
Design
OPPO F1 Plus มาพร้อมกับบอดี้แบบโลหะ งานประกอบแข็งแรง ทนทาน ไม่งอง่าย ๆ แน่นอน การออกแบบทำได้ดีมาก ความบางของตัวเครื่อง OPPO F1 Plus นั้นอยู่ที่ 6.6 มิลลิเมตร และสิ่งที่จะสังเกตได้ง่าย ๆ จากจุดนี้คือหน้าจอของ OPPO F1 Plus นั้นมาในดีไซน์แบบเกือบจะไร้ขอบเลยก็ว่าได้เพราะขอบหน้าจอนั้นมีความบางเพียง 1.66 มม.เท่านั้น
โดย OPPO F1 Plus มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED ขนาด 5.5 นิ้ว ดังนั้นในเรื่องของสีสันหรือความสดใสของภาพที่ออกมานั้นถือว่า OPPO F1 Plus ทำได้ดีกว่ารุ่นที่แล้ว ด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าเดิมทำให้มีมุมมองภาพที่กว้างมากขึ้น เรียกว่าแค่เห็นหน้าจอของ OPPO F1 Plus ก็ประทับใจแล้วล่ะครับ ด้านบนของหน้าจอจะเป็นกล้องถ่ายภาพความละเอียด 16 ล้านพิกเซล งานนี้สาวๆ ขาเซลฟี่ไม่ผิดหวังแน่นอน
สิ่งที่ทำให้ OPPO F1 Plus นั้นเป็นมือถือที่แตกต่างจาก OPPO F1 อย่างสิ้นเชิง คือบริเวณด้านล่างของหน้าจอที่จะมีปุ่ม Navigation พร้อมกับปุ่ม Home ที่สามารถกดได้ และติดเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรุ่นใหม่ล่าสุด เท่าที่ผมได้ลองใช้งานดูก็พบว่ามันน่าทึ่งมาก เพราะเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือของ OPPO F1 Plus นั้นทำงานและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว สามารถปลดล็อคตัวเครื่องได้เร็วเพียง 0.2 วินาทีเท่านั้น จัดว่าเร็วที่สุดในท้องตลาด ณ ตอนนี้
พื้นที่ด้านหน้าของตัวเครื่องทั้งหมดจะถูกครอบทับด้วยกระจก 2.5D ด้านข้างของตัวเครื่องจะเป็นตำแหน่งของปุ่มควบคุมได้แกปุ่มควบคุมระดับเสียง และปุ่ม Power ส่วนด้านบนของตัวเครื่องจะมีไมค์ตัดเสียงรบกวนในขณะที่เราทำการสนทนา ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นลำโพงของตัวเครื่อง เมื่อผมได้ฟังเสียงจากลำโพงก็รู้สึกว่าเสียงที่ออกมานั้นอยู่ในระดับกลาง ๆ อยู่ในเกณฑ์ที่กำลังฟังเพลงได้เพราะ
ด้านล่างของตัวเครื่อง OPPO F1 Plus มาพร้อมกับพอร์ท Micro USB และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.ซึ่งผมได้ลองฟังเพลงผ่านหูฟังที่ทาง OPPO แถมมาให้ ส่วนตัวรู้สึกว่าเสียงที่ออกมาจากหูฟังที่ทาง OPPO แถมมาให้นั้นดูกลาง ๆ ไม่เน้นไปที่ย่านใดย่านหนึ่งเป็นพิเศษ ตามมาตรฐานของหูแถมทั่วไป แต่ถ้าอยากให้ได้อรรถรสในการฟังเพลงอย่างเต็มรูปแบบบน OPPO F1 Plus ผมแนะนำให้หาหูฟังแจ่ม ๆ ตัวนึงมาใช้งานคู่กันจะเป็นอะไรที่ลงตัวมากทีเดียว
ด้านหลังของตัวเครื่องซึ่ง OPPO F1 Plus จะมาในดีไซน์แบบที่เราคุ้นเคยด้านบนของด้านหลังตัวเครื่องจะเป็นกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชเดี่ยวแบบ LED และที่ตรงกลางของด้านหลังตัวเครื่องจะมีโลโก้ OPPO ในตำแหน่งเดียวกับ OPPO F1
ภาพรวมของ OPPO F1 Plus ในส่วนของการดีไซน์ ทั้งการออกแบบและวัสดุของตัวเครื่องก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของ OPPO เหมือนเคย คือได้วัสดุพรีเมียมไม่ก๊องแก๊ง งานประกอบแน่นหนา ส่วนการออกแบบก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของ OPPO เพราะถึงแม้จะมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว แต่ขนาดตัวเครื่องของ OPPO F1 Plus นั้นประมาณมือถือหน้าจอ 5 นิ้วเท่านั้น เนื่องจากมีขอบจอที่บางเพียง 1.66 มิลลิเมตร ความบางของตัวเครื่อง 6.6 มิลลิเมตร จัดเป็นมือถือจอใหญ่ที่ดีไซน์ออกมาได้ดีทีเดียวครับ การจับถือทำได้สะดวกมาก
Software
มาต่อกันที่เรื่องของซอฟท์แวร์กันบ้าง OPPO F1 Plus มาพร้อมกับ ColorOS 3.0 ซึ่งได้รับการพัฒนาต่อยอดให้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า และยังให้ประสบการณ์ที่ดีเนื่องจากความง่ายในการใช้งาน และยังมีสาวนช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นก่อนๆ อีกด้วย เมื่อดูจากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่าหน้าตาของ ColorOS 3.0 นั้นมาในดีไซน์ที่สวยงามดูน่าใช้งานมากกว่า ColorOS เวอร์ชั่นก่อนๆ เมนูตั้งค่าแบบลัดก็ได้มีการตัดในส่วนที่ไม่จำเป็นออกเหลือแค่เพียงหัวข้อที่ใช้งานบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันอย่างเช่น ปรับหมุนหน้าจอโดยอัตโนมัติ, การถนอมสายตา , ไฟฉาย , เครื่องคิดเลข , โหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น
และนอกจากการปรับแต่งที่น่าสนใจแล้ว ยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมนั่นคือ OPPO แทบจะไม่ใส่แอพ Bloatware มาใน ColorOS 3.0 เลยซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับผู้ใช้งาน เพราะเราไม่ต้องมาลบแอพพลิเคชั่นที่เราไม่ต้องการใช้งานออก มีแค่เพียงแอพหลักๆ จาก Google ที่ต้องมีติดมือถือ Android ทุกเครื่องอยู่แล้ว ความสเถียรของระบบนั้นก็ทำได้ดีเลยทีเดียว เท่าที่ลองใช้งานดูก็ไม่พบปัญหาเกี่ยวกับซอฟท์แวร์แต่อย่างใด ดังนั้นในเรื่องของซอฟท์แวร์นั้น Color OS 3.0 ของ OPPO F1 Plus นั้นถือว่าสอบผ่าน
Feature
มาที่เรื่องของฟีเจอร์กันบ้าง OPPO F1 Plus มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจไม่แพ้มือถือรุ่นที่แล้วอย่าง OPPO F1 ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ด้านซอฟท์แวร์หรือจะเป็นฟีเจอร์ด้านฮาร์ดแวร์ก็เรียกว่าน่าสนใจไม่แพ้กันเลย เรียกว่ามือถือเครื่องเดียวรวมฟีเจอร์ที่น่าสนใจและใช้ประโยชน์ได้จริงไว้เพียบ อะไรที่เคยใส่มาให้ในรุ่นก่อน OPPO F1 Plus มีทุกอย่างเลยก็ว่าได้แถมยังเพิ่มฟีเจอร์สุดพิเศษอย่างเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือใส่มาให้อีกด้วย และมาดูกันว่าฟีเจอร์เด่นๆ ของ OPPO F1 Plus จะมีฟีเจอร์ไหนที่น่าสนใจบ้าง
Gesture & Motion
เราจะเห็นฟีเจอร์นี้ในมือถือ OPPO หลายต่อหลายรุ่นถ้าจะว่าไปแล้วอาจจะเรียกว่าฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์พื้นฐานของมือถือ OPPO เลยก็ว่าได้ และการทำงานของฟีเจอร์นี้ก็จะเป็นการควบคุมตัวเครื่องด้วยการวาดนิ้วมือเป็นรูปต่างๆ เพื่อสั่งการทำงานตัวเครื่อง เช่น วาดรูป O เพื่อเปิดกล้องถ่ายภาพ , วาดรูป V เพื่อเปิดไฟฉาย และยังรวมไปถึงการเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอโดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Power ซึ่งตรงนี้ถือว่ามีประโยชน์มากเพราะจะเป็นการช่วยถนอมปุ่ม Power ให้ใช้งานได้อย่างยาวนานมากขึ้นนั่นเอง
Eye Protection Display
เป็นฟีเจอร์ที่เน้นในเรื่องของการรักษาสุขภาพดวงตาของผู้ใช้งาน โดยการทำงานของฟีเจอร์นี้จะเป็นการปรับโทนสีของหน้าจอด้วยการตัดแสงสีฟ้าอันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรานอนหลับได้ยาก และที่น่าสนใจนั่นคือเราสามารถใช้งาน OPPO F1 Plus ในที่แสงน้อยโดยไม่ปวดตามากนัก และเราสามารถปรับโทนสีได้ 3 ถึงระดับประกอบด้วย Low,Medium และ High ตามลำดับ
Fingerprint Scanner
ฟีเจอร์ถัดมานั้นเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้ OPPO F1 Plus มีความพิเศษมากกว่ามือถือรุ่นก่อนอย่าง OPPO F1 ซึ่งนั่นก็คือ Fingerprint Scanner หรือเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือนั่นเอง ซึ่งเราสามารถใช้งานเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ว่านี้เพื่อทำการปลดล็อคตัวเครื่อง ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือความเร็วในการทำงานของเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่สามารถปลดล็อคตัวเครื่องได้ไวในพริบตาเดียวเท่านั้น เพียงแค่เรากดนิ้วมือลงไปที่ปุ่ม Home ตัวเครื่อง OPPO F1 Plus ก็จะพร้อมใช้งานในทันที เรียกว่าทำงานได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว
Dirac HD Sound
เรื่องของระบบเสียงนั้นก็เป็นสิ่งที่ OPPO นั้นไม่ลืมใส่มาให้ใน OPPO F1 Plus ด้วยเช่นกัน ซึ่งเราสามารถเลือกโทนเสียงให้เข้ากับเพลงที่เราฟังซึ่งก็มีตัวเลือกให้เราได้เลือกปรับหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบ Pop, Rock and Roll , Country , Jazz , Classical , Metal , Blues , Hip Hop , Dance , Electro และแบบ Customize ที่เราสามารถปรับโทนเสียงต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง
VOOC Flash Charge
และปิดท้ายด้วยฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากๆ นั้นก็คือ VOOC Fast Charge หรือเทคโนโลยีชาร์จแบตเตอรี่เร็วนั่นเอง ซึ่งเท่าที่ผมได้ลองชาร์จแบตเตอรี่ดูก็พบว่า ใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ค่อนข้างน้อย ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจมาก เพราะเราจะไม่เสียเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่มากเหมือนปกติ สิ่งที่น่าสนใจนั่นคือทาง OPPO ยืนยันว่าใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 5 นาทีก็สามารถสนทนาได้ยาวนานถึง 2 ชั่วโมงแล้ว และแบตเตอรี่ที่ให้มาเกือบ 3,000 mAh ก็จัดว่าพอใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
Performance
และมาถึงเรื่องสุดท้ายนั่นคือเรื่องของประสิทธิภาพตัวเครื่องกันบ้าง OPPO F1 Plus มาพร้อมกับชิพประมวลผล MediaTek Helio P10 แบบ Octa core ความเร็ว 2 GHz ซึ่งเท่าที่ผมได้ทดสอบตัวเครื่องนั้นก็พบว่าตอบสนองต่อการสั่งการต่างๆ ได้อย่างฉับไว เล่นเกมต่างๆ ได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด เมื่อได้ลองทดสอบประสิทธิภาพตัวเครื่องด้วย AnTuTu Benchmark ก็ได้คะแนนออกมาที่ 52,337 คะแนนซึ่งถือว่าเป็นคะแนนในระดับกลางๆ ดังนั้นเรื่องของประสิทธิภาพการประมวลผลถือว่าไม่ได้น้อยหน้าใคร ถึงแม้ว่าซีพียูที่ใช้จะเป็นรุ่นที่เปิดตัวออกมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่ถ้าเปรียบเทียบกับมือถือที่สเปคตัวเครื่องใกล้เคียงกันก็ยังถือว่าโชว์ศักยภาพออกมาได้อย่างน่าสนใจ
เมื่อได้ทดสอบกับเกมที่ขึ้นชื่อเรื่องกินสเปคอย่าง N.O.V.A. 3 ก็พบว่าสามารถเล่นได้สบายๆ ซึ่งต้องชื่มชมซอฟท์แวร์ของ OPPO ที่ได้ปรับแต่งจนสามารถเล่นได้อย่างราบรื่น และจากนั้นผมได้ทดสอบด้วยการเล่นเกมอย่าง Asphalt 8 กลับพบว่าที่ระดับกราฟฟิคแบบ High ตัวเครื่องดูจะรับไม่ไหวเนื่อจากเกิดการกระตุกขึ้นอย่างชัดเจน แต่พอปรับเป็นแบบ Medium ก็ปรากฎว่าเล่นได้อย่างราบรื่น ไร้อาการหน่วงหรือกระตุกให้เห็นแต่อย่างใด
แรม 4 GB ที่ติดเครื่องมานั้นก็ทำให้การใช้งาน OPPO F1 Plus ในหนึ่งวันนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นหมดปัญหาแรมไม่เพียงพอในการทำงานเมื่อเปิดเครื่องมาจะเหลือแรมให้เราได้ใช้งานราวๆ 2.7 GB ซึ่งถือว่าเยอะมาก สามารถใช้งานแอพต่างๆ ได้หลายแอพพร้อมกันไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่การใช้งานหลายแอพยังทำได้อย่างมีขีดจำกัด และมาถึงอีกหนึ่งเรื่องที่ถือว่าเป็นจุดขายที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุดนั่นคือเรื่องของแบตเตอรี่ซึ่ง OPPO F1 Plus มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุขนาด 2,850 mAh พร้อมเทคโนโลยี VOOC Fast Charge ที่ทำให้การชาร์จแบตเตอรี่ทำได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลารอนานมากนัก เรียกว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับการใช้งานในทุกๆวันเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่าหน้าจอจะมีขนาดอยู่ที่ 5.5 นิ้วและความละเอียดระดับ Full HD การประหยัดพลังงานบน OPPO F1 Plus นั้นก็ถือว่าทำได้ดี เมื่อเทียบกับราคาของตัวเครื่องที่ 15,990 บาท แล้วถือว่าพอรับได้ไม่ยากเลยล่ะครับ