Huawei เป็นแบรนด์มือถือที่ลงมาเน้นมือถือในระดับที่ราคาไม่แพง จะเห็นได้จากงานเปิดตัวมือถือเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาจำนวน 4 รุ่น ก็ล้วนแต่เป็นมือถือระดับกลางๆ ไล่ราคาตั้งแต่ 4,990 – 12,000 บาท แต่สเปคและความสามารถจัดเต็มทีเดียว ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นกำไรของผู้ใช้ไปก็แล้วกันครับ และสำหรับมือถือที่ผมจะมารีวิวให้ชมกันวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจในตลาดมือถือระดับกลาง เรียกว่าเปิดราคามาท้าไฝว้กับ Asus Zenfone 5 ที่ 5,990 บาท มือถือรุ่นนั้นก็คือ Huawei Ascend G6 นั่นเองครับ
โดย Huawei Ascend G6 อันที่จริงแล้วมีดีกรีเป็นถึงทายาทของมือถือเรือธงเมื่อปี 2013 ของ Huawei อย่าง Huawei Ascend P6 เลยนะครับ เพราะทาง Huawei บอกในงานเปิดตัวเลยว่า Huawei Ascend G6 เป็นรุ่นต่อยอดที่มีการปรับปรุงเรื่องการดีไซน์, ฟีเจอร์จากเจ้า Huawei Ascend P6 อดีตเรือธงของพวกเขา เพราะฉะนั้นมันต้องมาพร้อมกับความไม่ธรรมดาแน่นอน ว่าแล้วก็ไปรับชมสเปคก่อนเข้าสู่การรีวิว Huawei Ascend G6 กันเลย
สเปค Huawei Ascend G6
- ชิปประมวลผล Qualcomm MSM8212?(Snapdragon 200) Quad-Core ความเร็วสูงสุด 1.2 GHz
- แรม 1 GB
- หน้าจอ IPS?ขนาด 4.5 นิ้ว ความละเอียด 960?540 พิกเซล 245ppi
- รอมในตัว 4 GB?เพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 32 GB
- Android 4.3 Jelly Bean ครอบมาดัวยอินเตอร์เฟส?Emotion UI 2.0
- กล้องหลังความละเอียด 8?ล้านพิกเซล BSI Auto Focus พร้อมแฟลช
- กล้องหน้าความละเอียด?5 ล้านพิกเซล
- รองรับการเชื่อมต่อ 3G ความถี่ 900/2100***
- แบตเตอรี่ 2000 mAh
- ราคาอยู่ที่ 5,990 บาท
- สเปค Huawei Ascend G6 แบบเต็มๆ
ถ้าสังเกตตรงสเปคดีๆ จะเห็นผมทำเครื่องหมายดอกจันไว้ที่การเชื่อมต่อ 3G ของ Huawei Ascend G6 เอาไว้ ก็เพราะว่าตามหน้าสเปคของ Huawei Ascend G6 เนี่ยจะรองรับการเชื่อมต่อ 3G เฉพาะคลื่น 900/2100 MHz เท่านั้น (AIS/Dtac 2100/Truemove H 2100) แต่เครื่องรีวิว Huawei Ascend G6 ที่เราได้รับมารีวิวนั้น กลับใส่ซิม My by Cat ได้ซะอย่างนั้น แถมยังเชื่อมต่อ 3G ได้อีกต่างหาก (ขึ้น H+) ซึ่งโดยปกติแล้วซิม My by Cat จะรับเฉพาะ 3G ความถี่ 850 MHz เท่านั้น (ใช้งาน 2G ไม่ได้) เบื้องต้นเราเลยสันนิษฐานว่าเครื่องรีวิว Huawei Ascend G6 ที่เราได้รับมารีวิวนั้นอาจจะไม่ใช่เครื่องที่วางจำหน่ายในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม รีวิว Huawei Ascend G6 ของเราก็ยังสามารถใช้อ้างอิงในการเลือกซื้อ Huawei Ascend G6 ได้อยู่นะครับ เพราะสิ่งที่แตกต่างกันก็มีแค่เรื่องความถี่ 3G ที่รองรับนี่แหละ ที่เหลือเหมือนกันหมดแน่นอน
Design
ดีไซน์ของ Huawei Ascend G6 จะออกแบบมาในสไตล์ Double C ถามว่ามัน Double C อย่างไรนั้นก็ต้องไปดูที่มุมด้านล่างของตัวเครื่องทั้ง 2 มุมที่มีลักษณะโค้งและเมื่อมองจากด้านข้างตัวเครื่องจะเห็นเป็นเหมือนตัว C ทั้ง 2 ด้าน เป็นที่มาของการออกแบบสไตล์ Double C นั่นเอง แต่ถ้าถามถึงจุดเด่นจริงๆ ของดีไซน์ Huawei Ascend G6 น่าจะเป็นที่น้ำหนักเครื่องที่เบามาก กับความบางเพียง 7.5 มิลลิเมตรมากกว่าครับ
รายละเอียดด้านหน้าของ Huawei Ascend G6 จะประกอบไปด้วยหน้าจอขนาด 4.5 นิ้ว ด้านบนของหน้าจอประกอบไปด้วยโลโก้ Huawei, ลำโพงสำหรับสนทนาโทรศัพท์, กล้องหน้า, เซนเซอร์และไฟแจ้งเตือน LED แอบอยู่ด้านข้างลำโพงสนทนา ถัดมาด้านล่างของหน้าจอจะเป็นปุ่มกดแบบสัมผัส 3 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่มย้อนหลัง, ปุ่มโฮม และปุ่มเมนู รวมถึงไมค์สำหรับสนทนาด้วย สำหรับภาพรวมด้านหน้าดูค่อนข้างโอเคนะครับ ไม่ได้รกจนเกินไป จัดวางองค์ประกอบได้ดี
ด้านหลังของ Huawei Ascend G6 จะใช้วัสดุเป็นพลาสติก สัมผัสออกแนวด้านนิดๆ เรื่องสัมผัสยังสบายมือสู้พวก Soft Touch ไม่ได้ แต่มีข้อดีตรงที่ไม่เก็บรอยนิ้วมือ และสำหรับเครื่องสีขาวอาจจะต้องรักษาความสะอาดสักหน่อยนะครับ รู้สึกตัวเครื่องจะเลอะง่ายไปนิด ตรงด้านล่างมีลำโพงหลักของตัวเครื่อง ด้านบนเป็นโลโก้ Huawei และกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช นอกจากนี้ถ้าสังเกตบริเวณฝาหลังด้านล่าง จะเห็นช่องสำหรับแงะฝาหลัง แน่นอนว่า Huawei Ascend G6 สามารถถอดฝาหลังได้ แต่เป็นการถอดฝาหลังเพื่อเปลี่ยนซิมการ์ดกับใส่ MicroSD เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ครับ ส่วนความยืดหยุ่นของฝาหลัง Huawei Ascend G6 ก็มีความยืดหยุ่นพอสมควร แต่ไม่ถึงขนาดฝาหลังของ Samsung Galaxy S5 นะครับ เพราะฉะนั้นอย่าไปงอมันมาก เผลอๆ จะหักเอาได้ง่ายๆ (ว่าแต่จะมีใครไปนั่งงอฝาหลังโทรศัพท์เล่นไหมเนี่ย)
เอาจริงๆ ดีไซน์นี่ก็แทบจะถอดมาจาก Huawei Ascend รุ่นท็อปเลยๆ นะ
ด้านข้างของ Huawei Ascend G6 เริ่มจากด้านขวา จะเป็นปุ่ม Power และปุ่มปรับระดับเสียง, ด้านซ้ายเป็นช่องเสียบหูฟัง, ด้านบนเป็นช่องเสียบสาย USB ส่วนด้านล่างจะโล่งๆ ตามรูปเลยครับ โดยวัสดุที่ใช้ตรงขอบข้างของ Huawei Ascend G6 จะเป็นพลาสติกที่ทำสี และลวดลายให้คล้ายกับโลหะ ดูหรูหราดีครับ
พูดถึงหน้าจอของ Huawei Ascend G6 กันบ้าง สำหรับ Huawei Ascend G6 จะใช้หน้าจอแบบ IPS ขนาด 4.5 นิ้ว อยู่ในระดับกลางๆ ใช้งานได้หลากหลาย และยังคงพกพาสะดวก หน้าจอความละเอียด 960×540 พิกเซล แต่ภาพที่ให้ไม่ได้คมชัดเท่าไหร่นัก เพ่งหน้าจอดีๆ มีเห็นเม็ดพิกเซล สีสันหน้าจอไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ คือโดยรวมมันไม่ได้แย่นะ แต่ถ้าใครชอบมือถือหน้าจอสีสดๆ ภาพคมชัดคงต้องมองข้าม Huawei Ascend G6 ไปจะดีกว่า แต่อย่าลืมนะครับว่า Huawei Ascend G6 เป็นมือถือระดับกลางที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการ Selfie เพราะฉะนั้นมันจึงเด่นในเรื่องของฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปมากกว่า
สำหรับการดีไซน์ของ Huawei Ascend G6 ก็ออกแบบมาได้ดี วัสดุที่ใช้ถึงแม้จะเป็นพลาสติกแต่ก็สมกับราคาครับ การออกแบบสไตล์ Double C ยังคงมีจุดเด่นเรื่องน้ำหนักเบาและความบาง งานประกอบก็แน่นหนาในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องความสวยงามของตัวเครื่องอันนี้ก็คงต้องอยู่ที่ผู้ใช้แล้วหล่ะครับ ว่าชอบการดีไซน์แบบนี้หรือไม่ ส่วนภาพตัวเครื่องในมุมอื่นๆ สามารถรับชมได้จาก Gallery เลย
Software
สำหรับหน้าตาของ Software หรือที่เรียกกันว่า Interface UI นั้น Huawei Ascend G6 มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 4.3 Jellybean ครอบด้วย Emotion UI 2.0 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้สมาร์ทโฟนผ่านหน้าโฮมสกรีนที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ และการใช้งาน UI ที่เป็น ?มาตรฐาน? และ ?ใช้งานง่าย? ในระดับที่มากกว่าเดิม นอกจากนี้ในงานเปิดตัว Huawei ยังบอกด้วยนะว่าตามปกติแล้ว Emotion UI จะใช้กับมือถือ Huawei รุ่นที่มีราคาแพงๆ เท่านั้น แต่ใน Huawei Ascend G6 ที่มีราคาเพียง 5,990 บาท ก็เป็น Emotion UI เช่นเดียวกัน เรียกว่าแค่ UI ก็จัดเต็มแล้ว?
เท่าที่ได้ใช้งาน Huawei Ascend G6 ก็ถือว่ามันเป็นมือถือที่ใช้งานง่ายครับ UI ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ใช้เลยหล่ะ ไม่ต้องกดเข้าหน้า App Drawer แค่ปัดหน้าจอไปเท่านั้น ลดความยุ่งยากไปได้พอสมควร (ลักษณะการใช้งานเหมือน iOS ของ iPhone แต่สามารถเลือกลง Widget ได้ครับ) และยังมีแอพพลิเคชันที่ออกแบบมาสำหรับอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ โดยแอพพลิเคชันที่น่าสนใจก็จะมีดังนี้ครับ
Phone Manager
เป็นการจัดการโทรศัพท์เราขั้นพื้นฐาน โดยที่ไม่ต้องไปเข้าใน Setting ให้ยุ่งยาก โดยใน Phone Manager จะสามารถเคลียร์ Ram, เคลียร์ App, บล็อกเบอร์, เข้าโหมดประหยัดพลังงาน, เข้าโหมดห้ามรบกวน, ตรวจสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ต และตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอพพลิเคชันได้ครับ บอกเลยว่าง่ายสุดๆ
File Manager
แอพพลิเคชันสำหรับจัดการไฟล์ทุกชนิดบนหน่วยความจำของตัว Huawei Ascend G6 รวมถึงหน่วยความจำ MicroSD Card โดยเราสามารถเข้าไป ย้ายไฟล์, เปลี่ยนชื่อไฟล์, ลบไฟล์ ได้จากในมือถือผ่านตัวแอพฯ File Manager ได้ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาโหลดแอพเพิ่ม หรือเสียบตัวเครื่องเข้ากับคอมพิวเตอร์ให้เสียเวลา
Tools
อันที่จริง Tools จะเป็นแค่ Folder ที่รวมแอพสารพัดประโยชน์บน Huawei Ascend G6 ไว้ครับ เช่น
- พยากรณ์อากาศ
- ไฟฉาย
- เครื่องคิดเลข
- โน้ต
- เครื่องอัดเสียง
- DLNA สำหรับต่อภาพออกทีวี ()
- วิทยุ
- การสำรองข้อมูล
ภาพรวมของซอฟท์แวร์ใน Huawei Ascend G6 ก็ถือว่าตัว UI ตอบสนองได้ดีสำหรับมือถือราคา 5,990 บาท มีอาการหน่วงบ้างเล็กน้อย (เล็กน้อยจริงๆ) ด้วยข้อจำกัดด้าน Software ส่วนการใช้งานนั้นต้องบอกว่าใช้งานได้ง่ายมาก โดยรวมไม่แตกต่างจากมือถือ Android ทั่วไปมากนัก ผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือผู้ใช้ที่เคยใช้สมาร์ทโฟนมาแล้วก็สามารถเข้าใจตัวระบบได้ไม่ยาก
Camera
สำหรับกล้องของ Huawei Ascend G6 จะต้องพูดถึงกล้องหน้ากันก่อนเลย เพราะทาง Huawei ชูจุดเด่นของการเป็นมือถือ Selfie ของเจ้า Huawei Ascend G6 ไว้ค่อนข้างมาก เริ่มจากฮาร์ดแวร์กล้องหน้าของ Huawei Ascend G6 กันก่อน นอกจากจะเป็นกล้องหน้าความละเอียดสูง 5 ล้านพิกเซลแล้ว ทีเด็ดอีกอย่างคือมันเป็นกล้องหน้าเลนส์ Wide 88 องศา ที่สามารถเก็บภาพได้กว้างกว่าปกติครับ ไม่ใช่แค่ออกแบบมาเพื่อเซลฟี่ตัวเอง แต่ยังสามารถเซลฟี่พร้อมเพื่อนได้อีกด้วย และที่สำคัญคือฟีเจอร์กล้องหน้า Huawei Ascend G6 นี่จัดว่าเด็ดกว่าฟีเจอร์กล้องหลังซะอีก
โดยซอฟท์แวร์กล้องหน้าของ Huawei Ascend G6 จะมาพร้อมโหมด Beauty ที่จะทำการแต่งภาพ, ลดริ้วรอย, ทำหน้าเนียน, ทำให้ผิวขาวบริ้งได้ทันทีที่กดชัตเตอร์ สามารถปรับความสวยได้ถึง 10 ระดับ (แนะนำที่ระดับกลางๆ พอครับ ปรับเต็มจะดูหลอกตามากๆ) และยังมาพร้อมโหมดต่างๆ ที่รองรับการ Selfie อย่างเต็มรูปแบบ เช่น
- โหมดถ่ายรูปอัตโนมัติเมื่อยิ้ม
- โหมดแตะจอเพื่อถ่ายภาพ (มีการนับถอยหลัง 2 วินาทีพร้อมหน้าจอพรีวิว)
- โหมดถ่ายรูปด้วยเสียง – โหมดนี้ตัวแอพกล้องจะจับเสียงที่ดังขึ้นมาในระดับหนึ่ง แล้วจะลั่นชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ เท่าที่ลองทดสอบคือพูดคำว่าอะไรก็ได้ (เย่, เยส, สาด ฯลฯ) แต่เสียงต้องดังในระดับหนึ่ง
- และโหมดเบสิคอย่างการกดปุ่มปรับระดับเสียงแทนปุ่มชัตเตอร์
ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหน้าสำหรับผมก็ไม่ได้ให้คะแนนที่สูงมาก จริงอยู่ที่ฟีเจอร์ของกล้องเหมาะกับการ Selfie มาก แต่ปัญหาอยู่ที่ความชัด และความยืดหยุ่นของการถ่ายรูปนี่แหละครับ เพราะถ้ามีแสงไม่พอ กล้องหน้าของ Huawei Ascend G6 จะถ่ายรูปออกมาได้ไม่ค่อยโอเคนัก ภาพจะเบลอ (ต้องมือนิ่ง) และก็เต็มไปด้วย Noise กระจาย แต่ถ้าอยู่ในที่แสงเพียงพอก็ถือว่าพอใช้ได้ครับ แต่ความประทับใจก็อยู่ที่โหมดที่รองรับการถ่ายรูปมากกว่าคุณภาพของรูปถ่ายอยู่ดี
ส่วนกล้องหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซลของ Huawei Ascend G6 ก็ใช้เป็นเซนเซอร์ BSI ยอดนิยมในยุคปัจจุบัน ที่สำคัญคือโมดูลกล้องใน Huawei Ascend G6 ยังเป็นรุ่นยอดนิยมที่ผลิตโดย Sony ส่วนโหมดในการถ่ายรูปก็พอมีให้เลือกใช้ครับ แต่คาดว่าหลักๆ คงเน้นไปที่โหมด Smart (โหมด Auto นั่นแหละ) โหมด Beauty และโหมด HDR มากกว่า สำหรับโหมดออโต้ของ Huawei Ascend G6 โดยรวมก็ทำได้ดีครับ แต่จะมีอาการเอ๋อๆ บ้างเวลาถ่ายรูปตอนกลางคืน ซึ่งมือถือรุ่นอื่นที่มีราคาประมาณนี้ก็มีปัญหาในการถ่ายรูปตอนกลางคืนเช่นเดียวกัน
สำหรับตัวอย่างรูปถ่ายจากกล้องหลังของ Huawei Ascend G6 สามารถรับชมได้จาก Gallery ได้เลยครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ Huawei Ascend G6 เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว 5,990 บาท ก็ถือว่าทำได้สมกับราคาครับ ใช้งานทั่วไปได้สบายๆ เล่นอินเทอร์เน็ต, เล่นเกมได้ทุกเกม (อยู่ที่การปรับตั้งค่า), เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์ก การใช้งานโดยรวมค่อนข้างลื่นไหล มีอาการหน่วงบ้างเวลาสลับแอพ ตรงนี้ต้องขอชมการปรับแต่งซอฟท์แวร์ Emotion UI 2.0 ของทาง Huawei ที่ทำให้มือถือสเปคไม่แรงมาก สามารถใช้งานได้ลื่นไหลขนาดนี้
แต่สำหรับปัญหาของ Huawei Ascend G6 จะอยู่ที่การจัดการพลังงาน (แบตเตอรี่) เพราะนอกจากแบตเตอรี่จะให้มาไม่เยอะแล้ว การจัดการพลังงานยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร สำหรับการเปิดใช้งาน 3G ทั้งวัน แต่ไม่ค่อยหยิบเครื่องมาเล่น (เน้นสแตนบาย) แค่มี Facebook เด้ง, Email เด้ง พบว่าแบตเตอรี่ลดไปเยอะพอสมควร เพราะฉะนั้นถ้าหยิบขึ้นมาเล่นบ่อยๆ หรือใช้งานเป็นเครื่องหลัก คงต้องพก Powerbank ไว้จะดีที่สุด ดูทรงแล้วแบตเตอรี่ไม่น่าจะอยู่ได้หมดวันครับ
Overall
โดยรวมแล้ว Huawei Ascend G6 ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานในระดับหนึ่ง อาจจะไม่ได้แรงแบบหวือหวา แต่ถ้าพูดเรื่องความเสถียร, การใช้งานที่ง่าย รวมถึงกล้องถ่ายรูปทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ไปจนถึงวัสดุกับงานประกอบและการออกแบบ?ทำให้?Huawei Ascend G6 เป็นมือถืออีกรุ่นหนึ่งที่น่าจับตามองในตลาดมือถือระดับกลางเลยทีเดียว ถ้าจะสรุปให้ง่ายกว่านั้นก็ต้องบอกว่า Huawei Ascend G6 เป็นมือถือที่ใช้งานได้ยืดหยุ่น คือมันไม่ได้โดดเด่นด้านใดด้านหนึ่ง แต่ถ้าเป็นการใช้งานทั่วไป Huawei Ascend G6 นี่ใช่เลยครับ และยังเป็นมือถือที่เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มใช้งานสมาร์ทโฟน ด้วยตัว UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้แบบสุดๆ แต่จะมีปัญหาเล็กน้อยตรงการจัดการพลังงานนี่แหละ
ข้อดี
- ตัวเครื่องน้ำหนักเบา มีความบางเพียง 7.5 มิลลิเมตร
- Emotion UI 2.0 Lite ใช้งานง่าย เสถียรในระดับหนึ่ง
- เป็นมือถือที่ใช้งานได้หลากหลาย แอพฯ อำนวยความสะดวกครบครัน
- ฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปจัดว่าไม่ธรรมดา มีให้เลือกใช้เพียบ โดยเฉพาะฟีเจอร์กล้องหน้า รองรับการ Selfie เต็มรูปแบบ
ข้อสังเกต
- แบตเตอรี่ไม่ค่อยอึด
- วัสดุและงานประกอบยังไม่ค่อยประทับใจนัก
- คุณภาพของรูปถ่ายอยู่ในระดับกลางๆ
Compare
สำหรับตัวเลือกที่อยู่ในช่วงราคาที่ใกล้เคียง (ไม่สิ ต้องบอกว่าราคาเท่ากัน) กับ Huawei Ascend G6 และมีสเปคใกล้เคียงกันก็จะมีดังนี้ครับ
Asus Zenfone 5
สำหรับ Asus Zenfone 5 จะโดดเด่นเรื่องของ Ram ที่ให้มามากกว่าที่ 2 GB, หน้าจอใหญ่กว่า, ความละเอียดจอมากกว่า และด้วยความเป็นยอดนิยมในบ้านเรา ทำให้มีอุปกรณ์เสริมออกมารองรับมากมาย
I-Mobile IQ 5.8 DTV
ถ้าใครติดละครหลังข่าวต้อง I-Mobile IQ 5.8 DTV เพราะถ้าวัดที่สเปคก็ถือว่าใกล้เคียงกับ Huawei Ascend G6 แต่จะมีทีเด็ดตรงการดูทีวีดิจิตอลได้นี่แหละครับ
Lenovo A859
ถ้ามองว่า Huawei Ascend G6 ให้แบตเตอรี่มาน้อยเกินไป และแบตไม่ค่อยอึดเท่าที่ควร แนะนำให้มอง Lenovo A859 ครับ สเปคก็ใกล้เคียงกับ Huawei Ascend G6 แต่สิ่งที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนคือการจัดการพลังงาน เพราะ Lenovo A859 แบตอึดกว่าเยอะครับ
Oppo Neo 5
สำหรับมือถือ 4G LTE ที่ถูกที่สุดในประเทศไทย ณ เวลานี้ สเปคที่ให้มาใกล้เคียงกับ Huawei Ascend G6 มากๆ แต่จะเพิ่มการรองรับ 4G LTE เข้ามา และที่สำคัญคือตอนนี้ Oppo Neo 5 จัดโปรฯ ร่วมกับ Dtac ซะด้วย ซื้อเครื่องนอกจากจะได้ส่วนลดค่าบริการ 50% แล้ว ยังได้สิทธิ์การผ่อนชำระ 0% อีกด้วย