Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Android Platform»[Review] รีวิว ASUS Zenfone Deluxe Special Edition รุ่นย่อยใหม่ที่ไม่ได้เพิ่มแค่ชื่อ ดีไซน์อลังการ มากับความจุ 256 GB !!
    Android Platform

    [Review] รีวิว ASUS Zenfone Deluxe Special Edition รุ่นย่อยใหม่ที่ไม่ได้เพิ่มแค่ชื่อ ดีไซน์อลังการ มากับความจุ 256 GB !!

    SpecPhone HQBy SpecPhone HQ2 มีนาคม 2016Updated:24 สิงหาคม 2020
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    เมื่อกล่าวถึงมือถือยี่ห้อ ASUS Zenfone เชื่อว่าทุกคนต้องนึกถึงสมาร์ทโฟนที่คุ่มค่าตัวหนึ่ง เพราะจากการเปิดตัวของตระกูล Zenfone ในแต่ละครั้งนั้นได้ให้สมาร์ทโฟนที่มีความคุ้มค่าในราคาที่ไม่แพงมาโดยตลอด อย่างเครื่อง ASUS Zenfone Deluxe ที่โดดเด่นเรื่องการดีไซน์และราคาที่จับต้องได้ง่ายในสเปคที่มีประสิทธิภาพจนได้กระแสตอบรับอย่างล้นหลาม จนทาง ASUS เองต้องเพิ่มรุ่นย่อยออกมาอีกเพื่อให้สมกับกระแสตอบรับให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ โดยรุ่นนี้มีชื่อที่ยาวมากๆ นั่นก็คือ ASUS Zenfone Deluxe Special Edition แต่ไม่ใช่ว่าจะเพิ่มแค่ชื่อยาวๆ เท่านั้นยังมีการอัพเกรดสเปคขึ้นมาให้ดีขึ้นอีก โดยสเปคของตัวเครื่องนั้นก็เหมือนกับยกเอาตัวสเปคของ ASUS Zenfone Deluxe มาอัพเกรดเพิ่มประสิทธิภาพและการออกแบบใหม่ที่ทำให้สมเป็น Special Edition ในราคาที่เพิ่มขึ้นอีก 2,000 บาท จะแตกต่างกันตรงไหนบ้าง คุ้มไหมกับการจ่ายเพิ่มอีก 2,000 บาท ติดตามกันได้เลยครับ

    สเปคของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition

    • ชิปประมวลผล Intel Atom Z3590 Quadcore 64-bit ความเร็ว 2.5 GHz
    • ระบบปฏิบัติการ Android  5.0 มาพร้อม Zen UI 2.0
    • แรม 4 GB
    • หน่วยความจำภายใน 128 GB รวมกับการ์ดความจุ 128 GB มากับเครื่อง รวมเป็น 256 GB !!
    • กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลชคู่แบบ LED Real Tone
    • กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
    • รองรับการใช้งาน 2 ซิมและ 3G/4G LTE (อีกช่องใช้ได้ 2G เท่านั้น)
    • แบตเตอรี่ Li-Polymer 3000 mAh แบบไม่สามารถถอดได้
    • ราคา 14,990 บาท
    • สเปคของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition แบบเต็ม

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00012

    จากสเปคของตัวเครื่องนั้นเห็นว่ามีการเพิ่มประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์เล็กน้อย นั่นก็คือ ชิปประมวลผลจากเดิมใช้ชิปประมวลผล Intel Atom Z3580 Quad Cores 64-bit ความเร็ว 2.3 GHz อัพเกรดเป็นชิปประมวลผล Intel Atom Z3590 Quad Cores 64-bit ความเร็ว 2.5 GHz เร็วขึ้น 0.2 GHz ยังไม่พอ ยังเพิ่มขนาดความจุของตัวเครื่องโดยใส่การ์ด ความจุขนาด 128 GB ให้อีกจากเดิมที่มีความ 128 GB อยู่แล้ว สรุปแล้วเครื่องนี้มีความจุ 256 GB !! พอ ๆ กันกับโน๊ตบุ๊คเลยใครใช้หมดนี่ขอนับถือจริง ๆ ครับ สำหรับการออกแบบภายนอกนั้น จะให้เหมือนเดิมก็คงไม่เหมาะกับคำว่า Special Edition เอซุสเลยจัดฝาหลังดีไซน์พิเศษให้ถึง 2 แบบ ให้ไปเปลี่ยนกันได้หลายลุค ทั้งแบบคริสตัลสวยงามที่มีสวยเงิน ออกแบบให้เป็นเหมือนเพชรที่ได้รับการเจียระไนมาแล้วอย่างประณีต และฝาหลังอีกชิ้นออกแบบเป็นลวดลายเคฟล่า ให้อารมณ์แบบสปอร์ตดุดัน ตัดกับขอบสีแดงแล้วดูดีมาก ๆ

    จุดเด่น

    – ความจุตัวเครื่อง 128 GB และ ให้การ์ดความจำอีก 128 GB รวมเป็น 256 GB !!
    – แรมขนาด 4 GB สามารถสลับแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว
    – การออกแบบฝาหลังที่สวยงาม มีให้เลือก 2 แบบ ทั้ง Crystal Cut สีเงิน และ Kevlar
    – งานประกอบดี ทำได้แน่นหนา
    – ราคาในระดับกลาง ๆ ในสเปคที่มีประสิทธิภาพ
    – ฟีเจอร์ชาร์จแบตเตอรี่ BoostMaster ชาร์จแบตเตอรี่ได้ 60% ภายใน 39 นาที

    ข้อสังเกต

    – ฝาหลังแกะยากไปหน่อย
    – ถอดแบตเตอรี่ไม่ได้
    – ปุ่ม Power ด้านบนและปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ใช้งานจริงค่อนข้างลำบาก
    – ขอบหน้าจอหนาเกินไป
    – ไฟปุ่มที่หน้าจอยังไม่มีมาให้

    บทสรุป

    Asus Zenfone Deluxe Special Edition ยังคงเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้ความคุ้มค่าสำหรับคนที่ยังมองหาสมาร์ทโฟนในราคาระดับปานกลางแต่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าเรือธง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้ถือว่าเอาใจคนที่ใช้งานที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมาก ๆ เพราะให้พื้นที่เก็บข้อมูลมาจากโรงงานถึง 256 GB (ความจำตัวเครื่อง 128 GB + MicroSD Card 128 GB) ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนให้พื้นที่เก็บข้อมูลเยอะมาก ๆ ในราคาหมื่นกลาง ๆ และด้วยการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์แบบ Special Edition ให้ฝาหลังดีไซน์ Crystal Cut สีเงินที่ดูสวยงาม และยังมีฝาหลังแบบเคฟล่าให้อีก ชิปประมวลผลอัพเกรดให้ดีขึ้นเล็กน้อย และแรมขนาด 4 GB เอาไว้ใช้งานแบบสลับแอปพลิเคชั่นได้อย่างรวดเร็ว โดยทั้งหมดนี้มีราคาจำหน่ายเพียง 14,990 บาทเท่านั้น ซึ่งเพิ่มมาจากรุ่น Asus Zenfone Deluxe 2,000 บาท ซึ่งอยู่ที่ผู้ใช้งานเองแล้วว่าจะยอมเพิ่มเงินหรือเปล่า เพื่อแลกกับความจุที่เยอะขึ้นอีกเท่าตัว ชิปประมวลผลที่เร็วขึ้น และการออกแบบฝาหลังที่เป็น Special Edition
    Editor : Nayvardar
    93
    BEST PRICE

    Design

    แตกต่างอย่างดูดีให้สมกับชื่อ

    “Special Edition”

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00009

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00008

    มาถึงเรื่องดีไซน์ของตัวเครื่อง ถ้าพูดกันตามตรงก็คือเอารุ่น Asus Zenfone 2 (ZE551ML) มาเพิ่มรุ่นย่อยให้มีดูแตกต่างที่ดีไซน์และเพิ่มความจุเป็นรุ่น Zenfone 2 Deluxe แล้วเอามาอัพเกรดอีกทีเป็นรุ่น Asus zenfone Deluxe Special Editionเรียกได้ว่าโมเดลนี้มีหลายรุ่นย่อยเลยทีเดียว ด้านหนัาของตัวเครื่องมากับจอแสดงผลแบบ IPS ขนาด 5.5 นิ้ว ที่ความละเอียด Full HD (1080 x 1920) ความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ 401 ppi มาพร้อมกับเทคโนโลยีกันรอยขีดข่วน Corning Gorila Glass 3 ซึ่งการแสดงสีสันแสดงได้ดีคมชัดสมกับความละเอียดแบบ Full HD แต่โมเดลนี้มีขอบหน้าจอที่หนาไปหน่อยทำให้ลดความสวยงามลงไปเล็กน้อย ซึ่งพื้นที่ของหน้าจอคิดเป็นประมาณ 72 % พื้นที่ด้านหน้า ด้านบนของตัวเครื่องจะประกอบไปด้วยช่องสนทนาสีเงินโครเมียมเข้ากันกับสัญลักษณ์ ASUS สีเงิน ถัดมาเป็นกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลที่มีเทคโนโลยี PixelMaster 2.0 ใกล้กันเป็นเซ็นเซอร์ Proximity Sensor ทีจะช่วยปิดหน้าจอเวลามีการสนทนาแล้วเราเอาแนบหูนั่นเอง

    มาถึงด้านล่างบริเวณหน้าจอกันบ้าง จะเห็นปุ่ม 3 ปุ่มนั่นก็คือ ปุ่มย้อนกลับ ปุ่มโฮม และปุ่ม Multitasking เป็นที่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ก็ยังไม่ได้ใส่ไฟไว้ให้ อาจทำให้การใช้งานตอนกลางคืนต้องอาศับความเคยชิน ด้านล่างเป็นพลาสติกขัดเงาให้ความรู้สึกคล้ายโลหะซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Zenfone ไปแล้วแต่ก็ให้ความสวยงามหรูหรา ด้านข้างตัวเครื่องไม่มีปุ่มอะไรเลยนอกจากช่องเอาไว้แกะฝาหลังออก ด้านบนของตัวเครื่องมีปุ่มใช้สำหรับเปิดปิดเครื่องซึ่งการใช้งานจริงแอบใช้งานยากเพราะต้องกดจากนิ้วชี้ แต่ก็มีระบบแตะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อช่วยแทนการกดปุ่มได้ ใกล้ ๆ ปุ่มจะเป็นช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร และไมค์ตัดเสียงรบกวน ด้านล่างของตัวเครื่องจะมีพอร์ต MicroUSB เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่และเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ใกล้ๆ กันเป็นไมค์สนทนา

    ด้านหลังของตัวเครื่องนั้นออกแบบที่ดูเด่นดึงดูดสายตาก็คงเป็นฝาหลังแบบ Crystal Cut ลายโพลีกอนที่มีสีเงินเปล่งประกายดูสวยงามมากๆ และยังสามารถเปลี่ยนเป็นฝาหลังลายเคฟล่าได้อีกด้วย ให้ทั้งอารมณ์หรูหราและสปอร์ตได้ในเครื่องเดียวมีกล้องขนาด 13 ล้านพิกเซลพร้อม Dual Led Flash และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียงซึ่งเวลากดต้องจับให้ดีเพราะแรงดันจะดันมาข้างหน้าต้องระวังไม่ให้หลุดมือ ด้านล่างเป็นลำโพงเป็นแถบยาวให้เสียงแบบธรรมดา ๆ ตัวเครื่องโดยรวมมีการประกอบที่แน่นหนาดี ชนิดที่เปลี่ยนฝาหลังหรือเปลี่ยนซิมนี่เจ็บนิ้วกันทีเดียวเพราะฝาหลังแกะออกยาก เมื่อเปิดฝาหลังจะพบแบตเตอรี่ขนาด 3000 mAh แต่ถอดเปลี่ยนไม่ได้ จะพบช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Micro Sim 2 ช่องโดยช่องหนึ่งจะรองรับการใช้งาน 2G 3G 4G ทุกเครือข่าย แต่อีกช่อง จะรองรับแค่ 2G เท่านั้น และช่องใส่ MicroSD ที่ทางเอซุสใส่ MicroSD Card Class 10 ความจุ 128 GB ไว้ให้แล้ว ซึ่งการออกแบบโดยรวมก็ถือว่าทำได้ดี ผู้ใช้สามารถเลือกใส่ฝาหลังที่มีให้ได้ตามใจชอบ

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00006

    Software

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00007

    Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition  ใช้ระบบปฎิบัติการ Android 5.0 มาพร้อมกับ Zen UI 2.0 ตัวเครื่อง โดยในรุ่นนี้มากับ Theme แบบ Sport เพื่อให้เข้ากับฝาหลังแบบเคฟล่า ให้อารมณ์การใช้งานที่ดูรวดเร็ว โดยตัวเครื่องมาพร้อมกับแอปพลิเคชันพื้นฐานของ Google มาให้ครบ และมีแอปพลิเคชันที่ทางเอซุสจัดลงไว้ให้มากมายเช่น ไฟฉาย FileManager กระจก Cleanmaster Quickmemo เป็นต้น เรียกได้ว่าผู้ใช้งานไม่ต้องหาโหลดเพิ่มเลยทีเดียว

    Screenshot_2016-02-22-10-41-54-side

    สำหรับการเปิดหน้าจอเพื่อปลดล็อคเข้าสู่หน้าเมนูนั้น สามารถทำได้โดยแตะที่หน้าจอสองครั้งได้เลย โดยไม่ต้องกดปุ่มด้านบน ถือว่าสะดวกมาก ๆ เพราะปุ่มด้านบนนั้นแอบใช้งานยากอยู่เหมือนกัน การเข้าสู่ Google Now ก็สามารถทำได้รวดเร็วจากการกดปุ่ม Home ค้างไว้ และการแคปหน้าจอก็มีปุ่มลัดโดยการกดปุ่ม Multitasking ค้างไว้ เช่นกัน

    Feature

    Touch Gesture ที่สามารถเปิดแอพได้ด้วยการวาดลงบนหน้าจอแม้เครื่องจะปิดหน้าจออยู่โดยสามารถเข้าถึงได้หลายโปรแกรมแล้วแต่ตัวอักษรที่เราวาด ดังนี้

    Screenshot_2016-02-22-21-18-03

    • แตะที่หน้าจอขณะล็อคหน้าจอไว้เพื่อเปิดการทำงานจากโหมด Sleep
    • วาด W เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น Browser
    • วาด S เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น ข้อความ
    • วาด E เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น E-mail
    • วาด C เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น กล้อง
    • วาด Z เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น Asus Boost
    • วาด V เพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่น โทรศัพท์

    โดยเราสามารถเปลี่ยนรูปการเข้าแอปพลิเคชั่นได้เลยเช่นการวาด C เพื่อเข้าสู่แอปพลิเคชันฟังเพลงเป็นต้น

    Power Saving Mode สามารถปรับแต่งการใช้งานได้หลากหลาย ซึ่งแต่ละโหมดนั้นจะจัดสรรทรัพยากรของเครื่องให้ตรงกับการใช้งาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานแบตเตอรี่ให้ดีขึ้น และยังมีโหมด Customized ที่สามารถปรับแต่งการทำงานต่าง ๆ ของตัวเครื่องได้เองอีกด้วย

    Screenshot_2016-02-22-13-34-41

    Mini Movie เป็นแอปพลิเคชั่นที่ทำให้เรานำรูปมาตัดต่อวิดิโอได้ทันที มีวิธีการใช้งานง่าย โดยจำทำการเอารูปจากอัลบั้มที่เราถ่ายมาทำเป็นวิดีโอโดยสามารถปรับแต่งได้มากมาย เช่น ใส่ข้อความ ใส่เพลง แล้วบันทึกเป็นวิดีโอได้ทันทีเพื่อว่ายต่อการแชร์

    Screenshot_2016-02-22-13-38-10

    One Hand Mode เป็นโหมดที่เหมาะกับคนมือเล็ก หรือผู้ที่ใช้งานที่สะดวกใช้งานมือเดียว โดยจะย่อหน้าจอให้มีขนาดเล็กเพื่อสะดวกต่อการใช้งานมือเดียว ซึ่งจากการใช้งานจริงถือว่าเหมาะมาก เพราะมือถือขนาด 5.5 นิ้วนี้ก็ถือว่าใหญ่เอาเรื่อง เวลาในการถือของหรือโหนรถไฟฟ้าแล้วมีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์นี่ถือว่าสะดวกมาก

    one-hand-product

    ZenUI Theme เป็นคลังเก็บ Theme ของ ZenUI โดยมี Theme ให้เลือกสวยงามมากมาย มีทั้งแบบเสียเงินและแบบฟรีให้เราเลือกเปลี่ยนได้ตามใจชอบ ซึ่งมีหลากหลายแบบให้เลือกให้เปลี่ยนบ่อยแบบไม่เบื่อกันเลยทีเดียว

    Screenshot_2016-02-22-13-49-05

    Easy Mode เป็นการเปลี่ยนลักษณะการทำงานให้มีลักษณะง่าย เหมาะสำหรับผู้สุงอายุ หรือผู้ที่ต้องการใช้งานแบบง่าย ๆ ไม่หวือหวา

    Screenshot_2016-02-22-13-51-56

    BoostMaster  เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การชาร์จแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น ซึ่งเอซุสได้กล่าวว่าสามารถชาร์จได้ถึง 60% ในเวลาเพียง 39 นาทีเท่านั้น และจากการใช้งานดูนั้นแบตเตอรี่ชาร์จเร็วขึ้นจริงๆ ครับ ถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่เล่นโทรศัพท์ก่อนนอนแล้วหลับไปแบบลืมชาร์จ เพราะตื่นขึ้นมาแล้วทำธุรกิจส่วนตัวเสร็จแบตก็เหลือเฟือต่อการใช้งานแล้ว แต่ช่วงเวลาชาร์จนั้นตัวเครื่องอาจจะมีอุณภูมิสูงอยู่บ้าง เนื่องจากเป็นกลไกการทำงานของ BoostMaster

    Techhypermart-Feature13ZenFone-2-Deluxe

     

    Camera

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00017

    ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Editio มาพร้อมกับกล้อง 13 พิกเซลพร้อมเทคโนโลยี  PixelMaster 2.0 ที่เป็นเทคโนโลยีของเอซุสเอง ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภายให้ภาพถ่ายดีขึ้น เซ็นเซอร์รับแสงใหญ่ขึ้น และรูรับแสงกว้างขึ้นถึง f/2.0 รวมแสงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มรายละเอียดให้กับภาพถ่าย กล้อง ASUS PixelMaster มาพร้อม 5 ชิ้นเลนส์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพดีเยี่ยม และลดแสงสว่างภาพถ่ายผิดเพี้ยน ส่วนกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล เรียกง่าย ๆ เลยก็คือยกมาจาก Zenfone 2 เลยทีเดียว ซึ่งมีทั้งหมดฟังก์ชัน อาจทดลองใช้ไม่หมด จะแสดงให้ดูเฉพาะฟังก์ชันที่น่าสนใจ

    Screenshot_2016-02-22-10-43-02  Screenshot_2016-02-22-21-30-41

    Low-light ช่วยให้ถ่ายภาพชัดเจนยิ่งขึ้น โดยผ่านการรวมตัวกันของการปรับขนาดพิกเซล และขั้นตอนการประมวลผลภาพ เพิ่มความไวแสงมากขึ้นถึง 400% ลดความหยาบของภาพ และยังเพิ่มสีสันค่าคอนทราสมากถึง 200% แต่กล้องจะถูกลดลงเหลือ 3 ล้านพิกเซล อันนี้ลองถ่ายภาพแบบใกล้ ๆ ในที่มืดให้ดูแบบเปิดแฟลช กล้องไม่โฟกัสซะงั้น เลยลองใช้โหมด low-light ช่วย ถือว่าดึงแสงขึ้นมาได้ดีมาก

    Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00022

    Panorama ช่วยให้ถ่ายภาพ 360 องศา แบบพาโนราม่าได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชั่น เพียงแค่แพนกล้องไปรอบๆ เพื่อจับภาพบริเวณที่คุณต้องการ เมื่อจับภาพครบ 360 องศา แอพลิเคชั่นจะหยุดการถ่ายโดยอัตโนมัติ

    Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00001

     

    Depth of Field อีกหนึ่งเทคนิคการถ่ายภาพแบบมืออาชีพ คือการถ่ายภาพเบลอพื้นหลังนั่นเอง ช่วยสร้างความโดดเด่นให้ส่วนสำคัญของภาพ โดยกดถ่ายภาพต้องรอกล้องเก็บภาพก่อนประมาณ 5 วินาทีซึ่งควรจะถือกล้องไว้นิ่งเพื่อให้กล้องจับจุดสำคัญของภาพได้ เมื่อกล้องจับภาพได้แล้วประมวลผลเสร็จเราสามารถเลือกระดับความเบลอของพื้นหลังได้อีกด้วย

    ‘ Screenshot_2016-02-22-20-08-30  Screenshot_2016-02-22-20-06-49  Screenshot_2016-02-22-20-07-43

    Super Resolution เป็นโหมดที่ถ่ายรูปให้มีความละเอียดสูงสุดถึง 52 ล้านพิกเซล ซึ่งการทำงานของมันจะทำการถ่ายรูปไว้หลาย ๆ รูปแล้วมารวมกันซึ่งก็ใช้เวลาเล็กน้อยในการเก็บภาพ จึงทำให้ภาพมีความละเอียดสูงให้ความคมชัดมาก แต่ขนาดของภาพก็มีขนาดใหญ่เช่นกัน โดยมีขนาด ประมาณ 5 – 6 Mb จะทำการซูมให้ดูว่าเก็บความละเอียดได้ดีขนาดไหน

    Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00009-side

    Super HDR โหมดแบล็คไลท์พิกเซลมาสเตอร์ จับภาพได้หลายช๊อตในฉากเดียวกันอย่างอัติโนมัติ ใช้เทคโนโลยี ASUS Pixel Enhancing ในการประมวลผล ซึ่งช่วยเพิ่มความสว่างมากถึง 4 เท่า ส่งผลให้ภาพถ่ายสว่างขึ้นมากถึง 400% ซึ่งมาพร้อมกับความคมชัดและรายละเอียดของภาพและยังถ่ายภาพแบบย้อนแสงได้ดีอีกด้วย ไปดูภาพถ่ายตัวอย่างกันระหว่างใช้โหมด HDR และไม่ใช้โหมด HDR

    ภาพซ้ายปิดโหมด HDR / ภาพขวาเปิดโหมด HDR

      Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00020

    Simple-Photo-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00021

    Beautification เป็นโหมดที่เอาใจคนรักเซลฟี่เพราะสามารถปรับแต่งได้มากมาย เพราะว่าจะเป็นสีผิวที่เนียน ปรับโทนสีผิว ปรับหน้าเรียว ตาโต เรียกได้ว่าไม่ต้องแต่งหน้ามาถ่าย โหมดนี้ทำให้ได้หมดครับ

     Screenshot_2016-02-23-07-58-41[1]
    ภาพตัวอย่างจากกล้องหลังของ ASUS Zenfone 2 Deluxe Special Edition

    Performance

    Review-ASUS-Zenfone-2-Deluxe-Special-Edition-SpecPhone-00016

    Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition  มาพร้อมกับชิปประมวลผลของ Intel Atom Z3590 64-bit  ที่ความเร็ว 2.5 GHz  ซึ่งอัพเกรดจากรุ่น Asus Zenfone 2 Deluxe  เล็กน้อย โดยทำงานร่วมกับแรมถึง 4 GB ทำให้การใช้งานนั้นลื่นไหล สามารถสลับการใช้แอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องโหลดใหม่บ่อยครั้งให้เสียเวลา สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต สามารถรองรับการเชื่อมต่อแบบ 4G LTE ความเร็วสูง และใช้อินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้ทุกเครือข่าย การรับสัญญาณ Wifi จับสัญญาณได้ดีไม่มีปัญหา

    p8_performance_new

     

    สำหรับแบตเตอรี่ของ Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition มีขนาดอยู่ที่ 3000 mAh  จากการทดสอบก็ถือว่าใช้งานเพียงพอต่อ 1 วันแบบไม่ต้องง้อ Powerbank แถมยังมีโหมดประหยัดพลังงานให้เลือกใช้ และถึงแม้จะเล่นเกมหนัก ๆ จนแบตเตอรี่หมดไว ก็ยังมีเทคโนโลยี BoostMaster ที่ทำให้การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้เร็ว

    ส่วนการเล่นเกม Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition ได้ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก PowerVR Rogue G6430 ซึ่งจากการใช้งานด้านกราฟฟิกหนัก ๆ อย่างการเล่นเกม Asphalt 8 ที่ติดมากับเครื่องนั้น เล่นได้อย่างลื่นไหล แต่ก็มีอาการกระตุกอยู่บ้างในช่วงที่รันกราฟฟิกหนัก ๆ แต่ก็ถือเล่นได้สนุกไม่เสียอารมณ์อย่างแน่นอน

    Gallery

    Asus Asus Zenfone 2 Deluxe Special Edition
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    SpecPhone HQ

    Related Posts

    แนะนำ 10 โทรศัพท์ซัมซุงราคาไม่เกิน 5000-10000 บาทปี 2025 รุ่นไหนดี สเปคครบในงบเบาๆ

    17 พฤษภาคม 2025

    วิธีเปลี่ยนรหัสเฟสบุ๊คทำยังไง ถ้าลืมรหัสเฟสบุ๊คเก่าต้องทำยังไงบ้างในโทรศัพท์แบบง่ายๆ ปี 2025

    16 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์ฝรั่ง Netflix น่าดูในปี 2025 เนื้อเรื่องสนุกๆ หลากหลายแนวที่ไม่ควรพลาด!

    16 พฤษภาคม 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    แนะนำ 10 โทรศัพท์ซัมซุงราคาไม่เกิน 5000-10000 บาทปี 2025 รุ่นไหนดี สเปคครบในงบเบาๆ

    17 พฤษภาคม 2025

    25 อนิเมะต่อสู้พระเอกเก่ง การ์ตูนต่อสู้น่าดูที่มีเนื้อหาสนุกๆ เรื่องไหนดีบน Netflix และแอพอื่นๆ ในปี 2025

    17 พฤษภาคม 2025

    วิธีเปลี่ยนรหัสเฟสบุ๊คทำยังไง ถ้าลืมรหัสเฟสบุ๊คเก่าต้องทำยังไงบ้างในโทรศัพท์แบบง่ายๆ ปี 2025

    16 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 20 ซีรี่ย์ฝรั่ง Netflix น่าดูในปี 2025 เนื้อเรื่องสนุกๆ หลากหลายแนวที่ไม่ควรพลาด!

    16 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X