Samsung เปิดศักราชใหม่ปี 2018 ด้วยการวางจำหน่ายสมาร์ทโฟนรุ่นกลาง (แต่ราคาก็ได้ตัวท็อปของบางยี่ห้อ) Samsung Galaxy A8 Series รุ่นปี 2018 มีด้วยกัน 2 โมเดลย่อย ได้แก่ Samsung Galaxy A8 2018 และ Samsung Galaxy A8+ 2018 ทั้งสองโมเดลมีความจุดร่วมคล้าย ๆ กัน แตกต่างที่สเปคด้านในเล็กน้อย สนนราคาเริ่มต้น 15,990 บาท ในรุ่น Samsung Galaxy A8 2018 และราคา 18,990 บาท สำหรับ Samsung Galaxy A8+ 2018
สเปค Samsung Galaxy A8 / A8+ 2018
- หน้าจอ Super AMOLED
– Samsung Galaxy A8 Full Display 5.6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
– Samsung Galaxy A8+ Full Display 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ - ชิปประมวลผล Exynos 7885 octa-core (2 Core 2.2GHz + 6Core 1.6GHz)
- หน่วยความจำ
– Galaxy A8 RAM 4GB / ROM 32GB
– Galaxy A8+ RAM 6GB / ROM 64GB - กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.7
- กล้องหน้าคู่ ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.9 + 8 ล้านพิกเซล f/1.9 พร้อม Live Focus
- กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP68
- แบตเตอรี่
– Galaxy A8 3,000 mAh
– Galaxy A8+ 3,500 mAh - ระบบสแกนลายนิ้วมือ + ปลดล็อกด้วยใบหน้า
- ราคา Samsung Galaxy A8 15,990 บาท
- ราคา Samsung Galaxy A8+ 18,990 บาท
สำหรับเครื่องรีวิวที่ผมซื้อมาจะเป็น Samsung Galaxy A8+ 2018 โดยเหตุผลที่เลือกรุ่นใหญ่มารีวิวเพราะมันให้สเปคที่ดีกว่ารุ่นเล็ก ได้ Ram เยอะกว่า ความจุมากกว่า หน้าจอใหญ่กว่า และแน่นอนว่าแบตเตอรี่ก็ให้มามากกว่า Galaxy A8 ส่วนต่างที่ห่างกัน 3,000 บาท ถือว่าจ่ายได้ครับ แต่ในการซื้อมาใช้งาน อยากให้คำนึงถึงขนาดตัวเครื่องด้วย บางคนชอบเครื่องเล็ก พกพาง่าย ๆ Galaxy A8 น่าจะตอบโจทย์มากกว่า Galaxy A8+ เล็กน้อย
อุปกรณ์ในกล่องของ Samsung Galaxy A8+ 2018 ให้มาครบครันตามมาตรฐานของ Samsung ได้แก่
- ตัวเครื่อง Samsung Galaxy A8+ 2018
- หูฟังแบบ In-Ear
- อะแดปเตอร์รองรับ Adaptive Fast Charging (ชาร์จเร็ว)
- สายเชื่อมต่อแบบ USB-C
- เคสพลาสติก
ความรู้สึกเมื่อเห็นตัวเครื่อง Samsung Galaxy A8+ 2018 ครั้งแรกของผมคือ “ทำไมมันเหมือน Galaxy S8 จัง (วะ)” จะแตกต่างกันก็ตรงที่ Samsung Galaxy A8+ 2018 เป็นหน้าจอแบบ 2.5D โค้งเล็กน้อย ไม่ได้เป็นจอโค้งแบบ Samsung Galaxy S8 ส่วนเรื่องวัสดุตัวเครื่องเมื่อมองด้วยสายตาก็คิดว่าต้องเป็นแบบเดียวกับ Galaxy S8 แน่นอน
สัมผัสแรกเมื่อจับ Samsung Galaxy A8+ 2018 ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนที่ให้สัมผัสดีทีเดียว ตัวเครื่องหน้าจอ 6 นิ้ว แต่ก็ไม่ได้ใหญ่จนเกินใช้งาน ด้วยความที่เป็นหน้าจอ Full Display 18:9 น้ำหนักตัวเครื่องก็กำลังดี วัสดุตัวเครื่องเป็นโลหะ (อลูมิเนียม) กับกระจก ให้ความรู้สึกพรีเมียม สมราคา 18,990 บาท
รายละเอียดด้านหน้าของ Samsung Galaxy A8+ 2018 ประกอบไปด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6 นิ้ว ด้านบนหน้าจอมีกล้องคู่อันเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ สามารถถ่าย Live Focus Effect หรือหน้าชัด – หลังเบลอได้
ส่วนด้านล่างหน้าจอปล่อยโล่ง ไม่มีปุ่มใด ๆ เพราะใช้ Navigation Keys แบบ Soft Key ที่กินพื้นที่หน้าจอด้านล่างเล็กน้อย ตัวปุ่มโฮมไม่สามารถรับรู้แรงกดได้เหมือน Galaxy Note 8 นะครับ
รายละเอียดด้านข้าง เริ่มจากทางขวามือ ประกอบไปด้วยปุ่ม Power และลำโพงหลักของตัวเครื่อง เป็นลำโพงแบบ Mono ตำแหน่งการวางแบบนี้ช่วยลดปัญหามือบังเสียงเมื่อถือเครื่องแนวนอน รวมถึงการวางตัวเครื่องบนพื้นก็ไม่ทำให้เสียงเบาลงเหมือนสมาร์ทโฟนที่ติดลำโพงไว้ด้านหลัง
ด้านซ้ายมีปุ่มปรับระดับเสียง และช่องใส่ซิม 2 แยกต่างหาก รองรับซิมการ์ดแบบ Nano Sim
ด้านบนมีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิม 1 (Nano Sim) และช่องใส่ Micro SD card รองรับความจุสูงสุด 256 GB
ด้านล่างประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C, ไมโครโฟนสำหรับสนทนา และช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร
ด้านหลังตัวเครื่องตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ว่าใช้วัสดุเป็นกระจกคล้าย ๆ กับ Samsung Galaxy S8 ด้านหลังออกแบบมาได้เรียบ ๆ มีเพียงกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล, แฟลช LED และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่มีรูปแบบการจัดวางแบบใหม่ คือวางไว้ใต้กล้อง หมดปัญหานิ้วโดนกล้องแบบตอน Galaxy S8 คาดว่าดีไซน์แบบนี้จะได้เห็นกันใน Samsung Galaxy S9 ด้วย
ข้อสังเกตของกระจกหลัง Samsung Galaxy A8+ 2018 คือมันไม่ได้ออกแบบมาให้ทนทานแบบกระจกหลัง Samsung Galaxy S8 และ Note 8 ครับ ด้วยข้อจำกัดด้านราคา เครื่องรีวิวที่ซื้อมา ผมให้น้องเอาไปถ่ายวีดีโอ เข้าใจว่าคงไม่ได้ใส่เคสตอนที่เก็บฟุตเทจ ผลก็คือได้รอยขนแมว (รอยเล็ก) และขนสิงโต (รอยใหญ่) มาพอสมควร แนะนำให้ใส่เคสไว้ตลอดดีกว่า หรือจะหาฟิล์มกันรอยมาติดก็ได้เช่นกัน
เท่าที่ลองเล่นตัวเครื่องแบบคร่าว ๆ สิ่งที่ประทับใจใน Samsung Galaxy A8+ 2018 คือมันให้ถาดซิมแบบมาใช้งานได้จริง คือใส่ได้ 2 ซิม พร้อมทั้ง Micro SD Card ไม่ต้องแชร์ถาดซิมแบบ Galaxy S8/ Note 8 หน้าตาที่ให้มาแบบไม่มีกั๊ก ดีไซน์ออกมาสวยงามทีเดียว และฟีเจอร์ที่ดึงจากรุ่นเรือธงมาใส่ไว้หลายอย่าง เช่น
- รองรับ Gear VR ถือว่าเป็นรุ่นแรกนอกจากเรือธงที่รองรับเลยก็ว่าได้
- Samsung Pay
- Bixby ก็มีให้ใช้เหมือนกัน ติดที่ตอนนี้ยังไม่รองรับการใช้งานในไทย
สำหรับบทความพรีวิว Samsung Galaxy A8+ 2018 ก็คงต้องจบไปเพียงเท่านี้ก่อน เพื่อน ๆ ที่อยากอ่านรีวิว Samsung Galaxy A8+ 2018 แบบเต็ม ๆ ทดสอบกันเน้น ๆ ทั้งเรื่องการเล่นเกม, การถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง อดใจรอไม่นานครับ
ปิดท้ายด้วยตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Samsung Galaxy A8+ 2018 แบบคร่าว ๆ ทุกรูปถ่ายด้วยโหมด Auto ไม่มีการปรับแต่งใด ๆ ทั้งสิ้น