พรีวิว Redmi Note 9 RAM 4/ 128GB ตำนานความคุ้มกลับมาแล้ว พร้อมชิปเกม Helio G85 ในราคาเริ่มต้น 4,999 บาท

เปิดตัวและเปิดราคาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Redmi Note 9 Series สมาร์ตโฟนซีรี่ส์คุ้มค่าจากทาง Redmi by Xiaomi โดยรุ่นที่ทีมงาน SpecPhone ได้รับมาเป็น Redmi Note 9 น้องเล็กในซีรี่ส์ กับราคาค่าตัวเริ่มต้นเพียง 4,999 บาท สมาร์ตโฟนรุ่นนี้จะเป็นอย่างไร เชิญอ่านพรีวิวเป็นน้ำจิ้มก่อนที่รีวิวฉบับเต็มจะคลอดในสัปดาห์หน้ากันได้เลยครับ

ราคา และรุ่นย่อยของ Redmi Note 9

สำหรับ Redmi Note 9 จะมีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ RAM 4GB/ 128GB ROM และ RAM 3GB/ 64GB ROM ความแตกต่างก็จะมีแค่ RAM กับความจุเท่านั้นครับ ที่เหลือเหมือนกันหมด ส่วนราคาก็ตามนี้

Redmi Note 9 RAM 4GB/ 128GB ROM ราคา 6,499 บาท
Redmi Note 9 RAM3GB/ 64GB ROM ราคา 4,999 บาท

Redmi Note 9 ในรุ่น RAM 3/ 64GB จะวางจำหน่ายเฉพาะช่องทางออนไลน์อย่าง Lazada, Shopee และ JD Central เท่านั้นครับ โดย Shopee จะวางจำหน่ายก่อนในวันที่ 22 พฤษภาคม ส่วนอีกสองช่องทางที่เหลืออย่าง JD Central กับ Lazada จะวางจำหน่ายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้

ส่วนรุ่น RAM 4GB/ 128GB ROM วางจำหน่ายพร้อมกันทุกช่องทางทั้งออนไลน์และหน้าร้าน ในวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 สนนราคา 6,499 บาท และยังมีโปรโมชั่นร่วมกับทาง AIS ซื้อเครื่องพร้อมแพ็กเกจตามกำหนด ลดราคาค่าเครื่อง (RAM 4GB) เหลือเพียง 2,999 บาทอีกด้วย

วิดีโอพรีวิว Redmi Note 9

สเปค Redmi Note 9

หน้าจอ Hotshot DotDisPlay ขนาด 6.53 นิ้ว Full HD+ มีกระจกเป็น Gorilla Glass 5
ชิปประมวลผล MediaTek Helio G85
RAM 3GB / 4GB
ROM 64GB / 128GB
กล้องหลัง 4 ตัว พร้อมด้วยฟีเจอร์สแกนเอกสาร
- กล้องหลัก 48MP f/1.79 ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2″ 4-in-1 Super Pixel
- กล้อง Ultrawide 8MP f/2.2 มุมกว้าง 118 องศา
- กล้อง Macro 2MP f/2.4 AF ระยะ 2-10 cm
- กล้อง Depth 2MP f/2.4
กล้องหน้า 13MP
สแกนลายนิ้วมือด้านหลัง, ช่องหูฟัง 3.5 มม., IR Blaster
เคลือบสารกันน้ำ
Triple Slot (2 sim + 1 microSD)
Android 10 ครอบด้วย MIUI 11
แบตเตอรี่ขนาด 5,020 mAh มาพร้อมชาร์จเร็ว 22.5W ในกล่อง (รองรับชาร์จเร็ว 18W)
มี 3 สี Green Forest, Polar White, Midnight Gray

แกะกล่อง Redmi Note 9 [4/ 128GB]

อุปกรณ์ในกล่องของ Redmi Note 9 เครื่องศูนย์ไทย จะมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมพื้นฐานอย่างสายชาร์จ USB Type-C to USB Type-A, อะแดปเตอร์จ่ายไฟได้สูงสุด 22.5W, เคส TPU สีดำ และตัวเครื่องติดฟิล์มกันรอยมาให้ตั้งแต่แรก

ส่วนตัวผมมองว่า ตัวเครื่อง Redmi Note 9 ออกแบบมาได้สวยงามทีเดียวครับ ดีไซน์เป็นแบบ Symmetric หรือเน้นเรื่องความสมมาตรเป็นหลัก ตัวเครื่องมีความโค้งมน จับถือได้กระชับ รวมถึงน้ำหนักตัวเครื่องและขนาดที่กำลังพอดี เป็นสมาร์ตโฟนจอใหญ่ที่ใช้งานได้คล่องตัว

ด้านหน้าตัวเครื่องประกอบไปด้วยหน้าจอ IPS ขนาด 6.53 นิ้ว Full HD+ แบบ DotDisplay ฝังกล้องหน้า 13MP ไว้บริเวณมุมซ้ายบน เป็นจุดที่รบกวนสายตา และส่งผลต่อการใช้งานน้อยที่สุด นอกจากนี้กระจกหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 5 อีกด้วย

รายละเอียดด้านข้างของ Redmi Note 9 จะเห็นว่าตัวเครื่องไม่ได้หนาจนเกินไป และเมื่อเทียบกับการที่ใส่แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 5,020 mAh ถือว่ามีความบาง และน้ำหนักที่เหมาะสมล่ะครับ (199 กรัม) ด้านขวาประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง กับปุ่มเปิด – ปิดเครื่อง

ด้านล่างประกอบไปด้วยพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C ที่รองรับการชาร์จเร็ว 18W มีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร, ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และไมโครโฟนสำหรับสนทนาโทรศัพท์

บริเวณข้างซ้ายจะเป็นถาดใส่ซิมการ์ดแบบ 3 Slot (2 nano SIM + 1 microSD Card) ส่วนบริเวณด้านบนตัวเครื่องมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน กับ IR Blaster สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าผ่านแอปพลิเคชัน “รีโมท Mi”

ด้านหลังตัวเครื่อง Redmi Note 9 ประกอบไปด้วยกล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 48MP วางกล้องบนฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส โมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังพอสมควร แต่เคส TPU ที่ให้มาในกล่องก็หนาพอที่จะปกป้องเลนส์กล้องได้อย่างพอดี และมีแฟลช LED กล้องหลังจำนวน 1 ตัว ด้านล่างกล้องเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือสำหรับใช้ปลดล็อกตัวเครื่อง

Redmi Note 9 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ MIUI 11.0.1 ที่มีพื้นฐานบน Android 10 และจากโร้ดแมปของการอัพเดต MIUI 12 มี Redmi Note 9 อยู่ในนั้นด้วยครับ การันตีว่าได้ไปต่ออย่างแน่นอน

กล้องของ Redmi Note 9 มีการใช้ AI เข้ามาช่วยปรับแต่งในการถ่ายภาพ ตัวเลนส์ที่ให้มาสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายรูปแบบ มีทั้งระยะปกติ, ระยะมุมกว้างพิเศษ, ถ่ายใกล้ ๆ ด้วยมาโคร รวมถึงการถ่ายละลายฉากหลังก็ทำได้ค่อนข้างเนียน จากการที่มีเลนส์ Depth Camera แยกต่างหาก

จากที่ลองถ่ายคร่าว ๆ ผมว่ารุ่นนี้ใช้งานง่ายครับ โหมด AI มีความฉลาด รวมถึง HDR เวลาถ่ายย้อนแสงก็ชดเชยแสง กับดึงรายละเอียดมาได้ดีทีเดียว ส่วนเลนส์มุมกว้างก็กว้างสะใจ

โหมดการถ่ายกลางคืนก็มีมาให้เช่นกันในสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ สามารถถ่ายกลางคืนได้แบบไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง โดยจะให้ภาพที่สว่าง และมีรายละเอียดที่คมชัดกว่าในโหมดปกติ

ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน