หลังจากเปิดตัวที่อินเดียไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา realme 3 Pro ก็เตรียมพร้อมที่จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับจุดเด่นเรื่องความโหดของสเปค ที่เล่นใส่ชิป Snapdragon 710 AIE ชิปเซ็ตที่มักจะอยู่ใน Premium Mid-range สมาร์ทโฟนราคาหมื่นปลาย ๆ แต่ realme ขายในราคาไม่ถึง 10,000 บาท
ส่วนตัวผมเองได้เครื่อง realme 3 Pro มาทดสอบสักพัก ก่อนงานเปิดตัวจะจัดขึ้นในประเทศไทย จึงเป็นที่มาของบทความพรีวิว realme 3 Pro ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านเป็นน้ำจิ้มก่อนที่จะถึงกำหนดการปล่อยรีวิวฉบับเต็ม
สเปค realme 3 Pro
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วน 19:9
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 710 AIE octa-core
- Ram 4 GB/ 6 GB
- ความจุ 64 GB/ 128 GB รองรับ microSD Card
- กล้องหน้า 25 ล้านพิกเซล f/2.0 พร้อม AI Beauty
- กล้องหลัง 16 + 5 ล้านพิกเซล f/1.7 เซ็นเซอร์ Sony IMX519
- รองรับการใช้งาน 4G ทดสอบกับ TrueMove H ขึ้น VoLTE
- ถาดซิมแบบ 3 Slot (2 nano SIM + microSD)
- รองรับ Wi-Fi 2.4 GHz/ 5 GHz
- แบตเตอรี่ความจุ 4,045 mAh พร้อมชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
เริ่มจากวัสดุรอบนี้ใช้เป็นกระจกและโลหะ หน้าจอมีขนาด 6.3 นิ้ว IPS ความละเอียด Full HD+ อัตราส่วนหน้าจอ 19:9 พื้นที่หน้าจอคิดเป็น 90.8% ของพื้นที่ด้านหน้าทั้งหมด กระจกหน้าเป็นกระจกนิรภัย Gorilla Glass 5 ถือเป็นหน้าจอที่คมชัด สีสันสดใส และดูดีทีเดียว
ด้านบนหน้าจอมี Notch Screen เล็ก ๆ ทรงหยดน้ำ บรรจุกล้องความละเอียด 25 ล้านพิกเซล f/2.0 ไว้ข้างใน รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า
realme 3 Pro ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 710 AIE octa-core ความเร็ว 2.2 GHz ให้แรมสูงสุดที่ 6 GB ชิปกราฟฟิค Adreno 616 ความจุสูงสุด 128 GB และรองรับ microSD Card ผมลองทดสอบเล่นเกมยอดนิยมบนสมาร์ทโฟนหลาย ๆ เกม พบว่ารุ่นนี้ปรับสุดแทบจะทุกเกม ประสบการณ์ใช้งานดีไม่แพ้การจับมือถือราคาหมื่นกลาง ๆ เล่นเกมเลยล่ะ อย่าง ROV ก็ปรับสุด 60 fps ลื่น ๆ รวมถึง PUBG ที่ปรับตั้งค่าได้ในระดับ HD
ด้านระบบปฏิบัติการเป็น ColorOS 6.0 มีพื้นฐานจาก Android 9.0 Pie พร้อมฟีเจอร์ HyperBoost 2.0, GameBoost 2.0 ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ดีขึ้น ที่สำคัญคือรุ่นนี้สามารถเข้าร่วมทดสอบ Android Q Beta 3 ได้ด้วย แสดงว่ามีโอกาสสูงมากที่จะได้รับ Major Update เมื่อ Google ปล่อย Android 10 Q ตัวเต็ม
ชิปแรงไม่พอยังให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,045 mAh ชาร์จไฟผ่านพอร์ต micro USB รองรับระบบชาร์จเร็ว 20W VOOC Flash Charger 3.0 อัดไฟช่วง 0 – 50% ได้ไวมาก ๆ
กล้องหลังเป็นกล้องหลังคู่ เซ็นเซอร์หลัก Sony IMX519 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/1.7 กล้องตัวที่สอง Depth Camera ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล มีฟีเจอร์ถ่ายภาพความละเอียดสูง 64 ล้านพิกเซล Ultra HD, Night scene, Slo-mo Video 480 fps, Burst mode และ Chroma Boost
ด้านหลังประกอบไปด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และสามารถกันละอองน้ำกับฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังรองรับ Wi-Fi 5 GHz, Bluetooth 5.0 และมีพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
ด้านข้างเริ่มจากด้านซ้ายมือ เป็นตำแหน่งของปุ่มปรับระดับเสียง ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นปุ่ม Power
วกกลับมาที่ฝาหลังเล็กน้อย หากดูจากดีไซน์ฝาหลังจะเห็นว่าเป็นการไล่เฉดแบบ Gradient ตามสมัยนิยม แต่ถ้าสังเกตบริเวณฝาหลังให้ดี รุ่นนี้ใส่กิมมิคการไล่เฉดที่มีชื่อว่า 3D Speedway เป็นรูปตัว S แบบโค้งชิเคน (Chicane) หรือโค้งหักซ้ายขวาแบบเดียวกับในสนามแข่งรถ เพื่อให้สื่อถึงสโลแกนรุ่นนี้ Speed Awakens ปลุกความเร็วเหนือระดับ
รวม ๆ หลังจากได้ใช้งานมาระยะหนึ่ง ว่ากันตามตรงต้องใช้คำว่า “เล่นเกม” มาระยะหนึ่งมากกว่า ผมว่ารุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนชอบเล่นเกม อยากได้มือถือเล่นเกม แต่ไม่อยากจ่ายเงินแพง มือถือรุ่นนี้คือคำตอบเลยครับ เกมลื่น จอใหญ่ แบตเตอรี่อึด ชาร์จเร็ว ลงแรงก์ได้ทั้งวัน
ส่วนข้อสังเกตที่ผมพบก็พอมีบ้าง เช่น ไม่รองรับ CA, DRM Widevine L3 ทำให้ดู Netflix HD ไม่ได้ แล้วก็พอร์ตเชื่อมต่อเป็น micro USB หากรับกับข้อจำกัดตรงนี้ได้ realme 3 Pro เป็นรุ่นที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ส่วนเรื่องราคา และวันวางจำหน่าย รวมถึงรีวิวฉบับเต็ม ผมอัพเดตให้อีกทีหลังงานเปิดตัววันที่ 15 พฤษภาคมนี้ครับ