แกะกล่อง พรีวิว iPhone 12 Pro Max ก่อนที่ Apple จะวางจำหน่ายไอโฟน 12 ในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ โดยไอโฟนรุ่นดังกล่าว ถือเป็นหน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว รองรับ 5G ดีไซน์แบบใหม่สุดคลาสสิก ชิป Apple A14 Bionic 5nm และชุดกล้อง Pro 12MP Camera พร้อมเลนส์ซูม 2.5 เท่า อีกทั้งยังเป็นโทรศัพท์ที่บันทึกวิดีโอแบบ Dolby Vision HDR ได้เครื่องเดียวในโลกอีกด้วย
แกะกล่อง พรีวิว iPhone 12 Pro Max สีทอง 512GB
รอบนี้ Apple ได้ทำการปรับขนาดของกล่องให้บางลง และได้ถอดอะแดปเตอร์ กับหูฟังออกจากการเป็นอุปกรณ์เสริมมาตรฐานในกล่อง เพราะฉะนั้นทางเลือกของผู้ใช้จะมี 2 ทาง ก็คือใช้อุปกรณ์เสริมของเดิม หรือซื้ออุปกรณ์เสริมใหม่ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนเลยครับ โดยอุปกรณ์ในกล่องของไอโฟน 12 ทุกรุ่น จะมีให้ดังนี้
- ตัวเครื่อง
- สายชาร์จแบบ USB Type-C to Lightning
- คู่มือ และสติ๊กเกอร์ Apple 1 ชิ้น
- เข็มสำหรับเปิดถาดซิม
ในส่วนของการชาร์จไฟ Apple ได้เปิดตัวสายชาร์จไร้สายรุ่นใหม่ MagSafe ที่เวลาชาร์จจะเป็นการแปะสายชาร์จเข้าที่หลังตัวเครื่อง สนนราคา 1,490 บาท (ซื้อแยก) และต้องใช้งานร่วมกับอะแดปเตอร์ 20W ที่จะใช้ของ Apple (ซื้อแยก 690 บาท) หรือใช้ 3rd Party ผู้ผลิตรายอื่นก็ได้เช่นกัน
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของสายชาร์จแบบ MagSafe จะต้องใช้งานร่วมกับเคสเฉพาะทาง อย่างใน Apple Store จะมีคำว่า for MagSafe ต่อท้าย ราคาเคสเริ่มต้น 1,790 บาท มีทั้งเคสใส, ซิลิโคน และเคสหนัง ส่วนเคสยี่ห้ออื่น เท่าที่ทราบ หากเคสไม่หนามากนัก และไม่ใช่วัสดุที่เป็นโลหะ ก็พอจะใช้งานร่วมกับสายชาร์จ MagSafe ได้ครับ
ตัวเครื่อง iPhone 12 Pro Max
อย่างที่ผมได้เกริ่นไปว่า iPhone 12 Pro Max รุ่นนี้ เป็นรุ่นที่หน้าจอใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยขนาดหน้าจอ 6.7 นิ้ว Super Retina XDR (OLED) มีขนาดโดยรวมที่ใหญ่กว่า iPhone 11 Pro Max รุ่นก่อนหน้าพอสมควร รวมถึงความหนา และน้ำหนัก
ที่เพิ่มขึ้นมาอีกเล็กน้อย แต่ถ้าใครใช้ iPhone 11 Pro Max หรือ iPhone Xs Max มาก่อน ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาครับ น่าจะชินกับการใช้ไอโฟนจอใหญ่กันอยู่แล้ว ใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็ชิน แถมยังได้ขนาดจอใหญ่ขึ้นมาอีกพอสมควรเลย
รอบนี้ iPhone 12 Pro Max | iPhone 12 Pro มีด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Graphite, Silver, Gold และ Pacific Blue จากที่ได้เห็นตัวเครื่องทุกสีมาแล้ว หากต้องการสีเดิม ๆ คลาสสิกก็จะเป็นสี Graphite และ Silver ที่ไม่แตกต่างจากตอน iPhone 11 Pro มากนัก
สำหรับสีทอง Gold เครื่องรีวิวนั้น แม้รวม ๆ จะเหมือนรุ่นก่อน แต่คราวนี้ขอบเครื่องคือทองวิบวับ ใครชอบอะไรทอง ๆ ผมว่าคุณหลงรักสีทองของ iPhone 12 Pro Max ได้ไม่ยากเลย ส่วนสีใหม่อย่าง Pacific Blue ก็ให้ความรู้สึกแปลกใหม่ และจับคู่กับเคสได้หลายสีครับ
ในเรื่องความจุ และราคาของ iPhone 12 Pro Max มีด้วยกัน 3 รุ่นย่อยเช่นเคย แต่ความจุในรุ่นเริ่มต้น จะเพิ่มขึ้นจาก 64GB เป็น 128GB และมีราคาดังนี้
- 128GB ราคา 39,900 บาท
- 256GB ราคา 43,900
- 512GB ราคา 51,900
รายละเอียดต่าง ๆ ของ iPhone 12 Pro Max เริ่มจากด้านหน้า ประกอบไปด้วยหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ด้านบนมี Notch เหมือนเคย บรรจุกล้องหน้า TrueDepth 12MP รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า Face ID ที่มีความปลอดภัยสูงมาก ส่วนกระจกหน้าจอ รอบนี้ใช้วัสดุเป็น Ceramic Shield ที่ตามสเปคระบุว่าทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า และแน่นอนว่าตัวเครื่องมาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำ กันฝุ่นมาตรฐาน IP68 (ระดับความลึก 6 เมตร นาน 30 นาที)
ด้านข้างตัวเครื่อง เริ่มจากด้านซ้าย ประกอบไปด้วยปุ่มปรับระดับเสียง, ปุ่มสำหรับเปิด – ปิดเสียง และถาดซิม ที่รองรับซิมการ์ดแบบ Nano SIM + eSIM | ด้านล่างเป็นพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Lightning | ด้านขวามีเพียงปุ่ม Sleep/ Wake ส่วนลำโพงตัวเครื่อง เป็นลำโพงคู่ พร้อมรองรับ Dolby Atmos จากที่ได้ลองฟังเพลงผ่านลำโพง ผมว่าเสียงลำโพงดีขึ้นระดับหนึ่งเลยเมื่อเทียบกับตอน iPhone 11 Pro Max
ชิปประมวลผล iPhone 12 Pro Max มาพร้อมกับชิปรุ่นใหม่อย่าง Apple A14 Bionic ที่เทคโนโลยีการผลิต 5 นาโนเมตร พร้อม Neural Engine 16-Core และ ISP ใหม่สำหรับบันทึกวิดีโอแบบ Dolby Vision, HDR 3 ส่วนเรื่องการเล่นเกม เท่าที่ได้ลองเล่น League of Legends: Wild Rift! ไม่พบการกระตุกแม้แต่น้อย
ความแตกต่างของ iPhone 12 Pro Max กับตอน iPhone 11 Pro Max คือรอบนี้ กล้องของ iPhone 12 Pro Max แตกต่างจาก iPhone 12 Pro ด้วยครับ นั่นหมายความว่า หากต้องการใช้ไอโฟนรุ่นท็อปสุด ทางเลือกของคุณมีแค่ iPhone 12 Pro Max เท่านั้น โดยชุดกล้องระดับโปร 12MP ของรุ่นนี้ ประกอบไปด้วย
- กล้องไวด์ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/1.6
- กล้องอัลตร้าไวด์ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.4
- กล้องเทเลโฟโต้ ความละเอียด 12MP รูรับแสง f/2.2
- ซูมเข้าแบบ
ออปติคอล 2.5 เท่า ซูมออกแบบ ออปติคอล 2 เท่า และช่วงซูมแบบ ออปติคอล5 เท่า - ซูมดิจิตอลได้
สูงสุด 12 เท่า
- ซูมเข้าแบบ
นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ ได้แก่ ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ
แม้ว่า Portrait Mode จะเนียนขึ้น แต่ถ้าหลอดขาว ก็ถูกตัดทิ้งอยู่ดี
ในเมื่อชุดกล้องระดับโปร 12MP ของ iPhone 12 Pro Max ดูจัดเต็มขนาดนี้ เลยทำให้ขนาดโดยรวมของโมดูลกล้องนั้นใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับ iPhone 11 Pro Max และยังนูนขึ้นมาจากด้านหลังพอสมควร เพราะฉะนั้นในการเลือกซื้อเคส แนะนำว่าให้เลือกเคสที่ปกป้องกล้องหลังได้ด้วยจะดีมากครับ
อีกไฮไลต์ของ iPhone 12 ทุกรุ่น ก็คือรองรับการเชื่อมต่อ 5G ในประเทศไทยทันทีที่วางจำหน่าย แต่จะต้องมีการอัพเดต Carrier และเปิดใช้บริการ 5G ก่อน ตรงนี้ผู้ใช้สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพียงเข้าไปที่ Setting > General > About แล้วเลื่อนลงมา จะมีหน้าต่าง Carrier Update เด้งขึ้นมา หากอัพเดตแล้ว จะมีเวอร์ชั่นตามนี้
นั่นหมายความว่า ในตอนนี้จะมีเพียงโอเปอร์เรเตอร์ 2 ค่ายที่ให้บริการ 5G บนไอโฟน 12 ได้ทันที ได้แก่ TrueMove H กับ AIS เท่านั้น ส่วน dtac น่าจะต้องรอให้จัดสรรคลื่นลงตัวก่อน คาดว่าอย่างเร็วสุดคงเป็นช่วงต้นปี 2564 แต่ในกรณีที่ซื้อเครื่องกับ dtac แล้วใส่ซิม AIS หรือ TrueMove H ก็สามารถใช้งาน 5G ได้ปกตินะครับ
ในการใช้งาน 5G ของ iPhone 12 Pro Max ส่วนตัวผมว่ามันสูบแบตเตอรี่กว่าตอน 4G มากพอสมควร แม้ว่าจะมีอัตราการ Download และ Latency ที่ดีกว่า 4G แต่เท่าที่ได้ลองใช้งานมาสักพัก หากเปิด 5G On แบตเตอรี่ไม่น่าจะอยู่ได้หมดวัน เพราะฉะนั้นในการใช้งาน แนะนำว่าให้เปิดเป็น 5G Auto ที่มีการสลับไปใช้ 4G ในบางกรณีที่ไม่ต้องการความเร็วสูง เช่น ส่งแชทใน LINE แต่ถ้าใช้งานแบบที่ต้องการความเร็วระดับ 5G เช่น การรับชมวิดีโอ หรือเล่นเกม ก็จะสลับไปใช้ 5G โดยอัตโนมัติ
ปิดท้ายบทความพรีวิว iPhone 12 Pro Max ด้วยตัวอย่างภาพถ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ถ่ายด้วยไอโฟนรุ่นนี้ครับ จากที่ได้ลองใช้งานคร่าว ๆ ส่วนตัวผมประทับใจเรื่องภาพถ่ายกลางคืนมากเป็นพิเศษ ให้ความสมจริง ความคมชัด และ Noise ที่น้อยมาก ๆ อีกทั้งการโฟกัสก็ไวขึ้นมากแบบเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับตอน iPhone 11 Pro Max
กล้องเทเลโฟโต้ ที่รองรับการซูม 2.5 เท่า ในระยะการซูมดังกล่าว ก็ให้คุณภาพของรูปถ่ายที่น่าประทับใจทีเดียว แม้จะเป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ตาม จะมีติดก็เรื่องกล้องหน้าล่ะครับ ที่ส่วนตัวผมว่ามันถ่ายออกมาได้คมเกินไปหน่อย จนอยากไปทำหน้าเลยทีเดียว ฮ่า ๆ
ส่วนบทความรีวิว iPhone 12 Pro Max ฉบับเต็ม รอติดตามจาก SpecPhone.com ได้ในเร็ว ๆ นี้ครับ
การใช้งาน 5G