หากพูดถึงโทรศัพท์มือถือที่มีกระแสแรงที่สุดในประเทศไทย ณ ตอนนี้ เชื่อว่าคงหนีไม่พ้น ASUS Zenfone 3 อย่างแน่นอน เพราะในงานเปิดตัว ASUS Zenfone 3 ที่ไต้หวัน เราได้เห็นว่า ASUS Zenfone 3 มาพร้อมกับสเปค และราคาที่โหดร้าย (กับแบรนด์อื่น) มากแค่ไหน ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนยังไม่ทราบ ลองเข้าไปอ่านในบทความนี้ได้ครับ
เห็นสเปคแล้วเชื่อว่ามีอึ้งกันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ ASUS Zenfone 3 Deluxe ตัวท็อปสุดของซีรี่ส์ ASUS Zenfone 3 ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 820 ชิปเซ็ตตัวแรงสุดที่มีบนมือถือแอนดรอย ณ ช่วงเวลานี้ กับ Ram ที่ยัดมาให้แบบบ้าพลังอีก 6 GB ในราคาเปิดตัวที่ตีเป็นเงินไทยประมาณ 17,900 บาทเท่านั้น!!
นอกจากสเปคที่พัฒนาขึ้นไปจากรุ่นก่อนอย่าง ASUS Zenfone 2 แล้ว ASUS Zenfone 3 ยังมีการปรับปรุงในด้านการดีไซน์ รวมถึงฟีเจอร์ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมอีกมาก เรียกว่ามือถือรุ่นอื่นมีอะไรเด็ด ๆ เราจะพบได้ใน ASUS Zenfone 3 อย่างแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจ ASUS Zenfone 3 ก็ขอให้สบายใจ และเก็บเงินรอไว้ได้เลยครับ เพราะแว่ว ๆ มาว่า ASUS ประเทศไทยจะทำการเปิดตัว ASUS Zenfone 3 ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2559 ที่จะถึงนี้ (ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดนะ) แต่ถ้าอดใจรอถึงวันเปิดตัวไม่ไหว ก็สามารถอ่านพรีวิว ASUS Zenfone 3 จากทีมงาน SpecPhone ได้ แอดมินบินไปถึงไต้หวันเพื่อเขียนบทความนี้เลยนะ
พรีวิว ASUS Zenfone 3 Deluxe
ไม่พูดถึงรุ่นนี้ก่อนคงไม่ได้ สำหรับ ASUS Zenfone 3 Deluxe รุ่นท็อปสุด สเปคแรงที่สุดของ ASUS Zenfone 3 และถือเป็นรุ่นที่สเปคแรงสุดเท่าที่ ASUS เคยผลิตมือถือขึ้นมาเลยก็ว่าได้ โดยความน่าสนใจของ ASUS Zenfone 3 ทั้ง 3 รุ่นคือมันไม่ได้มาในหน้าตาพิมพ์เดียวกันทั้งหมดนะครับ แต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นเรื่องดีไซน์ที่แตกต่างกันไป
สเปค ASUS Zenfone 3 Deluxe
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 5.7 นิ้ว ความละเอียด Full HD เทคโนโลยี ASUS Tru2Life
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 820
- up to 6 GB Ram
- ความจุ 128 GB (มีรุ่น 256 GB ด้วย)
- กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล PixelMaster 3.0, OIS
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ 4G LTE และรองรับ 2 ซิม
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
- พอร์ทเชื่อมต่อ USB Type-C
- แบตเตอรี่ 3000 mAh
- รองรับ Qualcomm Quick Charge 3.0
- สเปคเต็ม ๆ ASUS Zenfone 3 Deluxe
- ASUS Zenfone 3 Delxue ราคาประมาณ 18,000 บาท ($499)
ASUS Zenfone 3 Deluxe มาพร้อมกับวัสดุตัวเครื่องที่ทำมาจากอลูมิเนียม ดีไซน์แบบ Unibody ไร้รอยต่อ พื้นผิวของวัสดุผ่านกระบวนการอโนไดซ์มาเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้วัสดุที่ให้สัมผัสดีที่สุด และความเจ๋งของ ASUS Zenfone 3 Deluxe คือบอดี้เป็นโลหะทั้งตัว ที่มีการซ่อนเสาอากาศไม่ให้มันเกะกะสายตาแบบมือถือบางรุ่น
หน้าจอของ ASUS Zenfone 3 Deluxe ใช้พาแนลแบบ Super AMOLED ซึ่งมันแตกต่างจาก ASUS Zenfone 3 อีก 2 รุ่นที่เหลือ ที่จะใช้หน้าจอเป็น IPS แต่ข้อดีของการใช้จอ Super AMOLED นอกจากจะให้สีสันที่จัดจ้านแล้ว ยังมีจุดเด่นในเรื่องการประหยัดพลังงาน และยังสามารถใช้โหมด Always on แม้ตอนปิดหน้าจออยู่ก็ตาม
มาดูสิ่งที่สาวกอารยธรรมเซนจะต้องเฮ และถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ดีที่สุดของ ASUS Zenfone 3 ในความคิดของแอดมินก็คือสิ่งนี้ครับ – ไฟใต้ปุ่ม Navigation นั่นเอง ทีนี้ก็ใช้งานในที่มืดได้สะดวกแล้วนะ
ด้านหน้าของ ASUS Zenfone 3 Deluxe จะใช้วัสดุที่ให้ผืวสัมผัสคนละแบบกับด้านหลัง คือเป็นโลหะขัดเงา เวลาสะท้อนแสงไฟจะสวยงามมากครับ
ด้านข้างของ ASUS Zenfone 3 Deluxe เริ่มจากทางด้านซ้ายมือ จะประกอบไปด้วยไมโครโฟน และช่องใส่ซิมการ์ดแบบไฮบริด คือให้เลือกว่าจะใส่ซิม 2 หรือใส่ MicroSD Card เพื่อเพิ่มความจำในตัว โดย ASUS Zenfone 3 Deluxe มีความจุเริ่มต้นที่ 128 GB ครับ
ด้านขวาของตัวเครื่อง ASUS Zenfone 3 Deluxe จะประกอบไปด้วยปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียงครับ ตัวปุ่มกดไม่ยากเท่าไหร่ ถือใช้งานก็เหมาะมือดี
ทาง ASUS โฆษณาว่า ASUS Zenfone 3 Deluxe มีความบางเพียง 4.2 มิลลิเมตร (ในส่วนที่บางที่สุด) แต่ก็ยังมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรติดมาให้นะ
ด้านล่างของ ASUS Zenfone 3 Deluxe ประกอบไปด้วยลำโพงหลักของตัวเครื่อง (ลำโพงตัวเดียว), ช่องเสียบสาย USB Tvpe C และไมค์สำหรับสนทนาทั่วไป โดยลำโพงที่อยู่ใน ASUS Zenfone 3 Deluxe จะเป็นลำโพงรุ่นใหม่ (5 Magnet Speaker) ที่ให้เสียงทุ้มได้มากกว่า รวมถึงให้เสียงโดยรวมทั่วไปดังกว่ามือถือรุ่นอื่นพอสมควรเลย
ความบาง 4.2 มิลลิเมตรของ ASUS Zenfone 3 Deluxe นับจากส่วนที่บางที่สุดของ ASUS Zenfone 3 Deluxe ครับ นั่นแสดงว่ามันก็มีส่วนที่หนาด้วยเช่นกัน เนื่องจากตัวเครื่องของ ASUS Zenfone 3 Deluxe มีลักษณะโค้งเข้ากับมือ (แบบเดียวกับ Zenfone 2) แต่ส่วนที่ว่าหนาที่สุดผมก็ว่ามันก็บางอยู่ดีนั่นแหละ
กล้องหลังของ ASUS Zenfone 3 Deluxe ให้มาที่ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล PixelMaster 3.0 พร้อมเทคโนโลยีแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น OIS 4 แกน + 3 แกน EIS ให้ประสิทธิภาพสูงในการกันสั่น และยังโฟกัสได้รวดเร็วด้วยเทคโนโลยี TriTech auto-focus (AF + PDAF + Laser AF)
ข้าง ๆ กล้องหลังก็ประกอบไปด้วยแฟลช Dual LED, Laser auto-focus เวอร์ชัน 2 และด้านล่างกล้องของ ASUS Zenfone 3 Deluxe ก็คือเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือครับ สังเกตดูจะเห็นว่าเซนเซอร์สแกนนิ้วของ ASUS Zenfone 3 Deluxe มีพื้นที่ยาวกว่ามือถือรุ่นอื่น เนื่องจากออกแบบมาให้รับกับนิ้วมือ และฟีเจอร์การลากนิ้วลงเพื่อถ่ายเซลฟี่
โหมดกล้องของ ASUS Zenfone 3 Deluxe จะประมาณนี้ครับ
ASUS Zenfone 3 Deluxe มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ตั้งแต่เครื่องออกมาจากโรงงานเลย แต่หน้า UI อะไรพวกนี้ยังคงเป็น ZenUI อยู่ เพราะฉะนั้นหน้าตาซอฟท์แวร์ก็จะเดิม ๆ ครับ
ทดสอบสเปค Ram คร่าว ๆ ด้วยแอปพลิเคชัน Mobile Manager พบว่า ASUS Zenfone 3 Deluxe ในงานมีแค่รุ่น Ram 4 GB ซะอย่างนั้นอ่ะ แต่เข้าใจว่าเป็นเครื่องทดสอบ ที่ไม่ใช่เครื่องขายจริง (ประสิทธิภาพประมาณ 80% ขึ้นไปเมื่อเทียบกับเครื่องขายจริง)
หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ของ ASUS Zenfone 3 Deluxe (และ Zenfone 3 รุ่นอื่น ๆ) คือมันมาพร้อมกับ GameGenie ฟีเจอร์สำหรับนักแคสเกม, Youtuber เพราะนอกจากจะสามารถบันทึกภาพหน้าจอได้แล้ว ยังมีฟีเจอร์ในการเพิ่มประสิทธิภาพตัวเครื่อง, ปิดการแจ้งเตือนระหว่างเล่นเกมได้อีกด้วย
พรีวิว ASUS Zenfone 3 Ultra
สำหรับ ASUS Zenfone 3 Ultra จะเป็นมือถือที่มีสเปคแรง (ในแง่ของ CPU + Ram) รองลงมาจากตัวท็อปสุดอย่าง ASUS Zenfone 3 Deluxe แต่ถ้าพูดถึงเรื่องเทคโนโลยี และฟีเจอร์เด็ด ๆ ของ ASUS Zenfone 3 Ultra แล้วล่ะก็ บอกเลยว่ารุ่นนี้ชนะขาดแน่นอน
สเปค ASUS Zenfone 3 Ultra
- หน้าจอ IPS ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด Full HD Gorilla Glass 4
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 652
- Ram 4 GB
- ความจุ GB
- กล้องหลังความละเอียด 23 ล้านพิกเซล PixelMaster 3.0, OIS
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ 4G LTE และรองรับ 2 ซิม
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือตรงปุ่มโฮม
- แบตเตอรี่ 4600 mAh
- รองรับ Qualcomm Quick Charge 3.0
- สเปคเต็ม ๆ ASUS Zenfone 3 Ultra
- ASUS Zenfone 3 Ultra ราคาประมาณ 17,100 บาท ($479)
ASUS Zenfone 3 Ultra มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่เอามาก ๆ ด้วยหน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ในรูปจะเห็นเลยว่ามันเต็มไม้เต็มมือจริง ๆ
ดีใจกับสาวกอารยธรรมเซนด้วยนะครับ คุณได้มือถือที่มีไฟใต้ปุ่มกดแล้ว และนี่ก็คือสิ่งที่ ASUS Zenfone 3 Ultra แตกต่างไปจาก ASUS Zenfone 3 รุ่นอื่น คือมันมีปุ่มสแกนนิ้วอยู่ทางด้านหน้าของตัวเครื่อง คือใช้เป็นปุ่ม Home ได้ด้วย ต่างจากรุ่นอื่นที่ปุ่มสแกนนิ้วจะอยู่ตรงฝาหลัง
ด้านข้างของ ASUS Zenfone 3 Ultra จะเห็นว่าตัวเครื่องไม่ได้หนาเท่าไหร่ ความหนาก็ประมาณ 6.8 มิลลิเมตร พอ ๆ กับ iPhone 6s Plus นี่แหละ รายละเอียดทางด้านขวาของตัวเครื่องก็ได้แก่ ปุ่ม Power กับช่องใส่ซิมการ์ดจำนวน 2 ช่องครับ
แต่เห็นว่ามีช่องใส่ซิม 2 ช่อง ก็อย่าพึ่งได้ใจไป ความพีคอยู่ที่ช่องใส่ซืม 2 ดันเป็นแบบ Hybrid Slot ซะอย่างนั้น คือให้เลือกว่าจะใส่ซิม หรือใส่ Micro SD Card
ด้านซ้ายปล่อยโล่ง
ASUS Zenfone 3 Ultra ประกอบไปด้วยช่องเสียบหูฟัง กับไมค์ตัดเสียง โดยฟีเจอร์ด้านเสียงที่น่าสนใจของ ASUS Zenfone 3 Ultra คือเป็นมือถือที่มาพร้อมกับ DTS Headphone: X รุ่นแรกของโลก รองรับหูฟัง 7.1 Surround และรองรับไฟล์ Hi-Res ด้วย
ด้านล่างของ ASUS Zenfone 3 Ultra ประกอบไปด้วยพอร์ท USB Type-C และลำโพง 5 Magnet จำนวน 2 ตัวด้วยกัน เป็นลำโพงคู่แบบสเตอริโอ
ASUS Zenfone 3 Ultra มาพร้อมกับ Ram 4 GB และแบตเตอรี่ความจุ 4600 mAh รองรับ Quick Charge 3.0 และสามารถแปลงร่างเป็น Powerbank ให้รุ่นอื่นได้ด้วย
หน้าจอของ ASUS Zenfone 3 Ultra ใช้หน้าจอแบบ IPS ความละเอียดระดับ Full HD แต่จัดเต็มด้วยเทคโนโลยี ASUS Tru2Life+ เทคโนโลยีประมวลผลภาพแบบเดียวกับในทีวีความละเอียด 4K ทำให้ได้ภาพที่สีสันสดใสมากกวา คมชัดมากกว่า
อันนี้เป็นโหมด Demo ฟีเจอร์ ASUS Tru2Life+บน ASUS Zenfone 3 Ultra
กล้องหลังของ ASUS Zenfone 3 Ultra ให้มาที่ความละเอียด 23 ล้านพิกเซล เช่นเดียวกับ ASUS Zenfone 3 Deluxe แต่กล้องไม่นูนออกมาจากตัวเครื่องนะ ข้าง ๆ มีแฟลช Dual LED กับเลเซอร์ช่วยโฟกัส
Ram ในเครื่อง ASUS Zenfone 3 Ultra เหลือให้ใช้ประมาณนี้ ส่วนใครที่สงสัยว่าทำไมแรมมันมีแค่ 3.5 GB อันนี้ไม่ต้องซีเรียสครับ เครื่อง Engineering smaple ก็ประมาณนี้แหละ
โหมดกล้องของ ASUS Zenfone 3 Ultra จะประมาณนี้ โหมดที่น่าสนใจก็ Super Resolution ที่จะถ่ายภาพซ้อน ๆ กันให้ได้ความละเอียด 92 ล้านพิกเซล เวลาเราเอาไป Crop ก็ยังจะเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ ได้ดีอยู่
สำหรับราคาของ ASUS Zenfone 3 Ultra เปิดราคามาที่ $479 ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 17,000 บาทนิด ๆ ครับ แต่ก็ต้องมารอดูนะว่าตอนเข้าไทยจริง ๆ ราคาจะดีดขึ้นไปตามค่าเงินและภาษีหรือไม่
พรีวิว ASUS Zenfone 3
ASUS Zenfone 3 เฉย ๆ เป็นรุ่นที่ ASUS ตั้งใจให้เป็นตัว Killer มากที่สุด (พูดกันตามตรง พี่ปล่อยมาก็ Killer ทุกตัวอ่ะ) คือเปิดราคาที่ $249 ตีเป็นเงินไทยประมาณ 8,900 บาท ซึ่งเป็นช่วงราคาที่แข่งขันกันดุเดือดมากในประเทศไทย
แน่นอนว่าด้วยสเปคและภาพรวมของ ASUS Zenfone 3 ณ ตอนนี้มัน Kill พวกมือถือราคาไม่เกินหมื่นให้ตายทุกรุ่นได้สบาย ๆ
สเปค ASUS Zenfone 3
- หน้าจอ Super IPS+ ขนาด 5.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ความสว่างสูงสุดที่ 500nits
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 625 ความเร็ว 2.0 GHz
- Ram 4 GB
- ความจุ 64 GB
- กล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล PixelMaster 3.0, OIS
- กล้องหน้าความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- รองรับ 4G LTE และรองรับ 2 ซิม
- มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือทางด้านหลังตัวเครื่อง
- แบตเตอรี่ 3000 mAh
- สเปคเต็ม ๆ ASUS Zenfone 3
- ASUS Zenfone 3 ราคาประมาณ 8,990 บาท ($249)
ดีไซน์ของ ASUS Zenfone 3 มีความเปลี่ยนแปลงไปจาก ASUS Zenfone 2 ในชนิดที่ว่าหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะมีดีไซน์ที่สวยงามแล้ว วัสดุของ ASUS Zenfone 3 ยังใช้วัสดุที่พรีเมียม และดูหรูหราอย่างโลหะ กับกระจกนิรภัย Gorilla Glass 3 อีกด้วย
ปุ่ม Power กับปุ่มปรับระดับเสียงของ ASUS Zenfone 3 จะอยู่ทางด้านขวาของตัวเครื่อง ส่วนความบางอันนี้ผมว่าเฉย ๆ แต่ที่ประทับใจคือการเก็บขอบเก็บมุมที่ทำได้ดีมาก
ด้านบนมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร และไมค์สำหรับตัดเสียงรบกวน ข้อสังเกตของ ASUS Zenfone 3 คือเราจะยังเห็นเสาอากาศของตัวเครื่องอยู่ ต่างจาก ASUS Zenfone 3 Deluxe และ ASUS Zenfone 3 Ultra ที่มีการซ่อนเสาอากาศเอาไว้
ด้านซ้ายเป็นช่องใส่ซิมการ์ด
ช่องใส่ซิมของ ASUS Zenfone 3 จะเป็นแบบ Hybrid Slot คือให้เลือกระหว่างซิมที่ 2 กับ MicroSD Card ครับ
ด้านล่างก็จะเป็นลำโพงแบบ 5 Magnet จำนวน 1 ตัว, พอร์ท USB Type-C รองรับ Quick Charge 3.0 และไมค์สำหรับสนทนา
ด้านหลังของ ASUS Zenfone 3 ใช้วัสดุเป็นกระจกนิรภัย Gorilla Glass 3 ส่วนตัวผมว่ามันสวยกว่า ASUS Zenfone 3 Deluxe เสียอีก
ฝาหลังของ ASUS Zenfone 3 จะประกอบไปด้วยกล้องหลังความละเอียด 16 ล้านพิกเซล OIS 4 แกน พร้อมระบบ TriFocus คือใช้ระบบโฟกัสแบบ PDAF + AF + Laser auto focus ช่วยในการโฟกัส และติดแฟลช Dual LED ไว้ให้เช่นเคย ส่วนเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือจะอยู่ทางด้านล่างของกล้องหลังครับ
ASUS Zenfone 3 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 6.0 Marshmallow ตั้งแต่แรก ครอบทับด้วย ASUS ZenUI 3.0 หน้าตาก็จะคล้าย ๆ รุ่นเดิม แต่จะเน้นที่การปรับปรุงประสิทธิภาพมากกว่า
หน้าตาตอนใช้กล้องหลังของ ASUS Zenfone 3 ก็ประมาณนี้ครับ จะเห็นว่าหน้าจอ 5.5 นิ้วก็จริง แต่ตัวเครื่องไม่ได้ใหญ่เกินพกพาเลย เผลอ ๆ จะจับถนัดมือพอ ๆ กับมือถือจอ 5 นิ้วด้วยซ้ำไป
จากที่แอดมินได้ไปลองจับ ASUS Zenfone 3, ASUS Zenfone 3 Deluxe และ ASUS Zenfone 3 Ultra ก็รู้สึกได้เลยว่าเมื่อ ASUS Zenfone 3 ทั้ง 3 รุ่นเข้าไทย (ถ้าไม่ขายช้าเกินไป) จะต้องเป็นมือถือที่ขายดี และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสเปคตัวเครื่อง, การออกแบบ, วัสดุและงานประกอบก็ล้วนจัดเต็มแบบสุด ๆ เรียกได้ว่าเปิดสเปคแบบนี้ ราคาแบบนี้ จงใจออกมาทำให้ตลาดมือถือปั่นป่วนชัด ๆ ซึ่งผลดีมันก็จะไปตกอยู่กับผู้บริโภคนี่แหละครับ จะได้มือถือราคาไม่แพง สเปคแจ่ม ๆ ไปใช้งานกัน
สิ่งที่น่าเสียดายคือ ASUS Zenfone 3 ที่อยู่ในงาน Computex 2016 น่าจะยังไม่ใช่เครื่องขายจริง ทำให้ในการทดสอบประสิทธิภาพบางอย่างอาจทำได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ เพราะเท่าที่ลองเล่นดูบางเครื่องก็มีอาการค้างบ้างล่ะ ใช้แอปบางตัวไม่ได้บ้างล่ะ แต่เชื่อว่าตอนขายจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ หรือถ้ามันมีปัญหาจริง ๆ ASUS ก็มีการอัพเดตซอฟท์แวร์เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว