Close Menu
    Facebook X (Twitter) YouTube TikTok
    SpecPhone
    • ข่าวล่าสุด
    • รีวิว
    • ค้นหามือถือ
    • วิดีโอ
    • บทความ
    • ติดต่อเรา
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)
    SpecPhone
    Home»Phone Review»Hands-on»พรีวิว ASUS Zenfone 2 แรม 4 GB ตัวท็อป พร้อมเทียบกับ Zenfone 5 รุ่นแรก
    Hands-on

    พรีวิว ASUS Zenfone 2 แรม 4 GB ตัวท็อป พร้อมเทียบกับ Zenfone 5 รุ่นแรก

    ZeroSystemBy ZeroSystem23 เมษายน 2015Updated:29 เมษายน 2015
    Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    Share
    Facebook Twitter LinkedIn Pinterest Email

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 086

    หลังจากพบกับบทความภาพบรรยากาศงานเปิดตัว ASUS Zenfone 2 ไปแล้ว ทีนี้ก็เป็นบทความที่สอง นั่นคือบทความพรีวิว ASUS Zenfone 2 เครื่องจริงจากงานเปิดตัวกันบ้างครับ ซึ่งในงานนี้ก็มีเครื่องให้สื่อลองเล่นเยอะมากๆๆ เราก็เลยมาจับเครื่องสีแดงกันซะเลยครับ โดยเครื่องที่เราพรีวิวนี้เป็นโมเดล ZE551ML แรม 4 GB ตัวท็อปเลยทีเดียว

    สำหรับความรู้สึกแรกที่จับ Zenfone 2 คือรู้สึกว่างานดีขึ้นกว่ารุ่นแรกจริงๆ ด้วยจอเครื่องที่มีขนาด 5.5 นิ้ว ทำให้สามารถจับใช้งานได้เต็มมือพอดิบพอดี แต่ก็ไม่เกะกะเทอะทะ เพราะตัวเครื่องโดยรวมทำออกมาได้ค่อนข้างบาง โดยเฉพาะส่วนของขอบเครื่องที่บางสุดเพียง 3.9 มิลลเมตรเท่านั้นเอง ซึ่งการที่ขอบเครื่องมีขนาดบางมากๆ ทำให้ต้องย้ายปุ่มกดต่างๆ ไปอยู่บริเวณอื่นแทน อย่างปุ่ม Power ก็ย้ายไปอยู่ด้านบน ซึ่งอันนี้อาจจะดูเหมือนว่ามันทำให้ใช้งานไม่ค่อยสะดวกเวลาจะล็อคหรือปลดล็อคหน้าจอ แต่เอาเข้าจริงๆ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใดครับ เพราะ Zenfone 2 มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ นั่นคือ ZenMotion ซึ่งก็คือการสั่งงานด้วยท่าทาง gesture นั่นเอง ตัวอย่างรูปแบบที่ใช้งานได้ก็เช่น

    • เคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิด/ปิดจอ
    • ลากนิ้วเป็นตัว C ขณะจอปิด เพื่อเปิดแอพกล้อง
    • ลากนิ้วเป็นตัว V ขณะจอปิด เพื่อเปิดแอพโทรศัพท์
    • สามารถตั้งค่าเพิ่มในภายหลังได้

    ส่วนของปุ่มเพิ่มลดเสียงนั้นก็จะย้ายไปอยู่ตรงบริเวณกล้องหลังแทน ทำให้สะดวกกับการใช้งานจริง ที่เราคงได้เห็นกันไปบ้างแล้วในมือถือหลายๆ รุ่นที่มีขายอยู่ในตอนนี้ ซึ่งก็คงเป็นหนึ่งบทพิสูจน์ได้ดีพอสมควรเลยว่ามันเวิร์คจริงๆ ไม่ว่าจะใช้ในการปรับระดับเสียง หรือใช้ในการเป็นปุ่มกดถ่ายรูปเวลาเซลฟี่ อะไรประมาณนี้

    หน้าจอของ ASUS Zenfone 2 ก็จัดว่าทำออกมาได้ดีเลยครับ ทั้งในแง่ของความละเอียดในระดับ Full HD มุมมองภาพก็กว้าง ภาพสวยสีสันสดตามสไตล์ของพาเนล IPS ปิดทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3 ภายในก็มีการออกแบบให้มีความโปร่งใส เพื่อให้แสงและสีสันออกมาได้มากที่สุดถึง 94% และที่เป็นไฮไลท์ที่สุดของจอ Zenfone 2 เลยก็คือระบบรับสัมผัสจากผู้ใช้ ที่มี response time แค่ 60 ms เท่านั้นเอง รับรองว่าทัชติดนิ้ว ลื่นทันใจแน่นอน ซึ่งจากที่ผมลองเล่นเครื่องจริงดู ก็รู้สึกว่ามันทัชติดมือดีกว่า Zenfone 5 อีกนะ อยู่ในระดับที่ไม่หน่วงให้หงุดหงิดเลย

    สำหรับในเรื่องของการใช้งานทั่วไป บอกเลยว่าลื่นในระดับเดียวกับมือถือราคาสองหมื่นอัพในตลาดเลยครับ เร็วทันใจ ส่วนแรม ถ้าเปิดเครื่องมาใหม่ๆ จะเหลือว่างให้ใช้เกือบๆ 3 GB ส่วนถ้าใช้งาน เปิดแอพนู่นแอพนี่ไปซักพัก แถมผมลองเปิดเกม Asphalt 8 ไว้ ปรากฏว่าแรมยังเหลือว่างอีกตั้ง 2.1 GB ด้วยซ้ำ รับรองว่าหมดปัญหาแรมเต็มแน่นอน

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 056

    สำหรับฝาหลังของ ASUS Zenfone 2 ก็ยังคงเป็นพลาสติกอยู่นี่แหละครับ แต่มีการทำพื้นผิวบรัชลายแบบเดียวกับโลหะ ซึ่งความรู้สึกที่สัมผัสนี่บอกเลยว่าใกล้เคียงโลหะพอสมควรเลย ซึ่งก็เป็นการเพิ่มความพรีเมียมให้ผลิตภัณฑ์ได้ดีนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับราคาตัวเครื่องที่เปิดมาเริ่มต้นที่ 6,990 บาทเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องสีสันของตัวเครื่องที่มีให้เลือกซื้อก็จะมีด้วยกัน 5 เฉดสีครับ เริ่มตั้งแต่ดำ (เทาเข้ม), ขาว, แดง, ทองและสี Gun metal (เทาอ่อน) สำหรับการวางจำหน่ายในไทยช่วงแรกๆ ก็อาจจะยังไม่ครบทุกสีนะ ต้องรอช่วงเดือนพฤษภาคมกันอีกที

    สามภาพสุดท้ายในแกลเลอรี่ด้านบนก็จะเป็นการใช้งานเคสฝาพับ View Flip Cover ซึ่งตัวมันเองก็จะเป็นฝาหลังที่มีแผ่น cover ขึ้นมาปิดหน้าจอด้วยนี่ล่ะครับ ตัวของแผ่น cover จัดว่าหนาใช้ได้เลย ภายในส่วนที่สัมผัสกับจอก็จะเป็นกำมะหยี่แข็งๆ หน่อย ส่วนของฝาหลังก็จะมีทั้งแบบพลาสติกบรัชลายธรรมดาเหมือนฝาหลัง Zenfone 2 ปกติ และก็มีแบบหนังที่พรีเมียมขึ้นมาอีกระดับหนึ่งวางจำหน่ายด้วย

    Untitled-1

    มาดูด้านข้างแบบเต็มๆ ครับ บอกเลยว่าดูเพรียวบางลงจริงๆ ขอบข้างบางสุดแค่ 3.9 มิลลิเมตรเท่านั้น ส่วนที่หนาสุดคือตรงกลางนี่ก็จัดว่าธรรมดานะ คือประมาณ 10.9 มิลลิเมตร แต่ขอบข้างที่บาง เลยทำให้ตัวเครื่องดูเพรียวลงเยอะกว่าที่เห็นจริงๆ

    มาดูส่วนของโหมดกล้องกันบ้าง ใน Zenfone 2 ก็มีโหมดกล้องเพิ่มเข้ามาแบบกดให้เลือกได้ด้วยกัน 2 โหมดครับ นั่นคือโหมด Manual ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ได้คล้ายกับในกล้อง DSLR ครับ ตัวอย่างค่าที่สามารถปรับได้ก็เช่น ISO ความไวแสง, ความเร็วชัตเตอร์, ระยะโฟกัส, สมดุล white balance ซึ่งพักหลังเราก็ได้เห็นมือถือหลายๆ รุ่นในตลาดมาพร้อมกับฟีเจอร์นี้ในตัวกล้องเหมือนกัน เหมาะสำหรับคนที่เข้าใจการทำงานของกล้องในระดับหนึ่ง และอยากควบคุมภาพถ่ายให้ออกมาเป็นไปได้ดังใจ เท่าที่ผมลองใช้งานดู ก็สามารถใช้งานได้ค่อนข้างง่ายดี เลื่อนๆ ตัวปรับก็เห็นผลได้เลยทันทีว่ามันต่างจากเดิมยังไงบ้าง ส่วนคนที่ไม่อยากปรับอะไรมาก ก็สามารถใช้งานโหมด auto ได้เช่นเดิมครับ ดูเหมือนว่าโหมด auto ของ Zenfone 2 จะฉลาดขึ้นกว่าเดิมด้วย แต่อันนี้ไว้รอดูกันในตอนรีวิวเต็มๆ ในภายหลังอีกทีจะดีกว่า

    ส่วนในแง่ของการใช้งานกล้องนั้น ต้องบอกว่าให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจาก Zenfone รุ่นแรกแบบเห็นได้ชัดอยู่เหมือนกันครับ นั่นก็คือเรื่องความเร็วในการประมวลผลภาพ โดยเฉพาะหลังกดถ่ายภาพไปแล้ว ถ้าใครที่ใช้งาน Zenfone 4, Zenfone 5 รุ่นที่เป็นชิป Intel อยู่จะพอรู้ว่าเวลากดถ่ายรูปแล้วจัดเก็บลงเมม เป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างช้า แต่กับเครื่องรุ่นที่ใช้ชิป Snapdragon เช่น Zenfone 5 LTE กลับไม่พบปัญหานี้เลย จึงพอระบุได้ชัดเจนว่าปัญหามันเกิดจาก CPU และ GPU ประมวลผลไม่ทัน

    แต่กับใน Zenfone 2 เครื่องที่ผมลองนี้ (รุ่นท็อป Intel Atom Z3580) ผมไม่พบปัญหาดังกล่าวแล้วนะ มันทำงานได้เร็วทันใจขึ้นเยอะเลย อันนี้ก็เป็นหนึ่งจุดที่ได้อานิสงส์จากการอัพเกรดชิปประมวลผลไปใช้ตัวที่เทคโนโลยีสดใหม่กว่าและแรงขึ้นแบบเต็มๆ

    ซึ่งการที่ชิปมันแรงเกินพอขนาดนี้ ทำให้ ASUS Zenfone 2 มาพร้อมกับโหมดกล้องใหม่ๆ อีก เช่น Super HDR ที่อันที่จริงมันก็คือ HDR อันเดิมนี่ล่ะครับ แต่สามารถทำงานได้ดีขึ้น สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของภาพได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะส่วนมืดที่เงาบัง รวมถึงภาพถ่ายย้อนแสง สีฟ้าของท้องฟ้า และแน่นอนว่าต้องมาจากพลังประมวลผลที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ซึ่งในงานนี้ก็มีอุปกรณ์ทดสอบให้เราสามารถนำมือถือของตัวเองไปถ่ายเทียบภาพกับภาพถ่ายของ Zenfone 2 ได้ งานนี้ก็บอกเลย มีหลายรุ่นแพ้ราบคาบครับ อย่างในภาพที่ผมถ่ายมาก็เป็นคนเอา OnePlus One มาลอง ผลก็เป็นไปตามภาพล่ะนะ

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 098

    อีกโหมดที่เพิ่มเข้ามาก็คือโหมด Super Resolution ที่ช่วยให้สามารถเก็บรายละเอียดภาพได้มากกว่าเดิม ด้วยความละเอียดภาพสูงสุด 52 ล้านพิกเซล อันเกิดจากการนำภาพถ่าย 13 ล้านพิกเซล 4 ภาพมาประมวลผลรวมกัน ช่วยเพิ่มรายละเอียดภาพให้มากขึ้น แสงสว่าง สีสันออกมาดีกว่าเดิม ซึ่งจะว่าไปก็คล้ายๆ กับที่มีในกล้องมือถือหลายๆ รุ่นนี่ล่ะครับ แต่จะสังเกตได้ว่าที่ผ่านมาเรามักเห็นฟีเจอร์นี้ในกลุ่มมือถือรุ่นท็อป ชิปประมวลผลแรงๆ เท่านั้น ตอนนี้มันมาถึงใน Zenfone 2 ที่ราคาไม่สูงมากแล้วนะ

    Untitled-2

    ภาพคู่นี้เป็นการเทียบความแตกต่างของภาพที่ถ่ายในโหมดธรรมดา (ภาพซ้าย) กับโหมด Super Resolution (ภาพขวา) ครับ ถ้าคลิกดูชัดๆ จะเห็นเลยว่าตรงโลโก้ ASUS ของภาพขวามีความคมชัดกว่า รวมถึงที่แฟลชด้วย (ตัวแบบคือ Zenfone 5 ปกติ) ซึ่งอันนี้ก็คือประโยชน์ที่เห็นได้ชัดของโหมด Super Resolution ซึ่งในงานก็มีบริเวณที่ทำมาให้ใช้ทดสอบประสิทธิภาพของโหมด Super Resolution ด้วยนะ ส่วนการถ่ายจริงๆ ก็ไม่ช้าจนเกินไป

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 100

    อีกโหมดที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพก็คือโหมดถ่ายภาพในที่มีแสงน้อย (Low-light mode) ซึ่งหลักการมันก็คือการรวมเม็ดพิกเซล 4 เม็ดเข้าเป็นเม็ดเดียวกันในภาพ เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้มากขึ้น ทำให้เราสามารถเก็บภาพได้ แต่ก็แลกมาด้วยรายละเอียดของภาพที่ลดลง 4 เท่า คิดง่ายๆ จากกล้อง Zenfone รุ่นแรก 8 ล้านพิกเซล เวลาเก็บภาพในโหมด low-light ก็จะเหลือความละเอียดแค่ 2 ล้านพิกเซลเท่านั้น แต่ใน Zenfone 2 นี้ให้กล้องหลังมาที่ 13 ล้านพิกเซล เลยทำให้สามารถเก็บภาพในโหมดนี้ได้ที่ความละเอียดสูงขึ้นเป็น 3 ล้านพิกเซลนั่นเอง ก็เรียกได้ว่าน่าจะอยู่ในระดับที่ใช้แชร์บนโซเชียลเน็ตเวิร์คได้ดีกว่าเดิมแล้วล่ะนะ

    และแน่นอนว่า ASUS มีกล่องดำมาให้ทดสอบกันอีกเช่นเคยครับ สำหรับในภาพข้างบน ผมลองใช้ Zenfone 5 ส่องลงไป แล้วถ่ายภาพเก็บไว้ จะเห็นว่าภาพพรีวิวจากหน้าจอมันมืดมากๆ แต่ก็ยังพอมองเห็นอยู่บ้าง (กล้อง iPhone 6 แทบไม่เห็นอะไรเลย)

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 101

    ส่วนภาพบนนี้เป็นหน้าจอพรีวิวภาพของ Zenfone 2 อันนี้บอกเลยว่าเห็นรายละเอียดที่ดีกว่า Zenfone 5 จริงๆ

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 102

    ทีนี้มาดูภาพถ่ายที่ออกมากันครับ ภาพซ้ายจาก Zenfone 5 ส่วนภาพขวาจาก Zenfone 2 จะเห็นว่าภาพของ Zenfone 2 ดูสว่างกว่า รายละเอียดภาพออกมาดีกว่าเล็กน้อย

    จากเท่าที่ทดสอบโหมดกล้องมาทั้งหมดนี้ เชื่อว่ามีหลายๆ ท่านอาจจะอยากทราบกันว่า แล้ว Zenfone รุ่นปัจจุบันจะได้อัพเดตมั้ย จะได้มาใช้งานบ้างหรือเปล่า ตรงจุดนี้อาจจะต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าน่าจะยากหน่อยครับ เพราะโหมดกล้องพวกนี้ต้องใช้พลังการประมวลผลของ CPU และ GPU ที่สูงและแรงเอาเรื่องอยู่ ถ้าเกิดมาใช้กับชิปรุ่นเก่า โดยเฉพาะ Intel Atom ของปีที่ผ่านมานี่อาจจะลำบากหน่อย เพราะตัว GPU มันไม่ค่อยแรงนัก ซึ่งจะทำให้การประมวลผลออกมาช้า ไม่ทันใจไปซะ

    ปิดท้ายด้วยการเทียบหน้าตา Zenfone 5 สีแดงกับ Zenfone 2 สีแดงครับ เริ่มจากขนาดหน้าจอก็เห็นได้ชัดแล้วว่าต่างกัน เพราะ Zenfone 5 มีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ส่วน Zenfone 2 จะเป็น 5.5 นิ้ว ขอบจอก็บางกว่า ส่วนตัวเครื่องกลับไม่ใหญ่ไปกว่ากันเท่าไร คุณภาพของหน้าจอก็อาจจะเทียบกันตรงๆ ไม่ได้เท่าไหร่ครับ เพราะ wallpaper เป็นภาพคนละชุดกันเลย แต่ต้องบอกว่าจอของ Zenfone 5 ที่ว่าค่อนข้างดีอยู่แล้ว เจอของ Zenfone 2 ข่มได้อยู่เหมือนกันนะ เพราะตัวเครื่องที่เราพรีวิวเป็นรุ่นจอ Full HD ภาพนี่ออกมาเนียนกว่าจอ HD แบบพอสังเกตได้อยู่บ้างเหมือนกัน ส่วนของมุมมองจอก็ตามในภาพที่สามครับ ทำได้ดีพอๆ กัน

    เมื่อลองเทียบความบางตัวเครื่อง ถ้าวัดที่บริเวณกึ่งกลางเครื่องจะเห็นว่ามันไม่ต่างกันเท่าไร Zenfone 2 ออกจะหนากว่าประมาณ 0.6 มิลลิเมตรด้วยซ้ำ แต่พอมาดูด้านข้างก็จะเห็นชัดเจนเลยว่าขอบข้างของ Zenfone 2 บางกว่าเป็นเท่าตัว จากนั้นก็จะค่อยๆ โค้งนูนเข้าไปหาตรงกลาง ซึ่งนอกจากจะทำให้ดีไซน์ดูสวยเพรียวบางแล้ว ยังได้ประโยชน์ในเรื่องของความสะดวกในการจับถือตามหลัก ergonomics อีกด้วย ทำให้เข้ารูปและกระชับมือพอดีเวลาจับถือ ซึ่งที่ผมลองเล่นๆ ดูก็จริงนะ รู้สึกว่าจับเครื่องได้กระชับมือกว่า Zenfone 5 พอสมควร แถมฝาหลังที่บรัชลายเป็นแฮร์ไลน์แบบโลหะก็ยังทำให้ฝาหลังไม่ลื่นจนเกินไปอีกด้วย ส่วนด้านบนจะเห็นว่าช่องเสียบแจ็คหูฟังอยู่ชิดตรงกลางค่อนข้างมาก อันนี้ก็เนื่องมาจากมันได้รับการออกแบบให้ใช้งานร่วมกับแฟลช Lolliflash ด้วยครับ เลยทำให้มันเข้ามาใกล้ตรงกลางขึ้นหน่อยนึง

    ASUS-Zenfone-2-Launching-In-Indonesia-SpecPhone 074

    สำหรับฝาหลังของ Zenfone 5 เทียบกับ Zenfone 2 ที่แม้ว่าจะเป็นสีแดงเหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าโทนสีมันออกมาคนละแบบนะ ของ Zenfone 5 จะขุ่นๆ กว่าตามลักษณะของผิววัสดุที่เป็นพลาสติกที่ติดความเป็นซอฟท์ทัชมาหน่อยๆ เลยทำให้สีออกมาขุ่น ส่วนผิวของ Zenfone 2 นี่เป็นแดงเข้ม สีค่อนข้างสด ทั้งยังสะท้อนแสงในแบบคล้ายๆ โลหะอีกด้วย ดูแล้วพรีเมียมขึ้นจากรุ่นแรกอย่างเห็นได้ชัด

    ส่วนของลำโพงด้านหลังเครื่องก็ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดบ้างเหมือนกันครับ เช่นในส่วนของช่องลำโพงที่ใช้เลเซอร์เจาะให้มีความละเอียดมากขึ้น ให้เสียงออกมาได้ดีและคมชัดกว่าเดิม ด้านของลำโพงภายในก็มีช่องขับเสียงที่ใหญ่ขึ้น 25% ให้เสียงที่ดังขึ้น ชัดกว่าเดิม อันนี้คงต้องรอพิสูจน์กันตอนรีวิวอีกทีนะ เพราะในงานเสียงค่อนข้างดัง เลยได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ครับ แต่รู้สึกได้เลยว่าเสียงดัง เพราะผมสามารถฟังเสียงในเกม Asphalt 8 ได้ค่อนข้างชัดอยู่

     

    ภาพจากการพรีวิวรอบพิเศษ

    สำหรับภาพชุดนี้ ต้องบอกว่าพิเศษจริงๆ ครับ เพราะเป็นการพรีวิวลองเล่นตัวเครื่อง และอุปกรณ์เสริมทั้งหมดของ Zenfone 2 แบบไม่มีสายโยง แถมที่พิเศษสุดคือได้ลองเล่นโดยที่มีซีอีโอใหญ่และผู้บริหารของ ASUS เล่าเรื่องราวและพูดคุยถึงความพิเศษต่างๆ ของ Zenfone 2 ให้ฟังแบบส่วนตัวสุดๆ กันเลยทีเดียว มาชมภาพกันครับ

    เรียกว่าได้ลองเล่น ลองจับอุปกรณ์เสริม Zenfone 2 กันเต็มที่เลยงานนี้ ยังไงก็รอติดตามชมบทความสัมภาษณ์ซีอีโอ ASUS กันด้วยนะครับ

    ท้ายสุดนี้ก็ต้องขอขอบคุณทาง ASUS ประเทศไทยที่ชวนและอำนวยความสะดวกในการพาทีมงาน SpecPhone ไปร่วมงานเปิดตัว ASUS Zenfone 2 ที่อินโดนีเซียครั้งนี้ด้วยนะครับ อ้อ! แล้วก็ขอขอบคุณเพื่อนผมทีให้ยืม Zenfone 5 สีแดงมาใช้เทียบด้วยนะ เครื่องสวยมาก 5555 :p

    Asus Asus Zenfone 2 Asus Zenfone 2 Ram 2GB
    Share. Facebook Twitter Pinterest LinkedIn Tumblr Email
    ZeroSystem

    Related Posts

    รีวิว Alldocube iPlay 50 mini และ iPlay 60 Pad Pro แท็บเล็ตตัวคุ้มที่มาขายไทยอย่างเป็นทางการ

    7 พฤษภาคม 2025

    รีวิว Redmi A5 สมาร์ทโฟนจอใหญ่ 6.88 นิ้ว 120Hz แบตอึด 5,200 mAh ในราคาเริ่มต้นเพียง 2,499 บาท

    27 เมษายน 2025

    รีวิวคู่หูพันธุ์แบตอึด!! vivo V50 Lite และ Watch GT แบตอึดเกินใคร ฟีเจอร์แน่น ในราคาที่ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้

    22 เมษายน 2025

    Comments are closed.

    หัวข้อทั้งหมด

    สเปค Infinix GT 30 Pro มือถือเกมมิ่งพร้อมชิป Dimensity 8350 Ultimate ราคาเริ่มต้นประมาณ 9,990 บาท

    21 พฤษภาคม 2025

    แนะนำ 10 เครื่องดูดความชื้น ยี่ห้อไหนดีในปี 2025 ตัวช่วยลดปัญหากลิ่นอับ และเชื้อราในบ้าน

    21 พฤษภาคม 2025

    Worldwide Developers Conference ของ Apple จะเริ่มต้นในวันที่ 10 มิถุนายน

    21 พฤษภาคม 2025

    หลุดภาพ สเปค Redmi Pad 2 แท็บเล็ตรุ่นเน้นคุ้ม คาดเปิดตัวปลายปีนี้

    21 พฤษภาคม 2025

    มือถือรุ่นยอดนิยม

    Honor X7

    Honor X7

    6,299 บาท
    Honor X8

    Honor X8

    7,999 บาท
    Honor X9

    Honor X9

    9,299 บาท
    HTC Desire 22 Pro

    HTC Desire 22 Pro

    0 บาท
    Huawei Nova 10 Pro

    Huawei Nova 10 Pro

    24,990 บาท
    ดูมือถือทั้งหมด
    Facebook YouTube TikTok X (Twitter)

    Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

    เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

    ยอมรับ
    X