ในปี 2020 มีสมาร์ตโฟน 5G ออกวางจำหน่ายหลายรุ่น พร้อมเทรนด์การถ่ายวิดีโอที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายวิดีโอสั้นแชร์ใน IG, Tiktok หรือ ถ่าย VLOG แชร์ลงโซเชียลต่าง ๆ และแน่นอนว่าถ้าพูดถึงสมาร์ตโฟนที่ครบเครื่องทั้งเรื่อง 5G และการถ่ายวิดีโอ ก็ต้องขอยกให้ OPPO Reno4 Pro 5G สมาร์ตโฟน 5G ที่ถ่ายวิดีโอได้ดีที่สุดในปี 2020 โดยเฉพาะวิดีโอที่ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง Ultra Night Wide-angle Video 12MP นี่ถือว่าสุดจริง ๆ ครับ
OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับกล้อง Ultra Night wide-angle Video ที่ดีที่สุดในคลาส
ชุดกล้องหลักของ OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว แต่ที่ดูจะเป็นไฮไลต์ที่สุดคือการมาพร้อมกับเลนส์ Ultra Night Wide-angle Video 12MP หรือเป็นเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle นี่ล่ะครับ แต่ต้องอธิบายก่อนว่า ปกติแล้วเลนส์มุมกว้างในสมาร์ตโฟนทั่วไป มักจะมีข้อดีแค่ในเรื่องการถ่ายได้มุมกว้างกว่าปกติ ส่วนเรื่องคุณภาพของรูปถ่ายนั้น บางรุ่นถ่ายกลางคืนออกมาภาพเป็นวุ้น ๆ ไม่คมชัด เทียบกับเลนส์หลักไม่ได้เลย
แต่เลนส์ Ultra Night Wide-angle Video 12MP นั้นแตกต่างออกไป เพราะเลือกใช้เซ็นเซอร์ที่คุณภาพสูงอย่าง Sony IMX708 ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1/ 2.43 นิ้ว และขนาดพิกเซล 2.8 ไมครอน (ด้วยเทคโนโลยี Pixel Binning) และเป็นมุมมองอัตราส่วน 16:9 (FOV 120 องศา) ตรงนี้เลยทำให้เหมาะกับการถ่ายวิดีโอเป็นอย่างมาก เพราะได้อัตราส่วนของวิดีโอ 16:9 แบบไม่ต้องครอปภาพ
ด้านการถ่ายวิดีโอ รุ่นนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์กันสั่น Ultra Steady Video 3.0 ที่ให้ความนิ่งแม้จะถ่ายด้วยมือเปล่า โดยมีระดับของการกันสั่นดังนี้
- Ultra Steady Video Pro: เป็นการกันสั่นที่นิ่งที่สุด ถ่ายด้วยเลนส์มุมกว้าง Ultra Night Wide-angle IMX708 ให้อัตราส่วนวิดีโอ 16:9 แบบ Native
- Ultra Steady Video: เป็นการถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหลัก 48MP IMX586 ที่มีกันสั่น OIS + EIS ให้ความนิ่งในระดับเดินถ่ายสบาย ๆ ไม่ต้องเกร็งมือ และยังได้ความคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน
- Front Steady Video: ไม่เพียงถ่ายวิดีโอได้นิ่งในกล้องหลัง แต่กล้องหน้า 32MP ของ OPPO Reno4 Pro 5G ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์กันสั่น ที่ใช้งานร่วมกับวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ หรือวิดีโอที่เปิด AI Beauty ได้ทั้งความละเอียด HD 720p และ Full HD 1080p ที่ 30fps
จากตัวอย่างวิดีโอด้านล่าง ในการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยด้วยโหมดกันสั่นรูปแบบต่าง ๆ แม้จะเปิดกันสั่น Ultra Steady Video Pro ที่ใช้เลนส์มุมกว้างในการถ่ายวิดีโอก็ตาม แต่ด้วยความที่เลนส์ Ultra Night Wide-angle Video 12MP ของรุ่นนี้ ใช้เซ็นเซอร์คุณภาพสูง จึงทำให้ได้คุณภาพของวิดีโอที่ดี คมชัด แม้จะถ่ายในที่แสงน้อยก็ตาม
ตัวอย่างวิดีโอกล้องหน้าในโหมด Front Steady Video
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Live HDR ที่สามารถถ่ายวิดีโอแบบ HDR ที่ไม่ได้มีดีแค่การถ่ายวิดีโอย้อนแสงเพียงอย่างเดียว แต่ในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ ที่มีการจัดไฟสวย ๆ ตามหน้าห้างสรรพสินค้า การถ่าย Live HDR Video ก็ช่วยในการจัดการแสงต่าง ๆ ได้ดีไม่แพ้กัน ส่วนความคมชัดของวิดีโอกล้องหลัง รุ่นนี้ถ่ายได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K 30fps และถ่ายวิดีโอกล้องหน้าได้ที่ความละเอียดสูงสุด Full HD 30fps
สำหรับคนที่ต้องการถ่ายวิดีโอในอัตราส่วน 21:9 แบบ Cinematic สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับโหมดเฉพาะทางอย่าง Movie หรือโหมดภาพยนตร์ ที่จะบันทึกวิดีโออัตราส่วนเริ่มต้น 21:9 และสามารถปรับตั้งค่าต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น White Balance, EV, ISO, Speed Shutter ไปจนถึงโหมดโฟกัสแบบ Manual
ส่วนใครที่ถ่ายวิดีโอไว้เยอะ ๆ แล้วเลือกไม่ถูกว่าจะอัพวิดีโอไหนลงโซเชียล OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับตัวช่วยอย่างแอปพลิเคชั่น SoLoop แอปตัดต่อวิดีโออัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับลูกเล่น Movie Filter, One-Tap Beat Making และ Smart Editing ที่ใช้ AI ในการเลือกภาพและวิดีโอ จากนั้นตัดต่อ พร้อมใส่เพลงให้เรียบร้อย
ชุดกล้องหลัง Triple LDAF Camera ความละเอียดสูงสุด 48MP พร้อมเลนส์ครบช่วง
พูดถึงการถ่ายวิดีโอไปแล้ว มาต่อกันที่การถ่ายภาพนิ่ง เริ่มที่เซ็นเซอร์หลัก 48MP IMX586 นี่ก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ด้วยชื่อชั้นเซ็นเซอร์ระดับเรือธง ให้ทั้งความคมชัด และคุณภาพรูปถ่ายที่ดีมาก ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยส่วนตัวหากถ่ายตอนกลางคืนที่ไม่ได้มืดมาก ผมว่าไม่ต้องเปิดโหมดกลางคืน Ultra Night Mode ก็ยังได้ครับ
ถัดมาเป็นเลนส์มุมกว้าง ตามที่ได้บอกไปว่ารุ่นนี้เป็นสมาร์ตโฟนที่ถ่ายภาพกลางคืนด้วยเลนส์มุมกว้างได้ดีรุ่นหนึ่ง ไม่เจอปัญหาภาพไม่คม เป็นวุ้น ๆ และที่สำคัญ ผมว่าคุณภาพของเลนส์มุมกว้าง Ultra Night Wide-angle นี่ถ่ายกลางคืนได้คุณภาพคมชัดพอ ๆ กับเลนส์หลัก 48MP เลยล่ะ เรื่องความบิดเบี้ยวตามขอบภาพก็มีการแก้ไขให้เรียบร้อย ถูกใจสาย Landscape แน่นอน
ด้านการซูมภาพ ด้วยเลนส์ Telephoto 13MP มาพร้อมระยะการซูมแบบ 5x Optical Zoom และซูมได้ไกลสุด 20x Digital Zoom โดยรวมถือว่าให้ระยะมาครอบคลุมการใช้งานได้เป็นอย่างดี ทั้งการถ่ายระยะปกติ, ถ่ายกว้างด้วยเลนส์ Ultra wide และถ่ายซูมด้วยเลนส์ Telephoto ไปจนถึงการถ่ายใกล้สุด ๆ ด้วย Macro Mode
ส่วนจุดดำข้าง ๆ กล้อง เป็นตำแหน่งของเซ็นเซอร์ LDAF หรือเลเซอร์ช่วยโฟกัส ที่ทำให้กล้องของ OPPO Reno4 Pro 5G โฟกัสได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็ว แม้จะเป็นการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็ตาม
สำหรับโหมดถ่ายรูปที่น่าสนใจของรุ่นนี้ คงหนีไม่พ้นโหมดกลางคืนแบบพิเศษ Ultra Night Mode สามารถถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้คมชัด และสว่างมากขึ้นโดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้องแล้ว ยังมาพร้อมกับโหมดถ่ายในที่แสงน้อย Ultra Dark Mode ที่ต่อให้มืดระดับตามองไม่เห็น แต่ OPPO Reno4 Pro 5G ก็สามารถถ่ายออกมาให้พอเห็นรายละเอียดในภาพถ่ายได้ครับ
กล้องหน้า 32MP พร้อม AI Portrait
OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 32MP โหมด AI Beauty 2.0, AI Portrait สามารถถ่ายเซลฟี่แบบโบเก้ได้ และยังมาพร้อมกับอัลกอริธึม Front Steady Video ถ่ายวิดีโอแบบนิ่ง ๆ ด้วยกล้องหน้าได้อีกด้วย
นอกจากชุดกล้องหลัง ที่มาพร้อมเลนส์มุมกว้าง Ultra Night Wide-angle Video 12MP จะให้ประสิทธิภาพในการถ่ายวิดีโอ – ถ่ายภาพนิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว สเปคอื่น ๆ ของสมาร์ตโฟนรุ่นนี้ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องแบตเตอรี่และระบบชาร์จไฟ เห็นเป็นสมาร์ตโฟนเครื่องบาง ดีไซน์สวยงามแบบนี้ แต่ให้แบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4000 mAh ใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน และมาพร้อมกับโหมดประหยัดพลังงานอัจฉริยะ Super Power Saving Mode ที่จะปรับรูปแบบการใช้งานเป็นหน้าจอพื้นหลังสีดำ ลดความเร็วของ CPU เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากที่สุด โดยในโหมดดังกล่าว ต่อให้แบตเตอรี่เหลือเพียง 5% ก็สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 60 นาที
ด้านระบบชาร์จไฟของรุ่นนี้ จัดเต็มด้วย 65W SuperVOOC 2.0 สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้มากกว่า 60% ในเวลาเพียง 15 นาที และชาร์จไฟจนเต็ม 100% ในเวลาเพียง 36 นาทีเท่านั้น โดยเทคโนโลยีชาร์จดังกล่าวมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้แรงดันไฟฟ้าต่ำ อีกทั้งมีเทคโนโลยีในการป้องกันอันตรายจากการชาร์จไฟในทุกขั้นตอน รวมถึงการควบคุมอุณหภูมิขณะทำการชาร์จไฟให้ตัวเครื่องไม่ร้อนจนเกินไป สามารถเล่นไปชาร์จไปได้อีกด้วย
OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ที่รองรับการใช้งาน 5G Dual-mode ทั้งแบบ 5G SA (Standalone) และ 5G NSA (Non Standalone) มีเสาอากาศรอบทิศทาง 360 องศา การจับสัญญาณ 5G ในเมืองทำได้ดี เช่นเดียวกับความเร็วในการเชื่อมต่อ ทดสอบด้วย Speed Test ก็ให้ความเร็วระดับ 300 Mbps ขึ้นไป ส่วนการใช้งานทั่วไปก็เห็นผลชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่า ping ที่ต่ำเมื่อเล่นเกม หรือจะเป็นการรับชมวิดีโอสตรีมมิ่ง Youtube, NetFlix ที่โหลดวิดีโอได้อย่างรวดเร็วทันใจ
ด้านการเล่นเกม ด้วยชิปเซ็ตรุ่นนี้ กับ RAM 12GB ทำให้ OPPO Reno4 Pro 5G สามารถเล่นเกมได้แทบทุกเกมที่มีให้โหลดบน Google Play Store ไม่มีอาการหน่วงให้เห็น ส่วนการตอบสนองหน้าจอทำได้อย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราการตอบสนองหน้าจอแบบ 180Hz Touch Sampling Rate
ดีไซน์ตัวเครื่อง OPPO Reno4 Pro 5G มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Reno Glow วัสดุด้านหลังตัวเครื่องเป็นแบบผิวด้าน ไม่เก็บรอยนิ้วมือ ดูแลรักษาง่าย การไล่เฉดของสีฝาหลังเป็นการไล่เฉดระหว่างสีฟ้าและสีเงิน พร้อมตัวอักษร Reno Glow มีความบางเพียง 7.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 172 กรัม เมื่อรวมกับฝาหลังที่ออกแบบให้มีความโค้งเล็กน้อย ทำให้การจับถือตัวเครื่อง การใช้งานมีความคล่องตัวสูง
OPPO Reno4 Pro 5G – ราคา และการวางจำหน่าย
สำหรับใครที่สนใจ OPPO Reno4 Pro 5G ในตอนนี้วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 21,990 บาท จากราคาปกติ 24,990 บาท หาซื้อได้ตามตัวแทนจำหน่ายของทาง OPPO ทั้งช่องทางหน้าร้าน และช่องทางออนไลน์ครับ
สเปค OPPO Reno4 Pro 5G
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.5 นิ้ว HDR 10+ ความละเอียด Full HD+ รีเฟรชเรท 90Hz
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G 7nm
- GPU Adreno 620
- RAM 12GB LPDDR4x
- ROM 256GB แบบ UFS 2.1 ไม่รองรับ microSD Card
- กล้องหลัง 3 ตัว
- กล้องหลัก 48MP f/1.7, OIS เซ็นเซอร์ Sony IMX586
- Ultra Night Wide-angle Video 12MP f/2.43 มุมกว้าง 120 องศา เซ็นเซอร์ Sony IMX708
- Telephoto 13MP f/2.4 รองรับการซูม 5x Optical Zoom
- กล้องหน้าความละเอียด 32MP f/2.4
- ระบบเสียงลำโพงคู่สเตอริโอ, Dolby Atmos
- ปลดล็อกตัวเครื่องด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้า + สแกนใบหน้า
- การเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1, Wi-Fi 2.4 + 5GHz
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh รองรับชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย ColorOS 7.2
- สเปคเต็ม ๆ OPPO Reno4 Pro 5G
- อ่านรีวิว OPPO Reno4 Pro 5G