หลังจากที่ OPPO ทำการเปิดตัว OPPO Find X3 Pro ผู้เป็นเรือธงของค่ายประจำปี 2021 ไป ที่นี้อาจมีหลาย ๆ คนส่งสัยว่าเมื่อเอาไปเทียบกับเรือธงของค่ายอื่นแล้วมันจะต่างกันตรงไหน แล้วควรจะเลือกซื้อเครื่องไหนดี วันนี้ทีมงาน Specphone เราจึงได้ทำการเทียบสเปค OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G มาให้เพื่อน ๆ ได้เห็นถึงความแตกต่าง และเอาไว้ใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อได้
เทียบสเปค OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
| OPPO Find X3 Pro | iPhone 12 Pro Max | Samsung Galaxy S21 Ultra 5G | |
|---|---|---|---|
| ขนาด | 163.6 x 74 x 8.3 มิลลิเมตร | 160.8 x 78.1 x 7.4 มิลลิเมตร | 165.1 x 75.6 x 8.9 มิลลิเมตร |
| น้ำหนัก | 193 กรัม | 228 กรัม | 227 กรัม |
| หน้าจอ | LTPO AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว 3216 x 1440 พิกเซล (QHD+) Refresh Rate 120Hz HDR10+ 10-bit | Super Retina XDR OLED ขนาด 6.7 นิ้ว 2778 x 1284 พิกเซล HDR10 Wide color gamut P3 True-tone | Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว 3200 x 1440 พิกเซล (QHD+) Refresh Rate 120Hz HDR10+ |
| ชิปประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 888 | Apple A14 Bionic | Samsung Exynos 2100 |
| แรม | 12GB | 6GB | 12GB / 16GB |
| หน่วยความจำ | 256GB | 128GB / 256GB / 512GB | 128GB / 256GB / 512GB |
| กล้องหลัง | 50MP f/1.8 omnidirectional PDAF (Wide) 50MP f/2.2 omnidirectional PDAF (Ultrawide) 13MP f/2.4 2x optical zoom (Telephoto) 3MP f/3.0 กำลังขยาย 60x (Micro) | 12MP f/1.6 sensor-shift stabilization (Wide) 12MP f/2.4 (Ultrawide) 12MP f/2.2 2.5x optical zoom (Telephoto) TOF 3D LiDAR scanner | 108MP f/1.8 Laser AF, OIS (Wide) 12MP f/2.2 Super Steady video (Ultrawide) 10MP f/2.4 OIS 3x optical zoom (Telephoto) 10MP f/4.9 OIS 10x optical zoom (Periscope Telephoto) |
| กล้องหน้า | 32MP f/2.4 | 12MP f/2.2 | 40MP f/2.2 |
| แบตเตอรี่ | 4,500 mAh SuperVOOC 2.0 ขนาด 65W AIRVOOC ขนาด 30W | 3,687 mAh PD 2.0 ขนาด 20W Magsafe ขนาด 15W | 5,000 mAh Super Fast Charge 25W Wireless Charge 15W |
| ราคา | ยังไม่เปิดราคาไทย | 39,900 บาท | 39,900 บาท |
เปรียบเทียบความแตกต่าง OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
สำหรับความแตกต่างของทั้ง 3 เครื่องนั้นเรียกได้ว่ามีหลาย ๆ อย่างที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลย ทั้งฟีเจอร์ของหน้าจอ, ชิปประมวลผล, กล้อง หรือแม้แต่ขนาดของแบตเตอรี่และระบบชาร์จ โดยเราจะมาพูดถึงความแตกต่างแต่ละอย่างกันดังต่อไปนี้
OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G : หน้าจอ
ในเรื่องของหน้าจอนั้นทั้ง 3 เครื่องใช้หน้าจอที่มีเทคโนโลยี OLED เป็นพื้นฐานด้วยกันหมด โดยหน้าจอของ Find X3 Pro นั้นเป็นหน้าจอแบบ LTPO AMOLED ส่วน Galaxy S21 Ultra 5G เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ที่เป็น LTPO เช่นกัน สำหรับ iPhone 12 Pro Max นั้นเป็นหน้าจอ Super Retina XDR โดยตัวหน้าจอของแต่ละเครื่องจะมีรายละเอียดดังนี้
OPPO Find X3 Pro จะเป็นหน้าจอ LTPO AMOLED ที่สามารถปรับค่ารีเฟรชเรทได้แบบอัตโนมัติตั้งแต่ 5Hz – 120Hz และมีค่าตอบสนองต่อการสัมผัสที่สูงสุดถึง 240Hz พร้อมด้วย O1 Ultra Vision Engine ที่ช่วยปรับความคมชัดของภาพให้ดียิ่งขึ้น และ O-Sync Display Hyper Response Engine ที่ช่วยให้หน้าจอตอบสนองเร็วขึ้นในระหว่างเล่นเกม
Samsung Galaxy S21 Ultra 5G ใช้เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X แบบ LTPO ที่สามารถปรับค่ารีเฟรชเรทได้แบบอัตโนมัติตั้งแต่ 10Hz – 120Hz พร้อมเทคโนโลยี Eye Comfort Shield สำหรับลดการปล่อยแสงสีฟ้าที่อาจเป็นอันตรายต่อดวงตา อีกทั้งยังรองรับการใช้งานปากกา S Pen ของ Samsung ได้อีกด้วย (ใช้ Air Gestures ไม่ได้นะ)
iPhone 12 Pro Max ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ที่มีการแสดงผลแบบ True Tone สามารถปรับเปลี่ยนแสงหน้าจอให้เป็นไปตามสภาพแวดล้อม พร้อมด้วยความสามารถในการแสดงผลภาพแบบ Dolby Vision (เพื่อให้แสดงวีดีโอแบบ HDR ในแบบ Dolby Vision ได้)
หากให้เทียบหน้าจอกันนั้นเป็นอะไรที่ยากเอามาก ๆ เพราะถึงจะเป็น OLED เหมือนกัน แต่ก็ได้มีการรวมเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไป ทำให้การแสดงผลเกิดความต่างกันแล้ว อีกทั้งความละเอียดยังไม่เท่ากันด้วย
OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G : ชิปประมวลผล
ในด้านชิปประมวลผลนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดย Find X3 Pro นั้นใช้ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 888, iPhone 12 Pro Max ใช้ชิป Apple A14 Bionic ส่วน Galaxy S21 Ultra 5G นั้นใช้ชิป Exynos 2100 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นชิปต่างค่ายกันอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือชิปทั้ง 3 ตัวนี้ถูกผลิตที่สถาปัตกรรมขนาดเดียวกันคือขนาด 5nm ซึ่งส่งผลให้ตัวชิปมีทั้งความแรงและประหยัดพลังงานมาก
สำหรับสิ่งที่ต่างกันก็คือพลังในการประมวลผลทั้ง CPU และ GPU, โมเด็ม 5G รวมถึงการจัดการพลังงานด้วย โดยในส่วนของพลังในการประมวลผลนั้น Snapdragon 888 และ Exynos 2100 นั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่แตกต่างกันมาก (ใช้ CPU ARM Cortex-X1 เหมือนกัน) ถึงแม้พลังในการประมวลผลของ Snapdragon 888 จะเหนือกว่า แต่ Exynos 2100 ก็ทำการชดเชยจุดนั้นด้วยความเร็วในการประมวลผลที่สูงกว่านั้นเอง
สำหรับชิป Apple A14 Bionic นั้นโดยหลักแล้วจะค่อนข้างเทียบอยาก ด้วยระบบปฏิบัติการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งระบบปฏิบัติการของ Apple นั้นสามารถดังเอาศักยภาพของสมาร์ทโฟนในแต่ละส่วนออกมาใช้ได้เต็มประสิทธิภาพกว่า อีกทั้งยังมี AI ที่เรียกว่า Neural Engine ซึ่งมีจำนวนหน่วยประมวลผลถึง 16 คอร์มาช่วยอีกด้วย แต่สิ่งที่ชิป A14 Bionic นี้สู้ Snapdragon 888 และ Exynos 2100 ไม่ได้นั่นก็คือการกินพลังงานของโมเด็ม 5G เนื่องจากโมเด็มของชิป A14 Bionic เป็นโมเด็ม Snapdragon X55 ซึ่งไม่ได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับชิปประมวลผลทำให้กินพลังงานมากกว่าเยอะ (Snapdragon 888 ใช้โมเด็ม Snapdragon X60 ที่รวมอยู่ในชิปประมวลผลแล้ว ส่วน Exynos 2100 ถึงจะไม่ได้บอกว่าใช้โมเด็มอะไร แต่มีการรวมเอาโฒเด็มเข้าไปไว้ในชิปปรระมวลผลแล้ว)
หากให้สรุปในด้านของชิปประมวลผลแล้วถึงความแรงของชิป Apple A14 Bionic จะทำได้ดีกว่า แต่ทางผู้เขียนมองว่าชิปประมวลผล Snapdragon 888 บน Find X3 Pro และ Exynos 2100 บน Galaxy S21 Ultra 5G นั้นน่าใช้กว่า (ถ้า Apple รวมโมเด็มเข้าไปไว้ในชิปประมวลผลแล้วอาจจะเทียบได้สูสีกว่านี้ก็ได้)
OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G : กล้องถ่ายภาพ
ในเรื่องของกล้องถ่ายภาพนั้นอาจจะเปรียบเทียบกันไม่ได้มาก เพราะมีหลาย ๆ ปัจจัยที่ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ในที่นี้เลยจะมาเทียบกันเฉพาะที่ตัวสเปคเป็นหลัก ซึ่งทั้ง 3 เครื่องนั้นมาพร้อมกับเลนส์บนตัวเครื่องถึง 4 ชิ้นเหมือนกัน และทั้ง 3 เครื่องก็มีเลนส์ที่เหมือนกันอยู่ 3 เลนส์คือเลนส์หลัก, เลนส์ Ultrawide และเลนส์ Telephoto ส่วนเลนส์ที่ 4 จะแตกต่างกันไปตามการออกแบบคือ Find X3 Pro นั้นมีเลนส์ที่ 4 คือเลนส์ Micro สำหรับ iPhone 12 Pro Max มีเลนส์ที่ 4 คือ LiDAR Scanner ส่วน Galaxy S21 Ultra 5G นั้นมีเลนส์ที่ 4 เป็นเลนส์ Periscope Telephoto ซึ่งรายละเอียดกล้องของทั้ง 3 เครื่องจะเป็นดังนี้
Find X3 Pro มาพร้อมกับกล้อง 4 ตัวที่มีกล้องหลักถึง 2 เลนส์ คือเลนส์หลักและเลนส์ Ultrawide ทั้งคู่มีความละเอียดอยู่ที่ 50MP ทำให้ภาพที่ถ่ายได้แทบจะเหมือนกันเลย ส่วนอีก 2 เลนส์ที่เหลือคือเลนส์ Telephoto ที่มีความละเอียด 13MP รองรับการซูมแบบ Optical สูงสุด 2 เท่า และสามารถซูมแบบ Digital ได้สุงสุด 20 เท่า ส่วนเลนส์สุดท้ายคือเลนส์ Micro หรือที่เรารู้จักกันในชื่อกล้องจุลทรรศน์ มีความละเอียดอยู่ที่ 3MP และมีกำลังขยายมากถึง 60 เท่า ช่าวยให้สามารถถ่ายวัตถุขนาดเล็กมาก ๆ ได้
Galaxy S21 Ultra 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 4 ตัวที่มีเลนส์หลักความละเอียดสูงถึง 108MP ที่มาพร้อมเทคโนโลยี nonacell ทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดและยังช่วยลด noise ลงได้อีกด้วย กล้อง Ultrawide มีความละเอียด 12MP และกล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP ที่สามารถซูมแบบ Optical ได้สุงสุด 3 เท่า ส่วนกล้องตัวที่ 4 นั้นเป็นกล้อง Periscope Telephoto ความละเอียด 10MP ที่สามารถซูมแบบ Optical ได้สุงสุด 10 เท่า และยังเป็นเลนส์ที่ใช้กับ Space Zoom 100 เท่าอีกด้วย
iPhone 12 Pro Max นั้นมาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวและเซ็นเซอร์ 3D โดยกล้องทั้ง 3 จะประกอบไปด้วยกล้องหลัก, กล้อง Ultrawide และกล้อง Telephoto โดยจะมีความละเอียดเท่ากันหมดทั้งที่ 12MP ซึ่งกล้อง Telephoto นั้นจะสามารถซูมแบบ Optical ได้สุงสุดที่ 2.5 เท่า
ซึ่งในเรื่องของกล้องนั้นถ้าให้สรุปจากความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนโดยมองเรื่องการใช้งานในชีวิตประจำวันของคนทั่วไปเป็นหลักแล้วกล้องของ OPPO Find X3 Pro นั้นจะได้ใช้ประโยชน์ได้เต็มประสิทธิภาพกว่า เนื่องจากในชีวิตประจำวันของคนเรามักจะใช้กล้องหลักและกล้อง Ultrawide มากกว่ากล้องอื่น ๆ นั่นเอง สำหรับกล้องของ Galaxy S21 Ultra 5G นั้นเป็นกล้องที่เหมาะกับกลุ่มคนที่ต้องการภาพความละเอียดสูงจัด ๆ หรือชอบถ่ายรูประยะไกลมากกว่า ส่วนกล้องของ iPhone 12 Pro Max นั้นคือกล้องของคนที่ต้องการรูปแบบที่แทบไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมจาก AI และกลุ่มอาชีพที่สามารถใช้ประโยชน์จาก AR ได้อย่างแพทย์, วิศวกร หรือสถาปนิก เป็นต้น
OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G : แบตเตอรี่และระบบชาร์จ
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นขนาดของแบตเตอรี่ที่มากับเครื่องนี่แทบจะไม่ได้สำคัญอะไรมากมายนัก เพราะในเรื่องของระยะการใช้งานนั้นมันมีตัวแปรค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะการบริโภคพลังงานของชิปประมวลผลที่จะใช้เยอะสุด ซึ่งปริมาณแบตเตอรี่นั้น Find X3 Pro ให้มา 4,500 mAh ส่วน iPhone 12 Pro Max ให้มา 3,687 mAh และ Galaxy S21 Ultra 5G ให้มา 5,000 mAh ซึ่งหากใช้ดี ๆ ยังไงก็อยู่ได้ครบวันแน่นอน แต่สิ่งที่นับเป็นจุดชี้ขาดของทั้ง 3 เครื่องก็คือระบบชาร์จเร็วนั่นเอง
โดยตัวระบบชาร์จนั้นแน่นอนว่าทั้ง 3 เครื่องมาพร้อมระบบชาร์จเร็วและระบบชาร์จไร้สาย แต่ที่แตกต่างกันก็คือเทคโนโลยีที่ใช้ โดย Find X3 Pro นั้นมีระบบชาร์จเร็วที่เรียกว่า SuperVOOC 2.0 ขนาด 65W ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องความเร็วในการชาร์จที่เร็วที่สุด ส่วน Galaxy S21 Ultra 5G นั้นมีระบบชาร์จเร็วที่เรียกว่า Super Fast Charge ขนาด 25W สำหรับ iPhone 12 Pro Max นั้นใช้ระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20W ซึ่งในที่นี้หากให้เรียงระยะเวลาที่ต้องใช้ในการชาร์จจากน้อยไปหามากจะเป็นดังนี้ OPPO Find X3 Pro > Sasmung Galaxy S21 Ultra 5G > iPhone 12 Pro Max
หากใครที่ต้องการมือถือที่ชาร์จเร็วจัด ๆ ยังไงก็จำเป็นต้องเลือก OPPO อยากเดียวเท่านั้น เพราะเขาขึ้นชื่อเรื่องระบบชาร์จที่เร็วที่สุด ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มือถือ OPPO ชาร์จเร็วที่สุดนั้นมาจากการที่ OPPO ทำการแบ่งแบตเตอรี่ออกเป็น 2 ก้อนแล้วทำการชาร์จพร้อม ๆ กัน ซึ่งการทำแบบนี้นั้นช่วยลดความร้อนที่จะเกิดขึ้นระหว่างการชาร์จ แถมยังช่วยลดระยะเวลาในการชาร์จลงได้อีกด้วย
(ระยะเวลาชาร์จของ S21 Ultra 5G และ 12 Pro Max อ้างอิงจากคลิปของ TechNick ส่วน Find X3 Pro ยังไม่วางขายเลยยังบอกเวลาแบบเจาะจงไม่ได้)
สรุป OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G
หากให้สรุปเมื่อเอา OPPO Find X3 Pro vs iPhone 12 Pro Max vs Samsung Galaxy S21 Ultra 5G แล้วให้ตัดสินว่าตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน โดยส่วนตัวแล้วทางผู้เขียนมองว่า OPPO Find X3 Pro นั้นมีความน่าสนใจมากกว่า แต่ทว่าสุดท้ายแล้วการจะตัดสินใจซื้อขั้นสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับคนที่จะซื้อและวัตถุประสงค์ที่จะเอาไปใช้งาน เพราะในปัจจุบันนี้เราสามารถทำงานผ่านมือถือได้ โดยหากให้ระบุลึกลงไปหน่อยว่าแต่ละเครื่องเหมาะกับการใช้งานประเภทไหนก็จะได้ตามนี้
- OPPO Find X3 Pro เหมาะกับการเอามาใช้งานทั่วไป, ถ่ายรูป/ถ่ายวีดีโอความละเอียดสูง และเล่นเกม
- Galaxy S21 Ultra 5G เหมาะกับการเอามาใช้ถ่ายรูป/ถ่ายวีดีโอความละเอียดสูง, จดโน๊ตนอกสถานที่
- iPhone 12 Pro Max เหมาะกับการเอามาใช้งานทั้งถ่ายรูป/ถ่ายวีดีโอแบบที่มีการตกแต่งจาก AI น้อย, งานที่มี AR ให้ใช้ร่วม โดยเฉพาะการออกแบบอาคาร, ใช้เป็นตัวช่วยวินิจฉัยโรค ฯลฯ
