OPPO Find X3 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนระดับแฟล็กชิพที่มาพร้อมกับหน้าจอ Ultra Vision Screen ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด QHD+ ที่ 120Hz Refresh Rate พาแนลแบบ AMOLED ขอบเขตสี DCI P3 100% อัตราส่วนคอนทราสต์ 5,000,000:1 และเป็นหน้าจอ 10-Bit Color depth แสดงสีสันได้กว่า 1 พันล้านสี (True Billion Color) รองรับวิดีโอมาตรฐาน HDR 10+ ความสว่างสูงสุด 1,300 nits ปรับระดับของความสว่างหน้าจอได้ละเอียดถึง 8,192 ระดับ
10-BIT FULL-PATH COLOUR ENGINE ที่สุดของการแสดงผล 1 พันล้านสีเต็มระบบ
ในด้านความแม่นยำของสีหน้าจอ OPPO Find X3 Pro 5G นั้นเทียบเท่าจอแสดงผลในระดับมืออาชีพ โดยแต่ละเครื่องจะได้รับการ Calibrate เพื่อให้ได้ค่าสีที่ถูกต้องโดยเฉลี่ย 0.4 JNCD อีกทั้งมีการปรับแต่งสีสันหน้าจอโดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับแต่งสีชั้นนำ นอกจากนี้หน้าจอของ OPPO Find X3 Pro 5G ยังมีอัตราการสะท้อนที่ต่ำมาก ไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์การอ่าน การรับชมคอนเทนต์ แต่ยังทำให้การแสดงผลสีดำออกมาดำเข้มสมจริงอีกด้วย
หน้าจอของ OPPO Find X3 Pro 5G ก็ยังถือเป็นที่สุด ไม่เพียงแสดงสีสันได้มาก แต่ยังมีความแม่นยำสูงในทุกสถานการณ์ เช่น กรณีอยู่ในห้องที่มีแสงสว่างจากหลอดไฟโทนสีอุ่น จะทำให้หน้าจอโทรศัพท์แสดงผลออกเป็นโทนเย็น หรือสีคล้ายกับสีฟ้า แต่ด้วยฟีเจอร์ Nature Tone Display จะช่วยปรับอุณหภูมิของสีเปลี่ยนไปโดยอัตโนมัติ เมื่อสภาพแสงรอบตัวเปลี่ยนไป ทำให้การแสดงผลบนหน้าจอสมาร์ตโฟนไม่มีความผิดเพี้ยนไปตามโทนแสงไฟในห้อง
สำหรับสเปคหน้าจอดังกล่าว ว่ากันตามตรงมันก็เป็นสเปคหน้าจอระดับท็อปในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน และเป็นการใส่เทคโนโลยีหน้าจอที่เรียกว่า “จัดเต็ม” ที่สุดในตอนนี้ แต่สิ่งที่ผมมองว่าหน้าจอของ OPPO Find X3 Pro 5G นั้นเจ๋งมากกว่าสมาร์ตโฟนเรือธงทั่วไปในท้องตลาด อยู่ที่ฟีเจอร์อย่าง Colour Vision Enhancement ที่ทำให้การแสดงผลอันสุดยอดของหน้าจอ OPPO Find X3 Pro 5G เป็นนวัตกรรมเพื่อการมองเห็นของทุกคนได้อย่างแท้จริง แม้จะเป็นผู้ใช้ที่มีความบกพร่องด้านการมองเห็นสี หรือตาบอดสีก็ตาม
นอกจากการแสดงสีสันที่ยอดเยี่ยมแล้ว หน้าจอของ OPPO Find X3 Pro 5G ยังเป็นหน้าจอแบบ 120Hz Adaptive Refresh Rate ช่วยให้ผู้ใช้สัมผัสกับหน้าจอที่ไหลลื่นยิ่งขึ้น มอบประสบการณ์การใช้งาน, การเล่นเกมให้สมจริงมากยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมกับการตอบสนองหน้าจอที่รวดเร็ว 240Hz touch sampling rate ทำให้ในการเล่นเกมด้วย OPPO Find X3 Pro 5G มีทั้งความลื่นไหล และการตอบสนองที่เร็วกว่าสมาร์ตโฟนทั่วไป ด้วยแผงหน้าจอแบบ LTPO ทำให้จอแสดงผลของ OPPO Find X3 Pro 5G ให้ Adaptive Refresh Rate ที่ 120Hz ในระดับฮาร์ดแวร์ มีช่วงของการรีเฟรชหน้าจอกว้างขึ้นเป็น 5 ~ 120Hz
โดยการทำงานของจอแสดงผลแบบ Adaptive จะปรับอัตรารีเฟรชหน้าจอตามลักษณะการใช้งานอัตโนมัติ อย่างการใช้งานปกติ หน้าจอแบบ 120Hz ให้ประสบการณ์ใช้งานที่ลื่นไหลตั้งแต่การปัดหน้าจอ, การเลื่อน Feed ยาว ๆ ไปจนถึงการรับชมคอนเทนต์วิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว เช่น การรับชมกีฬา, รับชมภาพยนตร์แอ็กชั่น เป็นต้น หรือถ้าเป็นการอ่านเอกสาร อ่าน Ebook การลดอัตรารีเฟรชหน้าจอลงมา ช่วยให้อ่านตัวหนังสือได้สบายตามากขึ้น
นอกจากนี้ OPPO Find X3 Pro 5G ยังมีการใส่ชิป O1 Ultra Vision Engine ช่วยให้ทุกคอนเทนต์ที่แสดงผลบนหน้าจอ OPPO Find X3 Pro 5G มีทั้งความลื่นไหล และสามารถแปลงวิดีโอธรรมดา ให้เป็น HDR ได้อีกด้วย (SDR to HDR) ส่วนการการันตีความเทพของหน้าจอ OPPO Find X3 Pro 5G นั้นได้รับคะแนน Grade A+ จาก DisplayMate
ไม่ใช่แค่หน้าจอ 1 พันล้านสี แต่การถ่ายภาพก็ 1 พันล้านสีด้วย
ความ 1 พันล้านสีของ OPPO Find X3 Pro 5G เป็นมากกว่าแค่หน้าจอที่แสดงผลได้ 1 พันล้านสี แต่ยังถือเป็นสมาร์ตโฟนที่รองรับ 1 พันล้านสีแบบเต็มระบบ ตั้งแต่การแสดงผล ไปจนถึงการสร้างสรรค์ภาพถ่ายที่เก็บสีได้มากถึงระดับ 1 พันล้านสี นี่ถือเป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรมที่อยู่ในสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นนี้ และจะว่าไปในตอนนี้ก็ยังหาสมาร์ตโฟนที่เป็น 1 พันล้านสีเต็มระบบแบบ OPPO Find X3 Pro 5G ได้ยากอยู่ดีครับ
สำหรับกล้องหลังของ OPPO Find X3 Pro 5G มีความเปลี่ยนแปลงหลัก ๆ อยู่ที่การใส่เซ็นเซอร์ระดับท็อป IMX766 ความละเอียด 50MP ในกล้องหลักคู่ ทั้งกล้อง Wide-angle และ Ultra-wide-angle ล้วนใช้เซ็นเซอร์ตัวเดียวกัน โดย IMX766 เป็นเซ็นเซอร์ที่ OPPO พัฒนาร่วมกับ Sony เพื่อให้สามารถจับภาพสีสันพันล้านสีแบบ 10-bit ได้หลากหลายมุมมอง
กล้องหลักเลนส์ Wide-angle ทางยาวโฟกัส 26 มม. ของ OPPO Find X3 Pro 5G มีความละเอียด 50MP ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 มีรูรับแสงกว้าง f/1.8 พร้อมกันสั่น OIS และมีการทำ Pixel-binning ให้ภาพถ่ายในโหมดปกติที่ 12.5MP ส่วนกล้องหลัก Ultra-wide-angle 50MP IMX766 สามารถเก็บภาพได้กว้างถึง 110 องศา มาพร้อมกับระบบออโต้โฟกัส (ถ่ายมาโครได้ 4 เซนติเมตร) และการเคลือบผิวเลนส์เพื่อป้องกันแสงสะท้อน อีกทั้งมีการแก้เรื่องมุมมองภาพบิดเบี้ยว (Distortion) เป็นเลนส์มุมกว้างที่เก็บภาพได้กว้าง แต่ขอบภาพไม่โค้งจนเกินไป
ระบบโฟกัสของกล้องหลักคู่ใน OPPO Find X3 Pro 5G ใช้ระบบโฟกัสแบบ All Pixel Omni-Directional PDAF ระบบโฟกัสที่สามารถโฟกัสได้ในทุกจุด ทุกพิกเซลสามารถโฟกัสได้หมด ให้ทั้งความรวดเร็วในการจับโฟกัส และมีความแม่นยำมากกว่า PDAF แบบปกติหลายเท่าตัว ส่วนเรื่องความสม่ำเสมอของสีในกล้อง เลนส์ Wide-angle กับ Ultra-wide-angle ของ OPPO Find X3 Pro 5G จะให้สีที่แม่นยำใกล้เคียงกันมาก ๆ
แนวคิดการใส่กล้องหลักคู่ของ OPPO Find X3 Pro 5G อิงมาจากการใช้งานของช่างภาพมืออาชีพ ที่ใช้กล้อง DSLR เวลาต้องการเปลี่ยนมุมมองในการถ่ายภาพ จะไม่เปลี่ยนกล้อง (เซ็นเซอร์) แต่จะเปลี่ยนเลนส์แทน เพราะฉะนั้นกล้องหลักเลนส์ Wide-angle กับกล้อง Ultra-wide-angle ของ OPPO Find X3 Pro 5G จึงใช้เซ็นเซอร์ IMX766 ตัวเดียวกัน เพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันมากที่สุด ไม่ว่าจะถ่ายด้วยระยะปกติ หรือระยะที่เป็นเลนส์มุมกว้าง ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่หาได้ยากในสมาร์ตโฟนปกติทั่วไป เพราะปกติแล้ว เลนส์มุมกว้าง Ultra-wide-angle บนกล้องโทรศัพท์มักจะให้คุณภาพรูปถ่ายที่ด้อยกว่าเลนส์หลัก แต่ถ้าเป็น OPPO Find X3 Pro 5G ไม่ว่าจะถ่ายด้วยเลนส์อะไรก็ให้คุณภาพของรูปถ่ายในแบบเดียวกัน
นอกจากกล้องหลักคู่ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว OPPO Find X3 Pro 5G ยังมาพร้อมกับ Microlens มีความละเอียดอยู่ที่ 3 ล้านพิกเซล ลักษณะการใช้งานจะค่อนข้างเฉพาะทาง คือถ่ายใกล้มาก ๆ ในระดับกล้องจุลทรรศน์ มีกำลังขยายสูงสุด 60 เท่า โดยตอนถ่าย บริเวณรอบตัวกล้อง Microlens จะมีไฟวงแหวน LED ส่องสว่าง จึงทำให้สามารถนำกล้องเข้าไปจ่อใกล้วัตถุมาก ๆ ได้
ส่วนการซูมภาพ OPPO Find X3 Pro 5G มาพร้อมกับกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 13MP f/2.4 รองรับการซูม 5x Hybrid Zoom และซูมไกลสุดที่ 20x Digital Zoom
ภาพรวมของ OPPO Find X3 Pro 5G ถือเป็นสมาร์ตโฟนระดับแฟล็กชิพจากทาง OPPO ที่สามารถต่อกรกับบรรดาเรือธงค่ายอื่นได้อย่างสบาย ๆ ทั้งในด้านสเปคที่ให้ความเป็นที่สุดในแทบจะทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่อง 1 พันล้านสีเต็มระบบ 10-bit Full-path Colour Engine ตั้งแต่กระบวนการบันทึกภาพ ไปจนถึงการแสดงผลด้วยหน้าจอ 10-bit ที่รองรับการแสดงสีในระดับ 1 พันล้านสี กล้องถ่ายภาพในรอบนี้ก็จัดเต็มด้วยกล้องหลักคู่ 50MP เซ็นเซอร์พิเศษ IMX766 ที่ร่วมกันพัฒนากับทาง Sony ให้คุณภาพของรูปถ่ายที่ดีเยี่ยม ทั้งเลนส์ Wide-angle และ Ultra-wide-angle
เรื่องประสิทธิภาพก็เป็นที่สุด ด้วยชิปประมวลผลตัวแรงอย่าง Snapdragon 888 5G + RAM 12GB ที่สามารถเล่นทุกเกมแบบปรับตั้งค่าสูงสุด ระบบชาร์จเร็วที่เร็วมากทั้งแบบมีสาย 65W SuperVOOC 2.0 และแบบไร้สาย 30W AirVOOC Wireless Flash Charge ดีไซน์ตัวเครื่องที่โค้งมนสวยงาม น้ำหนักเบา จับถือสะดวก ถือว่าคราวนี้ OPPO ทำการบ้านมาดีจริง ๆ หากใครที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนแฟล็กชิพที่เป็นสุดยอดในทุกด้าน รับรองว่า OPPO Find X3 Pro 5G เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยครับ
สำหรับราคาของ OPPO Find X3 Pro 5G สมาร์ตโฟนแฟล็กชิพที่สุดแห่งพันล้านสี วางจำหน่ายในราคา 33,990 บาท และพิเศษเมื่อซื้อคู่กับ อุปกรณ์ IoT ที่ร่วมรายการในโปร New Normal Festival ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 ตุลาคมเท่านั้น รับส่วนลด 1,000 บาท ทันที! ดังนี้
- เมื่อซื้อคู่กับ OPPO Enco X หูฟังไร้สายที่สร้างสรรค์ร่วมกันกับ Dynaudio พิเศษ 3,999บาท จากปกติ 4,999 บาท
- เมื่อซื้อคู่กับ OPPO Watch 41mm สมาร์ทวอร์ซรุ่นแรกจาก OPPO พร้อมเชื่อมต่อทุกไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ พิเศษ 4,999 บาท จากปกติ 5,999 บาท
- เมื่อซื้อคู่กับ OPPO Watch 46mm พิเศษ 6,999 บาท จากปกติ 7,999 บาท
- ดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3AFJBXx