หลังจากที่ปล่อยให้แบรนด์อื่นเปิดตัวสมาร์ทโฟนในช่วงราคาประมาณ 10,000 บาทไปก่อนหน้านี้ ก็ถึงคราวที่ OPPO จะกลับมาทวงบัลลังก์คืนด้วย F Series รุ่นใหม่ OPPO F11 Pro ที่มาพร้อมกับจุดเด่นอย่าง Panoramic Screen เต็มจอ ไร้ติ่ง กล้องหน้า Rising Camera และกล้องหลังความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล
สเปค OPPO F11 Pro
- หน้าจอ Panoramic Screen ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio P70 octa-core
- RAM 6 GB
- ความจุ 64 GB สามารถเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256 GB
- กล้องหน้า Rising Camera ความละเอียด 16 MP (F/2.0) รองรับระบบ AI Beauty เวอร์ชั่นล่าสุด
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 48 MP (F/1.79) + 5 MP (F/2.4) รองรับระบบ AI Ultra-clear Engine, Ultra Night Mode และ Dazzle Color Mode
- แบตเตอรี่ 4,000 mAh
- รองรับระบบชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
- รองรับ OTG, Bluetooth 4.2, Wifi 2.4/5 GHz
- ระบบปฏิบัติการ Android Pie 9.0 ครอบทับด้วย ColorOS 6.0
- ราคาเปิดตัว 10,990 บาท
อุปกรณ์ในกล่องของ OPPO F11 Pro ให้มาอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จ, อะแดปเตอร์ VOOC, หูฟัง รวมถึงเคสที่ออกแบบมาให้รองรับกล้องหน้า Rising Camera
Design – การออกแบบ
จุดเด่นแรกของ OPPO F11 Pro ในด้านการออกแบบก็คงหนีไม่พ้นหน้าจอ Panoramic Screen ขนาด 6.53 นิ้ว (TFT-LTPS) อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 90.9% เรียกได้ว่าเป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน F Series เลยก็ว่าได้ ความละเอียด Full HD+ ที่อัตราส่วนหน้าจอ 19.5:9 รับชมภาพยนตร์ได้เต็มตา รวมถึงการรับชมคอนเทนต์อื่น ๆ ก็แสดงผลได้มากขึ้น
สาเหตุที่ OPPO สามารถทำให้ F11 Pro เป็นหน้าจอไร้ติ่งหน้าจอได้นั้น เนื่องจากกล้องหน้าถูกซ่อนไว้ภายในตัวเครื่อง และจะเลื่อนขึ้นมาโดยอัตโนมัติเมื่อทำการเรียกใช้ (Rising Camera) ส่วนเซ็นเซอร์อื่น ๆ ที่เคยอยู่บริเวณ Notch ก็ถูกซ่อนไว้อย่างแนบเนียน
ตำแหน่งของกล้อง Rising Camera ถูกวางตำแหน่งไว้กึ่งกลางหน้าจอพอดี ทำให้มุมภาพที่ได้ไม่ถูกบิดเบือน เพราะฉะนั้นในการใช้งานจึงไม่แตกต่างจากกล้องหน้าในตำแหน่งปกติ
สำหรับกระจกหน้าจอของ OPPO F11 Pro เลือกใช้กระจกนิรภัย Gorilla Glass 5 ที่มีความทนทาน รวมถึงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของ Rising Camera ที่จะเลื่อนเก็บอัตโนมัติเมื่อตัวเครื่องหล่น ตรงนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า OPPO ใส่ใจในรายละเอียดเป็นอย่างดี
ตัวเครื่อง OPPO F11 Pro ในด้านการจับถือ ต้องยอมรับว่าในรุ่นนี้ OPPO ออกแบบมาได้ดีทีเดียวครับ นอกจากตัวเครื่องจะมีความโค้งมน บริเวณขอบด้านบนและด้านล่างยังออกแบบมาให้มีความโค้ง ถือแล้วเข้ามือ จับถือสะดวก
ตำแหน่งของลำโพงและไมโครโฟนใน OPPO F11 Pro เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ OPPO พัฒนาด้านการออกแบบโดยอิงจากการใช้งานจริง ผลก็คือตัวเครื่อง F11 Pro เมื่อจับถือไม่ว่าจะในมุมใดก็ตาม ลำโพงหลักก็จะไม่ถูกบัง อีกทั้งไมโครโฟนที่เป็นไมค์คู่ ช่วยให้ได้เสียงสนทนาที่ชัดเจน
ด้านหลังของ OPPO F11 Pro มาพร้อมกับการไล่เฉดสีแบบใหม่ โดยตัวเครื่องสี Thunder Black ที่ผมได้รับมานั้นเป็นการไล่เฉดแบบสามสี ผสมระหว่างสีแดงกับสีน้ำเงิน และผสานตรงกลางเป็นสีดำ ส่วนอีกสีมีชื่อว่า Aurola Green ที่มีการไล่เฉดแบบ S-sharp
Camera – กล้องถ่ายภาพ
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับกล้องหลังคู่ โดยกล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 48 ล้านพิกเซล f/1.79 ซึ่งเพิ่มความสามารถในการจับแสงและเพิ่มปริมาณแสงที่เข้าผ่านเลนส์ และใช้ร่วมกับเลนส์ถึง 6 ชิ้นเลนส์ โดยเซ็นเซอร์จะสามารถสร้างภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้รับแสงได้มากขึ้น และถ่ายภาพกลางคืนได้สว่างขึ้น
อีกทั้งหลักการทำงานของเซ็นเซอร์ที่เป็นการรวมพิกเซลด้วยเทคโนโลยี Tetracell ทำให้ขนาดพิกเซลใหญ่ถึง 1.6 ไมครอน ส่งผลให้ตอบสนองความไวของแสงได้เร็วขึ้นและช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพบุคคลตอนกลางคืนได้ชัดเจนยิ่งขึ้นส่วนในที่แสงสว่างมากพอก็สามารถถ่ายที่ความละเอียดเต็ม ๆ 48 ล้านพิกเซลได้เช่นกัน
ด้วยเซ็นเซอร์ที่ออกแบบมาให้ถ่ายภาพกลางคืนได้ดี เมื่อรวมกับการประมวลผลภาพถ่ายด้วย AI จึงทำให้ภาพถ่ายบุคคลตอนกลางคืนของ OPPO F11 Pro ออกมาเหนือกว่า โดยเฉพาะ Ultra Night Mode ที่ถูกปรับแต่งมาเป็นอย่างดี พร้อมฟีเจอร์อย่าง Color Mapping ที่ระบุสีได้อย่างแม่นยำ และ Closed-loop VCM ที่ใช้เวลาโฟกัสเพียง 0.1 วินาที ทำให้การถ่ายภาพด้วย F11 Pro โดดเด่นทั้งกลางวัน และกลางคืน
AI Scene Recognition ของ OPPO F11 Pro ถูกอัพเกรดขึ้นจากรุ่นก่อน ๆ ด้วยความสามารถในการตรวจจับได้ถึง 23 รูปแบบ 864 ฉาก ว่ากันตามตรง ก็คือหยิบ ยก ถ่าย แล้วก็พร้อมอัพโหลดแบบไม่ต้องแต่งภาพล่ะครับ
กล้องหน้าของ OPPO F11 Pro เป็นกล้องหน้าแบบ Rising Camera ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล f/2.0 มาพร้อมกับฟีเจอร์อย่าง AI Beauty Camera อันเลื่องชื่อของ OPPO ที่สามารถวิเคราะห์รูปแบบใบหน้าของผู้ใช้ได้ในหลายมิติ ด้วยตัวเลือกการแต่งภาพถึง 8 ล้านรูปแบบ
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้สามารถกำหนดความสวยได้ตามต้องการ และลงรายละเอียดได้พอสมควร การปรับแต่งประกอบไปด้วย ผิวเรียบ หน้าเรียว ใบหน้าเล็ก ปรับกราม ตาโต จมูกเล็ก ปรับแต่งใบหน้า และ 3D ที่สำคัญคือสามารถ Preview ได้แบบ Real-time
ตัวอย่างภาพถ่ายจาก OPPO F11 Pro
Performance – ประสิทธิภาพ
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับชิปประมวลผลอย่าง MediaTek Helio P70 + Ram 6 GB ที่ให้ประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะในเรื่องของ GPU ที่ทำได้ดีกว่าถึง 13% มีความเร็วอยู่ที่ 2.1 GHz ในแง่ของตัวเลขความเร็วอาจดูไม่ห่างมาก แต่ด้านการจัดการพลังงาน Helio P70 ออกแบบมาให้เป็นชิปที่กินพลังงานต่ำ เน้นการประมวลผลแบบ Multi-thread การจัดการพลังงานจึงดีกว่าถึง 35% เมื่อเทียบกับ Helio P60
ด้านการจัดการความร้อน OPPO F11 Pro สามารถลดอุณหภูมิ CPU ลงได้ 4 – 5 องศาเซลเซียสเมื่อ CPU ประมวลผลหนักมาก ๆ ด้วยการวางสารระบายความร้อนที่ตัว CPU และมีการใช้อลูมิเนียมอัลลอยด์เพื่อลดอุณหภูมิบริเวณหน้าจอ
OPPO F11 Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์เร่งประสิทธิภาพที่ออกแบบมาเฉพาะอย่าง Hyper Boost และ Game Space โดย Hyper Boost ช่วยให้การตอบสนองของตัวเครื่องเร็วขึ้น ถึง 3 ด้านทั้ง ด้านระบบ, ด้านเกมส์ และ ด้านแอปพลิเคชัน เช่น การเปิด Facebook สามารถเปิด ได้เร็วขึ้นถึง 31% การกลับสู่หน้าหลักเร็วขึ้น 27% การปัดเพื่อไปหน้าจอถัดไปเร็วขึ้นถึง 19% และยังรองรับการเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกมยอดนิยมได้ถึง 11 เกม แน่นอนว่า PUBG Mobile กับ ROV (Arena of Valor) เป็นเกมที่มีรายชื่ออยู่ใน 11 เกมดังกล่าว
Game Space เป็นแอปพลิเคชันที่ออกแบบมาเพื่อการจัดการเกมในสมาร์ทโฟน OPPO โดยเฉพาะ เมื่อเก็บเกมไว้ใน Game Space จะสามารถปรับโหมดได้ถึง 3 โหมด ได้แก่
- ประสิทธิภาพสูง
- โหมดสมดุล
- โหมดพลังงานต่ำ
นอกจากนี้ F11 Pro ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ในการปิดการแจ้งเตือน, ขึ้น pop-up เมื่อมีสายโทรเข้า รวมถึงฟีเจอร์อย่างการจับภาพหน้าจอเมื่อทำการเล่นเกมอีกด้วย
Battery – การจัดการพลังงาน
ไม่เพียงแต่ OPPO F11 Pro จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,000 mAh แต่ในการจัดการพลังงานยังถูกปรับแต่งทั้งในระดับซอฟท์แวร์และฮาร์ดแวร์ เช่น หน้าจอที่มี Ram เฉพาะ สำหรับปรับ Refresh Rate อัตโนมัติ ไม่ได้ทำงานที่ 60 Hz ตลอดเวลา เพื่อให้ CPU ไม่ต้องประมวลผลหนักมาก ส่งผลให้การใช้งานแบตเตอรี่ทำได้นานขึ้น ส่วนการใช้ซอฟท์แวร์ช่วยจัดการพลังงาน F11 Pro สามารถปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้
ในการชาร์จพลังงาน F11 Pro มาพร้อมกับฟีเจอร์ชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0 ที่ถูกอัพเกรดขึ้นมาจากรุ่นก่อน สามารถจ่ายไฟแบบแรงดันไฟฟ้าสูงได้นานขึ้น ลดเวลาชาร์จลงจากรุ่นก่อนหน้าได้ถึง 20 นาที ระยะเวลาในการชาร์จจนแบตเตอรี่เต็ม ใช้เวลาเพียง 80 นาที ด้านความปลอดภัยในการชาร์จพลังงาน VOOC Flash Charge ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจาก TÜV SÜD ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
Software – ColorOS 6 พร้อม AI
F11 Pro มาพร้อมระบบปฏิบัติการ ColorOS 6 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 9.0 Pie ไม่เพียงแต่มีหน้าตาที่สวยงาม แต่ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เจ๋ง ๆ ที่ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และยังเป็น OS ที่ออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนไร้ขอบ ไร้ติ่งอย่าง OPPO F11 Pro โดยเฉพาะ
การปรับแต่ง Navigation Keys
OPPO F11 Pro สามารถปรับแต่ง Navigation Keys ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบที่เป็นไอคอน Back, Home, Recent App หรือแบบใช้ท่าทางการปัดหน้าจอ และปรับได้ละเอียดในระดับที่ว่า จะให้การปัดซ้าย หรือขวาแทนการย้อนกลับก็ได้
Riding Mode
โหมดที่ออกแบบมาสำหรับการขับขี่ ในโหมดนี้จะเป็นการปิดการแจ้งเตือนอัตโนมัติ โดยเฉพาะในการรับสายโทรเข้าออก หากทำการกดปฏิเสธสายเรียกเข้า ระบบจะส่ง SMS กลับไปอัตโนมัติ รวมถึงตั้งค่าให้รับเฉพาะบางสายได้อีกด้วย
ผู้ช่วยอัจฉริยะ
เป็นศูนย์รวมฟังก์ชันหลักที่ใช้งานบ่อย ๆ วิธีเรียกใช้ก็เพียงปัดหน้าจอหลักไปทางซ้าย จะพบกับหน้าต่างที่รวบรวมข้อมูลสำคัญ เช่น การเดินทาง, การบริการ เป็นต้น
Smart Bar
อีกหนึ่งฟีเจอร์อำนวยความสะดวก Smart Bar เป็นเหมือนทางลัดในการเข้าแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย ๆ และยังสามารถจับภาพหน้าจอได้อย่างรวดเร็ว รองรับการใช้งานทั้งในแนวตั้งและแนวนอน
Overall
ภาพรวมของ OPPO F11 Pro ก็ให้หลาย ๆ อย่างมาสมกับราคาค่าตัว 10,990 บาทล่ะครับ มาพร้อมกับจุดเด่นหลัก ๆ ได้แก่ หน้าจอ Panoramic ไร้ติ่ง, กล้องหลังคู่ 48 + 5 MP, กล้องหน้า Rising Camera 16 MP พร้อมกับแบตเตอรี่ความจุสูงถึง 4,000 mAh และรองรับการชาร์จเร็ว VOOC Flash Charge 3.0
ในด้านการใช้งาน F11 Pro ตอบโจทย์การใช้งานทั้งการใช้งานทั่วไป หรือจะเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับราคาหมื่นต้น ๆ หรือถ้าเป็นคนที่ชอบเล่นเกม F11 Pro ก็มี Hyper Boost และ Game Space ที่ช่วยเร่งประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับ OPPO F11 Pro เปิดให้พรีออเดอร์วันที่ 16 – 27 มีนาคมนี้ สนนราคา 10,990 บาท พร้อมของแถมสุดพิเศษ OPPO VIP Card และ Smart Bag มูลค่า 6,590 บาท วางจำหน่ายวันแรกในวันที่ 28 มีนาคม 2562