สำหรับมือถือที่เรานำมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันในวันนี้ เป็นมือถือที่ดูจากหน้าสเปคแล้วต้องร้องว้าว ว้าว ว้าว กันเลยหล่ะครับ เนื่องจากราคาค่าตัวของมือถือรุ่นนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับแล้วถือว่ามาเต็มมากๆ มือถือราคา 3,790 บาท ได้ CPU Quad-Core, Ram 1 GB กล้องหน้า 5 ล้าน กล้องหลัง 13 ล้าน โหดไหมหล่ะ??
มือถือรุ่นดังกล่าวก็คือ Dtac Eagle 5.0 นั่นเองครับ โดย Dtac Eagle 5.0 เป็นมือถือที่ขายในแบรนด์ Dtac Trinet แต่ทาง Dtac ก็ไม่ได้ผลิตเจ้า Dtac Eagle 5.0 เองนะครับ เพราะว่าผู้ผลิต Dtac Eagle 5.0 ก็คือ ZTE นั่นเอง เพราะฉะนั้นสบายใจได้ Dtac Eagle 5.0 ไม่ใช่มือถือไก่กาแน่นอน โดยมือถือใน Eagle Series ของ Dtac จะมีด้วยกัน 2 รุ่น ก็คือ Dtac Eagle 5.0 ที่เราจะรีวิวให้ชมกัน และอีกรุ่นคือรุ่นเล็กอย่าง Dtac Eagle 4.5 ครับ
สเปค Dtac Eagle 5.0
- หน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD
- ชิปประมวลผล Quad Core MediaTek 6582 ความเร็ว 1.3 GHz
- Ram 1 GB
- หน่วยความจำภายใน 8 GB รองรับ MicroSD Card ความจุสูงสุด 32 GB
- กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED
- กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ Android 4.4.2 Kitkat
- รองรับ Bluetooth 4.0
- รองรับการใช้งาน 3G ความถี่ 850/2100 MHz
- แบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh
- รับประกันตัวเครื่องนาน 15 เดือน
- สเปคเต็มๆ Dtac Eagle 5.0
- ราคา 3,790 บาท
สำหรับอุปกรณ์ในกล่องของ Dtac Eagle 5.0 ก็ให้มาตามมาตรฐานทุกประการ ส่วนตัวผมเข้าใจว่า Dtac Eagle 5.0 นี่เกิดมาเพื่อชนกับ AIS Lava Pro 5.0 แบบตรงๆ ในราคาที่ถูกกว่า เพราะฉะนั้นของแถมนี่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอย่างสาย USB, อแดปเตอร์ และหูฟัง หรือจะเป็นอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อย่าง เคส TPU กับฟิล์มกันรอยก็มีมาให้ตั้งแต่ในกล่องเลยครับ
อ้อ!!! ซื้อ Dtac Eagle 5.0 นี่แถมซิม Dtac ด้วยนะครับ เป็นซิมแบบไฮบริด คือเราเลือกเองได้ว่าจะใช้เป็นแบบเติมเงินหรือแบบรายเดือน เอาเป็นว่าจ่ายเงินไป 3,790 บาทนี่จบเลยครับ ไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มแล้ว
Design
หน้าตาของ Dtac Eagle 5.0 สำหรับผมจัดว่าดูดีครับ ถึงแม้วัสดุส่วนมากของ Dtac Eagle 5.0 จะเป็นพลาสติกก็ตาม แต่การออกแบบทำให้ดูแตกต่างจากมือถือแอนดรอยทั่วไปครับ ไม่ว่าจะเป็นฝาหลังที่มีลวดลายเหมือนโลหะ หรือแม้แต่ปุ่มกดด้านล่างที่มีดีไซน์แปลกตา โดยตัวเครื่อง Dtac Eagle 5.0 นั้นจับค่อนข้างถนัดมือมากเลยทีเดียว แต่ผมว่าขอบจอหนาไปหน่อยนะ
ด้านบนหน้าจอก็จะประกอบไปด้วยกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล, ลำโพงสำหรับสนทนา แล้วก็มีเซนเซอร์วัดแสงอัตโนมัติครับ
ด้านล่างของหน้าจอก็จะเป็นปุ่ม 3 ปุ่ม ถ้าเป็นการตั้งค่าจากโรงงานเรียงจากซ้ายไปขวาก็จะเป็น ปุ่มย้อนกลับ, ปุ่มโฮม และปุ่มเมนู โดยเราสามารถเข้าไปตั้งค่าปุ่มได้ 2 รูปแบบใน การตั้งค่า > ตั้งค่าปุ่มที่ตัวเครื่อง ซึ่งผมมองว่าสะดวกดีเหมือนกัน เพราะเราสามารถเลือกได้ตามความถนัดเลย
ด้านข้างของ Dtac Eagle 5.0 จัดว่ากำลังพอดีๆ ครับ จับถือสะดวกอยู่นะ รายละเอียดเริ่มจากด้านขวามือจะเป็นปุ่ม Power ที่ใช้สำหรับเปิด – ปิดเครื่องครับ
ด้านซ้ายเป็นปุ่มปรับระดับเสียง
ด้านบนเป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรครับ
ด้านล่างเป็นช่องเสียบ USB กับไมค์สำหรับสนทนาโทรศัพท์ครับ
ด้านหลังของ Dtac Eagle 5.0 อย่างที่ได้บอกไปว่าใช้วัสดุเป็นพลาสติก มีลวดลายเหมือนโลหะ แต่สัมผัสยังห่างไกลคำว่าโลหะครับ ตัวพื้นผิวเป็นแบบมัน เก็บรอยนิ้วมือได้พอสมควร ตอนใช้งานอาจจะต้องเช็ดบ่อยหน่อย รายละเอียดทางด้านหลังก็ประกอบไปด้วย กล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซลที่นูนออกมาจากตัวเครื่อง, แฟลช LED ลำโพงหลักของตัวเครื่อง แล้วก็โลโก้ Dtac กับโลโก้ ZTE ครับ
วิธีการแกะฝาหลังก็ไม่ยากเลยครับ ให้เริ่มจากการแงะบริเวณมุมซ้ายล่างของตัวเครื่อง ฝาหลังแกะไม่ยากครับ และเมื่อเปิดฝาหลังมาก็จะพบกับแบตเตอรี่ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ กับช่องใส่ซิมแล้วก็ช่องใส่ MicroSD Card แต่ช่องใส่ซิม 1 นี่ร้ายกาจมากครับ ตอนใส่อ่ะไม่เท่าไหร่ แต่ตอนเปลี่ยนซิมเนี่ย อาจจะต้องใช้ตัวช่วยเป็นเข็มจิ้มซิมในการดันซิมการ์ดออกมานะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม Dtac Eagle 5.0 ไม่ออกแบบให้ถอดซิมได้ง่ายกว่านี้ คือถ้าจะทำยากขนาดนี้ ผมว่าทำเป็นช่องใส่ซิมที่ต้องใช้เข็มจิ้มซิมไปเลยดีกว่าครับ
หน้าจอของ Dtac Eagle 5.0 ตามหน้าสเปคคือเป็นหน้าจอ IPS ขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด HD แต่เท่าที่ได้ใช้งานดูเนี่ย ผมว่าหน้าจอยังอ่อนหัดอยู่ครับเมื่อเทียบกับ AIS Lava Pro 5.0 เพราะหน้าจอทั้งสีซีด แถมยังรู้สึกว่าภาพไม่ค่อยคมอีกต่างหาก คือปกติมือถือหน้าจอ 5 นิ้ว ความละเอียด HD ควรมีภาพที่คมกว่านี้ และที่สำคัญคือ ตัวพาแนลจอกับกระจกหน้าจอมีพื้นที่ห่างค่อนข้างเยอะครับ ทำให้การสัมผัสทำได้ยาก ต้องออกแรงกดเยอะเลย กดเบาๆ มันจะไม่ค่อยติดครับ
จุดนี้บอกเลยวัยรุ่นเซ็งมากกกก!!!
Software
Dtac Eagle 5.0 มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 4.4 Kitkat ครอบด้วย UI ของทาง Dtac (ZTE) ลักษณะการใช้งานเหมือนมือถือแอนดรอยทั่วไปเลยครับ แค่ไม่มีหน้า App Drawer เท่านั้นเอง แต่เหมือน UI จะทำครอบมาไม่หมดนะ ไม่เหมือน AIS Lava Pro 5.0 ที่เป็น StarOS ครอบทับรอมอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจุดนี้เองทำให้ผมรู้สึกว่า Dtac Eagle 5.0 ยังสู้ AIS Lava Pro 5.0 ไม่ได้ครับ เพราะไม่มีพวก Gesture เช่นการวาดตัวอักษรที่หน้าจอขณะที่หน้าจอปิด หรือแม้แต่การเคาะหน้าจอ 2 ครั้งเพื่อเปิดหน้าจอก็ไม่มีให้นะครับ
ส่วนแอปพลิเคชันที่ลงมาให้ตั้งแต่ในรอมก็มีมาอย่างครบครัน ส่วนมากก็จะเป็นแอปพลิเคชันประเภทโซเชียลเน็ตเวิร์ค (Facebook, Whatsapp, Viber และ Line) กับพวกแอปพลิเคชันของ Dtac เอง เช่น Dtac Watchever, DtacPlay, Dtac Music เป็นต้น โดยแอปพลิเคชันเหล่านี้เราสามารถลบออกได้ถ้าไม่ได้ใช้งาน ก็จะช่วยเพิ่มเนื้อที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่องได้ครับ
ถึงแม้ตัว Software ของ Dtac Eagle 5.0 อาจจะไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก แต่ก็ถือว่าสมราคาครับ เอาเป็นว่าอุปสรรคในการใช้งาน Dtac Eagle 5.0 สำหรับผมมองว่าทัชสกรีนไม่ค่อยติดทำให้ปวดหัวมากกว่าอีกครับ
Performance
ประสิทธิภาพของ Dtac Eagle 5.0 อยู่ในระดับกลางๆ ครับ ด้วยสเปคแบบยอดนิยม CPU MediaTek 6582 Quad-Core กับ Ram 1 GB ซึ่งเราจะเห็นสเปคแบบนี้ในมือถือหลายรุ่นมากๆ เพราะฉะนั้นการันตีได้ในระดับหนึ่งครับ ว่า Dtac Eagle 5.0 รองรับแอปพลิเคชันแทบจะ 100% บน Google Play Store แน่นอน แต่ถ้าจะเล่นเกมหนักๆ อันนี้ผมไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่ครับ ด้วยตัว CPU ของ Dtac Eagle 5.0 เองก็ไม่ได้แรงอะไรมาก แถมความเข้ากันได้กับซอฟท์แวร์ผมว่ายังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรอีกต่างหาก
ทำให้การใช้งาน Dtac Eagle 5.0 อาจจะพบอาการหน่วงๆ บ้างเป็นเวลา ทั้งอาการหน่วงจากตัวสเปคเอง และอาการหน่วงจากตัวทัชสกรีน บอกเลยว่าใช้งานแล้วค่อนข้างหงุดหงิดครับ มันกดไม่ค่อยจะติด ปัดหน้าจอไม่ค่อยจะไป ตรงนี้ผมว่าสอบตกรัวๆ เลย
ส่วนแบตเตอรี่และการจัดการพลังงานของ Dtac Eagle 5.0 ถ้าเต็มสิบคะแนนผมให้คะแนนที่ 6 คะแนนครับ คือเราสามารถใช้งานเจ้า Dtac Eagle 5.0 หมดวันโดยที่ไม่ต้องอาศัย Powerbank ได้อยู่นะ แต่เป็นการใช้งานแบบไม่ได้หยิบขึ้นมาเล่นบ่อยๆ เพราะถ้าเล่นหนักมากเนี่ย แบตเตอรี่ความจุ 2000 mAh ของ Dtac Eagle 5.0 อยู่ไม่ถึงวันแน่นอนครับผม
Camera
หนึ่งในจุดเด่นของ Dtac Eagle 5.0 คือการให้กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล ในมือถือราคาเพียง 3,790 บาท ซึ่งหาไม่ได้ในท้องตลาดทั่วไปแน่นอน แต่อย่างที่เรารู้กันว่าจำนวนพิกเซลที่มาก ไม่ได้การันตีว่ากล้องของมือถือรุ่นนั้นๆ จะทำออกมาได้ดีเสมอไป เพราะฉะนั้นในการรีวิว Dtac Eagle 5.0 ในส่วนของกล้อง ผมจะเน้นไปที่การใช้งานจริงมากกว่า ว่ากล้อง Dtac Eagle 5.0 ดีไหม ใช้ง่ายหรือเปล่า แล้วถ่ายออกมาได้สวยแค่ไหน
สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจในกล้องของ Dtac Eagle 5.0 คือในเรื่องของซอฟท์แวร์ครับ ตัวแอปพลิเคชันกล้อง Nubia Camera ที่ติดมากับเครื่องนี่ถ่ายรูปได้สนุกมาก แม้ว่า UI ของแอปกล้องจะดูเห่ยๆ ไปหน่อย โดยโหมดกล้องเริ่มต้นจะเป็นโหมด Pro ซึ่งเราสามารถเลือกได้ระหว่างจุดวัดแสง กับจุดโฟกัส ต่างจากกล้องมือถือรุ่นอื่นๆ ที่มักจะใช้จุดวัดแสงแบบอัตโนมัติ และแปรผันไปตามจุดโฟกัส ทำให้การถ่ายรูปในบางลักษณะมีข้อจำกัด บางรูปก็จะมืดไปเลยก็มี แต่สำหรับ Dtac Eagle 5.0 แทบจะไม่เจอปัญหาดังกล่าวเลยครับ เพราะเราสามารถกำหนดจุดวัดแสงได้นั่นเอง
สีแดง: จุดวัดแสง สีเขียว: จุดโฟกัส
โหมดอื่นๆ ก็จะมีโหมด Auto, Fun ประมาณนี้ครับ คือถ้าอยากง่ายสุดก็กดโหมด Auto ไป แต่ส่วนตัวผมจะแนะนำโหมด Pro มากกว่าครับ เพราะเอาเข้าจริงมันก็คือโหมด Auto ที่เราเลือกจุดวัดแสงกับจุดโฟกัสได้เองนั่นแหละ ความง่ายในการถ่ายก็หยิบขึ้นมาแล้วเล็งให้ดี จากนั้นก็กดปุ่มชัตเตอร์อ่ะครับ เนื่องจากตัวกล้องโฟกัสค่อนข้างเร็วอยู่แล้วในโหมด Auto
ส่วนคุณภาพของรูปถ่ายจากกล้องหลังของ Dtac Eagle 5.0 ผมก็ยังให้ระดับกลางๆ อยู่ครับ ตัวภาพที่ถ่ายออกมายังไม่ค่อยคมเท่าไหร่ แถมยังพบอาการ Whitebalance เพี้ยนในบางสภาพแสงอีกต่างหาก แต่โดยรวมเมื่อเทียบกับราคาแล้วผมว่าโอเคเลยครับ
กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซลของ Dtac Eagle 5.0 จะเป็นแบบ Fixed Focus ครับ คือเราไม่สามารถเลือกจุดโฟกัสได้ แต่ก็ยังดีที่สามารถเลือกจุดวัดแสงได้เองครับ คุณภาพของรูปถ่ายก็กลางๆ แต่สิ่งที่น่าแปลกของแอปพลิเคชันกล้องที่ติดมากับเครื่อง Dtac Eagle 5.0 ดันไม่มีโหมดหน้าสวยในกล้องหน้านี่แหละครับ ซึ่งตรงนี้ Dtac ก็เลยแก้ปัญหาด้วยการใส่แอปพลิเคชัน Camera 360 มาให้แทน อยากสวยก็จัด Camera 360 อยากหน้าสดก็กดแอปกล้องเอาตามสะดวกครับ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ Dtac Eagle 5.0 ครับ
Overall
บทสรุปของ Dtac Eagle 5.0 ถ้ามองในแง่ของราคาผมว่ามือถือรุ่นนี้น่าสนใจครับ ด้วยราคาเพียง 3,790 บาท แต่ได้มือถือที่ทำอะไรได้หลากหลาย สเปคกำลังดี เพียงพอที่จะเล่นอะไรได้หลายอย่าง เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์ค, เล่นอินเทอร์เน็ต หรือจะเล่นเกมเล็กๆ น้อยๆ ก็พอไหว ส่วนทีเด็ดสุดก็คงหนีไม่พ้นกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซล ที่คุณภาพใช้ได้เลยสำหรับมือถือราคาเท่านี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า Dtac Eagle 5.0 จะไม่มีจุดด้อยนะครับ บอกเลยว่ามี แล้วก็มีเยอะซะด้วย แต่ก็อย่างว่าครับ ด้วยราคาค่าตัวเพียงเท่านี้ ผมว่าบางอย่างก็พอให้อภัยได้อยู่นะ ยกเว้นปัญหาทัชสกรีนหน้าจอเท่านั้นแหละ!!!
จุดเด่น
- สเปคต่อราคาจัดว่าคุ้มค่ามาก
- รองรับซิมการ์ดทุกค่ายในไทย ไม่ว่าจะเป็น Dtac เอง หรือจะ Truemove-H, My, AIS ใส่ได้หมด
- ซื้อเครื่องเดียวจบ อุปกรณ์ในกล่องให้มาครบครัน
ข้อสังเกต
- ทัชสกรีนหน้าจอเห่ยมาก กดไม่ค่อยจะติด
- ช่องใส่ซิม 1 เอาซิมออกยากมาก
- ตัวเครื่องเป็นรอยนิ้วมือง่ายมาก