iPhone 12 คือ iPhone รุ่นแรกจของ Apple ที่รองรับ 5G อีกทั้งยังเป็นรุ่นแรกที่ได้หน้าจอ OLED ในทุกรุ่นย่อยอีกด้วย โดยในปัจจุบันนี้ iPhone 12 ยังมีขายอยู่บนเว็บไซต์ apple.co.th เพียงแต่ด้วยการที่เป็น iPhone ของปีที่แล้วบวกกับราคาที่ไมไ่ด้แตกต่างจาก iPhone 13 มากนัก เราจึงจะมาวิเคราะหืกันว่าตกลงแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 หรือว่าจะยอมเพิ่มเงินไปซื้อ iPhone 13 ดี
iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022
แต่ก่อนเราไปดูรายละเอียดว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 เรามาย้อนดูสเปคของ iPhone 12 และ iPhone 13 กันก่อนดีกว่า โดยสเปคของทั้งสองจะมีดังนี้
สเปคของ iPhone 12
- หน้าจอ : Super Retina XDR (OLED), ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision, ความสว่าง 625nits (สว่างสูงสุด 1,200 nits)
- ชิปประมวลผล : Apple A14 Bionic (5nm)
- แรม / ความจุ :
- 4GB / 64GB
- 4GB / 128GB
- 4GB / 256GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (wide)
- ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)
- กล้องหน้า : 12 MP, f/2.2
- แบตเตอรี่ : 2,815 mAh
- รองรับระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20W
- รอวรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe ขนาด 15W
- รองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5W
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4
- Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2
- Bluetooth 5.0
- GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou
- NFC
- USB Lightning
- เซ็นเซอร์ :
- Face ID
- Barometer
- Three-axis gyro
- Accelerometer
- Proximity sensor
- Ambient light sensor
- กันน้ำ-กันฝุ่น : IP68
- ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.4 มม.
- น้ำหนัก : 164 กรัม
- สี : ดำ, ขาว, (PRODUCT)Red, เขียว, น้ำเงิน, ม่วง
- ราคา :
- 4GB / 64GB : (ราคาเปิดตัว) 29,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 25,900 บาท
- 4GB / 128GB : (ราคาเปิดตัว) 31,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 27,900 บาท
- 4GB / 256GB : (ราคาเปิดตัว) 35,900 บาท | (ราคาปัจจุบัน) 31,900 บาท
สเปคของ iPhone 13
- หน้าจอ : Super Retina XDR (OLED), ขนาด 6.1 นิ้ว, ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซล, รองรับการแสดงผลแบบ True Tone, HDR10 และ Dolby Vision, ความสว่าง 800nits (สว่างสูงสุด 1,200 nits)
- ชิปประมวลผล : Apple A15 Bionic (5nm)
- แรม / ความจุ :
- 4GB / 128GB
- 4GB / 256GB
- 4GB / 512GB
- กล้องหลัง :
- ตัวที่ 1: 12 MP, f/1.6, OIS (wide)
- ตัวที่ 2: 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide)
- กล้องหน้า : 12 MP, f/2.2
- แบตเตอรี่ : 3,240 mAh
- รองรับระบบชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20W
- รอวรับการชาร์จไร้สายด้วย MagSafe ขนาด 15W
- รองรับการชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5W
- การเชื่อมต่อ :
- 5G Sub-6GHz พร้อม MIMO 4×4
- Wi-Fi 6 (802.11ax) พร้อม MIMO 2×2
- Bluetooth 5.0
- GPS, GLONASS, Galileo, QZSS, BeiDou
- NFC
- USB Lightning
- เซ็นเซอร์ :
- Face ID
- Barometer
- Three-axis gyro
- Accelerometer
- Proximity sensor
- Ambient light sensor
- กันน้ำ-กันฝุ่น : IP68
- ขนาด : 146.7 x 71.5 x 7.7 มม.
- น้ำหนัก : 174 กรัม
- สี : (PRODUCT)Red, สตาร์ไลท์, มิดไนท์, น้ำเงิน, ชมพู, เขียว
- ราคา :
- 4GB / 128GB : 29,900 บาท
- 4GB / 256GB : 33,900 บาท
- 4GB / 512GB : 41,900 บาท
เทียบสเปค iPhone 12 vs iPhone 13
iPhone 12 | iPhone 13 | |
---|---|---|
ขนาด | 146.7 x 71.5 x 7.4 มม. | 146.7 x 71.5 x 7.7 มม. |
น้ำหนัก | 164 กรัม | 174 กรัม |
กันน้ำ-กันฝุ่น | IP68 | IP68 |
หน้าจอ | Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล True Tone, HDR10, Dolby Vision, ความสว่าง 625nits | Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.1 นิ้ว 2532 x 1170 พิกเซล True Tone, HDR10, Dolby Vision, ความสว่าง 800nits |
ชิปประมวลผล | Apple A14 Bionic (5nm) | Apple A15 Bionic (5nm) |
แรม / ความจุ | 4GB / 64GB 4GB / 128GB 4GB / 256GB | 4GB / 128GB 4GB / 256GB 4GB / 512GB |
กล้องหลัง | 12 MP, f/1.6, OIS (wide) 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide) | 12 MP, f/1.6, OIS (wide) 12 MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide) |
กล้องหน้า | 12 MP, f/2.2 | 12 MP, f/2.2 |
แบตเตอรี่ | 2,815 mAh ชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20W ชาร์จไร้สาย MagSafe ขนาด 15W ชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5W | 3,240 mAh ชาร์จเร็ว PD 2.0 ขนาด 20W ชาร์จไร้สาย MagSafe ขนาด 15W ชาร์จไร้สายมาตราฐาน Qi ขนาด 7.5W |
ราคา | 25,900 บาท (64GB) 27,900 บาท (128GB) 31,900 บาท (256GB) | 29,900 บาท (128GB) 33,900 บาท (256GB) 41,900 บาท (512GB) |
จุดแตกต่างระหว่าง iPhone 12 และ iPhone 13
สิ่งแรกที่ต้องพูดถึงเลยก็คือขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่องโดย iPhone 12 จะมีความบางและเบากว่า iPhone 13 เล็กน้อย ซึ่งตรงนี้เป็นผลมาจากแบตเตอรี่ของตัวเครื่องนั่นเอง โดยทาง iPhone 12 จะมีความบางอยู่ที่ 7.4 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 164 กรัม ในขณะที่ iPhone 13 จะมีความบางอยู่ที่ 7.7 มม. และมีน้ำหนักอยู่ที่ 174 กรัม ซึ่งส่วนต่างนี้ทำให้ทั้งสงไม่สามารถใช้เคสร่วมกันได้ แต่โดยหลักเรื่องขนาดก็มีแค่นั้น ความรู้สึกตอนจับถือเรียกได้ว่าแทบไม่ต่างเลยสักนิด
ในเรื่องของหน้าจอนั้นทั้งสองเครื่องก็ใช้หน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันของหน้าจอจะมรเพียงแต่ 2 จุดก็คือ Notch ของ iPhone 13 จะมีขนาดที่เล็กกว่า iPhone 12 เล็กน้อย ซึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ Apple เปลี่ยนการวางตำแหน่งลำโพงให้ไปชิบขอบเครื่องมากขึ้นนั่นเอง อีกจุดที่แตกต่างกันก็คือความสว่างหน้าจอพื้นฐาน โดย iPhone 12 จะสว่างที่ 625 nits ส่วน iPhone 13 จะสว่างที่ 800 nits ซึ่งในด้านการใช้งานทั่วไปแล้วหน้าจอของ iPhone 13 จะสว่างกว่าเล็กน้อย ทำให้เวลาเอาไปใช้งานในที่มืดจะส่งผลให้ iPhone 12 ใช้งานได้สบายตากว่า แต่หากเอาไปใช้งานกลางแดดก็จะไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด เนื่องจากความสว่างสูงสุดของทั้งสองเครื่องเท่ากันที่ 1,200 nits นั่นเอง ซึ่งถ้าให้เทียบเรื่องหน้าจอโดยรวมแ้วไม่มีความแตกต่างกันเท่าไร
ในเรื่องของชิปประมวลผลนั้น iPhone 12 มาพร้อมชิประมวลผล Apple A14 Bionic ส่วน iPhone 13 มาพร้อมชิปประมวลผล Apple A15 Bionic ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันของชิปประมวลผลทั้งสองตัวนี้ก็คือความเร็วในการประมวลผล โดยจำนวน CPU ใน A14 Bionic และ A15 Bionic จะมีเท่ากันคือ 2 คอร์ประสิทธิภาพและ 4 คอร์ประหยัดพลังงาน ซึ่งคอร์ประสิทธิภาพจะมีความเร็วอยู่ที่ 3.1GHz และ 3.2GHz ตามลำดับ ส่วนคอร์ประหยัดพลังงานจะมีความเร็วอยู่ที่ 1.8GHz และ 1.82GHz ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีจำนวนทรายซิสเตอร์ที่ต่างกันด้วยโดย A14 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่ที่ 11.8 พันล้านทรานซิสเตอร์ ส่วน A15 Bionic จะมีจำนวนทรานซิสเตอร์อยู่ที่ 15 พันล้านทรานซิสเตอร์ ซึ่งตรงนี้จะส่งผลให้ความเร็วในการประมวลผลของ A15 Bionic สูงกว่า ซึ่งถ้าเทียบกันที่สเปคแล้ว A15 Bionic จะแรงกว่า A14 Bionic เพียงแต่ว่าในการใช้งานจริงจะไม่ค่อยเห็นผลมากนัก
นอกจากเรื่อง CPU แล้วอีกสิ่งที่น่าสนใจคือโมเด็มที่ใช้โดย A14 Bionic นั้นจะใช้โมเด็ม Snapdragon X55 5G ที่เป็นโมเด็มแบบเก่า ส่วน A15 Bionic จะใช้โมเด็มรุ่นใหม่กว่าอย่าง Snapdragon X60 5G ซึ่งความต่างก็คือ Snapdragon X55 นั้นจะเป็นโมเด็มที่วางอยู่นอกตัวชิปประมวลผลทำให้ในการใช้งานต้องมีการส่งพลังงานมากขึ้น เป็นผลให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วกว่า Snapdragon X60 ที่เอาโมเด็มรวมเข้าไปในชิปประมวลผล เรียกได้ว่าถ้าแคร์เรื่องระยะเวลาในการใช้งาน iPhone 13 ที่ใช้ A15 Bionic จะได้เปรียบกว่า
สำหรับเรื่องกล้องถ่ายภาพนั้นทั้งคู่มาพร้อมกล้องหลัง 2 ตัวเช่นเดียวกันคือกล้องหลักและกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12 MP และมีกล้องหน้าความละเอียด 12 MP เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือเซ็นเซอร์ของกล้องหลัก เนื่องจากใน iPhone 13 นั้นใช้เซ็นเซอร์หลักตัวเดียวกับใน iPhone 12 Pro Max คือเซ็นเซอร์ขนาด 1/1.9 นิ้ว มีขนาดพิกเซลคือ 1.7µm ในขณะที่ iPhone 12 นั้นมาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาด 1/2.55 นิ้ว มีขนาดพิกเซลคือ 1.4µm ซึ่งเรียกได้ว่ากล้องของ iPhone 13 จะมีขนาดที่ใหญ่กว่า และสามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีกว่า แต่ทว่าในขณะเดียวกันการถ่ายภาพระยะใกล้ก็จะต้องใช้ระยะห่างมากกว่าตามไปด้วย เรียกได้ว่าถ้าเป็นการถ่ายภาพในทุกสภาพแสงแล้ว iPhone 13 จะทำออกมาได้ดรกว่า แต่ถ้าเป็นคนชอบถ่ายภาพระยะใกล้เช่นถ่ายดอกไม้, ใบไม้ ฯลฯ เป็นหลัง iPhone 12 จะได้เปรียบกว่ามาก
สรุปแล้ว iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 หรือจะอัพเกรดไป iPhone 13 เลยดี
ถ้าให้สรุปว่า iPhone 12 ยังน่าใช้อยู่ไหม 2022 ต้องบอกเลยว่ายังใช้ได้ดีและยังใช้ได้อีกยาว เพียงแต่ว่าถ้าคิดจะซื้อมือถือ 1 แล้วต้องขอบอกเลยว่าไม่คุ้ม เนื่องจากเพิ่มเงินอีกนิดเดียวก็ได้ iPhone 13 แล้ว แต่ถ้าเป็น iPhone 12 แบบมือสองที่ราคาเริ่มต้นไม่ถึง 20,000 บาทนั้นเป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่าเยอะเลยทีเดียว เนื่องจากราคามือ 1 ของ iPhone 12 ในรุ่น 128GB เพิ่มอีกแค่ 2,000 บาทก็จะได้ iPhone 13 แล้ว และไม่แนะนำให้ซื้อ iPhone 12 รุ่น 64GB ด้วย เนื่องจากในปัจจุบันนี้ความจุ 64GB เป็นความจุที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว ให้เน้นไปที่รุ่นความจุ 128GB ขึ้นไปจะดีที่สุด สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อ iPhone 12 หรือ iPhone 13 ดี อยากให้ลองถามตัวเองดูว่าให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพระยะใกล้หรือระยะเวลาใช้งานรวมต่อการชาร์จ 1 ครั้งไหม ถ้าแคร์อย่างใดอย่างหนึ่งมากการไป iPhone 13 เลยจะจบกว่า แต่ถ้าไม่ได้สนใจแค่ต้องการ iPhone รุ่นเรือธงที่รองรับ 5G แล้ว iPhone 12 มือสองก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะ
บทความที่เกี่ยวข้อง