เทียบสเปค iPad Air M1 vs Galaxy Tab S8 vs iPad 10 ปลายปี 2022 ด้วยราคาที่ไม่ได้ต่างกันมากนัก จะเลือกซื้อตัวไหนดีถึงจะคุ้มกับเงินที่จ่าย ทุกวันนี้ในตลาดแท็บเล็ตเริ่มมีการแข่งขันกันดุเดือดขึ้นเล็กน้อยจากการเริ่มมาลุยตลาดของแบรนด์ต่างๆ เช่น realme หรือ OPPO เป็นต้น แต่ถึงแบบนั้นแท็ตเล็ตที่ได้รับความนิยมอยู่ก็ยังคงเป็น iPad และ Galaxy Tab ซึ่งวันนี้เราจะมาเทียบสเปคของแท็บเล็ตในงบ 20,000 บาทอย่าง iPad Air, Galaxy Tab S8 และ iPad Gen 10th กัน
ขนาด, น้ำหนัก และวัสดุ
Samsung Galaxy Tab S8 | iPad Air | iPad Gen 10th | |
---|---|---|---|
ขนาด | 253.8 x 165.3 x 6.3 มม. | 247.6 x 178.5 x 6.1 มม. | 248.6 x 179.5 x 7 มม. |
น้ำหนัก | 507 กรัม | 461 กรัม 462 กรัม | 477 กรัม 481 กรัม |
วัสดุ | Aluminum | Aluminum | Aluminum |
สี | Graphite, Silver | Space Gray, Starlight, Pink, Purple, Blue | Silver, Blue, Pink, Yellow |
ลำโพง | ลำโพง Stereo 4 ตัว จูนโดย AKG | ลำโพง Stereo 2 ตัว | ลำโพง Stereo 2 ตัว |
ในส่วนของตัวเครื่องทั้งขนาด, น้ำหนัก หรือวัสดุนั้น ต้องบอกเลยว่า iPad Air ดูดีกว่าทั้งในเรื่องของขนาดและน้ำหนัก เพราะเป็นเครื่องที่บางที่สุดและเบาที่สุดในทั้ง 3 รุ่นแล้วแถมยังมีสีสันให้เลือกเยอะที่สุดอีกด้วย ส่วน Galaxy Tab S8 จะเป็นรุ่นที่มีน้ำหนักเยอะที่สุดในทั้ง 3 รุ่นด้วยหน้าจอที่ใหญ่กว่าและยังมีสเปคบางส่วนที่มากกว่าทำให้ในเรื่องของการพกพาหรือการถือใช้งานนั้น Galaxy Tab S8 จะทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ทั้งนี้ก็แลกมาด้วยลำโพงจำนวนถึง 4 ตัวที่ได้รับการจูนโดย AKG ในขณะที่ iPad ทั้งสองรุ่นนั้นมาเป็นลำโพงคู่เท่านั้น (iPad Gen 10th เป็นตัวที่อยู่กลางๆ ระหว่าง iPad Air ที่น้ำหนักเบาสุดกับ Galaxy Tab S8 ที่หนักที่สุด) ซึ่งถ้าจะให้พูดสั้นๆ เลยก็คือ iPad Air เป็นรุ่นที่ถือใช้งานสบายสุดไม่ว่าจะใช้งานอยู่กับที่หรือเอาไปใช้งานนอกบ้าน ส่วน Galaxy Tab S8 จะเป็นรุ่นที่มีลำโพงดีที่สุดทั้งในเรื่องของเสียงและความดัง
หน้าจอแสดงผล
Samsung Galaxy Tab S8 | iPad Air | iPad Gen 10th | |
---|---|---|---|
กระจก | Gorilla Glass 5 | กระจกกันรอย | กระจกกันรอย |
พาแนล | TFT-LCD | Liquid Retina (IPS-LCD) | Liquid Retina (IPS-LCD) |
ขนาดหน้าจอ | 11 นิ้ว | 10.9 นิ้ว | 10.9 นิ้ว |
ความละเอียด | 2560 x 1600 พิกเซล | 2360 x 1640 พิกเซล | 2360 x 1640 พิกเซล |
Refresh Rate | 120Hz | 60Hz | 60Hz |
ความสว่างสูงสุด | 420 nits | 500 nits | 500 nits |
ในเรื่องของหน้าจอนั้นทั้ง 3 เครื่องมาพร้อมหน้าจอ LCD เหมือนๆ กันหมด เพียงแต่ว่าหน้าจอของ Galaxy TAb S8 เป็นหน้าจอแบบ TFT ที่ให้สีสันที่สดสู้หน้าจอ IPS ของ iPad ไม่ได้ แต่ก็ได้รับการปรับแต่งจาก Samsung ให้แสดงผลสีสันได้ดีกว่าหน้าจอ TFT ปกติมากเลย สำหรับขนาดหน้าจอนั้น Galaxy Tab S8 จะมีหน้าจอแสดงผลขนาด 11 นิ้ว ส่วน iPad ทั้งสองรุ่นจะมีหน้าจอแสดงผลขนาด 10.9 นิ้ว ซึ่งตัวเลขที่ต่างกัน 0.1 นิ้วนั้นเอาจริงๆ ในการใช้งานปกติมันดูไม่ออกแน่นอน เพราะแบบนั้นเรื่องขนาดหน้าจอสามารถตัดทิ้งจากเกณฑ์การตัดสินใจได้เลย อีกจุดที่เรียกได้ว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจนเลยก็คือ Galaxy Tab S8 จะมีหน้าจอแบบ 120Hz ส่วน iPad ทั้งสองรุ่นจะเป็นแบบ 60Hz (ถ้าอยากได้จอ 120Hz เหมือนกันต้องขยับไป iPad Pro อย่างเดียว) ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่าก็ต้องบอกว่าหน้าจอแบบ 120Hz จะดีกว่าในเรื่องของความลื่นไหลของการแสดงผลภาพ แต่ถ้าพูดถึงความเร็วในการตอบสนองต่อการสัมผัสแล้วยังไงทาง iPad ก็กินขาด เพราะจากที่ได้ลองสัมผัสมากับตัวทาง iPad จะลื่นติดนิ้วมากกว่านั่นเอง สรุปในเรื่องของหน้าจอนั้นถ้าเป็นคนที่ใส่ใจเรื่องการสัมผัสที่ลื่นติดนิ้วเน้นใช้งานหลากหลายเลือก iPad ได้เลย ส่วนถ้าต้องการภาพลื่นๆ หรือเป็นคนชอบดูหนังผ่านแท็บเล็ตคงต้องหันมาทาง Galaxy Tab S8 แทนเท่านั้น (ในเรื่องของการดูหนังนั้น iPad จะเกิดขอบดำเยอะกว่า Galaxy Tab S8)
ชิปประมวลผล
Samsung Galaxy Tab S8 | iPad Air | iPad Gen 10th | |
---|---|---|---|
ชิปประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 | Apple M1 | Apple A14 Bionic |
CPU | Cortex-X2 @2.99GHz จำนวน 1 คอร์ Cortex-A710 @2.4GHz จำนวน 3 คอร์ Cortex-A510 @1.7GHz จำนวน 4 คอร์ | คอร์ด้านประสิทธิภาพ @3.2GHz จำนวน 4 คอร์ คอร์ด้านประหยัดพลังงาน @2.06GHz จำนวน 4 คอร์ | คอร์ด้านประสิทธิภาพ @3.0GHz จำนวน 2 คอร์ คอร์ด้านประหยัดพลังงาน @1.8GHz จำนวน 4 คอร์ |
GPU | Adreno 730 | 8‑core | 4‑core |
Neural Engine | Hexagon | 16‑core | 16‑core |
แรม | 8GB / 12GB | 8GB | 4GB |
ความจุ | 128GB / 256GB | 64GB / 256GB | 64GB / 256GB |
5G | รองรับ | รองรับ | รองรับ |
Wi-Fi | Wi-Fi 6E | Wi-Fi 6 | Wi-Fi 6 |
Bluetooth | Bluetooth 5.2 | Bluetooth 5.0 | Bluetooth 5.2 |
USB | USB-C 3.2 | USB-C 3.1 Gen 2 | USB-C 2.0 |
ในเรื่องของชิปประมวลผลนั้น Galaxy Tab S8 ใช้ชิปประมวลผลเป็น Snapdragon 8 Gen 1 ซึ่งเป็ยชิประดับเรือธงประจำปี 2022 ส่วน iPad Air ใช้ชิปประมวลผลเป็น Apple M1 ที่เป็นชิปตัวเดียวกับในคอมพิวเตอร์ตระกูล Mac ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว สำหรับ iPad Gen 10th นั้นใช้ชิปประมวลผล Apple A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่ใช้ใน iPhone 12 ซึ่งเป็นชิปที่เปิดตัวมาในปี 2020 เช่นเดียวกับชิป Apple M1 ถ้าพูดถึงเรื่องความแรงแล้วยังไง Apple M1 ก็กินขาดในเรื่องพลังการประมวลผลอันเนื่องมาจาก M1 เป็นชิปที่ทำมาเพื่อรองรับการทำงานโหดๆ บนคอมพิวเตอร์ทำให้เมื่อมาอยู่ในแท็บเล็ตแล้วส่งผมให้ความแรงของตัวชิปสูงกว่าชิปสำหรับมือถือด้วยกันอย่างมาก รองลงมาก็คือ Snapdragon 8 Gen 1 ใน Galaxy Tab S8 ที่ออกมาหลัง Apple A14 Bionic ทำให้มีความสามารถในการประมวลผลต่างๆ สูงกว่า อีกทั้งยังจัดการพลังงานได้ดีกว่า A14 Bionic อีกด้วย
ในส่วนของสเปคอื่นๆ นั้นจากตารางในเรื่องของแรมและความจุทาง Galaxy Tab S8 จะเหนือว่า iPad พอสมควรเนื่องจากมีตัวเลือกแรม 12GB มาให้เลือก แถมควาจุยังเริ่ม้นที่ 128GB อีกด้วย ทำให้ได้เปรียบ iPad ที่มีความจุเริ่มต้นเพียง 64GB เท่านั้น ซึ่งความจุ 64GB ในปัจจุบันนี้เป็นอะไรที่ไม่พอใช้มาก ทำให้ตอนซื้อไม่ว่ายังไงก็ต้องเลื่อนไปเป็นรุ่น 256GB แทน ส่งผลให้ราคาเพิ่มค่อนข้างมาก การที่ Galaxy Tab S8 มีตัวเลือก 128GB มาให้ทำไห้ไม่ต้องเสียเงินมากเกินไปนัก (ถ้าไม่พอก็ซื้อ MicroSD มาเพิ่มได้อีก)
กล้องถ่ายภาพ
Samsung Galaxy Tab S8 | iPad Air | iPad Gen 10th | |
---|---|---|---|
กล้องหลัง | 13MP, f/2.0 (wide) 6MP, f/2.2 (ultrawide) | 12MP, f/1.8 (wide) | 12MP, f/1.8 (wide) |
กล้องหน้า | 12MP, f/2.4, 120˚ (ultrawide) | 12MP, f/2.4, 122˚ (ultrawide) | 12MP, f/2.4, 122˚ (ultrawide) |
บันทึกวิดีโอสูงสุด (กล้องหลัง / กล้องหน้า) | 4K@60fps / 4K@60fps | 4K@60fps / 1080p@240fps | 4K@60fps / 1080p@240fps |
แฟลช | LED flash | – | – |
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้นแต่แรกก็ไม่จำเป็นต้องให้น้ำหนักด้านนี้มากนัก เนื่องจากภาพที่ได้จากแท็บเล็ตนั้นยังไงก็สู้ภาพจากมือถือไม่ได้ เพียงแต่การที่มีกล้องเผื่อไว้ใช้ตอนฉุกเฉินก็ไม่เสียหายอะไร ซึ่งจากตาราง Galaxy Tab S8 จะได้เปรียบเรื่องกล้องหลังที่มีกล้อง Ultra-Wide มาให้, กล้องหน้าสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ระดับ 4K และบังมีไฟแฟลช LED มาให้ ในขณะที่ iPad ทั้งสองเครื่องนั้นไม่มีไฟแฟลชมาให้สักนิด แถมยังบันทึกวิดีโอจากกล้องหน้าได้แค่ 1080p เท่านั้นด้วย ถ้าสงสัยว่าแล้ว iPad ไม่มีอะดีกว่าเลยใช่ไหมก็คงต้องบอกง่าไม่ใช่ เนื่องจากกล้องหน้าของ iPad Air และ iPad Gen 10th นั้นมาพร้อมฟีเจอร์ Center Stage ซึ่งต้องบอกเลยว่าฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากๆ กันคนที่ต้องประชุมออกไลน์หรือต้องพรีเซ็นต์ออนไลน์บ่อยๆ เพราะฟีเจอรืนี้จะจับโฟกัสที่ตัวเราแล้วเลื่อนกล้องตามได้ (ถึงมุมจะไม่มากแต่ก็ช่วยได้เยอะ)
แบตเตอรี่
Samsung Galaxy Tab S8 | iPad Air | iPad Gen 10th | |
---|---|---|---|
ขนาดแบตเตอรี่ | 8,000 mAh | 8,827 mAh | 8,686 mAh |
ระบบชาร์จเร็ว | Fast Charge 45W | PD 20W | PD 20W |
ในเรื่องของแบตเตอรี่นั้นขนาดของแบตเตอรี่และระยะเวลาใช้งานโดยรมนั้นไม่สามารถเอามาตัดสินในนี้ได้เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องนอกจากขนาดของตัวแบตเตอรี่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานหรือการตั้งค่าต่างๆ ทั้งหมดล้วนมีผลทั้งสิ้น ดังนั้นในที่นี้จะพูดถึงแค่ระบบชาร์จก็แล้วกัน โดย Galaxy Tab S8 นั้นจะมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 45W ส่วน iPad ทั้งสองรุ่นจะมาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 20W ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องความเร็วงในการชาร์จเมื่อใช้งานกับอะแดปเตอร์ชาร์จเฉพาะของตนเองแล้ว Galaxy Tab S8 จะสามารถชาร์จเต็มได้เร็วกว่าด้วยกำลังไฟที่สูงกว่าและปริมาณแบตเตอรี่ที่น้อยกว่า แต่ทว่าถ้าพูดถึงความอเนกประสงค์ในการหาที่ชาร์จแล้ว iPad จะค่อนข้างหาง่ายกว่า เนื่องจากระบบชาร์จเร็วของ iPad นั้นเป็นระบบ PD ซึ่งมีอยู่ในทุกอุปกรณ์ที่ชาร์จด้วยสาย USB-C ในขณะที่ Galaxy Tab S8 นั้นจะเป็นระบบชาร์เฉพาะของ Samsung เท่านั้น ทำให้ต้องใช้อะแดปเตอร์ชาร์จของ Samsung เท่านั้นถึงจะสามารถชาร์จด้วยกำลังไฟ 45W ได้ ถ้าใช้อะแดปเตอร์ชาร์จอื่นๆ อย่างมากก็ได้แค่ 25W เท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นก็จะใช้เวลาไม่ได้ต่างจาก iPad มากนัก (เมื่อเทียบการชาร์จ iPad ด้วยอะแดปเตอร์ชาร์จที่มีกำลังไฟมากกว่า 20W เช่นอะแดปเตอร์ชาร์จ Macbook เป็นต้น)
อุปกรณ์เสริม
Samsung Galaxy Tab S8 | iPad Air | iPad Gen 10th | |
---|---|---|---|
ปากกา | S Pen (มาพร้อมตัวเครื่อง) | Apple Pencil Gen 2 (ราคา 4,990 บาท) | Apple Pencil Gen 1 (ราคา 3,900 บาท) |
คีย์บอร์ด | Book Cover Keyboard Note Book Cover Book Cover | Magic Keyboard Smart Keyboard Folio | Magic Keyboard Folio |
ประกันเพิ่มเติม | Samsung Care+ | Apple Care+ | Apple Care+ |
ในเรื่องของอุปกรณ์เสริมเองก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องพิจารณา เนื่องจากในการซื้อแท็บเล็ตดีๆ สักตัวมักจะมาพร้อมกับอุปกรณืเสิรมเช่นปากกาหรือคีย์บอร์ดเพื่อให้สามารถใช้านได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 3 เครื่องที่เอามาเทียบสเปคนั้นก็รองรับทั้งปากกาและคีย์บอร์ดเหมือนกันหมด เพียงแต่จะมีจุดแตกต่างกันที่ Galaxy Tab S8 จะมาพร้อมปากกา S Pen ในกล่อง ไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม ทำให้ที่ต้องซื้อเพิ่มมีเพียงเคสหรือคีย์บอร์ดเท่านั้น ซึ่งคีย์บอร์ดของ Galaxy Tab S8 นี่แหละที่เป็นปัญหา เนื่องจากเคสคีย์บอร์ดเฉพาะรุ่นไม่มีขายในไทยทำให้ต้องสั่งจากร้านค้าออนไลน์ทน ซึ่งก็ไม่รู้ได้ว่าจะเป็นของแท้ไหม หรือมีตำหนิอะไรไหม ในขณะที่ iPad ทั้งสองรุ่นนั้นสามารถหาเคสคีย์บอร์ดได้ในไทยตามร้าน Apple และตัวแทนต่างๆ แต่สิ่งที่เรียกได้ว่าเสียเปรียบ Samsung ก็คือปากกา Apple Pencil นั้นต้องซื้อเพิ่มเอา ไม่ได้แถมมาในกล่องแบบ Samsung ซึ่งราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ทำให้เมื่อรวมค่าปากกาและเคสคีย์บอร์ดแล้วเป็นเงินที่เยอะเอาเรื่องทีเดียว ทำให้ถ้าพูดถึงเรื่องเงินแล้ว Galaxy Tab S8 จะประหยัดค่าอุปกรณ์เสริมมากกว่า แต่ในทางกลับกันอุปกรณ์เสริม iPad หาง่ายกว่ามาก
นอกเหนือจากอุปกรณ์เสริมแล้วยังมีเรื่องประกันเสริมอีก ซึ่งทาง Samsung จะมี Samsung Care+ ส่วน iPad จะเป็น Apple Care+ โดยตัวประกะนเสริมนี้หลักๆ จะเป็นการซื้อประกันอุบัติเหตุ ทำให้ค่าซ่อมถูกลงมากเมื่อเทียบกับการไม่ได้ซื้อ ซึ่งเงื่อนไขของ Samsung Care+ และ Apple Care+ จะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อยตรงที่ Samsung Care+ นั้นต้องซื้อภายใน 30 วัน และการนับประกันนั้นจะเริ่มนับตั้งแต่ที่ซื้อประกัน เช่นเมื่อซื้อประกันแบบ 2 ปีจะทำให้เมื่อซื้อแล้วประกันตัวเครื่องจะเพิ่มจาก 1 เป็น 2 ปี ไม่ได้เป็นแบบต่ออายุประกันไปอีก 2 ปีนะ แต่ข้อดีคือเวลาเอาเครื่องไปเคลมแล้วจะไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ส่วน Apple Care+ นั้นจะเป็นการต่อประกันจากเดิมเพิ่มไปอีกซึ่งจะทำให้ระยะเวลาการรับประกันโดยรวมยาวนานกว่าของ Samsung แถมยังถูกกว่าด้วย เพียงแต่เวลาเอาเครื่องไปเคลมจะมีค่าใช้จ่ายโผล่ขึ้นมาเล็กน้อยแทน ซึ่งถ้าถามว่าแบบไหนดีกว่าอันนี้ก็ขึ้นกับว่าเพื่อนๆ จะเลือกใช้งานนานหลายปีค่อยเปลี่ยนสักที หรือใช้งานไป 1-2 ปีก็เปลี่ยนแล้ว สำหรับรายละเอียดประกันเสริมนี้สามารถเข้าไปดูได้ที่ samsung.com/th และ apple.com/th
สรุปเทียบสเปค iPad Air M1 vs Galaxy Tab S8 vs iPad 10 เลือกตัวไหนดี
สรุปเทียบสเปค iPad Air M1 vs Galaxy Tab S8 vs iPad 10 เลือกตัวไหนดี ต้องบอกเลยว่าถ้าไม่มีเรื่องระบบปฏิบัติการเข้ามาเกี่ยว ก็ต้องบอกเลยว่าถ้าจะเอามาใช้งานแบบจริงจังไม่ว่าจะเป็นด้านไหนๆ iPad Air จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในทั้ง 3 รุ่นเลย ด้วยแอปฯ ที่ค่อนข้างหลากหลายและมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า เพียงแต่ราคาก็แพงที่สุดอีกด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่ได้ใช้งานเป็นอาชีพมากนักหรือใช้งานด้านเอกสารเป็นหลัก Samsung Galaxy Tab S8 เองก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เนื่องจากได้หน้าจอที่ใหญ่ มีลำโพงถึง 4 ตัว และยังมีปากกามาให้เลยไม่ต้องซื้อเพิ่ม เพียงแต่แอปฯ หลักๆ ที่ต้องใช้กับอาชีพต่างๆ นั้นในฝั่ง Android จะมีน้อยกว่าฝั่ง Apple พอสมควรนั่นเอง ส่วน iPad Gen 10th นั้นแต่เดิมควรเป็น iPad ราคาที่ถูกที่สุด แต่ทว่าราคาค่าตัวนั้นก็เรียกว่าถูกไม่ได้แล้ว ซึ่งความน่าสนใจของ iPad Gen 10th คือเป็น iPad รุ่นที่ถูกที่สุดที่สามาถรองรับ 5G ได้ ช่วยได้มากเลยกับคนที่อยากประหยัดประหยัดแต่ต้องทำงานผ่านเน็ตไไม่วง่าจะเป็นแอดมินเพจหรือยูทูบเบอร์ เพียงแต่ถ้าเทียบความสามารถต่างๆ แล้วยังไงก็เป็นรองทั้ง iPad Air และ Galaxy Tab S8 พอสมควรทั้งๆ ที่ราคาพอๆ กัน ซึ่งถ้าคิดว่าต้องการ iPad ราคาถูกๆ iPad Gen 9th เองก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว ถึงแม้ว่าอะไรหลายๆ อย่างจะดูเก่าไปหน่อยก็ตาม ไทั้งดีไซน์หรือการที่ยังใช้พอร์ต Lightning อยู่ แต่ด้วยราคาแล้วก็นับว่าคุ้มค่าอยู่นะ
สรุปแบบสั้นๆ iPad Air M1 vs Galaxy Tab S8 vs iPad 10 เลือกตัวไหนดี
- iPad Air M1 คือแท็บเล็ตที่ครบเครื่องที่สุด เหมาะกับผู้ใช้ทุกอาชีพ แต่ราคาที่ต้องก็จ่ายสูงพอตัว
- Samsung Galaxy Tab S8 คือแท็บเล็ตอเนกประสงค์ที่ใช้ได้หลากหลาย เหมาะกับคนที่ทำงานเอกสารหรืองานอื่นๆ ที่ไม่ต้องใช้ความเชียวชาญสูงมากนัก อีกทั้งมีปากกาในตัวและราคาคุ้มค่าที่สุด
- iPad Gen 10th นั้นเป็นแท็บเล็ตตัวเริ่มต้นของ Apple เพื่อคนที่เน้นเอามาใช้งานทั่วไป แต่ก็ต้องการการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่าเดิม