หากเอ่ยถึงสมาร์ตโฟนเรือธงในตอนนี้ ก็คงหนีไม่พ้น 3 รุ่นยอดนิยมอย่าง HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra ที่เรียกได้ว่าเป็น 3 สุดยอดสมาร์ตโฟน ที่สุดของในแต่ละระบบปฏิบัติการ โดยในบทความนี้จะเป็นการเปรียบเทียบทั้ง 3 รุ่น ว่ามีความแตกต่างกันตรงไหนบ้าง และแต่ละรุ่น มีจุดเด่นอย่างไร
Apple iPhone 12 Pro Max | Samsung Galaxy S20 Ultra 5G | HUAWEI Mate 40 Pro | |
---|---|---|---|
ขนาดและน้ำหนัก | 160.8 x 78.1 x 7.4 มม, 228 กรัม | 166.9 x 76 x 8.8 มม, 222 กรัม | 162.9 x 75.5 x 9.1 มม, 212 กรัม |
หน้าจอ | 6.7 นิ้ว, 1284 x 2778p (Full HD+), Super Retina XDR OLED | 6.9 นิ้ว, 1440 x 3200p (Quad HD+), Dynamic AMOLED 2X | 6.76 นิ้ว, 1344 x 2772p (Full HD+), OLED |
ชิปประมวลผล | Apple A14 Bionic, hexa-core | Samsung Exynos 990, octa-core 2.73 GHz | Huawei Hisilicon Kirin 9000 5G, octa-core 3.13 GHz |
หน่วยความจำ | 6 GB RAM, 128 GB 6 GB RAM, 256 GB 6 GB RAM, 512 GB | 12 GB RAM, 256 GB 12 GB RAM, 512 GB micro SD slot | 8 GB RAM, 256 GB nano memory card slot |
ระบบปฏิบัติการ | iOS 14.3 | Android 11, One UI 3.0 | Android 10 + HMS, EMUI 11 |
การเชื่อมต่อ | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5, GPS | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.0, GPS | Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/ax, Bluetooth 5.2, GPS |
กล้องถ่ายรูป | กล้องหลัง Triple 12 + 12 + 12 MP, f/1.6 + f/2.2 + f/2.4 กล้องหน้า Dual 12 MP + SL 3D f/2.2 | กล้องหลัง Quad 108 + 48 + 12 + 0.3 MP, f/1.8 + f/3.5 + f/2.2 + f/1.0 กล้องหน้า 10MP f/2.2 front camera | กล้องหลัง LEICA Triple 50 + 12 + 20 MP, f/1.9 + f/3.4 + f/1.8 กล้องหน้า Dual 13 MP + TOF 3D f/2.4 front camera |
แบตเตอรี่ | 3687 mAh, fast charging 20W, fast wireless charging 15W | 5000 mAh, fast charging 25W, Fast wireless charging 15W | 4400 mAh, fast charging 66W, fast wireless charging 50W |
ฟีเจอร์อื่น ๆ | 5G, Dual SIM slot, IP68 waterproof, eSIM, 3D facial recognition | 5G, Hybrid Dual SIM slot, reverse wireless charging 4.5W, waterproof IP68, 5G | Dual SIM slot, 5G, IP68 waterproof, reverse wireless charging 5W, 3D facial recognition |
ราคา | เริ่มต้น 39,900 บาท | เริ่มต้น 42,900 บาท | 34,990 บาท |
เปรียบเทียบกล้อง HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G
สำหรับกล้องของ HUAWEI Mate40 Pro 5G รุ่นนี้จะมาพร้อมกับชุดกล้องหลัง 3 ตัว ที่ร่วมมือพัฒนากับทาง LEICA ประกอบไปด้วย
- กล้อง Ultra Vision Camera 50MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.28″ เทคโนโลยี RYYB พร้อม Octa Autofocus รูรับแสง f/1.9
- กล้องมุมกว้างพิเศษ 20MP Cine รูรับแสง f/1.8
- กล้องเทเลโฟโต้ 12MP รูรับแสง f/3.4 รองรับระบบกันสั่น OIS และซูมได้ 5x Optical Zoom
- เซ็นเซอร์แบบเลเซอร์โฟกัส
- รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 60fps และรองรับ Dual View Video ถ่ายพร้อมกันด้วยกล้องหน้า – หลัง
ส่วนกล้องหน้าของ HUAWEI Mate40 Pro 5G มีความละเอียด 13MP มาพร้อมกับ 3D Depth Sensing Camera ที่รองรับ IR Depth / Gesture Camera สำหรับสแกนใบหน้าในที่แสงน้อย และยังรองรับโหมด Portrait สำหรับถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ, โหมด Beauty ปรับผิวสวย และอื่น ๆ
ด้าน Samsung Galaxy Note 20 Ultra 5G มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) เช่นเดียวกัน ชุดเซ็นเซอร์จะมีความใกล้เคียงกับตอน Galaxy S20 Ultra 5G เพียงแค่เรื่องความสามารถในการซูม ที่อาจซูมได้ไม่ไกลเท่า
- กล้องหลักความละเอียด 108MP พิกเซลขนาด 1.8 ไมครอน, รูรับแสง f/1.8 และระบบกันสั่นแบบ OIS
- กล้องมุมกว้าง Ultra Wide-angle ความละเอียด 12MP พร้อมรูรับแสง f/2.2 เก็บภาพมุมกว้างสูงสุดที่ 120 องศา
- กล้องซูม Periscope Telephoto ความละเอียด 12MP พร้อมรูรับแสง f/3.0, ระบบกันสั่นแบบ OIS, รองรับการซูม 5x Optical Zoom และซูมไกลสุดที่ 50x Digital Zoom
- กล้องหน้าความละเอียด 10MP
- รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 8K 30fps/ 4K 60fps
รุ่นสุดท้ายที่นำมาเทียบกันอย่าง iPhone 12 Pro Max มาพร้อมกับชุดกล้องหลัง Pro Camera 12MP และ LiDAR Scanner สำหรับตรวจจับระยะ รวมถึงช่วยในการโฟกัสตอนกลางคืน
- กล้องหลักเลนส์ Wide ความละเอียด 12MP กันสั่นระบบ OIS เทคโนโลยี 100% Focus Pixel มีรูรับแสง f/1.6
- กล้องมุมกว้าง Ultra Wide-angle ความละเอียด 12MP ถ่ายภาพมุมกว้างสุด 120 องศา พร้อมซอฟต์แวร์แก้ไขเรื่องความบิดเบี้ยว
- กล้องซูม Telephoto ความละเอียด 12MP กันสั่นระบบ OIS มีรูรับแสง f/2.2 และรองรับการซูมภาพแบบ Optical สูงสุดที่ 2.5 เท่า (2.5x Optical Zoom)
- กล้องตัวที่สี่แบบ LiDAR Scanner สำหรับตรวจจับระยะ และช่วยโฟกัสในที่แสงน้อย
- กล้องหน้าความละเอียด TrueDepth 12MP
- รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K 60fps พร้อม HDR Video มาตรฐาน Dolby Vision
ในการเปรียบเทียบภาพถ่าย ด้วยข้อจำกัดของเครื่องทดสอบ เลยทำให้ในการทดสอบเปรียบเทียบภาพถ่าย จะเป็นการเทียบระหว่าง HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max ในหลาย ๆ สถานการณ์ ดังนี้
*ภาพถ่ายด้วย HUAWEI Mate40 Pro จะอยู่ด้านซ้าย และ iPhone 12 Pro Max จะอยู่ทางด้านขวา รูปภาพที่นำมาใช้เปรียบเทียบ ไม่ได้มีการตกแต่งภาพเพิ่มเติม มีแค่ลดขนาดไฟล์เพื่อให้เหมาะสมกับการแสดงผลบนเว็บไซต์เท่านั้น
ภาพถ่ายในที่แสงปกติ กล้องหลัก
ภาพถ่ายด้วยกล้องมุมกว้างพิเศษ Ultra Wide-angle
ข้อสังเกตระหว่างกล้องมุมกว้างพิเศษของ HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max ก็คือเรื่องมุมมองภาพที่ให้ความกว้างไม่เท่ากัน หากถ่ายที่ระยะเดียวกัน มุมมองภาพของกล้อง Ultra Wide-angle ใน iPhone 12 Pro Max จะให้มุมมองที่กว้างกว่า ส่วนภาพถ่ายด้วยกล้องมุมกว้างของ Mate40 Pro จะแก้ไขเรื่องความบิดเบี้ยว (Distortion) ได้ดีกว่า การแก้ไขความบิดเบี้ยวบริเวณมุมภาพของ Mate40 Pro แทบจะดูไม่ออกว่าถ่ายด้วยเลนส์ Ultra Wide-angle ด้วยซ้ำ
ด้วยระยะเลนส์มุมกว้างที่แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจนของ HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max หากต้องการถ่ายภาพให้ได้มุมกว้างเท่ากัน อาจต้องเดินถอยหลังออกมาสัก 2 ก้าวครับ
ภาพถ่ายเปรียบเทียบการซูมในระยะต่าง ๆ
ในการเปรียบเทียบการซูม เนื่องจากสมาร์ตโฟน 2 รุ่นมีระยะการซูมที่ไม่เท่ากัน เพื่อให้การทดสอบมีความใกล้เคียงกันมากที่สุด ผมเลยอิงจากระยะของ iPhone 12 Pro Max เป็นหลักครับ เพราะฉะนั้นการซูมจะไล่ไปตามระยะ 1x, 2.5x, 5x, 10x ตามลำดับ
ภาพถ่ายด้วยโหมด Portrait
เปรียบเทียบภาพถ่ายในที่แสงน้อย ระยะต่าง ๆ
ในการไล่ระยะ ผมทดสอบที่ระยะเดิมเลยคือ 1x, 2.5x, 5x และ 10x
เปรียบเทียบภาพถ่ายกล้องหน้า
เปรียบเทียบสเปค HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G
ถัดมาเป็นหัวข้อสเปคต่าง ๆ ในตัวเครื่องของสมาร์ตโฟนทั้งสามรุ่น เริ่มต้นที่ HUAWEI Mate40 Pro 5G รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปประมวลผล Kirin 9000 5G เป็นชิปเซ็ตแบบ 5 นาโนเมตร octa-core ความเร็วสูงสุด 3.13 GHz ทำงานร่วมกับชิปประมวลผลกราฟฟิก Mali-G78 GPU แบบ 24 Core และมี NPU ช่วยในการประมวลผล AI (2 BIG Core + 1 Tiny Core) มาพร้อมกับ RAM 8GB ส่วนความจุในตัวเครื่อง 256GB UFS 3.1 วางจำหน่ายในประเทศไทยแค่เพียงความจุเดียว
Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G มาพร้อมกับชิปประมวลผล Exynos 990 ที่กระบวนการผลิต 7 นาโนเมตร แบบ octa-core ความเร็วสูงสุด 2.73 GHz ชิปกราฟฟิก Mali-G77 GPU แบบ 11 Core พร้อมกับแรม 12GB LPDDR5 และความจุในตัวเครื่อง 256GB / 512GB แบบ UFS 3.1
iPhone 12 Pro Max ใช้ชิปประมวลผล Apple A14 Bionic เทคโนโลยีการผลิต 12 นาโนเมตร แบบ 6 Core CPU พร้อมทั้ง Neural Engine 16-Core และ ISP ใหม่สำหรับบันทึกวิดีโอแบบ Dolby Vision, HDR 3 ส่วนความจุ iPhone 12 Pro Max มีตัวเลือกเยอะสุดเลย ทั้งความจุ 128GB/ 256GB / 512GB
การเชื่อมต่อ HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G
เรื่องการเชื่อมต่อต่าง ๆ สมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่นรองรับการเชื่อมต่อ 5G เหมือนกัน โดยโมเด็ม 5G ของ HUAWEI Mate40 Pro 5G ดูจะมีความน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากเป็นการรวมชิปโมเด็มเข้าไว้ใน CPU โดยตรง ทำให้การจัดการพลังงานนั้นดูดีที่สุดในบรรดาเรือธง 3 รุ่น อีกทั้งความเสถียร ความเร็วในการเชื่อมต่อก็ดีเป็นอันดับต้น ๆ ส่วนอีก 2 รุ่นนั้น จะใช้โมเด็ม 5G แยกจาก CPU (iPhone 12 Pro Max – Snapdragon X55/ Galaxy Note20 Ultra 5G – Exynos Modem 5123)
การเชื่อมต่อไร้สายอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญในสมาร์ตโฟน นั่นคือการเชื่อมต่อ Wi-Fi ทั้งสามรุ่นรองรับ Wi-Fi 6 เหมือนกัน สามารถจับสัญญาณ Wi-Fi 6 ได้ แต่ภาครับสัญญาณ Wi-Fi 6+ ใน HUAWEI Mate40 Pro 5G ดูจะโดดเด่นกว่าอีก 2 รุ่น เนื่องจากรองรับแบนด์วิดท์กว้าง 160MHz (2×2 MIMO, HE160, 1024QAM) แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่ปล่อยสัญญาณตามสเปคนั้น ๆ ได้ด้วย
ดีไซน์ HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G
ด้านการออกแบบตัวเครื่อง สมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่น มาพร้อมกับดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนล่ะครับ ส่วนเรื่องของวัสดุตัวเครื่อง สมาร์ตโฟนระดับนี้ มาพร้อมกับวัสดุที่พรีเมียมสุด ๆ อยู่แล้ว แต่ถ้าจะให้เลือกวัสดุที่พรีเมียมมากสุด ก็คงหนีไม่พ้น iPhone 12 Pro Max ที่ใช้กรอบตัวเครื่องเป็นสแตนเลส และฝาหลัง รวมถึงหน้าจอกระจก Ceramic Shield
HUAWEI Mate40 Pro 5G มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Space Ring ที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ของ Mate Series ภายใต้คอนเส็ปการออกแบบที่เน้นความสมมาตร (Symmetric Design) มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Space Silver และ Black ส่วนหน้าจอ เป็นจอโค้ง 88° Horizon Display แบบ edge-to-edge พร้อมอัตรารีเฟรช 90Hz พาแนลแบบ OLED
iPhone 12 Pro Max ในคราวนี้ก็มีปรับเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่นก่อนหน้าไปพอสมควร เน้นความเป็นเหลี่ยมเป็นสันมากขึ้น อารมณ์เหมือนย้อนกลับไปตอน iPhone 4 การวางกล้องหลังยังคงใช้ลักษณะเดิมเหมือนตอน iPhone 11 Pro Max มีข้อสังเกตในเรื่องของตัวเครื่องที่ค่อนข้างคม วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Pacific Blue, Gold, Space Grey และ Silver ส่วนหน้าจอเป็น Super Retina XDR (OLED) อัตรารีเฟรช 60Hz รองรับการแสดงผล Dolby Vision และ HDR 3
Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G ยังคงใช้ดีไซน์ลักษณะเดียวกับตอน Note10+ ที่เน้นความเหลี่ยมในแบบฉบับของ Galaxy Note Series กล้องหลัง 3 ตัวถูกวางอยู่บริเวณมุมซ้ายบน โมดูลกล้องนูนขึ้นมาจากฝาหลังมากพอสมควร และถือว่ากล้องนูนมากที่สุดในบรรดา 3 รุ่น วางจำหน่ายด้วยกัน 4 สี ได้แก่ Mystic Bronze, Mystic Black และ Mystic White ส่วนหน้าจอแสดงผล รุ่นนี้ใช้หน้าจอ Dynamic AMOLED 2x ความละเอียดสูงสุด QHD+ อัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz (เฉพาะที่ความละเอียด Full HD+)
แบตเตอรี่และการชาร์จไฟ HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G
ด้านการจัดการพลังงาน รวมถึงการชาร์จไฟของทั้ง 3 รุ่น ต้องยอมรับว่า HUAWEI Mate40 Pro 5G มีการจัดการพลังงานที่ยอดเยี่ยมที่สุด รวมถึงระบบชาร์จไฟที่ชาร์จได้เร็วที่สุดในบรรดา 3 รุ่น ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 4400 mAh ที่ใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ แบบไม่ต้องกลัวแบตเตอรี่หมด ต่อให้เป็นการเชื่อมต่อ 5G ตลอดเวลาก็ตาม อีกทั้งระบบชาร์จไฟ 66W HUAWEI SuperCharge ที่ชาร์จไฟกลับเข้าได้รวดเร็ว และยังรองรับการชาร์จไร้สาย 50W Wireless HUAWEI SuperCharge
นอกจากนี้ โปรโตคอลควบคุมการชาร์จไฟของ HUAWEI Mate40 Pro 5G ยังรองรับการทำงานร่วมกับอะแดปเตอร์ที่เป็น Quick Charge และ USB Power Delivery อีกด้วย
ในด้านการจัดการพลังงาน iPhone 12 Pro Max เมื่อเชื่อมต่อ 5G ดูจะทำเวลาในการใช้งานได้น้อยที่สุด เนื่องจากแบตเตอรี่มีอาการไหลไวมากเมื่อเชื่อมต่อ 5G แม้จะอัพเดตเป็น iOS 14.3 แล้วก็ตาม แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อ 4G จะกลายเป็นว่าอายุการใช้งานแบตเตอรี่นั้นยาวนานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ส่วนการชาร์จไฟ iPhone 12 Pro Max รองรับการชาร์จไฟที่ความเร็วสูงสุด 20W ผ่านสายชาร์จแบบ USB Type-C to Lightning, รองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi 7.5W และรองรับการชาร์จไร้สาย MagSafe 15W
สุดท้าย Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G มาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 4500 mAh ระยะเวลาในการใช้งานอยู่ในระดับกลาง ๆ ใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ โดยไม่ต้องชาร์จไฟ แต่เมื่อเทียบกับ Mate40 Pro 5G รุ่นนั้นยังคงมีแบตเตอรี่อึดที่สุด ส่วนการชาร์จไฟ Note20 Ultra 5G รองรับการชาร์จไว 25W Super Fast Charging และรองรับการชาร์จไร้สาย Fast Wireless Charging 2.0
สรุปภาพรวม HUAWEI Mate40 Pro กับ iPhone 12 Pro Max และ Samsung Galaxy Note20 Ultra
สมาร์ตโฟนทั้ง 3 รุ่น ถือเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันค่อนข้างชัดเจน อาจแยกด้วยระบบปฏิบัติการของแต่ละรุ่นก็ยังได้ โดย iPhone 12 Pro Max จะรันด้วย iOS 14.3, Samsung Galaxy Note20 Ultra รันด้วย Android 11 ที่ครอบด้วย One UI 3.0 ส่วน HUAWEI Mate40 Pro 5G รันด้วย Android 10 + HMS และครอบด้วย EMUI 11 ตรงนี้หากเป็นคนที่ถนัดใช้ iOS เป็นหลัก การเลือก iPhone 12 Pro Max ก็ดูตอบโจทย์ที่สุด ในแง่ของความต่อเนื่อง และความถนัดในการใช้งาน
ใครที่เน้นทำงาน และต้องการใช้งาน Android ตัวเลือกอย่าง Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G ก็มีความน่าสนใจ ทั้งการมีปากกา S-Pen สำหรับใช้จดบันทึก และการทำงานแบบไร้สายด้วย Wireless DeX ที่เปลี่ยน UI ให้เหมาะสมกับการทำงานบนหน้าจอแยก
ส่วนคนที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่โดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G และเน้นเรื่องการถ่ายภาพ HUAWEI Mate40 Pro ดูจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยราคาเปิดตัว 34,990 บาท ถือว่าถูกที่สุดในบรรดาทั้ง 3 รุ่น ได้สมาร์ตโฟนเรือธงที่คะแนนกล้องบน DxOMark สูงเป็นอันดับ 2 หรือถ้าชอบจดบันทึก ก็สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง HUAWEI M-Pen 2 มาใช้ในการจดบันทึกได้เช่นกัน
สำหรับคนที่กังวลเรื่องระบบปฏิบัติการ Android + HMS ของ HUAWEI Mate40 Pro ถึงแม้จะเป็นสมาร์ตโฟนที่ไม่มี google services แต่ HMS เวอร์ชั่นใหม่นี้ก็ได้รับการอัปเกรด มีแอปพลิเคชันยอดนิยมมากมายใน HUAWEI AppGallery รวมถึง Petal Search วิดเจ็ตที่ช่วยให้ดึงแอปพลิเคชันทุกแอปฯ รวมถึงแอปที่ไม่สามารถหาได้ใน HUAWEI AppGallery มาใช้ในสมาร์ตโฟน HUAWEI Mate 40 Pro 5G ได้ครับ