วิธีสมัคร Netflix ราคาถูกสุดเริ่มต้นเพียงคนละ 99 บาท! สมัครแบบไหนคุ้มที่สุดในปี 2023
สำหรับคอหนัง หรือคอซีรีส์ทั้งเกาหลี และทางฝั่งตะวันตก คงไม่มีใครไม่รู้จัก Netflix ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในเว็บสตรีมมิ่งหนังที่มีชื่อเสียง และได้รับความนิยมอันต้นๆ ของโลกเลย รวมไปถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน ที่หลายๆ คนก็มักจะต้องดูหนัง หรือดูซีรีส์ผ่านทาง Netflix กันทั้งนั้น และเดี๋ยวนี้หลายๆ กล่อง PPTV หรือกล่องรับสัญญาณ ก็มักจะเสริมแอพ Netflix มาให้ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยลองใช้งาน และยังไม่รู้ว่าการสมัคร Netflix ราคาถูกสุดเท่าไหร่ หรือว่าต้องสมัครแบบไหนถึงจะคุ้มที่สุด วันนี้เราจะมาบอกกัน
เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากดูหนัง หรือซีรีส์ชื่อดังมากมายบน Netflix ราคาถูกแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะสมัครที่ไหนดี หรือบางคนก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคนหารยังไงให้คุ้ม ซึ่งความจริง ถ้าคิดว่าตัวเองไม่ได้จะหาคนหารอยู่แล้ว และใช้งานมือถือเป็นประจำมากกว่าการเปิดคอมฯ หรือเปิดดูผ่านทีวี ก็อาจจะลองใช้แพ็คเกจเริ่มต้นของทาง Netflix ดูก่อนก็ได้ แต่ถ้าจะทดลองใช้งานฟรี 1 เดือน ตอนนี้ทาง Netflix ไม่ได้อนุญาตให้ลองใช้งานแล้ว จะต้องสมัครแพ็คเกจเท่านั้น แต่สามารถยกเลิกตอนไหนก็ได้ ไม่เสียค่าธรรมเนียม แนะนำให้ลองใช้งานดูสักเดือนนึงก่อน ถ้าเหมาะกับการดูหนังของตัวเองก่อน ค่อยสมัครต่อไปเรื่อยๆ แถมตอนนี้ไม่ต้องมีบัตรเครดิต หรือเดบิตก็สมัครได้แล้วเหมือนกัน เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาบอกวิธีสมัคร Netflix ราคาถูกที่สุด แพ็คเกจไหนเหมาะสำหรับใคร จะสมัครวิธีไหนได้บ้าง และถ้าไม่มีบัตรจะสมัครอย่างไร พร้อมวิธียกเลิกสมาชิกด้วย ส่วนใครที่สมัครแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะดูหนังเรื่องไหนดี แนะนำให้เข้าไปอ่านต่อได้ที่ 50 หนัง Netflix แนะนำ 2023 ห้ามพลาด! ดูสนุกครบทุกแนว มีหนัง Netflix น่าดูในปี 2023 เรื่องไหนบ้าง และเนื้อหาเรื่องอื่นๆ กันได้เลย
- วิธีสมัคร Netflix ราคาถูกที่สุด และแพ็คเกจของ Netflix มีอะไรบ้าง?
- วิธีเปลี่ยนแพ็คเกจ
- สมัคร Netflix วิธีไหนได้บ้าง?
- วิธียกเลิกสมาชิก
วิธีสมัคร Netflix ราคาถูกที่สุด และแพ็คเกจของ Netflix มีอะไรบ้าง?
มาเริ่มกันที่การสมัครสมาชิกกันก่อนเลย ซึ่งวิธีสมัครนั้นความจริงแล้วก็ง่ายมากๆ ไม่จำเป็นต้องใช้บัตรก็ทำได้ แต่ถ้าใครมีบัตรก็สมัครและตัดผ่านบัตรได้เลยเช่นกัน ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีแพ็คเกจให้เลือกใช้อยู่ 4 แพ็คเกจแบ่งได้ดังนี้
- Netflix ราคา 99 บาท แพ็คเกจมือถือ – สามารถดูได้บนมือถือ หรือแท็บเล็ตเพียงหน้าจอเดียว และเครื่องเดียวเท่านั้น ไม่รวมคอมและ TV บนความคมชัดระดับมาตรฐาน 480p และโหลดไว้ดูออฟไลน์ได้เพียง 1 เครื่อง
- Netflix ราคา 169 บาท แพ็คเกจพื้นฐาน – สามารถดูได้กับทุกอุปกรณ์ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมและ TV เพียงหน้าจอเดียว บนความคมชัดระดับ HD 760p และโหลดไว้ดูออฟไลน์ได้ 1 เครื่อง
- Netflix ราคา 349 บาท แพ็คเกจมาตรฐาน – สามารถดูได้กับทุกอุปกรณ์ทั้งมือถือ แท็บเล็ต คอมและ TV พร้อมกัน 2 หน้าจอ บนความชัดระดับ Full HD 1080p และโหลดไว้ดูออฟไลน์ได้ 2 เครื่อง
- Netflix ราคา 419 บาท แพ็คเกจพรีเมียม – สามารถดูได้กับทุกอุปกรณ์พร้อมกัน 4 หน้าจอ (ตามเงื่อนไขใหม่ ไม่รวม TV) บนความชัดระดับ Ultra HD (4K) + HDR พร้อมบริการ Spatial Audio (ระบบเสียงเสริมมิติ) และโหลดไว้ดูออฟไลน์ได้ 6 เครื่อง
เพิ่มเติมสำหรับกรณีของแพ็คเกจพรีเมียมราคา 419 บาทที่มีการอัพเดทใหม่ยังคงหารกันได้เหมือนเดิม พร้อมกับดูบนอุปกรณ์อย่างมือถือ แท็บเล็ต ในคอมได้หมด แต่ถ้าเจ้าบ้านหรือใครต้องการดูบน TV หรือ Android Box จะสามารถล็อคอินได้แค่ 1 เครื่องเท่านั้น ถ้าต้องการดูเพิ่มทาง Netflix จะให้เราสมัครเพิ่มอีกในราคา 99 บาทเป็น Extra Member ที่ดูเพิ่มได้อีก 2 บ้านเท่านั้น ซึ่งหากทั้งหมดอยากดูบน TV ก็จะต้องลดคนหารลงไปอีก เพราะดูได้แค่ 3 เครื่อง (TV) แต่ถ้าเป็นบ้านเดียวกันและใช้ WiFi ในบ้านเดียวกันสามารถดูหลาย TV ได้ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ถ้าดูบนอุปกรณ์ทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มและหารกันได้ในราคาประมาณ 105 บาท แต่ถ้าอยากดูบน TV พร้อมกันหมดจะดูได้แค่ 3 คนพร้อมกัน และอีก 2 คนจะต้องจ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 99 บาทรวมเป็นเดือนละประมาณ 205.6 บาทนั่นเอง
ทั้ง 4 แพ็คเกจนี้ก็จะมีราคาที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าแพ็คเกจของ Netflix ราคาถูกหรือราคาที่สูงขึ้นไป จะได้รับฟีเจอร์หรือฟังก์ชันการเล่นแบบไหนบ้าง รวมไปถึงการเล่นบนอุปกรณ์ต่างๆ และจำนวนผู้ใช้งาน ที่จะได้รับต่างกันไปด้วย สามารถดูได้จากตารางเปรียบเทียบนี้ได้เลย
ตารางเปรียบเทียบราคาแพ็คเกจ Netflix ราคาเท่าไหร่
ฟังก์ชัน\แพ็คเกจ | มือถือ | พื้นฐาน | มาตรฐาน | พรีเมียม |
ราคา (ต่อเดือน) | 99 บาท | 169 บาท | 349 บาท | 419 บาท |
จำนวนหน้าที่ดูได้พร้อมกัน | 1 | 1 | 2 | 4 |
จำนวนมือถือหรือแท็บเล็ตที่ใช้ดาวน์โหลดเนื้อหา (ออฟไลน์) | 1 | 1 | 2 | 4 |
ดูหนังและซีรีส์ทุกอย่างได้ไม่จำกัด | ได้ | ได้ | ได้ | ได้ |
ดูในมือถือหรือแท็บเล็ต | ได้ | ได้ | ได้ | ได้ |
ดูในคอมฯ แล็ปทอป หรือ TV | ไม่ได้ | ได้ | ได้ | ได้ |
ความละเอียดของภาพ | 480p | 760p | 1080p | 4K + HDR |
ยกเลิกได้ทุกเมื่อ | ได้ | ได้ | ได้ | ได้ |
จะเห็นได้ว่าแต่ละแพ็คเกจนั้น ก็จะเรียงลำดับการดูหนังและซีรีส์ ที่เพิ่มฟังก์ชันขึ้นไปตามราคาที่มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง Netflix ราคาถูกที่สุดก็คือแพ็คเกจ 99 บาท ที่สามารถใช้ได้เพียงแค่บนมือถือเท่านั้น แต่สำหรับคนที่ใช้มือถือ หรือแท็ปเล็ตเป็นประจำอยู่แล้ว แพ็คเกจนี้ก็ถือว่าคุ้มมากๆ เพราะการใช้ฟังก์ชันจะพอๆ กับแพ็คเกจอื่นที่ราคาสูงกว่า จะมีความต่างก็เพียงความชัดในการดูหนังหรือซีรีส์ กับการไปเปิดดูในคอมฯ ไม่ได้เท่านั้นเอง ถ้าใครที่คิดว่าจะดูในมือถืออยู่แล้ว ความชัดระดับ 480p ก็เพียงพอต่อการดูอยู่ดี (ความชัดขึ้นอยู่กับความเร็วเน็ต และ Android ต้องเป็นเวอร์ชัน 5.0 (Lollipop) ขึ้นไป หรือระบบ iOS ต้องเป็นเวอร์ชัน 12.0 ขึ้นไป )
แต่ถ้าใครคิดว่าการดูในมือถือไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เราแนะนำให้หาเพื่อนสนิท หรือคนรู้จัก อาจจะเป็นญาติพี่น้องก็ได้ มาร่วมกันแชร์การใช้งานกับแพ็คเกจพรีเมียม จะคุ้มที่สุด แพ็คเกจนี้เป็นแพ็คเกจที่คนส่วนใหญ่ใช้กันอยู่แล้วด้วย เพราะได้ฟังก์ชันที่ครบมากที่สุดแล้ว และถ้ายิ่งได้คนแชร์ครบ 4 คนแล้ว จากราคา 419 บาท จะเหลือเพียงคนละ 105 บาทเท่านั้นเอง อย่าลืมว่าดูได้พร้อมกันแค่ 4 คนนะ จึงหารได้เพียง 4 คนเท่านั้น ถึงแม้จะสร้างเพิ่มได้ถึง 6 คนก็ตาม โดยราคาจะเพิ่มจากแพ็คเกจ 99 บาทแค่ 6 บาท ก็ได้แพ็คเกจที่ดีที่สุดของ Netflix แล้ว
สามารถดูได้ทั้งมือถือหรือ TV ก็ได้หมดเลยทุกอุปกรณ์ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขคือมีบ้าน TV หลักได้เพียงบ้านเดียว ถ้าจะดูเพิ่มต้องเสียเงินอีก 99 บาท และเพิ่มได้เพียง 2 บ้านเท่านั้นตามเงื่อนไขด้านบนเลย แต่ก็ต้องระวังนิดนึงเรื่องของการหาคนแชร์ ควรจะเป็นคนที่สนิทและรู้จักจริงๆ จะได้ช่วยกันจ่ายเงินได้ตรงเวลา ซึ่งตรงนี้มักจะเกิดปัญหาการดูแต่ไม่จ่ายกันเยอะมากๆ ที่สำคัญคือการเลือกดูความชัดที่เป็น HD หรือ HDR บนมือถือนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับรุ่นแต่ละรุ่นที่รองรับ รวมไปถึงความเร็วเน็ตที่จะดูความชัดระดับสูงด้วย ดูรุ่นที่ใช้งานได้ที่นี่ ส่วนใครที่สมัครแพ็คเกจเริ่มต้นไปก่อนแล้ว และอยากจะอัพเกรดก็สามารถทำได้ฟรีในเดือนแรกด้วย ไปดูวิธีข้างล่างได้เลย
วิธีเปลี่ยนแพ็คเกจ
สำหรับใครที่เคยสมัครแพ็คเกจใดไปแล้วก็ตาม และต้องการเปลี่ยนแพ็คเกจ Netflix ราคาถูกลง หรือต้องการอัพเกรดขึ้นไปเป็นระดับที่สูงกว่า จะสามารถทำได้ฟรีในเดือนแรก และการอัพเกรดนั้นจะมีผลทันทีที่สมัครเลย แต่การเรียกเก็บเงินจะเก็บครั้งต่อไป (ก็คือเดือนหน้าหลังจากที่สมัคร) ไม่ว่าจะอัพเกรดขึ้น หรือดาวน์เกรดลงมา ส่วนวิธีเปลี่ยนแพ็คเกจทำได้ดังนี้
1. เข้าสู่ระบบของตัวเองในเว็บ Netflix (กดที่นี่)
2. หลังจากเข้าสู่ระบบเรียบร้อยแล้ว ให้ดูในเมนูรายละเอียดแพ็คเกจ จะมีบอกรายละเอียดของแพ็คเกจที่ใช้งานอยู่ ให้เลือกเปลี่ยนแพ็คเกจ
3. เลือกแพ็คเกจที่ต้องการอัพเกรด หรือดาวน์เกรดจากนั้นจึงกดดำเนินการต่อ และยืนยันการเปลี่ยนแปลง เพียงเท่านี้แพ็คเกจก็จะถูกเปลี่ยน และเริ่มใช้งานได้ทันทีตามวันที่บอกไว้เลย
สมัคร Netflix วิธีไหนได้บ้าง?
สำหรับการสมัครสมาชิกกับ Netflix นั้น จะมีช่องทางการสมัครอยู่ 5 ช่องทาง และทุกช่องทางการสมัครจะเลือกแพ็คเกจได้เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะสมัครด้วยอะไร ก็เลือกแพ็คเกจเดียวกันได้เลย โดยการเรียกเก็บเงินจะนับจากวันแรกที่ได้ทำการสมัคร เดือนละ 1 ครั้ง โดยไม่มีสัญญา ไม่มีค่าธรรมเนียมอะไรทั้งสิ้น รวมไปถึงการยกเลิกสมาชิก ก็จะสามารถทำได้โดยไม่เสียเงินด้วย ส่วนการสมัคร Netflix จะทำได้ตามแพลทฟอร์มที่ตัวเองสะดวกได้เลย ดังนี้
สมัคร Netflix บนระบบ Android และ iOS
การสมัคร Netflix บนระบบ Android สามารถทำได้ทั้งการโหลดแอปฯ Netflix จาก Google Play Store (กดโหลดที่นี่) หรือ App Store (กดโหลดที่นี่) หรือเข้าไปสมัครจาก Browser เว็บ Netflix บนมือถือที่ใข้งานอยู่ได้เลย (กดลิงก์ทีนี่) จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนตามนี้ได้เลย
1. หลังจากเข้าไปยังแอปฯ หรือเว็บจาก Browser ของ Netflix เรียบร้อย ก็ให้กดไปที่ Get Started (ถ้าไม่มีให้กด เลือกสมัครใช้งาน หรือ Sign up now)
2. กด Continue เพื่อเข้าไปเลือกแพ็คเกจที่ต้องการใช้งาน หรือถ้าสมัครในแอปฯ จะต้องสร้างบัญชีผู้ใช้งานของ Netflix และใส่ที่อยู่ Email พร้อมตั้งรหัสผ่านให้เรียบร้อยก่อน
3. เลือกวิธีการจ่ายเงินโดยจะมีให้เลือก 3 แบบคือ จ่ายด้วยบัตรเครดิต/ เดบิต, จ่ายโดยการตัดรอบบิลรายเดือนของ AIS หรือ truemove H และสุดท้ายคือจ่ายโดยใช้ Gift Code ของ Netflix ที่มีขายอยู่ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป เมื่อเลือกได้แล้วก็จะสามารถดูได้ทันที
สมัคร Netflix บนคอมฯ
การสมัครบนคอมฯ จะสามารถทำได้โดยการสมัครผ่านเว็บโดยตรงได้เลย ไม่จำเป็นต้องโหลดแอปฯ หรือโปรแกรมมาลงเครื่องก่อน โดยให้เข้าไปที่เว็บของ Netflix (กดที่นี่) และกดเลือกแพ็คเกจตามที่ต้องการใช้งานได้ทันที จากนั้นให้กดดำเนินการต่อ
หลังจากกดดำเนินการต่อแล้ว จะเข้าสู่หน้าของการสมัครสมาชิก โดยการสร้างบัญชีของตัวเองขึ้นมาเพื่อใช้งาน Netflix และเข้าสู่ขั้นตอนของการเลือกวิธีจ่ายเงิน ที่จะมีอยู่ 3 แบบคือจ่ายโดยใช้บัตรเครดิต/ เดบิต, จ่ายด้วยการตัดรอบบิลของ AIS, trumove H และการจ่ายด้วย Gift Card เหมือนกันหมดเลย เมื่อเลือกได้แล้วก็จะดูได้ทันที
สมัคร Netflix ผ่าน Smart TV, เครื่องเล่นมีเดียสตรีมมิ่ง และ กล่องรับสัญญาณ
สำหรับ 3 วิธีการสมัครสุดท้ายนี้ จะมีวิธีการที่คล้ายๆ กัน แต่จะมีต่างกันบ้างนิดหน่อย อย่างแรกเลยที่ต้องทำคือ เปิดแอปฯ หรือโหลดแอปฯ Netflix ขึ้นมาก่อน ส่วนวิธีโหลดขึ้นอยู่กับเครื่องเล่นหรือทีวี ที่มีการทำงานต่างกันด้วย (เช่น Samsung, Roku, Xbox) หรือบางอุปกรณ์มีปุ่ม Netflix มาให้เลย ขั้นตอนแรกเลยก็คือต้องระบุที่อยู่อีเมล หรือเบอร์โทรศัพท์ เมื่อกดแล้วจะได้รับ Email หรือ SMS ส่งมาให้ เพื่อทำขั้นตอนการสมัครต่อไปเหมือนกับทุกวิธี คือสร้างบัญชี เลือกแพ็คเกจ Netflix ราคาแพ็คเกจที่ต้องการ จากนั้นเลือกวิธีจ่ายเงิน และดูได้ทันที
วิธียกเลิกสมาชิก
ในกรณีที่ไม่อยากใช้งาน หรือไม่อยากเสียเงินเพื่อดู Netflix แล้ว สามารถกดยกเลิกได้ทันทีในหน้าแรก หลังจากที่ได้เข้าสู่ระบบ หรือกดเข้าไปยังหน้ายกเลิก (กดที่นี่) เมื่อกดยกเลิก และยืนยันทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว การเป็นสมาชิกจะถูกยกเลิกโดยทันที แต่ยังสามารถดูต่อไปได้จนถึงวันหมดรอบบิล โดยการเรียกเก็บเงินจะนับหลังจากวันที่ได้ยกเลิก และตัดรอบตามวันที่ได้สมัครในครั้งแรก ส่วนใครที่ไม่มีปุ่มยกเลิกขึ้นมาให้ แนะนำให้ยกเลิกกับบริษัทเรียกเก็บค่าบริการก่อน (เช่นค้างการจ่ายเงินผ่านโอเปอร์เรเตอร์) ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ในการยกเลิก สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลย
แล้วทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการสมัคร Netflix ราคาถูกทุกแพ็คเกจ และทุกวิธีการสมัคร ที่เราได้นำมาฝากกัน ส่วนแบบไหนจะคุ้มที่สุด ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของตัวเองก่อนเป็นหลัก ถ้าอยากใช้คนเดียว ไม่ต้องไปหาคนเพิ่มหรือว่ากลัวคนที่แชร์จะไม่จ่าย ก็แนะนำว่าให้ใช้งานไปคนเดียวบนมือถือ ที่มีราคาถูกที่สุดเพียง 99 บาท แต่ถ้ายังไม่พอใจ และอยากดูบนทีวีด้วยก็ต้องเลือกเป็นแบบแพ็คเกจพื้นฐานไปใช้งานก็ได้ แต่จะมีราคาสูงขึ้นมาอีกเยอะ แนะนำว่าควรไปหาคนมาแชร์จะคุ้มกว่า เพราะเสียแค่คนละ 105 บาท แต่ได้แพ็คเกจพรีเมียมที่ดูได้อย่างเต็มที่ อย่างน้อยก็แชร์กับคนในครอบครัวก็ยังได้ ถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องหาเพื่อนสนิทที่ชอบดูหนัง และซีรีส์เหมือนกันก่อน แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะเอามาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ