เทียบสเปค Samsung Galaxy S23 Ultra vs iPhone 14 Pro Max ที่สุดของตัวท๊อปมีตรงไหนแตกต่างกันบ้าง! หลังจากที่ทาง Samsung ได้ทำการเปิดตัว Samsung Galaxy S23 series ไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมาและเปิดให้ทำการสั่งซื้อล่วงหน้าแล้วนั้น น่าจะมีหลายๆ คนลังเลว่าระหว่าง Samsung Galaxy S23 Ultra ที่เป็นรุ่นท๊อปของ Samsung และ iPhone 14 Pro Max ที่เป็นท๊อปของ iPhone 14 Series นั้นตัวไหนน่าซื้อกว่ากัน เนื่องจากราคาเริ่มต้นนั้นห่างกันไม่มากเท่าไร เราก็เลยจะมาเทียบสเปคให้ดูระหว่าง Samsung Galaxy S23 Ultra vs iPhone 14 Pro Max ว่ามีตรงไหนที่แตกต่างกันบ้าง
เทียบสเปค Samsung Galaxy S23 Ultra vs iPhone 14 Pro Max ที่สุดของตัวท๊อปมีตรงไหนแตกต่างกันบ้าง
ตารางเทียบสเปค Samsung Galaxy S23 Ultra vs iPhone 14 Pro Max
Samsung Galaxy S23 Ultra | iPhone 14 Pro Max | |
---|---|---|
ขนาด | 163.4 x 78.1 x 8.9 มม. | 160.7 x 77.6 x 7.9 มม. |
น้ำหนัก | 234 กรัม | 240 กรัม |
วัสดุ | – กระจก Gorilla Glass Victus 2 ทั้งหน้าและหลัง – Armor Aluminum Frame | – Ceramic Shield Glass – Stainless Steel Frame |
สี | – Phantom Black – Green – Cream – Lavender – Graphite – Sky Blue – Lime – Red | – Space Black – Silver – Gold – Deep Purple |
หน้าจอ | – Dynamic AMOLED 2X – ขนาด 6.8 นิ้ว – ความละเอียด 3088 x 1440 พิกเซล – Refresh Rate 1Hz – 120Hz (Adaptive) – ความสว่างสูงสุด 1,750 นิต – รองรับ Always-on Display – รองรับ HDR10+ | – Super Retina XDR (LTPO OLED) – ขนาด 6.7 นิ้ว – ความละเอียด 2796 x 1290 พิกเซล – Refresh Rate 10Hz – 120 (ProMotion) – ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต – รองรับ Always-on Display – รองรับ HDR10+ / Dolby Vision |
ชิปประมวลผล | Qualcomm Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy | Apple A16 Bionic |
แรม / ความจุ | – 8GB / 256GB – 12GB / 512GB – 12GB / 1TB | – 6GB / 128GB – 6GB / 256GB – 6GB / 512GB – 6GB / 1TB |
กล้องหลัง | – Wide : 200MP, f/1.7, OIS, Laser AF – Ultra-wide : 12MP, f/2.2, 120˚ – Telephoto : 10MP, f/2.4, OIS, 3x Optical Zoom – Periscope : 10MP, 4.9, OIS, 10x Optical Zoom | – Wide : 48MP, f/1.8, Sensor-shift OIS – Ultra-wide : 12MP, f/2.2, 120˚ – Telephoto : 12MP, f/2.8, OIS, 3x Optical Zoom – LiDAR Scanner |
กล้องหน้า | 12MP, f/2.2 | 12MP, f/1.9 |
แบตเตอรี่ | 5,000 mAh | 4,323 mAh |
ระบบชาร์จ | – ต่อสาย : 45W – ไร้สาย : 15W – ไร้สายย้อนกลับ : 4.5W | – ต่อสาย : 29W – ไร้สาย : 15W MagSafe – ไร้สายย้อนกลับ : 7.5W |
ระบบปฏิบัติการ | OneUI 5.1 (Android 13) | iOS 16.3 |
การเชื่อมต่อ | – 5G – Wi-Fi 6E – Bluetooth 5.3 – GPS, GLONASS, BDS, GALILEO – NFC – USB Type-C 3.2 | – 5G – Wi-Fi 6 – Bluetooth 5.3 – GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS – NFC – USB 2.0 Lightning |
อื่นๆ | – รองรับปากกา S Pen – มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น IP68 (ลึก 1 เมตร นาน 30 นาที) – รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 8K @30fps – ลำโพงคู่สเตอร์โอ Tuned By AKG | – มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น IP68 (ลึก 6 เมตร นาน 30 นาที) – รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K @60fps – ลำโพงคู่สเตอร์โอ |
ราคา | – 8GB / 256GB : 43,900 บาท – 12GB / 512GB : 49,900 บาท – 12GB / 1TB : 59,900 บาท | – 128GB : 44,900 บาท – 256GB : 48,900 บาท – 512GB : 57,900 บาท – 1TB : 66,900 บาท |
หน้าจอ
จากตารางในส่วนของหน้าจอนั้นบอกเลยว่ามีความแตกต่างกันพอสมควรไม่ว่าจะเป็นพาแพลหน้าจอที่ใช้, ความละเอียด รวมถึงความสว่างสูงสุดที่ตัวหน้าจอสามารถทำได้ โดย Galaxy S23 Ultra นั้นจะมาพร้อมหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ซึ่งเป็นที่สุดของพาแนล OLED มีความละเอียดหน้าจอที่สูงถึง Quad HD+ ซึ่งให้ความสดของสีมากที่สุดในบรรดาจอมือถือทั้งหมด แถมยังเป็นหน้าจอ LTPO ที่สามารถปรับค่า Refresh Rate ได้อัตโนมัติด้วยค่าต่ำสุดที่ 1Hz มีความสว่างสูงสุดถึง 1,750 นิต นอกจากนี้ยังใช้กระจก Gorilla Glass Victus 2 ที่มีความแข็งที่สุดใสปัจจุยันนรี้อีกด้วย ส่วน iPhone 14 Pro Max นั้นเป็นหน้าจอ Super Retina XDR ซึ่งเป็นพาแนล OLED เหมือนกันแต่การแสดงผลสีจะไม่สดเท่าของ Samsung นอกจากนี้หน้าจอ LTPO Super Retina XDR นั้นยังเป็นจอแบบ ProMotion ที่สามารถปรับค่า Refresh Rate ได้ต่ำสุดที่ 10Hz และมีความสว่างสูงสุดถึง 2,000 นิต แต่จุดที่น่าสนใจกว่าหน้าจอของ Samsung ก็คือ iPhone 14 Pro Max นั้นรองรับการแสดงผลแบบ Dolby Vision นั่นเอง
ซึ่งถ้าถามว่าสเปคหน้าจอของใครดีกว่าก็ต้องบอกเลยว่า หน้าจอของ Samsung Galaxy S23 Ultra จะมีการในด้านการแสดงผล ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดหรือสีสัน แต่จุดที่ทาง iPhone 14 Pro Max นั้นได้เปรียบก็คือขอบจอที่ไม่ได้เป็นขอบโค้ง ทำให้หาฟิล์มได้ง่ายกว่าและราคาถูกกว่า Galaxy S23 Ultra ที่ขอบจอโค้งนิดๆ ด้วย
ชิปประมวลผล
ในส่วนของชิปประมวลผลนั้นจากตารางเปรียบเทียบ Galaxy S23 Ultra ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 2 รุ่นพิเศษที่ได้รับการอัปเกรดความเร็วทั้ง CPU และ GPU ให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ Snapdragon Cognitive ISP ซึ่งเป็นตัวประมวลภาพถ่ายที่รองรับ Semantic Segmentation ทำให้สามารถวิเคราะห์วัตถุและส่วนต่างๆ ของภาพโดยแยกแต่ละองค์ประกอบได้แบบละเอียดมากๆ ได้ แถมยังเป็นแบบ Real-time อีกด้วย
ซึ่งเมื่อเอาไปเทียบกับชิป A16 Bionic ใน iPhone 14 Pro Max นั้นจริงอยู่ที่ทั้งคู่เป็นชิปขนาด 4nm เหมือนกัน แต่ก็มีจุดที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นจำนวนคอร์, ความเร็ว และโมเด็ม 5G โดย Snapdragon 8 Gen 2 นั้นจะมีทั้งหมด 8 คอร์ ที่มีความเร็วสูงสุดที่ 3.36GHz ส่วน A16 Bionic จะอยู่มี 6 คอร์ ที่ความเร็วสูงสุด 3.46GHz ซึ่งถ้าพูดถึงสามารถในการประมวลผลแล้ว A16 Bionic จะได้เปรียบเรื่องความเร็วในการประมวลผล แต่ก็เริ่มใกล้เคียงขึ้นมาแล้วเมื่อเทียบจากรุ่นก่อนๆ อีกเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างกันเลยก็คือชิปโมเด็ม 5G ซึ่ง Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy นั้นใช้โมเด็ม Snapdragon X70 ซึ่งเป็นโมเด็มรุ่นใหม่ ส่วน A16 Bionic นั้นเป็นโมเด็ม Snapdragon X65 ซึ่งเป็นโมเด็มตัวอัปเกรดจาก X60 ซึ่งทำให้การรับสัญญาณและการจัดการพลังงานนั้นทำได้ดีกว่า ดังนั้นถ้าจะให้สรุปเรื่องชิปแบบสั้นๆ เลยก็คือถ้าจะเอาความแรงก็ A16 Bionic ไปเลย แต่ถ้าจะเอาแรงด้วย ประหยัดพลังงานด้วย Snapdragon 8 Gen 2 For Galaxy ไป
กล้องถ่ายรูป
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพนั้น จากตารางกล้องหลังนั้นทั้ง Galaxy S23 Ultra และ iPhone 14 Pro Max นั้นต่างก็มีเลนส์ 3 รูปแบบคือเลนส์หลัก, เลนส์ Ultra-wide และเลนส์ Telephoto ซึ่งถ้าพูดถึงการใช้ในชีวิตประจำวันมันก็ได้หมดทุกรูปแบบอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้มันแตกต่างกันก็คือการใช้งงานที่ไม่ใช่การถ่ายแบบทั่วไปนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความละเอียด, การซูม หรือการถ่ายวิดีโอ โดย Galaxy S23 Ultra นั้นจะมาพร้อมกล้องหลักความละเอียด 200MP ที่สามารถเลือกได้ว่าจะถ่ายแบบ 200MP, 50MP หรือ 12MP ส่วน iPhone 14 Pro Max นั้นสามารถเลือกถ่ายได้ 48MP และ 12MP ซึ่งในเรื่องของคุณภาพของภาพนิ่งนั้นหากเอามาเทียบกันอาจจะยากสักหน่อย เพราะภาพถ่ายนั้นหลังถ่ายจะผ่านกระบวนการปรับแต่งก่อนเสมอ ซึ่งตรงนี้ต้องพึ่งควาชอบส่วนบุคคลแล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Galaxy S23 Ultra ได้ชิปประมวลผลภาพถ่ายตัวใหม่ล่าสุดของ Qualcomm ที่เคลมว่าสามารถแยกแยะรายละเีอยดต่างๆ ออกมาได้อย่างแม่นยำ ทั้งนี้ก็คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
สำหรับสิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นอีกจุดแตกต่างเลยอย่างแรกก็คือการซูม เพราะ Galaxy S23 Ultra นั้นรองรับการซูมสูงสุดที่ 100 เท่า ส่วน iPhone 14 Pro Max นั้นสามารถซูมได้สูงสุดที่ 15 เท่า ซึ่งเมื่อเทียบการซูมที่ระยะ 15 เท่าแล้ว สำหรับ iPhone 14 Pro Max คือขยายสุดความสามารถแล้ว แต่สำหรับ Galaxy S23 Ultra นั้นจะเป็นการขยายภาพจากกล้อง Periscope ที่รองรับการซูมแบบ Optical 10 เท่าเพิ่มไปอีกนิดเดียวเอง ทำให้ถ้าพูดถึงการซูมไม่ว่าจะเป็นระยะหรือความคมชัด Galaxy S23 Ultra สามารถทำออกมาได้เหนือกว่า
จุดแตกต่างอีกจุดก็คือ iPhone 14 Pro Max มี LiDAR Scanner ที่ช่วยสแกนวัตถุแบบ 3D ช่วยให้มามารถเอาไปใช้งานแบบอาชีพได้สะดวกขึ้นไม่น้อย ส่วน Galaxy S23 Ultra นั้นถึงจะทำไม่ได้แต่ก็แลกมาด้วยการที่สามารถบันทึกวิดีโอได้ถึง 8K @30fps ซึ่งสำหรับตอนนี้ถือว่าเป็นความละเอียดที่สูงที่สุดในโลกมือถือแล้ว ซึ่งถ้าให้สรุปออกมาว่ากล้องตัวไหนดีกว่า ก็ต้องบอบกว่าจะเน้นไปทางไหนระหว่างกล้องซูมไกลและถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง หรือเอากล้องเน้นใช้งามและมีเซ็นเซอร์ 3D ต้องเลือกไปทางใดทางหนึ่ง
ระบบชาร์จเร็ว
ในส่วนของระบบชาร์จเร็วนั้นเมื่อเทียบดูจากตารางแล้วทั้งคู่มีชาร์จเร็ว, ชาร์จไร้สาย และชาร์จไร้สายย้อนกลับอยู่ ซึ่งจากที่เทียบกันออกมานั้นทาง Galaxy S23 Ultra จะได้เปรียบเวลาชาร์จผ่านสาย เพราะรองรับการชาร์จสูงสุดถึง 45W (ทั่วๆ ไปก็ 25W) ส่วน iPhone 14 Pro Max นั้นรองรับการชาร์จผ่านสายสูงสุดที่ 29W แต่ก็แค่ระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นจะลงมาอยู่ที่ราวๆ 26W ซึ่งถ้าเทียบเรื่องระยะเวลาในการชาร์จจริงๆ แล้ว Galaxy S23 Ultra จะได้เปรียบกว่าเยอะ ต่อให้แบตเตอรี่จะมากกว่าก็ตาม
แต่เมื่อมามองที่การชาร์จไร้สายแล้ว จริงอยู่ที่ทั้งคู่รองรับการชาร์จไร้สายขนาด 15W แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาคือ ไรสาย 15W ของทั้งคู่นั้นต้องใช้ที่ชาร์จเฉพาะเท่านั้น เอาแท่นชาร์จไร้สายมาชาร์จก็จะได้อย่างมากแค่ 7.5W เท่านั้น โดยการชาร์จไร้สาย 15W นั้นจุดแตกต่างกันก็คือของ Galaxy S23 Ultra นั้นจะมีลักษณะแบบแท่นวางเฉยๆ ถ้าเครื่องเลื่อนก็หลุดแล้ว ในขณะที่ทาง iPhone 14 Pro Max นั้นเป็นแท่นชาร์จแบบ MagSafe ที่ยึดตัวเครื่องกับแท่นชาร์จด้วยแม่เหล็กทำให้หลุดยากและประหยัดเนื้อที่ไปได้เยอะ ถ้าเอาแค่เรื่องการชาร์จไร้สายแล้ว iPhone 14 Pro Max ดูดีกง่าเยอะเลย
ถ้าให้สรุปเรื่องการชาร์จนั้นคงต้องถามคนที่ใช้เครื่องงว่าถนัดแบบไหนมากกว่านะหว่างชาร์จแบบต่อสายเพื่อความรวดเร็ว แต่แลกมาด้วยการไม่สะดวกในการใช้งาน หรือจะเอาชาร์จไร้สายที่สะดวกต่อการใช้งานแต่ชาร์จได้ไม่เร็วเท่าไร
อื่นๆ
ในส่วนอื่นๆ ที่แตกต่างกันก็จะมีการรองรับ Wi-Fi ซึ่ง Galaxy S23 Ultra รองรับเป็น Wi-Fi 6E แต่ทาง iPhone 14 Pro Max ได้แค่ Wi-Fi 6 ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากเนื่องจากในปัจจุบันนี้พึ่งเริ่มเข้าสู่ Wi-Fi 6 กันเอง
มาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น ซึ่งในเรื่องนี้ทั้งคู่ได้มาตราฐาน IP68 เหมือนกัน ดูผิวเผินอาจจะไม่ได้แตกต่างอะไรแต่มันแตกต่างกันจริงๆ นะ โดย Galaxy S23 Ultra จมน้ำได้ลึกสุดแค่ 1 เมตร ในขณะที่ iPhone 14 Pro Max นั้นจมไปลึกถึง 6 เมตร ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงจากการเผลอทำมือถือตกน้ำแล้วโอกาสรอดของ iPhone 14 Pro Max จะมีสูงกว่า
สรุปจากการเทียบสเปค Samsung Galaxy S23 Ultra vs iPhone 14 Pro Max นั้นต้องบอกเลยว่ามันเป็นเรือธงที่มุ่งการใช้งานไปคนละแนว โดย Samsung Galaxy S23 Ultra จะออกแนวเน้นการใช้งานที่หลากหลาย สามารถใช้ได้ทุกอาชีพ ส่วน iPhone 14 Pro Max นั้นเป็นเครื่องที่เหมาะกับคนที่ใช้งานในสายอาชีพขั้นสูงหรือคนที่ชอบความเรียบง่ายของ iOS มากกว่า ทั้งนี้อย่างไรด๊ก็ควรจะไปลองจับตัวเครื่องดูสักครั้งก่อนตัดสินใจซ์้อ เนื่องจากทั้ง 2 เครื่องนี้ราคาโหดเอาเรื่องทีเดียว