ไม่น่าเชื่อว่าเป็นระยะเวลากว่า 1 ปีแล้วที่ Android 6.0 Marshmallow เปิดตัวอย่างเป็นทางการออกมาให้เราได้ใช้งานกัน เพราะทุกวันนี้เรายังได้ยินข่าวการปล่อยอัพเดท Android 6.0 Marshmallow กันอย่างต่อเนื่อง และสาเหตุก็เป็นเพราะว่าทางค่ายมือถือไม่ยอมปล่อยอัพเดทตามที่ควรจะเป็น ซึ่ง Google เองก็ได้เล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จนมีข่าวออกมาว่าในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าทาง Google อาจจะควบคุมการอัพเดทซอฟท์แวร์ในมือถือ Android เองทั้งหมด และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวของ Android N หรือ Android 7.0 ออกมาให้เราได้ยินกัน ซึ่งจากข่าวที่ออกมาจะเห็นได้ว่า Android เวอร์ชั่นใหม่นี้ได้มีการพัฒนาจาก Android 6.0 Marshmallow มากพอสมควร และในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจใน Android N จะมีอะไรใหม่ๆ ให้เราได้ใช้งานกันบ้างติดตามจากบทความนี้ได้เลย
1.Emoji แบบใหม่
และสิ่งแรกที่เพิ่มเข้ามาใน Android N นั่นคืออีโมจิบนแป้นพิมพ์แบบใหม่ถึง 70 แบบตามภาพตัวอย่างด้านบน โดยจะเห็นได้ว่าอีโมจิส่วนใหญ่นั้นจะเป็นรูปคนมีหลากหลายสีผิวให้เลือกใช้งาน ซึ่งอีโมจิแบบใหม่ที่ว่านี้ได้เปิดตัวครั้งแรกในงาน Google I/O 2016 ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่โต แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ทาง Google ได้พัฒนาขึ้นจาก Android รุ่นก่อนอย่างเห็นได้ชัด
2.Google Assistant
และฟีเจอร์ต่อไปที่เพิ่มเข้ามาใน Android N นั่นคือ Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะที่ได้รับการพัฒนาจนมีความชาญฉลาดมากกว่า Google Now โดยเราสามารถถามคำถามที่ซับซ้อนกับ Google Assistant ได้ และที่น่าสนใจนั่นคือคำตอบที่ทาง Google Assistant ตอบมานั้นจะเหมือนกับมนุษย์มากกว่าแบบที่เราได้ยินกันใน Google Now แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้มือถือเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกกับผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น และนี่ก็คือประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น
3.เพิ่มปุ่ม “Clear All”
และฟีเจอร์ถัดมานั่นก็คือการเพิ่มปุ่ม “Clear All” เพียงปุ่มเดียวเพื่อปิดการใช้งานแอปพลิเคชั่นทั้งหมด จากเดิมที่เราจะต้องมาไล่ปิดทีละแอปพลิเคชั่น แต่จะเห็นได้ว่าฟีเจอร์นี้จะมีในมือถือหลายรุ่นที่ไม่ใช่มือถือ Nexus หรือมือถือที่ใช้ UI แบบ Pure Google ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่อะไรที่ใหม่สำหรับบางคน แต่คนที่ใช้มือถือที่มี UI แบบ Pure Google อาจจะหลงรักการเปลี่ยนแปลงใน Android N เลยก็ว่าได้
4.Instant Apps
และฟีเจอร์ต่อมานั้นก็ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีมากๆ อีกหนึ่งอย่างนั่นคือการเพื่มฟีเจอร์ Instant Apps เข้ามา โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์ที่ว่านี้ก็คือ เมื่อเราเข้าเว็บไซต์อย่างเช่น Google และค้นหาสินค้าอย่างเช่นในภาพตัวอย่างด้านบน เมื่อเรากดที่ลิงค์ Google จะเปิดแอพที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราค้นหาบน Google Play และเปิดใช้งานในทันทีซึ่งข้อดีนั่นก็คือเราจะไม่ต้องมาเสียเวลาดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นเหมือนเมื่อก่อน และข้อดีอย่างเห็นได้ชัดนั่นคือการทดลองใช้งานแอปพลิเคชั่นก่อนใช้งานจริง ถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้
5.อัพเดทซอฟท์แวร์อย่างแนบเนียน
ฟีเจอร์ถัดมาก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กันโดยปกติแล้วการอัพเดทซอฟท์แวร์ตัวเครื่อง ก่อนจะอัพเดทก็จะมีการแจ้งเตือนเข้ามาก่อนว่าจะมีการอัพเดทซอฟท์แวร์ แต่ทาง Google ได้ปรับเปลียนรูปแบบการอัพเดทซอฟท์แวร์ใน Android N จากเดิมที่ต้องมีการแจ้งเตือนและต้องทำการยืนยันก่อนจะอัพเดทซอฟท์แวร์ตัวเครื่อง เปลี่ยนเป็นระบบจะดาวน์โหลดซอฟท์แวร์เอาไว้ในเครื่องและจะติดตั้งหลังจากเรารีสตาร์ทตัวเครื่องเครื่อง ถ้าจะว่าไปแล้วก็คล้ายๆ กับการอัพเดท Windows ในคอมพิวเตอร์นั่นเอง ที่จะแอบดาวน์โหลดแบบเนียนๆ ไม่รบกวนการใช้งานของเรา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจเลยทีเดียว
6. VR Interface
จะเห็นได้ว่าในช่วงระยะหลังมานี้ทาง Google ดูจะให้ความสำคัญกับ Virtual Reality หรือ VR มากยิ่งขึ้นสังเกตได้จากการปรากฎตัวของ Google Cardboard และแว่น VR จากทางค่ายมือถือ โดยจะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ใน YouTube เองก็มีวีดีโอแบบ VR เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน และใน Android N ก็ได้พัฒนาในเรื่อง Interface ของ VR ให้มีความล้ำสมัยมากยิ่งขึ้น โดยเราสามารถเปิดแอปพลิเคชั่นได้ง่ายยิ่งขึ้นในขณะที่สวมแว่น VR ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจดีทีเดียว
7.Multiwindow Multitasking
การใช้งานมากกว่า 1 แอปภายในหน้าจอเดียวถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานมือถือ Android นั้นต่างก็รอคอย เพราะในทุกวันนี้ยังไม่มี Android เวอร์ชั่นไหนที่สามารถทำได้ โดยสิ่งที่สามารถทำได้ตอนนี้นั่นคือการสลับใช้งานทีละแอปพลิเคชั่น แต่ใน Android N จะมีการพัฒนาในส่วนของการใช้งาน Multiwindow ให้สามารถเปิดใช้งาน 2 แอปพลิเคชั่นในหนึ่งหน้าจอได้ อย่างเช่นภาพตัวอย่างด้านบนที่จะเห็นได้ว่าการคัดลอกข้อความนั้นทำได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น และสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือเราสามารถเพิ่มหรือลดขนาดหน้าต่างแอปพลิเคชั่นได้อีกด้วย
8. Bundled Notifications
เรื่องต่อมานั่นคือเรื่องของการแจ้งเตือนที่จะได้รับการพัฒนามากขึ้นใน Android N ซึ่งตามปกติแล้วการแจ้งเตือนจำทำหน้าที่เพียงแค่บอกว่ามีข้อความใหม่เข้ามา แต่ใน Android N เรื่องของการแจ้งเตือนก็จะถูกพัฒนาชึ้นด้วยเช่นกัน อย่างเช่น แอปข้อความที่หากมีข้อความเข้ามาหลายข้อความพร้อมกันเราสามารถเปิดดูได้ด้วยการใช้นิ้วมือสองนิ้วปัดบนหน้าจอ และทาง Google ยังได้เพิ่มปุ่มขยายเข้ามาสำหรับเปิดอ่านข้อความด้วยเช่นกัน และทั้งหมดนี้จะเกิดขึนบนหน้าจอแจ้งเตือนทั้งหมด แทนการใช้งานแบบเก่าที่เราต้องเปิดแอปพลิเคชั่นขึ้นมาก่อนจึงจะสามารถตอบได้
9.Direct reply notifications
นอกจากจะสามารถเปิดอ่านข้อความได้อย่างทันทีแล้ว Android N ยังได้เพิ่มความสามารถในการตอบข้อความจากแถบสถานะได้ทันที จากเดิมที่เราต้องเข้าไปในแอปพลิเคชั่นเสียก่อนจึงจะตอบได้ เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีพอสมควร นอกจากจะทำได้การใช้งานมือถือนั้นทำได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นแล้วยังทำให้เราไม่พลาดบทสนทนาที่สำคัญๆ อีกด้วย เรียกว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะลืมตอบอีเมลหรือข้อความที่มีแจ้งเตือนเข้ามาอีกต่อไป
10.สลับการใช้งานแอปด้วยปุ่ม Overview
กลับมาที่เรื่องของการใช้งานแอปพลิเชั่นอีกครั้งใน Android N นอกจากจะสามารถใช้งานแอปพลิเคชั่นได้มากกว่า 1 แอปในหน้าจอเดียวแล้ว การสลับแอพพลิเคชั่นยังทำได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นอีกด้วยและที่น่าสนใจนั่นคือเราไม่ต้องสัมผัสกับหน้าจอโดยตรงอีกด้วย ซึ่งการสลับแอพพลิเคชั่นก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่ม Overview สองครั้งในขณะที่เราใช้งานแอปล่าสุดตัวเครื่องก็จะสลับไปใช้งานแอปก่อนหน้าในทันที จากเดิมที่เราต้องกดปุ่ม Overview แล้วเลือกแอปที่ต้องการเปิดด้วยตัวเอง แต่ใน Android N จะทำให้การสลับแอปพลิเคชั่นนั้นทำได้อย่างรวดเร็วและสะดวกมากยิ่งขึ้น
11.ตัวเลือกการตั้งค่าที่มากขึ้น
อีกสิ่งหนึ่งที่ทาง Google ได้พัฒนาบน Android N นั่นคือส่วนของ Quick Setting บนแถบการแจ้งเตือน โดยใน Android N ได้มีการเพิ่มตัวเลือกอย่างเช่น หมุนหน้าจออัตโนมัติ , นาฬิกา , แบตเตอรี่ นอกจากนี้ยังสามารถจัดเรียงไอคอนตั้งค่าเหล่านี้ในแบบที่เราต้องการได้ ซึ่งถ้าเทียบกับมือถือที่ไม่ได้ใช้ UI แบบ Pure Google แล้วอาจจะเรียกว่าสิ่งนี้อาจจะไม่ได้ใหม่ไปเสียทีเดียว
12.โหมดกลางคืน
และมาถึงฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใน Android N อย่างชัดเจนซึ่งก็คือฟีเจอร์ Night Mode ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นความสามารถที่ไม่เชิงว่าเป็นของใหม่ไปเสียทีเดียวเนื่องจากจะเห็นได้ว่าฟีเจอร์นี้ได้ปรากฎตัวบน Android 6.0 Marshmallow โดยหลักการทำงานของฟีเจอร์นี้นั่นก็คือการควบคุมแสงหน้าจอโดยอัตโนมัติ ทำให้เราสามารถใช้งานมือถือในช่วงเวลากลางคืนได้โดยไม่รู้สึกปวดตานั่นเอง
13. Data Saver
และสำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องของ 3G | 4G หมดก่อนเวลาอันควร ทาง Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามาช่วยลดการสิ้นเปลืองปริมาณ 3G|4G โดยเราสามารถควบคุมการใช้งาน 3G|4G ของแอปพลิเคชั่นได้ในช่วงที่ใกล้ครบกำหนดชำระ หรือช่วงใกล้หมดโปรสำหรับผู้ใช้งานแบบเติมเงิน โดยหลักการทำงานนั่นคือระบบจะบล็อคการเชื่อมต่อไม่ให้แอปสามารถใช้งาน 3G | 4G ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่างเช่น การลดความละเอียดของภาพ หรือความละเอียดของวีดีโอ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าได้ด้วยว่าจะให้แอพไหนสามารถใช้งาน 3G | 4G ได้อย่างเต็มรูปแบบ
14.เพิ่มความสามารถในการจัดการไฟล์
เป็นที่รู้กันดีว่า Android 6.0 Marshmallow มาพร้อมกับความสามารถในการจัดการไฟล์ต่างๆ และใน Android N ทาง Google ได้พัฒนาตัวเลือกในการจัดการไฟล์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยใน Android N ทาง Google ได้เพิ่มตัวเลือกอย่าง การคัดลอก หรือ ย้ายไฟล์ต่างๆ ได้ตามที่ผู้ใช้งานต้องการโดยที่ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมาใช้งานแต่อย่างใด
15.Display calibration
และฟีเจอร์ต่อไปนี้ถือได้ว่าเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะใน Android N ทาง Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ Display calibration หรือการปรับโทนสีของหน้าจอแสดงผล โดยเราสามารถเลือกได้ว่าจะต้องการให้หน้าจอมือถือของเรานั้นเป็นสีโทนร้อนหรือสีโทนเย็น พร้อมทั้งยังมีโหมด “Movie” และ Photo ให้เลือกใช้งานอีกด้วย ในส่วนของการปรับแต่งทาง Google จะใส่แถบ RGB เข้ามาเพื่อให้การปรับโทนสีนั้นทำได้อย่างอิสระ โดยหัวข้อนี้จะอยู่ในเมนู “System UI Tuner”
16.การจัดการพลังงานที่ดีกว่า
ใน Android 6.0 Marshmellow ทาง Google ได้เพิ่มโหมดประหยัดพลังงานหรือ Doze Mode ที่จะช่วยประหยัดพลังงานโดยการปิดแอปพลิเคชั่นที่ทำงานเป็นเบื้องหลัง และใน Android N ทาง Google ได้พุ่งเป้าหมายไปที่การทำให้ระบบใช้ความจำน้อยลง และพัฒนาให้แอปที่ทำงานเป็นเบื้องหลังนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่ใช้ปรับแต่งการทำงานของตัวเครื่องในโหมด Deverloper อีกด้วย
17. เพิ่งประสิทธิภาพด้วย Java 8
สิ่งเล็กๆ ที่ได้รับการพัฒนาใน Android N อีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือทาง Google ได้นำ Java 8 มาใช้งานใน Android N ทำให้นัักพัฒนาซอฟท์แวร์สามารถพัฒนาในส่วนของซอฟท์แวร์ได้ง่ายยิ่งขึ้น และสิ่งที่น่าสนใจนั่นคือฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Java 8 จะมีอยู่ตั้งแต่ Android N ขึ้นไป และที่แน่ๆ คือในอนาคตการพัฒนาซอฟท์แวร์จะทำได้อย่างรวดเร็วและง่ายกว่าเดิมอย่างแน่นอน
18. Screen Zoom
และฟีเจอร์สุดท้ายที่ได้เพิ่มเข้ามาใน Android N นั่นก็คือฟีเจอร์ Screen Zoom ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่คล้ายกับการกำหนดไชต์ของหน้าจอ หลังการทำงานก็คือการซูมหน้าจอเพื่อช่วยให่ผู้ที่มีปัญหาด้านการมองเห็นได้ใช้งานมือถือได้อย่างสะดวกมายิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถซูมได้ขั้นต่ำที่ 320 dp เท่านั้น หรือความกว้างประมาณหน้าจอของมือถือ Google Nexus 4 นั่นเอง และนี่คือฟีเจอร์ที่น่าสนใจทั้งหมดของ Android N หรือ Android 7.0 เรียกว่าล้วนเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ในการใช้งานทั้งสิ้น เมื่อดูจากการพัฒนาทั้งหมดที่ทาง Google ได้เพิ่มเข้ามาแล้วบอกได้คำเดียวเลยว่านวัตรกรรมใหม่ในอนาคตจะต้องน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแน่นอน