พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) เปิดเผยว่า กทค.อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนการถือหุ้นของต่างชาติในกิจการโทรคมนาคมจากปัจจุบันที่ต่างชาติถือหุ้นได้ในสัดส่วนไม่เกิน 49% ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการคนต่างด้าว โดย กทค.จะตรวจสอบการถือหุ้นของต่างชาติอย่างเข้มงวดทั้งทางตรง ทางอ้อม การถือหุ้นไขว้ และการตั้งบริษัทนอมินีถือหุ้นแทนด้วย หากเอกชนรายใดไม่เป็นไปตามกฎหมายและประกาศของ กสทช. เรื่องการกำหนดข้อห้ามการกระทำที่มีลักษณะเป็นการครอบงำกิจการหรือมีลักษณะต้องห้ามจะไม่สามารถเข้าร่วมประมูล 4 จี บนคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ ในเดือน ส.ค.57 และคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ในเดือน พ.ย.57 นี้
โดยการตรวจสอบอย่างเข้มงวดสำหรับการถือหุ้นของต่างชาตินั้น นอกจากการป้องกันไม่ให้เกิดการครอบงำและมีอำนาจในการบริหารจัดการของนักลงทุนต่างชาติแล้ว ยังเพื่อความมั่นคงในระบบโทรคมนาคมของประเทศด้วย เพราะการติดต่อสื่อสารโทรคมนาคมถือเป็นหัวใจของการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ หากยอมให้ต่างด้าวโดยเฉพาะทุนที่มีหน่วยงานของรัฐต่างชาติสนับสนุน อาจมีความเสี่ยงในการกำกับดูแลได้?ในปัจจุบันผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายต่างๆ ของไทย ส่วนมากมักจะมีการถือครองส่วนหนึ่งโดยทุนต่างชาติ เช่น AIS ที่ถือครองโดย SingTel, DTAC ที่ถือครองโดย Telenor และล่าสุดสำหรับกลุ่ม TRUE ที่เตรียมจะขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ China Mobile?ตามมติของคณะกรรมการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ส่วนกรณีผู้ถือหุ้นใหญ่ดีแทคให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า กทค.เป็นผู้สั่งปิดเว็บไซต์เฟซบุ๊กนั้น พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง และผู้สื่อข่าวยังรายงานเพิ่มเติมว่า จากกรณีที่ผู้ถือหุ้นดีแทคได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศว่า กทค.ได้สั่งปิดเฟซบุ๊กนั้น ทำให้กรรมการ กสทช.ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงคาดว่าน่าจะเป็นมูลเหตุทำให้ กทค.เตรียมตอบโต้กลับด้วยการตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบการถือหุ้นของต่างชาติอย่างเข้มงวด โดยจะเริ่มตรวจสอบการถือหุ้นของดีแทคก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็จะตรวจสอบเอไอเอสและทรูเป็นรายต่อไป