Vivo V15 Series มีด้วยกัน 2 รุ่น ได้แก่ Vivo V15 Pro และ Vivo V15 ทั้งสองรุ่นเปิดตัวพร้อม ๆ กัน มีส่วนต่างราคาอยู่ที่ 4,000 บาท โดยราคาของ V15 Pro เปิดมาที่ 14,999 บาท ส่วน V15 เปิดราคาที่ 10,999 บาท บทความนี้ผมจะทำการเทียบทั้ง 2 รุ่น ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
สเปค Vivo V15 Pro
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
- ชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 675 octa-core
- Ram 6 GB
- ความจุ 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB
- ระบบปฏิบัติการ FunTouch 9 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 9.0 Pie
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0 ซ่อนไว้ในตัวเครื่อง (Pop-up Camera)
- กล้องหลังความละเอียด 48 ล้านพิกเซล Quad-pixel Sensor, กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ปลดล็อกด้วยใบหน้า และปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ
- แบตเตอรี่ 3700 mAh ชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging 18W
- รองรับ dual 4G VoLTE, Wi-Fi 802.11ac, Bluetooth 5.0
- พอร์ตชาร์จ microUSB 2.0
- ราคาเปิดตัว 14,999 บาท
สเปค Vivo V15
- หน้าจอ In-Cell IPS ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด Full HD+
- ชิปประมวลผล MediaTek Helio P70 octa-core 2.1 GHz
- Ram 6 GB
- ความจุ 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB
- ระบบปฏิบัติการ FunTouch 9 ที่มีพื้นฐานมาจาก Android 9.0 Pie
- กล้องหน้าความละเอียด 32 ล้านพิกเซล f/2.0 ซ่อนไว้ในตัวเครื่อง (Pop-up Camera)
- กล้องหลังความละเอียด 24 ล้านพิกเซล f/1.78 , กล้องมุมกว้าง 8 ล้านพิกเซล และกล้องตัวที่ 3 ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
- ปลดล็อกด้วยเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หลังเครื่อง
- แบตเตอรี่ 4000 mAh รองรับชาร์จเร็ว Dual-Engine Fast Charging 18W
- รองรับ Bluetooth 4.2
- พอร์ตชาร์จ microUSB 2.0
- ราคาเปิดตัว 10,999 บาท
ชิปประมวลผล V15 | V15 Pro
สิ่งที่แตกต่างระหว่าง V15 กับ V15 Pro หลัก ๆ จะอยู่ที่สเปคด้านใน แน่นอนว่า V15 Pro ย่อมมาพร้อมกับสเปคที่ดีกว่า ด้วยชิป Snapdragon 675 AIE (11 nm) ในขณะที่ V15 ใช้ชิป MediaTek Helio P70 (12 nm) อย่างไรก็ตาม ทั้งสองรุ่นมีแรมเท่ากันที่ 6 GB รวมถึงความจุ 128 GB รองรับ microSD Card สูงสุด 256 GB
กล้องถ่ายภาพ V15 | V15 Pro
กล้องหน้าของ Vivo V15 Series เป็นกล้องหน้า Pop-up ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล สเปคของกล้องหน้าเท่ากัน โดยสิ่งที่แตกต่างจะเป็นกล้องหลังของทั้ง 2 รุ่น แม้จะเป็น 3 กล้องหลัง AI เหมือนกัน แบ่งเป็นกล้องระยะปกติ, ระยะ Super wide-angle และ Depth Sersor แต่ก็มีความแตกต่างด้านความละเอียดเล็กน้อย
- V15 Pro : กล้อง 48MP + 8MP + 5MP
- V15: กล้อง 24MP + 8MP + 5MP
ฟีเจอร์ด้านในหลัก ๆ ไม่ว่าจะเป็น AI Face Beauty รวมถึงโหมด AI Portrait Lighting และ AI Body Shaping มีให้ใช้งานเช่นเดียวกันทั้ง V15 และ V15 Pro แต่จะมีสิ่งที่แตกต่างก็คือ Vivo V15 ไม่มีโหมด AI Night Mode
หน้าจอ และขนาดตัวเครื่อง V15 | V15 Pro
หน้าจอ V15 Pro รุ่นพี่จะมาพร้อมหน้าจอแบบ Super AMOLED ขนาด 6.39 นิ้ว ขอบเขตสี P3 อัตราส่วน 19.5:9 ส่วน V15 จะมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 6.53 นิ้ว ประเภทจอแบบ In-Cell IPS อัตราส่วนหน้าจอเท่ากัน ความละเอียดเท่ากันที่ Full HD+
ด้วยความที่ V15 มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า เลยทำให้ขนาดตัวเครื่องโดยรวมของ V15 ใหญ่ และหนากว่า V15 Pro เล็กน้อยด้วยครับ
แบตเตอรี่ และฟีเจอร์อื่น ๆ V15 | V15 Pro
ข้อแตกต่างอีกอย่างก็คือขนาดของแบตเตอรี่ V15 จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ 4000 mAh ในขณะที่ V15 Pro มีแบตเตอรี่ 3700 mAh อย่างไรก็ตามความจุที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย ส่วนตัวผมว่ามีผลต่อการใช้งานไม่มาก และเผลอ ๆ V15 Pro จะมีการจัดการพลังงานที่ดีกว่า ด้วยชิป Snapdragon 675 11 นาโนเมตร และหน้าจอ Super AMOLED
รายละเอียดยิบย่อยที่แตกต่างกันก็เช่น V15 เป็น Bluetooth 4.2 ส่วน V15 Pro เป็น Bluetooth 5.0 นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ ที่ V15 ยังเป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วด้านหลังตัวเครื่อง ไม่รองรับการสแกนใบหน้า ส่วน V15 Pro เป็นเซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ พร้อมรองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้า
ซื้อตัวไหนดี Vivo V15 หรือ Vivo V15 Pro?
ด้วยราคาที่แตกต่างกัน 4,000 บาท จึงทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อระหว่าง V15 กับ V15 Pro ปัจจัยสำคัญจะอยู่ที่งบประมาณในกระเป๋าล้วน ๆ เลยครับ หากมีงบถึง 14,999 บาทจัดเลย Vivo V15 Pro แต่ถ้างบไม่ถึง การซื้อ Vivo V15 ที่ราคา 10,999 บาท ก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว เพราะยังคงได้สมาร์ทโฟนจอใหญ่ แบตเตอรี่อึด กล้องหน้า กล้องหลังดี ๆ รวมถึงสามารถเล่นเกมได้อีกด้วย
ส่วนตัวผมว่ารอบนี้ Vivo ทำการบ้านมาดีทีเดียวครับ ตั้งแต่ตัวผลิตภัณฑ์ที่มีลูกว้าวให้ตื่นเต้น สเปค รวมถึงฟีเจอร์ที่สู้กับแบรนด์คู่แข่งได้สบาย ๆ อีกทั้งการตั้งราคาของ Vivo V15 Series ก็ไม่ทำให้ผู้ใช้สับสนอีกด้วย ส่วนต่างราคาระหว่างรุ่นปกติกับรุ่น Pro ตัดสินใจได้ไม่ยากครับ