เปรียบเทียบสเปค iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ต่างกันตรงไหน ซื้อรุ่นไหนดีและรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง?

เปรียบเทียบสเปค iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ต่างกันตรงไหน ซื้อรุ่นไหนดีและรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง?

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับ iPad ของ Apple ที่มีรุ่นใหม่ล่าสุดเปิดตัวออกมาถึงสองรุ่นนั่นก็คือ iPad Pro รุ่นใหม่ทั้งสองขนาดหน้าจอ ที่มาพร้อมชิปตัวแรงคือ M2 นอกนั้นก็แทบจะคล้ายของรุ่นก่อนหน้าหมดเลย กับอีกรุ่นคือ iPad รุ่นที่ 10 ที่ดูเหมือนว่าจะมีข้อแตกต่างเยอะกว่ารุ่นก่อนหน้าพอสมควร แต่ถ้าให้เทียบ iPad Pro กับรุ่นตัวแรงด้วยกันที่ยังมีการวางขายอย่างเป็นทางการแล้ว รุ่นที่พอจะมาสู้ได้หน่อยก็คือ iPad Air M1 ที่หลังจากการเปิดตัวรุ่นใหม่ไปแล้ว รุ่นอื่นๆ ก็มีการขึ้นราคาตามกันมาสูงสุดถึง 5,000 บาทเลยทีเดียว สำหรับคนที่ต้องการซื้อ iPad รุ่นตัวแรงในตอนนี้ และกำลังลังเลอยู่ว่าจะซื้อรุ่นไหนดีระหว่าง iPad Pro M2 รุ่นใหม่กับ iPad Air M1 รุ่นก่อนหน้าที่มีราคาเริ่มต้นต่างกันเกือบหมื่นมีอะไรต่างกันตรงไหนบ้าง วันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบสเปค iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ให้ดูว่าต่างกันตรงไหน และจะซื้อรุ่นไหนดีให้เหมาะกับใครและเหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด

• ดีไซน์ตัวเครื่องของ iPad Pro M2 vs iPad Air M1
• หน้าจอของ iPad Pro M2 vs iPad Air M1
• ชิปประมวลผลของ iPad Pro M2 vs iPad Air M1
• กล้องหน้าและกล้องหลังของ iPad Pro M2 vs iPad Air M1
• เปรียบเทียบราคาแต่ละรุ่นของ iPad Pro M2 vs iPad Air M1
• สรุประหว่าง iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ควรซื้อรุ่นไหนดี รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง

ตัวเครื่องมีความคล้ายกัน แต่รุ่นโปรก็ยังเป็นโปรมากกว่า

เริ่มกันที่ดีไซน์ตัวเครื่องระหว่าง iPad Pro M2 vs iPad Air M1 กันก่อนเลย ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีตัวเครื่องที่เป็นขอบแบนและมุมโค้งเหมือนกัน แต่ถ้าเทียบกับขนาดแล้ว iPad Pro M2 จะมีสองขนาดคือรุ่นหน้าจอ 12.9 นิ้วและ 11 นิ้วที่มีขนาดและน้ำหนักที่ต่างกันเล็กน้อย ถ้ามองด้วยตาเปล่าโดยไม่วางใกล้กันอาจจะมองไม่เห็นความต่างของขนาดสำหรับรุ่น 11 นิ้วกับ iPad Air M1 โดยจุดที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือกล้องหลังที่ iPad Pro M2 นั้นจะมีกล้องหลังใหญ่กว่าและมีถึง 2 ตัวในขณะที่ iPad Air M1 จะมีกล้องหลังตัวเดียวเท่านั้น รวมไปถึงปุ่ม ลำโพง และพอร์ตที่รองรับต่างกันด้วยอย่างลำโพงของ iPad Air M1 จะมีสองตัวบนล่าง มีปุ่มด้านบนสำหรับ Touch ID และพอร์ต USB C แต่ว่า iPad Pro M2 จะมีลำโพง 4 ตัวบนล่างพร้อมไมค์ 3 ตัวด้านบนและด้านข้างอีกหนึ่ง มีปุ่มด้านบนแต่รองรับ Face ID พร้อมพอร์ต USB C, Thunderbolt / USB 4 ส่วนสีตัวเครื่องของ iPad Air M1 มีให้เลือกเยอะกว่าและมีถึง 5 สี

หน้าจอรุ่นโปรยังสว่างคมชัดและไหลลื่นกว่า

มาดูในส่วนของหน้าจอระหว่าง iPad Pro M2 vs iPad Air M1 กันบ้างที่ความแตกต่างของรุ่นโปรจอ 11 นิ้วนั้นจะมีความคล้ายกับรุ่น Air M1 เป็นอย่างมาก ต่างกันแค่ความสว่างความไหลลื่นและฟีเจอร์บางอย่าง แต่ถ้าไปเทียบกับรุ่นใหญ่อย่างรุ่นโปร 12.9 นิ้วแล้วก็ต่างกันคนละเรื่องเลยทีเดียว อย่างแรกคือหน้าจอของ iPad Pro M2 รุ่น 12.9 นิ้วมีจอเป็น Liquid Retina XDR โดยมี Multi-Touch แบ็คไลท์แบบ Mini-LED กว้าง 12.9 นิ้วและระบบแบ็คไลท์ 2D ที่หรี่แสงได้เฉพาะที่กว่า 2,500 โซนและมีเทคโนโลยี ProMotion 120Hz ไหลลื่นกับความสว่างสูงสุดถึง 1,600 นิตแบบ HDR ส่วนแบบ SDR สูงสุด 600 นิตและแบบ XDR สูงสุดถึง 1,000 นิต

ส่วนรุ่นหน้าจอกว้าง 11 นิ้วของ iPad Pro M2 จะมีความคล้ายกับ iPad Air M1 ตรงที่มีจอภาพแบบ Liquid Retina และ Multi-Touch แบ็คไลท์แบบ LED เหมือนกัน ต่างกันที่ขนาดของรุ่นโปรกว้าง 11 นิ้วพร้อมความสว่างสูงสุด 600 นิตกับความละเอียดสูงกว่าเล็กน้อยและมีเทคโนโลยี ProMotion 120Hz ไหลลื่นกว่า แต่ของ iPad Air M1 มีจอกว้าง 10.9 นิ้วและสว่างได้สูงสุด 500 นิตเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังมีจอภาพแบบ Full Lamination และแสดงผลแบบ True Tone เหมือนกันทุกรุ่นด้วย อีกจุดที่น่าสนใจก็คือการรองรับปากกาและคีย์บอร์ดที่ทุกรุ่นรองรับ Apple Pencil (รุ่นที่ 2), Magic Keyboard และ Smart Keyboard Folio ได้เหมือนกัน แต่ว่ารุ่น iPad Pro M2 จะมีคุณสมบัติการยกปลาย Apple Pencil ได้ไกลสูงสุด 12 มม.ที่แสดงให้เห็นว่าจะสัมผัสไปตรงไหนของหน้าจอ ทำให้การใช้งานนั้นง่ายกว่าเยอะมากๆ

ชิปแรงทั้งคู่แต่ M2 ก็ยังเหนือกว่า

สำหรับตัวขับเคลื่อนการทำงานของ iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ทั้งสองรุ่นนี้ก็คือชิปประมวลผล ที่ต้องบอกว่าเป็นชิปที่มีความเร็วแรงทั้งคู่ แต่ว่าถ้าต้องเทียบว่าใครแรงกว่าก็คงจะหนีไม่พ้น iPad Pro ทั้งสองรุ่นที่ได้ใช้ชิป M2 ที่มี CPU แบบ 8-core ประสิทธิภาพดีขึ้น 15% และ GPU แบบ 10-core ทำให้การทำงานด้านกราฟิกเร็วขึ้นถึง 35% กับ Neural Engine ที่เร็วขึ้นอีก 40% รวมไปถึงแบนด์วิดท์หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นถึง 50% กับความจุสูงสุด 2TB จึงทำให้รุ่นโปรนี้เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในด้านออกแบบ หรือใช้งานด้านกราฟิกสูงก็ทำได้สบายๆ นอกจากนี้ชิป M2 ยังทำให้การเข้ารหัสและถอดรหัส ProRes ได้อย่างรวดเร็ว ไมค์รอบตัวเครื่องถึง 5 ตัวกับลำโพง 4 ตัวรองรับ Dolby Atmos ด้านบนและล่างให้เสียงกระจายรอบทิศทางอีกด้วย

ส่วน iPad Air นั้นก็ยังคงใช้ชิป M1 ที่มี CPU แบบ 8-core ที่เร็วกว่ารุ่นก่อนหน้า 60% และมี GPU แบบ 8-core ที่เร็วกว่าเดิม 2 เท่าพร้อม Neural Engine แบบ 16-core ที่ทำให้การทำงานของ iPad Air รุ่นนี้สามารถเล่นเกม ออกแบบ วาดฟิลเตอร์ AR ตัดต่อแต่งภาและวิดีโอ หรือทำงานด้านกราฟิกสร้าง 3D ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนไมค์ของรุ่นนี้จะมี 2 ตัวและมีลำโพง 2 ตัวในโหมดแนวนอนด้านบน-ล่าง นอกจากนี้ยังสามารถใช้งาน 5G ได้เหมือนกันทั้งหมดทุกรุ่น แต่รุ่นโปรจะใช้ WiFi 6E ส่วนรุ่น Air M1 ได้แค่ WiFi 6 รวมไปถึงการทำงานของแบตเตอรี่ที่ทุกรุ่นสามารถท่องเว็บผ่าน Wi-Fi หรือดูวิดีโอได้นานสูงสุด 10 ชั่วโมง และท่องเว็บด้วยเซลลูลาร์ได้นานสูงสุด 9 ชั่วโมงเท่ากันทุกรุ่น

กล้องหน้าและหลังยังต่างกันเยอะ

จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างและเป็นอีกจุดที่ทำให้คนที่ต้องการซื้อไปใช้งานจริงๆ ก็คือเรื่องของกล้องระหว่าง iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ที่ทั้งสองรุ่นนี้มีกล้องหน้าและหลังต่างกันแบบสุดขั้วไปเลย โดยสเปคกล้องของ iPad Air M1 นั้นมีกล้องหน้าเป็นแบบ FaceTime HD ที่เป็นกล้องอัลตร้าไวด์ความละเอียด 12MP พร้อมคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางและการถ่าย HDR อัจฉริยะ 3 ส่วนกล้องหลังมีกล้องไวด์ตัวเดียวที่ความละเอียด 12MP ที่ออโต้โฟกัสและ HDR อัจฉริยะ 3 เช่นกันกับการถ่ายวิดีโอได้ถึงระดับ 4K อีกทั้งยังสามารถสแกนเอกสารและทำเครื่องหมายในนั้นได้เลยด้วย

ส่วนกล้องของ iPad Pro M2 ทั้งสองรุ่นนั้นจะมีกล้องหน้ากล้อง TrueDepth แบบอัลตร้าไวด์ 12MP ที่มีคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลางและการถ่าย HDR อัจฉริยะ 4 พร้อมโหมดโบเก้ที่สมจริงกับเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ และยังมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวระดับภาพยนตร์อีกด้วย ส่วนกล้องหลังจะเป็นกล้องคู่ที่เป็นกล้องไวด์ 12MP และอัลตร้าไวด์ 10MP ที่ถ่าย HDR อัจฉริยะ 4 ได้กับการซูมออกแบบออปติคัลได้ 2 เท่าและมีแฟลช True Tone ที่สว่างขึ้น ซูมเสียงและบันทึกเสียงสเตอริโอได้ ซึ่งรุ่นโปรนี้ก็สามารถบันทึกวิดีโอแบบ ProRes สูงสุด 4K ได้แล้วด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีสแกนเนอร์ LiDAR ที่ช่วยให้การโฟกัสและถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นด้วย

ตารางเปรียบเทียบราคาแต่ละรุ่น

ปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบราคาระหว่าง iPad Pro M2 vs iPad Air M1 ที่ราคาของรุ่นโปรแค่เริ่มต้นก็ต่างกันเกือบหมื่นแล้ว ถึงแม้ว่ารุ่นเก่าอย่าง iPad Air M1 นั้นจะมีการขึ้นราคาจากเดิมมาแล้วก็ตาม โดยมีราคาตามความจุแต่ละรุ่นดังนี้ และสั่งซื้อได้แล้วที่นี่

• iPad Pro M2
• iPad Air M1

สรุปควรซื้อรุ่นไหนดี รุ่นไหนเหมาะกับใครบ้าง

สำหรับ iPad Pro M2 vs iPad Air M1 จากการที่ได้ลองเปรียบเทียบสเปคกันแบบจุดต่อจุดแล้ว จะเห็นได้ว่าจุดประสงค์ในการใช้งานของทั้งสองรุ่นหลักนี้ต่างกันเยอะทีเดียว ถ้าหากใครที่มองหา iPad พกพาง่ายน้ำหนักพอดีๆ ตรงนี้ iPad Air M1 และ iPad Pro M2 11 นิ้วก็ถือว่าตีคู่กันมาเลย แต่ความต่างจริงๆ ไปดูที่สเปคด้านในไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่รุ่นโปรนั้นมีความคมชัดและสว่างมากกว่า เหมาะกับการทำงานที่สูงกว่า รวมไปถึงชิปประมวลผลที่ iPad Pro M2 นั้นเร็วแรงกว่าแน่นอนในทุกๆ ด้านของการทำงาน อีกทั้งยังมีกล้องหลังและกล้องหน้าที่เหมาะกับการถ่ายและใช้ในการทำงานระดับสชมืออาชีพมากกว่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า iPad Air M1 นั้นไม่เร็วแรงนะ เพียงแต่ว่าสเปคยังสู้เขาไม่ได้ หากใครที่เน้นใช้งานตัดต่อทั่วไปไม่ได้ต้องการทำงานในระดับสูงมากนัก iPad Air M1 นั้นก็ใช้งานได้ดีมากพออยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการทำงานระดับสูงที่ต้องใช้ความเร็วแรงพร้อมกับความจุตัวเครื่องที่มากขึ้น iPad Pro M2 ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการใช้งานแน่นอน ส่วนเรื่องของราคานั้นก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณเลย เพราะราคาต่างกันเยอะทีเดียว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคนด้วยเช่นกัน

ขอบคุณภาพและข้อมูล iPad Pro M2 vs iPad Air M1 จาก Apple