ทำไมถึงต้องเป็นชิปเซ็ต Snapdragon 660? นั่นก็เพราะชิปเซ็ตรุ่นดังกล่าว เมื่ออยู่ในสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไรก็ตาม มันมักจะรันแอปพลิเคชัน รวมถึงรันเกมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งราคาส่วนมากก็ไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาท เลยทำให้เป็น Best Choice ไปในทันที เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพโดยรวมที่จะได้รับ
Snapdragon 660 เป็นชิปประมวลผล 14 นาโนเมตรแบบ octa-core 64 Bit ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 2.2 GHz (มีรุ่น 1.9 GHz ด้วย) ตัว CPU Core เป็น Kyro 260 ชิปประมวลผลกราฟฟิค Adreno 512 GPU ซัพพอร์ต Ram LPDDR4/ 4X รองรับ Quick Charge 4 และมีฟีเจอร์ในการประมวลผล AI
โทรศัพท์ส่วนมากที่มาพร้อม Snapdragon 660 มักจะพ่วงกับ Ram 4 GB ความจุ 64 GB ไว้อยู่แล้ว และด้วยสเปคในระดับนั้น เท่าที่ผมเคยทดสอบ มันสามารถเล่นเกมบน Play Store ได้แทบจะทุกเกม ที่สำคัญคือส่วนมากปรับกราฟฟิคได้ในระดับ Mid – High ด้วยซ้ำ
ในบทความนี้ ผมจะมาแนะนำสมาร์ตโฟนชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 660 ที่สามารถหาซื้อเครื่องมือหนึ่งได้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท ต้องบอกก่อนว่าราคาอาจไม่ตรงกับราคาเปิดตัว หรือราคา Official นะครับ แต่การันตีได้เลยว่า เพื่อน ๆ สามารถหาซื้อได้ในราคาที่ผมนำมาเสนอจริง ๆ
โทรศัพท์ Snapdragon 660 ราคาถูกที่สุด
ผมลองจัดอันดับตามราคา เรียงจากราคาถูกที่สุด ไปจนถึงราคาแพงที่สุด แต่ก็คุมราคาตลาดไว้ให้ไม่เกิน 10,000 บาท เอาเป็นว่าถูกใจรุ่นไหนก็จัดกันได้ตามสะดวก หากรุ่นไหนไม่มีราคาตลาด แสดงว่ายังขายในราคาเปิดตัวอยู่นะ
ย้ำอีกครั้ง ราคาตลาดที่ผมระบุในบทความนี้ ไม่ใช่ราคาที่ปรับโดย Official แต่เป็นราคาที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านโทรศัพท์ทั่วไป หรือตามช่องทางออนไลน์
Realme 2 Pro ราคา 6,590 บาท
ถูกต้องแล้วครับ Realme 2 Pro จัดเป็นโทรศัพท์ที่มาพร้อม Snapdragon 660 ราคาถูกที่สุด ณ ตอนนี้ เริ่มต้น 6,590 บาท (เคยมี Flash Sale เหลือ 5,990 บาทด้วย) ช่องทางจำหน่ายหลักของรุ่น Ram 4 GB/ 64 GB จะเป็นการจำหน่ายแบบ Exclusive กับทาง Lazada เท่านั้น
นอกจากนี้ Realme 2 Pro ยังมีรุ่นท็อปสุด Ram 8 GB/ ROM 128 GB วางจำหน่ายแบบ Exclusive เฉพาะที่ True Shop สนนราคาก็ 8,990 บาท แต่ถ้าซื้อแบบติดโปรจะเหลือค่าเครื่องเพียง 4,990 บาท
ข้อสังเกตของ Realme 2 Pro คือความเร็ว CPU จะเป็น 1.9 GHz ทั้งสองรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Ram 4 GB หรือแรม 8 GB แต่เท่าที่ผมได้ทดสอบเครื่องจริง การเล่นเกมสามารถเล่นได้ไม่ต่างจากรุ่นความเร็ว 2.2 GHz มากนัก ถ้าเอาคุ้ม ๆ รุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน
ASUS ZenFone Max Pro M2 ราคา 6,990 บาท
เท่าที่ผมสังเกต หากเป็นโทรศัพท์ที่มาพร้อม Snapdragon 660 ในช่วงราคาไม่เกิน 7,000 บาท มักจะเป็นรุ่นลด Clock CPU ลงจาก 2.2 GHz เป็น 1.9 GHz แต่ก็ยังสามารถเล่นเกม รวมถึงใช้งานได้ดี
สำหรับรุ่นที่ 2 อย่าง ASUS ZenFone Max Pro M2 ก็พึ่งจะเปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2018 แล้วก็เริ่มส่งของกันช่วงต้นปีนี้ มีด้วยกัน 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Ram 4 GB/ ROM 64 GB ราคา 6,990 บาท ส่วนรุ่นท็อป Ram 6 GB/ ROM 64 GB สนนราคา 8,990 บาท
จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงเป็นที่ระบบปฏิบัติการแบบ Pure Android ล่ะครับ แทบจะไม่มีลูกเล่นอะไรเลย ข้อดีก็คือมันทำให้พื้นที่ใช้งานเหลือเยอะมาก แต่ในบางมุมก็เป็นข้อเสียได้เหมือนกัน ด้วยความที่มันไม่มีฟีเจอร์อะไรให้เล่นเป็นชิ้นเป็นอันเลยนี่ล่ะ
อีกหนึ่งจุดเด่นของ Max Pro M2 อยู่ที่แบตเตอรี่ ความจุสูงถึง 5,000 mAh ใช้งานกันยาว ๆ หากชาร์จเต็ม 100% ผมทดสอบเล่น ROV ต่อเนื่องเกือบ 10 เกม แบตเตอรี่ยังเหลือเกิน 60% แต่ก็มีข้อสังเกตตรงที่ว่า ไม่ใส่ฟีเจอร์ชาร์จเร็วมาให้ แล้วก็ Wi-Fi รองรับแค่ 2.4 GHz
โทรศัพท์ Xiaomi ที่มาพร้อม Snapdragon 660 ราคากลาง ๆ
ว่ากันตามตรง ผมว่า Xiaomi เป็นแบรนด์ที่ใส่ Snapdragon 660 ลงในโทรศัพท์ของตัวเองหลายรุ่น แถมยังมีราคาใกล้ ๆ กันอีก จะมีเปลี่ยนบ้างก็เรื่องหน้าตา แล้วก็ซอฟท์แวร์ภายใน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 7,000 บาท (ราคาตลาด)
Xiaomi Mi 8 Lite ราคา 7,990 บาท
เริ่มจากรุ่นเล็กของ Mi 8 Series อย่าง Mi 8 Lite ที่วางจำหน่ายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รุ่นนี้ผมว่าน่าสนใจด้วยภาพรวมที่สมดุล ดีไซน์การออกแบบดูดี หน้าจอใหญ่ กล้องดี รองรับ Quick Charge พอร์ตเป็น USB-C และยังรองรับ Wi-Fi 5 GHz จะบอกว่าเป็น Snapdragon 660 ที่ไม่กั๊กก็ว่าได้
Xiaomi Mi A2 ราคาเปิดตัว 8,990 บาท ราคาตลาดประมาณ 7,000 บาท
รุ่นที่สองเป็น Xiaomi Mi A2 สมาร์ตโฟนที่มาพร้อมกับ Android One หรือก็คือรอมที่เกือบ ๆ จะเป็น Stock Android ไม่ได้ใช้ MIUI เหมือนโทรศัพท์ Xiaomi รุ่นปกติ แม้จะเปิดตัวมานานแล้ว แต่ก็ยังถือว่าน่าสนใจอยู่ แล้วที่สำคัญคือราคาตลาดตอนนี้ สำหรับ Mi A2 ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะหาได้ในราคาประมาณ 7,000 บาทเท่านั้น
Snapdragon 660 แบบเน้น ๆ แต่ราคาไม่เกิน 10,000 บาท
กรุ๊ปสุดท้ายจะบอกว่าราคาไม่เกินหมื่นก็ไม่ถูกต้องทีเดียว 100% เพราะถ้าอิงจากราคา Official ของทั้ง 2 ยี่ห้อ จะมีราคาเกิน 10,000 บาทไปเล็กน้อย แต่ถ้าอิงจากราคาที่สามารถหาซื้อได้ ณ ตอนนี้ ก็ยังถือว่าไม่เกินหมื่นบาท
HUAWEI Y Max ราคาเปิดตัว 10,990 บาท ราคาตลาดประมาณ 9,500 บาท
เริ่มด้วย HUAWEI Y Max ที่ชูจุดเด่นเรื่องการเล่นเกมและความบันเทิงเป็นหลัก ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 7.12 นิ้ว และดีไซน์ที่แปลกใหม่ เพราะมีการทำฝาหลังให้เหมือนใช้วัสดุเป็นหนัง แล้วก็หน้าจอของ Y Max เป็นหน้าจอแบบ Waterdrop คือมี notch screen เล็ก ๆ ตรงด้านหน้า ภาพรวมเลยดูเต็มจอกว่า Mi Max 3 ในขณะที่ตัวเครื่องรวม ๆ ดูจะจับถือใช้งานได้สะดวกกว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้ HUAWEI Y Max ยังมาพร้อมกับอะแดปเตอร์ Fast Charge 18W ไม่ต้องหาซื้อเพิ่ม ส่วนข้อสังเกของรุ่นนี้ก็คือไม่รองรับ Wi-Fi 5 GHz แล้วก็พอร์ตเชื่อมต่อยังเป็น micro USB อยู่ครับ
Nokia 7 Plus ราคาเปิดตัว 13,990 บาท ราคาตลาดประมาณ 9,500 บาท
รุ่นสุดท้ายที่สามารถหาซื้อได้ในราคาไม่เกินหมื่นบาท ได้แก่ Nokia 7 Plus ที่ตอนเปิดตัว มากับราคา 13,990 บาท (เมื่อต้นปี 2018) ราคาเปิดตัว ณ ตอนนั้นก็ถือว่าโอเคแล้ว แต่ถ้าเห็นราคาปัจจุบัน ที่เหลือไม่ถึงหมื่นเนี่ย ผมว่า Nokia 7 Plus จัดเป็นตัวเลือกที่ดีรุ่นหนึ่งเลยล่ะ
ด้วยราคาที่เปิดตัวมาเกินหมื่น เลยทำให้แทบจะไม่มีกั๊กเลยสำหรับ Nokia 7 Plus ไม่ว่าจะเป็นการรองรับ 4G แบบ 2CA กล้องเป็นกล้องคู่เลนส์ Zeiss อันเลื่องชื่อของ Nokia บอดี้เป็นอลูมิเนียมเกรด 6000 แบตเตอรี่อึด 3,800 mAh พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C และมีไมโครโฟน 3 ตัว
ซอฟท์แวร์ตอนนี้ได้รับ Android 9.0 Pie เป็นที่เรียบร้อย ด้วยความที่เป็น Android One แต่ซอฟท์แวร์กล้องเป็นของ Nokia ทำเอง
ข้อสังเกตก็คือ Ram 4 GB/ ROM 64 GB ครับ เพราะในช่วงราคานี้ บางรุ่นให้ Snapdragon 660 + Ram 6 GB หรือความจุ 128 GB แล้วก็ราคาที่ไม่เกินหมื่นอาจต้องหาตามออนไลน์เป็นหลัก อย่างร้านค้า Nokia Official ทาง Shopee ก็เหลือ 9,990 บาท
ทั้งหมดนี่ก็คือโทรศัพท์ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 660 กับค่าตัวที่สามารถหาซื้อได้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท เริ่มต้นเพียง 6,590 บาท ผมว่าเป็นช่วงราคาที่หลายคนให้ความสนใจ แล้วก็ด้วยชิปเซ็ตรุ่นนี้ อย่างที่บอกไปว่ามันตอบโจทย์การใช้งานโดยรวมได้เป็นอย่างดี จะใช้งานทั่วไป หรือจะเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล รวม ๆ แล้วจัดว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปครับ