เปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 ต่างกันตรงไหน ซื้อรุ่นไหนดี และรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้างในปี 2023
จากเมื่อช่วงปลายปี 2022 ที่ผ่านมานั้น Apple ได้เปิดตัว iPad Gen 10 ออกมาพร้อมๆ กับ iPad Pro รุ่นชิป M2 ออกมา โดยรุ่นที่น่าสนใจนอกจากตัวโปรก็คือ iPad Gen 10 นี่แหละ ที่มีการปรับปรุงใหม่ทั้งด้านตัวเครื่อง หน้าจอ และรายละเอียดอื่นๆ จนแทบจะบอกได้ว่าคล้ายกันกับ iPad Air 5 ได้เลยทีเดียว แต่ทั้งสองรุ่นนี้ก็ยังมีความต่างกันในเรื่องของราคาที่ต่างกันถึง 6,000 บาทเลยทีเดียว รวมไปถึงรายละเอียดอื่นๆ อย่างชิป สเปคการใช้งานที่เป็นคนละแบบกันด้วย สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจเลือกซื้อ iPad Air 5 และ iPad Gen 10 แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อรุ่นไหนดีให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองมากที่สุด เดี๋ยววันนี้ทาง Specphone จะมาเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 ทั้งสองรุ่นนี้ที่มีสเปคใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรงไหน และรุ่นไหนเหมาะกับใครบ้างในปี 2023
เปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10
- เปรียบเทียบราคาล่าสุด
- ดีไซน์ตัวเครื่อง
- หน้าจอ
- ชิปประมวลผล แบตเตอรี่และการเชื่อมต่อ
- กล้องหลังและกล้องหน้า
สรุปเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 รุ่นไหนเหมาะกับใครและซื้อรุ่นไหนดี
ราคาล่าสุดของ iPad Air 5 vs iPad Gen 10
มาเริ่มกันที่ราคาล่าสุดของ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 กันก่อนเลยสำหรับคนที่ตั้งงบเอาไว้เพื่อซื้อ iPad ทั้งสองรุ่นนี้ที่มีราคาต่างกันถึง 6,000 บาท ก็ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อมาใช้งานได้เลย ถ้าใครอยากได้รุ่นเริ่มต้นที่เอาไว้ใช้งานทั่วไป iPad Gen 10 ก็ดูน่าสนใจ แต่ถ้าอยากได้แบบโปรและมีงบเยอะหน่อย iPad Air 5 ก็แทบจะตอบโจทย์ทุกอย่างแล้ว สามารถดูราคาล่าสุดของทั้งสองรุ่นได้ที่ตารางด้านล่างนี้ ส่วนใครที่ยังดูแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ก็ลงไปดูสเปค และความแตกต่างของทั้งสองรุ่นกันได้เลย
ความจุ\ รุ่น | iPad Air 5 | iPad Gen 10 |
64GB WiFi | 23,900 บาท | 17,900 บาท |
64GB Wi-Fi + Cellular | 29,900 บาท | 23,900 บาท |
256GB WiFi | 29,900 บาท | 23,900 บาท |
256GB Wi-Fi + Cellular | 35,900 บาท | 29,900 บาท |
รูปแบบและขนาดตัวเครื่องใกล้เคียงกันมาก
ต่อด้วยการเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 จากตัวเครื่องของทั้งสองรุ่นนี้กันก่อนเลย ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้มีทั้งขนาด และนำหนักที่ใกล้เคียงกันเลย แต่ทางตัว iPad Air 5 นั้นก็จะมีความเบากว่าตามชื่อความเป็น iPad Air ถ้าจับถือเล่นๆ อาจจะมองไม่ออก แต่ถ้าถือนานๆ ก็อาจรู้สึกถึงความหนักกว่ากันได้ ในส่วนของการดีไซน์ตัวเครื่องอันนี้ก็ยิ่งคล้ายกันไปใหญ่ เพราะว่าทั้งสองรุ่นทำตัวเครื่องมาเป็นขอบแบนกับมุมโค้ง มีตัวตัวเดียวเหมือนกันตำแหน่งเดียวกัน และมี Touch ID ที่ด้านบนกับพอร์ตเชื่อมต่อและลำโพงเหมือนกันอีกด้วย เนื่องจาก iPad Gen 10 รุ่นนี้ได้เปลี่ยนปุ่มด้านล่างไปไว้ข้างบนแทนแล้ว ทำให้หน้าจอทั้งคู่เต็มจอเหมือนกันด้วย จุดที่ทำให้ต่างกันชัดเจนก็คือ iPad Air 5 จะมีแถบแม่เหล็กเชื่อมต่อ และกล้องหน้าของ iPad Gen 10 จะอยู่ในแนวนอนนั่นเอง
ข้อมูล\ รุ่น iPad Air 5 iPad Gen 10 ขนาด 247.6 × 178.5 × 6.1 มม. 248.6 × 179.5 × 7 มม. น้ำหนัก WiFi : 461 ก.
Cellular : 462 ก.WiFi : 477 ก.
Cellular : 481 ก.สี เทาสเปซเกรย์, สตาร์ไลท์, ชมพู, ม่วง, ฟ้า เงิน, ชมพู, ฟ้า, เหลือง
หน้าจอกว้างเท่ากัน แต่สเปคยังต่างกันชัดเจน
มาดูที่ส่วนของหน้าจอของการเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 สองรุ่นนี้กันบ้าง ที่ต้องบอกว่าทั้งสองรุ่นนี้มีหน้าจอกว้างเท่ากันเป๊ะๆ ที่ 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640 ที่ 264 ppi อีกทั้งยังเป็นหน้าจอ Liquid Retina แบบ IPS LED ด้วยจอ Multi-Touch แบ็คไลท์ และมีความสว่างได้สูงสุด 500 nits พร้อมการแสดงผลแบบ True Tone กับการเคลือบสารกันรอยนิ้วมือเหมือนกันทั้งหมดเลย ในส่วนของความแตกต่างอยู่ที่ iPad Air 5 นั้นมีขอบเขตสีแบบกว้าง (P3) และยังมีจอภาพแบบ Full Lamination ที่เคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ด้วย ในขณะที่ตัว iPad Gen 10 จะมีแบบ sRGB เท่านั้น จึงทำให้เรื่องของสีสันตรงนี้ iPad Air 5 ดีกว่าแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการรองรับการใช้ปากกา และคีย์บอร์ดที่ต่างกันด้วยตามตารางเปรียบเทียบเลย
ข้อมูล\ รุ่น | iPad Air 5 | iPad Gen 10 |
หน้าจอ | Liquid Retina กว้าง 10.9 นิ้ว, True Tone | Liquid Retina กว้าง 10.9 นิ้ว, True Tone |
ขอบเขตสี | P3, Full Lamination สว่าง 500nits | sRGB สว่าง 500nits |
Apple Pencil | Apple Pencil (รุ่นที่ 2) | Apple Pencil (รุ่นที่ 1) |
Keyboard | Magic Keyboard, Smart Keyboard Folio | Magic Keyboard Folio |
ชิปแรงต่างกันคนละขั้ว
จุดที่แตกต่างและเป็นจุดหลักในการตัดสินใจเลือกซื้อ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 ทั้งสองรุ่นนี้ก็คือชิปประมวลผล ที่ทั้งคู่นั้นมีความแรงต่างกันเยอะเลย เพราะว่า iPad Gen 10 นั้นใช้ชิป A14 Bionic ที่มี CPU 6-core/ GPU 4-core และ Neural Engine 16-core พร้อม RAM 4GB แบบเดียวกันกับ iPad Air 4 เลย ซึ่งการใช้งานนี้ถ้าเอาไว้ตัดต่อพอประมาณ และใช้งานทั่วไปใช้ในการเรียนอันนี้ทำได้ดีมากแน่นอน
แต่ถ้าใช้งานที่เข้าขั้นโปรมากขึ้นก็ต้อง iPad Air 5 ที่ขยับมาเป็นชิป M1 ที่มี CPU 8-Core/ GPU 8-Core และ Neural Engine 16-Core พร้อม RAM 8GB กับมีเดียเอนจิ้น H.264 และ HEVC ที่เป็นตัวเดียวกับ iPad Pro และ Mac ในปี 2020 ทำงานได้ดีกว่าเดิมเยอะมาก ไม่ว่าจะตัดต่อกราฟิกหนักๆ ก็ทำได้สบายๆ รุ่นนี้จึงตอบโจทย์การทำงานที่มากกว่า นอกจากนี้ทั้งสองรุ่นก็ใช้ 5G ได้เหมือนกัน มีความจุมาให้เลือกเหมือนกัน และยังมีลำโพง 2 ตัวแนวนอนกับไมโครโฟนคู่ พร้อมกับแบตที่สามารถดูวิดีโอได้สูงสุด 10 ชม. เล่นเน็ตได้ 9 ชม. และมี USB C เหมือนกันทั้งหมด
ข้อมูล\ รุ่น iPad Air 5 iPad Gen 10 ชิป M1
CPU แบบ 8-core
GPU แบบ 8-core
Neural Engine แบบ 16-coreA14 Bionic
CPU แบบ 6-core
GPU แบบ 4-core
Neural Engine แบบ 16-coreRAM 8GB 4GB ROM 64GB/ 256GB 64GB/ 256GB การเชื่อมต่อ 5G, WiFi 6, USB C 5G, WiFi 6, USB C แบต วิดีโอ 10 ชม.
เล่นเน็ต 9 ชม.วิดีโอ 10 ชม.
เล่นเน็ต 9 ชม.
กล้องหน้าและหลังก็ยังเหมือนกัน
ปิดท้ายกันด้วยเรื่องของกล้องหน้าและกล้องหลังของ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 ที่แทบจะเหมือนกันทุกอย่างเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันที่ตำแหน่งของการวางกล้องที่ iPad Gen 10 นั้นเป็นแนวนอน และ iPad Air 5 อยู่ในแนวตั้ง แต่ก็เป็นกล้องหน้าอัลตร้าไวด์ 12MP (ƒ/2.4) ที่มีคุณสมบัติจัดให้อยู่ตรงกลาง ซูมออกได้ 2 เท่าและมี HDR อัจฉริยะ 3 เหมือนกันหมด ส่วนกล้องหลังของทั้งคู่ก็เป็นกล้องไวด์ 12MP (ƒ/1.8) ที่รองรับ HDR อัจฉริยะ 3 ถ่ายวิดีโอได้ 4K@24fps, 25fps, 30fps, 60fps มีช่วงไดนามิกกว้างขึ้นสำหรับ 30fps และซูมได้ 5 เท่าเหมือนกันทั้งหมดด้วย
ข้อมูล\ รุ่น iPad Air 5 iPad Gen 10 กล้องหน้า Ultrawide 12MP
(แนวตั้ง)/
จัดให้อยู่ตรงกลางUltrawide 12MP
(แนวนอน)/
จัดให้อยู่ตรงกลางกล้องหลัง 12MP 12MP
สรุปรุ่นไหนเหมาะกับใครและซื้อรุ่นไหนดี
จากการเปรียบเทียบ iPad Air 5 vs iPad Gen 10 สเปคทั้งหมดของทั้งสองรุ่นนี้จะเห็นได้ว่ามีหลายจุดที่ทั้งสองรุ่นนั้นมีความคล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้องหน้า กล้องหลัง ขนาดและน้ำหนักของตัวเครื่อง รวมไปถึงดีไซน์ที่คล้ายกันทั้งหมดอีกด้วย ตรงนี้จึงไม่ใช่จุดหลักในการเลือกซื้อเท่าไหร่ จุดหลักๆ ที่ต้องดูเลยก็คือการใช้งานของตัวเราเอง ว่าต้องการซื้อ iPad ไปใช้ทำอะไรบ้าง ถ้าเน้นใช้ทำงานทั่วไป ใช้เรียนจดบันทึกข้อมูลหรือโน้ตต่างๆ ตัดต่อและแต่งภาพได้ในระดับหนึ่ง iPad Gen 10 นั้นตรงกับการใช้งานเหล่านี้ได้ดีมากแน่นอน อีกทั้งยังมีราคาที่ถูกกว่ากันเยอะมากอีกด้วย
แต่ถ้าใครที่คิดว่าต้องใช้งานในระดับโปรขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อกราฟิกหนักๆ ด้วย Final Cut Pro หรือว่าต้องใช้พกพาออกนอกสถานที่และถือบ่อยๆ รวมไปถึงการพิมพ์งานหรือจดงานต่างๆ นอกสถานที่รุ่นนี้ตอบโจทย์ทุกการใช้งานเกือบจะเท่ารุ่นโปรในแบบย่อส่วนมาเลยก็ว่าได้ ถ้างบถึงและต้องการใช้งานแบบโปรก็ต้องเลือก iPad Air 5 ไปเลยจบกว่า แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคนด้วย ถ้าใจอยากได้รุ่นไหนและมีงบมากพอก็เลือกได้ตามความชอบได้เลยเหมือนกัน และถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก: Apple