ในงานของ NVIDIA ผู้ผลิตตัวประมวลผลบนสมาร์ทโฟนเเละเเท็บเล็ตที่รู้จักกันในชื่อของ NVIDIA Tegra ก็ได้ทำการเเสดงถึงการเติบโตของอุปกรณ์พกพาที่ใช้ตัวประมวลผลเเบบ ARM ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการประหยัดพลังงานต่อประสิทธิภาพที่ดี โดยมีการเเสดงกราฟให้เห็นว่า อุปกรณ์พกพายุคใหม่อย่างสมาร์ทโฟนเเละเเท็บเล็ตนั้นมีอัตราการเพิ่มที่สูงมากกว่าเน็ตบุคอย่างมาก โดยเเท็บเล็ตจะเป็นอุปกรณ์ที่รวมระหว่างอุปกรณ์ที่ประมวลผลระดับพีซีเเละพกพาได้ง่าย
ต่อมาเขาได้ทดลองใช้งาน Asus Transformer Prime ที่รันบน ICS (ตัวที่วางจำหน่ายก่อนหน้านี้มากับ Honeycomb 3.2) โดยสามารถรันทุกอย่างได้ลื่นมาก เเละเหมือนจะถูกเเคปเฟรมเรทไว้ที่ 60 เฟรมต่อวินาทีเพื่อไม่ให้เเสดงผลเร็วมากจนเกินไป ปัญหาอาการหน่วงที่เห็นใน Honeycomb กับ NVIDIA Tegra 2 นั้นหายไปหมดเเล้ว
ต่อมา CEO ของ NVIDIA ได้เชิญนักพัฒนาเเอพ Snapseed ซึ่งได้รางวัลเเอพ iPad ประจำปี 2011 มาสาธิตการใช้งานเเอพบน Transformer Prime ด้วย โดยเขาบอกว่าเเอพนี้ถูกปรับเเต่งให้ทำงานกับ Tegra 3 เป็นพิเศษเพื่อให้ได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดี โดย Snapseed สามารถปรับเเต่งค่าอิ่มตัวของสี ใส่ฟิลเตอร์หรือเอฟเฟคต่างๆ บนภาพได้อย่างสมบูรณ์ การปรับค่าต่างๆ เราจะเห็นที่รูปเเบบเรียลไทม์ซึ่งไม่มีอาการดีเลย์หรือหน่วงให้เห็นเลย เนื่องจากพลังประมวลผลของ Tegra 3 นั่นเอง การเห็นเเอพนี้บน Transformer Prime นั้นอาจจะหมายความว่าเราอาจจะได้เห็น Snapseed บน Android เร็วๆ นี้ หลังจากที่มีเฉพาะบน iOS อย่างเดียว เเต่ไม่เเน่ว่าจะผูกให้กับเฉพาะเครื่องที่ใช้ Tegra เท่านั้นหรือเปล่า
ถัดมานั้น CEO ของ NVIDA ได้สาธิตการเล่น Shadowgun ที่ปรับเเต่งมาให้ใช้กับ NVIDA Tegra 3 โดยเฉพาะ ซึ่่งมีการเพิ่มฟีเจอร์ให้เล่นกันเเบบ Multiplayer ผ่าน LANได้ด้วย
นอกจากนี้เเล้ว NVIDIA ก็ได้เผยเทคโนโลยีใหม่อย่าง DirectTouch ที่มีเฉพาะบน Tegra 3 เท่านั้น โดยจะใช้คอร์ที่ 5 (Tegra 3 มี 4 คอร์ + 1 คอร์ที่เอาไว้รันงานที่ไม่กินพลังประมวลผลมากนัก) ไว้คำนวณตำเเหน่งของที่เราจะสัมผัสในจุดต่อไป ซึ่งก็เหมือนกับการคำนวณล่วงหน้านั่นเองว่าเราจะสัมผัสในจุดต่อไปล่วงหน้า ทำให้รู้สึกว่าสัมผัสจอเเละตอบสนองต่อนิ้วได้ดีขึ้น เเละ PRISIM Display ที่สามารถเเยกสีเเละลดเเสงเเบคไลท์สำหรับบริเวณที่ไม่ต้องการสี (เช่นสีดำ) เพื่อให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
สุดท้ายเป็นการเเสดงตัวอย่างการใช้เเอพรีโมทเข้าพีซีอย่าง Splashtop HD ทำให้เราสามารถใช้งานพีซีเป้าหมายได้ ซึ่งการใช้งานเเอพรีโมทบนเเท็บเล็ตนั้นก็เหมือนกับว่าเราได้ใช้งานบนวินโดวส์จริงๆ เลยทีเดียว ซึ่งสามาร์ทใช้งานได้สมบูรณ์ทุกอย่างไม่ว่่าจะเป็นเกมส์ เว็บเบราเซอร์ เเละด้วยฟอร์มเเฟคเตอร์ของ Transformer Prime ที่มีคีย์บอร์ดนั้นทำให้เหมือนกับเราใช้โน้ตบุคเครื่องหนึ่งเลยทีเดียว
โดยสรุปเเล้วในงานของ NVIDIA เป็นการเเสดงศักยภาพของ Tegra 3 ว่ามีพลังประมวลผลที่มากพอที่จะเอา Android ได้ลื่นเเล้ว (สำหรับหน้าจอความละเอียด 1280 x 800 ส่วน 1920 x 1200 ต้องรอดูตัวจริงอีกที) เเละเป็นพาร์ทเนอร์เฉพาะกับเเอพที่มีศักยภาพสูงอย่าง Shadowngun ที่เป็นเกมส์กราฟฟิคสวยงามที่หาไม่ได้ง่ายนักบน Android ซึ่งก็มีการปรับปรุงให้เเสดงผลได้สวยงามยิ่งขึ้นบน Tegra 3 เข้าไปอีก เเละ Snapseed ที่เป็นเเอพเเนวตกเเต่งรูปภาพดีๆ ยังหาบน Android ได้ไม่ง่ายนัก เเถมยังเเสดงผลการปรับเเต่งได้เเบบ realtime สุดท้ายเป็นการเเสดงถึงความสะดวกสบายของเเท็บเล็ตที่ใช้ Tegra 3 ที่มีลักษณะเครื่องคล้ายโน้ตบุคเเต่น้ำหนักเบา พกพาได้ง่าย เเต่ก็สามารถใช้งานรีโมทพีซีเข้าไปทำงานต่างๆ ได้อย่างสบาย นับเป็นการเเสดงว่าเเท็บเล็ตนั้นสามารถใช้งานได้ครอบคลุมทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานหรือมัลติมีเดียก็ตาม เเต่สุดท้ายเเล้วข่าวคราวของ Tegra 3 บนสมาร์ทโฟนก็ยังไม่มีให้เห็นกันนะครับ อาจจะต้องรออีกทีที่งาน MWC ในเดือนถัดไป
ที่มา : The Verge